แบบนี้เหรอที่เขาเรียกว่า "หัวเราะร่า น้ำตาริน" ???? !!!
ที่พม่าเพื่อนบ้านเรา
มี "ตลกที่ไม่ตลก" อยู่คนหนึ่งครับ
เป็นตลกที่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างเข้มแข็ง
"ซาการ์นา" เป็นตลกที่เดินเข้าเดินออกคุกเป็นว่าเล่น
เพราะเขาชอบแสดงตลกเรียกเสียงฮา
ในแบบที่เสียดสีรัฐบาลทหารเผด็จการของพม่า
คนพม่าดูแล้วก็คงขำ เพราะส่วนใหญ่เกลียดเผด็จการกันเป็นปกติอยู่แล้ว
แต่รัฐบาลเผด็จการทหารพม่ามันไม่ขำด้วย
ซาการ์นาก็เลยโดนเอาไป "ปรับทัศนคติ" เป็นประจำ
หลังๆรัฐบาลทหารพม่าเลยสั่งห้ามไม่ให้ซาการ์นาแสดงซะเลย
ถึงแม้ซาการ์นาจะโดนห้ามเล่นตลก
แต่เผด็จการพม่าก็ไม่สามารถไปห้าม "ปาก" เขาได้
ซาการ์นาใช้วิธีด่าเผด็จการทหารพม่าผ่านสำนักข่าวต่างประเทศ
พี่แกโพทะนาว่า...
"เผด็จการมันห่วยจริงๆว่ะ พายุนากิสทำคนตายห่ะไปเป็นเบือ
แต่เผด็จการพม่าโคดจะไร้ประสิทธิภาพในการช่วยเหลือประชาชน
ไอต้องเป็นคนกลางประสานคนวงการบันเทิง รวบรวมเงินทองข้าวของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย"
ปรากฏว่าคราวนั้นซาการ์นาโดนจับเลยครับ
และ ถูกตัดสินจำคุก 59 ปี
ในข้อหา "วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเผด็จการ" (ฮา....)
แต่ยังดีที่นานาชาติช่วยกันกดดัน
จนเผด็จการทหารพม่าต้องนิรโทษกรรมให้ซาการ์นา
พร้อมๆกับการนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองอีก 6 พันคน !!!!
นอกจากซาการ์นา ที่ "หัวเราะร่า น้ำตาริน" แล้ว
พม่าก็มี "ตลกที่ไม่ตลก" อีก 1 คณะ คือ Moustache Brothers
ตลกคณะนี้มีมุขที่โดนใจคนพม่า ที่มันบังเอิญมาเกี่ยวข้องกับไทยคือ "มุขปวดฟัน"
Moustache Brothers ชอบเล่นมุขว่า..
"หากใครปวดฟันแล้วละก็ คงต้องหาทางมารักษาที่เมืองไทย
เพราะที่พม่านั้น รัฐบาลเผด็จการทหารมันไม่อนุญาตให้ผู้คน 'เปิดปาก' อะไรได้เลย"
Moustache Brothers เคยไปเล่นตลกที่หน้าบ้าน อองซาน ซู จี
ปรากฏว่าโดนทหารเอาตัวไป "ปรับทัศนคติ" ถึง 6 ปี พอโดนปล่อยก็ถูกกักบริเวณ
แถมยังมีคำสั่งห้าม Moustache Brothers แสดงให้คนพม่าดู แต่ให้เล่นให้ต่างชาติดูได้เท่านั้น
แต่ตลกที่จ่าว่า "เศร้า" สุดๆ คงหนีไม่พ้น "ชาลี แชปลิน" แน่ๆครับ
แม่ของชาลีเป็นนักเต้นระบำ
ส่วนพ่อเป็นดาราที่ติดเหล้างอมแงม
ชาลีลำบากตั้งแต่เด็ก ทำงานตั้งแต่เด็กส่งของ ,
ลูกมือในครัว , ส่งหนังสือพิมพ์ ไปจนถึงงานในโรงงานค่าแรงต่ำ
วันหนึ่งแม่ของชาลีไม่สบาย
ไอ้หนูชาลีเลยต้องไปทำหน้าที่เต้นระบำแทนแม่
การออกสู่เวทีครั้งแรกของไอ้หนูชาลีประสบความสำเร็จ เพราะคนดูชอบมาก
แต่โอกาสของไอ้หนูชาลีกลับต้องแลกมาด้วยชีวิตของแม่
เพราะหลังจากนั้นไม่นานแม่มันตายจากอาการหลอดลมอักเสบ !! (เศร้าว่ะ...)
ในช่วงชีวิตที่ชาลีรุ่งๆนั้น
เขาประกาศจะสร้างหนังเรื่อง The Great Dictator
ซึ่งเป็นหนังล้อเลียนเผด็จการฮิตเล่อร์ และ พลพรรคนาซี
ชาลีได้รับกำลังใจจากสายหนัง
ที่พากันจองหนังของเขาอย่างล้นหลาม
แต่ในอีกด้านหนึ่ง เขาก็โดนคำขู่จากพวกที่ชอบนาซีว่าจะถล่มโรงหนังที่ฉายเรื่องนี้ด้วยระเบิด
ชาลีไปหมกตัวใช้ชีวิตบั้นปลายเงียบๆ
อยู่ที่เมืองเวย์เว ริมทะเลสาปเจนีวา ที่สวิส
เขาได้รับพระราชทานเครื่องราชฯจากควีนอลิซาเบธ
และ กลายเป็น Sir Charles Spencer Chaplin
ก่อนที่ในอีก 2 ปีถัดมาหลังจากที่ได้รับเกียรตินั้น
เขาก็ลาโลกไปอย่างสงบโดยมีลูก และ เมียอยู่เคียงข้าง
ชาลีเคยพูดไว้ว่า.....
"ชีวิตคนเรานั้น ถ้าเมิงไปมองดูมันใกล้ๆ มันอาจเป็นเรื่องเศร้า
แต่ถ้าเมิงถอยหลังออกมามองดูมันจากที่ใกลๆแล้วละก็ ชีวิตแมร่งก็คือเรื่องตลกดีๆนี่เอง"
โอวววววว.....นี่มันปรัชญาชัดๆ ....!!!!!!!!
จ่าขอคารวะตลกทุกคน
ที่มีแนวคิดในเรื่องของการเมือง
และ ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมทั้งปวงครับ
จ่าพิเชษฐ์
@@@@@------------------------- ต ล ก ก า ร เ มื อ ง ---------------------@@@@@
ที่พม่าเพื่อนบ้านเรา
มี "ตลกที่ไม่ตลก" อยู่คนหนึ่งครับ
เป็นตลกที่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างเข้มแข็ง
"ซาการ์นา" เป็นตลกที่เดินเข้าเดินออกคุกเป็นว่าเล่น
เพราะเขาชอบแสดงตลกเรียกเสียงฮา
ในแบบที่เสียดสีรัฐบาลทหารเผด็จการของพม่า
คนพม่าดูแล้วก็คงขำ เพราะส่วนใหญ่เกลียดเผด็จการกันเป็นปกติอยู่แล้ว
แต่รัฐบาลเผด็จการทหารพม่ามันไม่ขำด้วย
ซาการ์นาก็เลยโดนเอาไป "ปรับทัศนคติ" เป็นประจำ
หลังๆรัฐบาลทหารพม่าเลยสั่งห้ามไม่ให้ซาการ์นาแสดงซะเลย
ถึงแม้ซาการ์นาจะโดนห้ามเล่นตลก
แต่เผด็จการพม่าก็ไม่สามารถไปห้าม "ปาก" เขาได้
ซาการ์นาใช้วิธีด่าเผด็จการทหารพม่าผ่านสำนักข่าวต่างประเทศ
พี่แกโพทะนาว่า...
"เผด็จการมันห่วยจริงๆว่ะ พายุนากิสทำคนตายห่ะไปเป็นเบือ
แต่เผด็จการพม่าโคดจะไร้ประสิทธิภาพในการช่วยเหลือประชาชน
ไอต้องเป็นคนกลางประสานคนวงการบันเทิง รวบรวมเงินทองข้าวของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย"
ปรากฏว่าคราวนั้นซาการ์นาโดนจับเลยครับ
และ ถูกตัดสินจำคุก 59 ปี
ในข้อหา "วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเผด็จการ" (ฮา....)
แต่ยังดีที่นานาชาติช่วยกันกดดัน
จนเผด็จการทหารพม่าต้องนิรโทษกรรมให้ซาการ์นา
พร้อมๆกับการนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองอีก 6 พันคน !!!!
นอกจากซาการ์นา ที่ "หัวเราะร่า น้ำตาริน" แล้ว
พม่าก็มี "ตลกที่ไม่ตลก" อีก 1 คณะ คือ Moustache Brothers
ตลกคณะนี้มีมุขที่โดนใจคนพม่า ที่มันบังเอิญมาเกี่ยวข้องกับไทยคือ "มุขปวดฟัน"
Moustache Brothers ชอบเล่นมุขว่า..
"หากใครปวดฟันแล้วละก็ คงต้องหาทางมารักษาที่เมืองไทย
เพราะที่พม่านั้น รัฐบาลเผด็จการทหารมันไม่อนุญาตให้ผู้คน 'เปิดปาก' อะไรได้เลย"
Moustache Brothers เคยไปเล่นตลกที่หน้าบ้าน อองซาน ซู จี
ปรากฏว่าโดนทหารเอาตัวไป "ปรับทัศนคติ" ถึง 6 ปี พอโดนปล่อยก็ถูกกักบริเวณ
แถมยังมีคำสั่งห้าม Moustache Brothers แสดงให้คนพม่าดู แต่ให้เล่นให้ต่างชาติดูได้เท่านั้น
แต่ตลกที่จ่าว่า "เศร้า" สุดๆ คงหนีไม่พ้น "ชาลี แชปลิน" แน่ๆครับ
แม่ของชาลีเป็นนักเต้นระบำ
ส่วนพ่อเป็นดาราที่ติดเหล้างอมแงม
ชาลีลำบากตั้งแต่เด็ก ทำงานตั้งแต่เด็กส่งของ ,
ลูกมือในครัว , ส่งหนังสือพิมพ์ ไปจนถึงงานในโรงงานค่าแรงต่ำ
วันหนึ่งแม่ของชาลีไม่สบาย
ไอ้หนูชาลีเลยต้องไปทำหน้าที่เต้นระบำแทนแม่
การออกสู่เวทีครั้งแรกของไอ้หนูชาลีประสบความสำเร็จ เพราะคนดูชอบมาก
แต่โอกาสของไอ้หนูชาลีกลับต้องแลกมาด้วยชีวิตของแม่
เพราะหลังจากนั้นไม่นานแม่มันตายจากอาการหลอดลมอักเสบ !! (เศร้าว่ะ...)
ในช่วงชีวิตที่ชาลีรุ่งๆนั้น
เขาประกาศจะสร้างหนังเรื่อง The Great Dictator
ซึ่งเป็นหนังล้อเลียนเผด็จการฮิตเล่อร์ และ พลพรรคนาซี
ชาลีได้รับกำลังใจจากสายหนัง
ที่พากันจองหนังของเขาอย่างล้นหลาม
แต่ในอีกด้านหนึ่ง เขาก็โดนคำขู่จากพวกที่ชอบนาซีว่าจะถล่มโรงหนังที่ฉายเรื่องนี้ด้วยระเบิด
ชาลีไปหมกตัวใช้ชีวิตบั้นปลายเงียบๆ
อยู่ที่เมืองเวย์เว ริมทะเลสาปเจนีวา ที่สวิส
เขาได้รับพระราชทานเครื่องราชฯจากควีนอลิซาเบธ
และ กลายเป็น Sir Charles Spencer Chaplin
ก่อนที่ในอีก 2 ปีถัดมาหลังจากที่ได้รับเกียรตินั้น
เขาก็ลาโลกไปอย่างสงบโดยมีลูก และ เมียอยู่เคียงข้าง
ชาลีเคยพูดไว้ว่า.....
"ชีวิตคนเรานั้น ถ้าเมิงไปมองดูมันใกล้ๆ มันอาจเป็นเรื่องเศร้า
แต่ถ้าเมิงถอยหลังออกมามองดูมันจากที่ใกลๆแล้วละก็ ชีวิตแมร่งก็คือเรื่องตลกดีๆนี่เอง"
โอวววววว.....นี่มันปรัชญาชัดๆ ....!!!!!!!!
จ่าขอคารวะตลกทุกคน
ที่มีแนวคิดในเรื่องของการเมือง
และ ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมทั้งปวงครับ
จ่าพิเชษฐ์