ประสบการณ์หลอนๆกับเกาะที่ห่างไกล

กระทู้คำถาม
สวัสดีคับสำหรับผู้อ่านทุกๆท่านเลยก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจากประการณ์จริงของผมและกลุ่มของผมที่ไปออกทริปด้วยกัน ผ่านมาได้2ปีแล้วคับเข้าเรื่อเลยล้ะกัน พวกผมเรียนอยู่มหาลัยดังย่านบางแสน ช่วงนั้นเป็นช่วงเรียนซัมเมอร์ใกล้จะจบภาคฤดูร้อนเลยชวนกันมานั่งกินนมปั่นที่ร้านแถวๆม. ภายในกลุ่มก็มีผมและเพื่อนอีกรุ่นเดียวกัน2คน สมมุติว่าชื่อ เอกับบี และรุ่นพี่ผู้ชายอีก3คน สมมุติว่าชื่อซี ดี อี คือพวกเราเคยออกค่ายด้วยกันเลยสนิทกัน ก็มานั่งกินนมปั่น จนคุยกันเรื่องสถานที่น่าเที่ยวที่สวยๆ ไม่รู้อะไรดลใจผมเลยพูดขึ้นไปว่า ไปเที่ยวเกาะ....กันไหม ทะเลสวยน้ำใส แถมบรรยากาศส่วนตัว คือเกาะนี้ตั้งอยู่ทางที่ตะวันออก ออกไปทางตราด ซึ่งตอนเด็กๆเคยมีโอกาสได้ไปแล้วประทับใจ ผมก็เล่าให้กับพี่ๆกับเพื่อนๆในกลุ่มฝั่งทุกคนดูสนใจแล้วก็ไม่รอช้า เสิทเนตหาข้อมูลกันเลย แล้วก็ได้จ้อสรุปวันเวลาคืออีกสามวันข้างหน้าซึ่งเป็นวันศุกร์ ที่พวกเราต้องรีบไปเพราะว่าถ้าหลังจากนี้จะเป็นช่วงมรสุมน่ะคับ เกาะจะปิดเรือส่วนใหญ่จะไม่ค่อยวิ่งเข้ามาในข้อมูลบอกว่าเป็นล่องมรสุมผ่าน พวกเราก้จัดแจงจองที่พักเรียบร้อย เมื่อถึงวัดนัดหมายพวกเราก็แบ้คแพคกระเป๋าไปกันโดยมาขึ้นรถตู้ที่ข้าง ม. เพื่อเดินทางไปยังตราดใช้เวลาเดินทางประมาน3-4ชั่วโมง เมื่อมาถึงท่าเรือ พี่ซีก่เดินไปรับตั๋วโดยสารส่วนที่เหลือก็นั่งรอกันไป สักพักเรือสปีดโบ๊ทมาจอดเทียบท่าพวกเราก้จัดเตรียมสัมภาระเดินออกไปยังท่าเรือและก้าวขึ้นเรืออย่างไม่รอช้า คือสภาพแวดล้อมตอนนั้นดีมากครับ อากาศดีทะเลสวย แต่ใครจะคิดล้ะครับว่ามีบางสิ่งบางอย่างรอพวกผมอยู่ข้างหน้าบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้พวกผมถึงกับต้องใจเต้นระรัวขนลุกแบบไม่เคยเจอมาก่อน นั่งเรือได้ประมานเกือบ2ชม พวกผมเห็นชายหาดของเกาะเล็กๆอยู่ริบๆ พลางดีใจพี่ซีแกจะเป็นคนห้าวๆหน่อย เปรียบเหมือนหัวหน้ากลุ่มเลย แกก้แซวพวกผม "เห้ย มาย้อนวันวานวัยเด็กของเอ็งเลยนะเนี่ย" พวกผมก้หัวเราะกัน ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายๆค่อนเย็น เรือมาถึงที่เทียบท่าเป็นสะพานไม้ยาวๆๆยื่นออกมาจากฝั่ง มีเหมือนประภาคารอยู่กลางสะพาน บรรยากาศแบบวินเทจสุดๆ เกาะเป็นเกาะเล็กๆปกคลุมไปด้วยป่ากับต้นมะพร้าวซะส่วนใหญ่เมื่อเดินมาถึงฝั่งมัพนักงานต้อนรับมาเซิร์พน้ำให้เรา เค้าก้บอกว่ารอสักครู่นะค้ะเด้วจะมีพนักงานพาไปที่พัก พี่ซีกับดีขอแยกไปถ่ายรูปก่อนฝากสัมภาระไว้ที่พวกผม ผ่านไปครู่เดียวก้มีพนักงานชายวัย40ผิวดำๆ เดินพาพวกไปยังที่พัก คือเดินไกลพอสมควรจากตรงศูนย์บริการ พงกผมก่เริ่มมองหน้ากันจนลุงมาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งห่างไกลจากหลังอื่นมากแต่มีบ้านพักหลังอื่นอยู่ถัดออกไปพอสมควร ลุงไขกุญแจให้แล้วยื่นให้กับพี่อี พี่อีพูดเล่นๆกับลุงคนนั้นว่า "ทำไมไกลจังอ่ะคับลุง มีไรรึเปล่าเนี่ย" ลุงก้ยิ้มแห้งๆ แล้วบอกพวกเราว่า "ไม่มีอะไรหรอกครับคุณ ถ้ามีอะไรก้ไปเรียกผมได้นะบ้านผมอยู่หลังเกาะ ลุงก้ชี้ทางเดินเล็กๆที่ถัดไปจากบ้านพักของผมเป็นทางที่เดินขึ้นเขา พี่อีกำลังจะเปิดเข้าห้อง ผมจึงรีบบอก "เดี๋ยวคับพี่ เคาะห้องบอกเจ้าของเค้าก่อนไหม" ผมเรยถูกสอนมาให้ทำแบบนี้เวลาไปพักที่ไม่ใช่ที่ของตัวเอง แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลลืมบอกคัยบ้านที่พวกเราเป็นบ้านไม้เก่าๆ จัดว่าเก่าเลยคับ เมื่อเปิดเข้าไปมีแต่ฝุ่นคับ เหมือนไม่ค่อยมีคันมาดูแลทำความสะอาดเท่าไหร่ พงกผมเข้าไปก้สำรวจกันอยู่พักนึง จนพี่อีบ่นขึ้นว่า ทำไมไอ้ซีมันไม่เลือกบ้านดีๆกว่านี้ว้ะเลือกซะเก่ายิ้มเลย พวกผมก้ยิ้มเบาๆแต่ก่ไม่ใส่ใจอะไรจนเพื่อนผมไอ้เอมันถามว่า "รู้สึกอะไรรึเปล่าว้ะ"คือผมเป็นคนมีเซ้นนอดหน่อยอะคับแล้วก่พอรู้วิชาบ้างนอดหน่อย ผมก็บอก "ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรนะ" ทุกคนดูสบายใจขึ้นมาทันทีก้จัดที่นอนเสร็จพี่ซีกับพี่ดีก้เดินแบกกล้องกลับเข้ามายังบ้านพัก พวกผมก้เปลี่ยนเสื้อผ้าไปเล่นทะเลจนเย็นก็ขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเสร็จก็ทานอาหารเย็นเรียบร้อย แล้วพวกเราก้สังสรรค์ตรงขายหาดหน้าบ้านพักตามประสาวัยรุ่นมีกีตาร์มีเหล้าเบียร์ พวกเราก็เสียงดังพอสมควรเพราะที่พักของเราจัดว่าแยกออกมาจากโซนอื่นเลย จนถึงดึกพี่ซีแกก็พูดขึ้นพร้ิมกับมองออกไปยังทะเล "เห้ยๆดึกจนาดนี้ยังมีผู้หญิงมาเล่นน้ำอีกหรอว้ะ"พวกผมก็มองพร้อมกัน คือทุกคนเห็นหมดนะคับว่าเปนผู้หญิงผมยาวใส่เสื้อสีขาวพี่ดีแกก็แซวกับพวกผม"ใส่สีขาวมาไม่กลัวซีทรูหรอว้ะ" "จะเห็นได้ไงพี่ดึกแล้ว"ไอ้บีมือกีตาร์มันก้แซวกลัยพร้อมกับเล่นเพลง เอวเธอออกจะเซ็กซี่ยามที่ อะไรนั่นแหละคับก้หัวเราะกัน สักพักผู้หญิงคนนั้นก้ทำท่าดำน้ำเสียงดังจ๋อม พวกผมก้มองพักใหญ่ๆเลย ผู้หญิงคนนั้นไม่โผล่ขึ้นมาหายใจ คือถ้าคนปกติต้องโผล่ขึ้นมาบ้าง พวกผมเห็นท่าไม่ดี พี่ซีก่ถอดเสื้อเลยหันมาบอกพวกผม "ไปช่วยเค้าเร็วเผื่อเค้าจมน้ำ!" พวกผมก้ตั้งท่าเตรียมจะลง พอดีสบจังหวะลุงคนเดิมแกเดินถือไฟฉายมาพอดี คงเดินมาตรวจความเรียบร้อย แกก็ตะโกนพร้อมกับฉายไฟมา "เห้ย!!หนุ่มจะลงกันอีกเรอะดึกขนาดนี้ พวกผมก่ตะโหนบอกลุง ช่วยด้วยลุงมีคนจมน้ำ ลุงก้เดินมาหาพวกผม เรียกว่าจ้ำมาหาเลยดีกว่า พวกผมตอนนั้นครึ่งขาอยุในทะเลแล้ว ลุงบอก"ขึ้นมาๆ เชื่อลุง ขึ้นมา"ลุงตะโกนพร้อมกับกวักไฟฉาย "มีคนจมน้ำนะลุง"ผมหันไปบอกลุงพร้อมกับชี้ไปยังจุดที่พวกเราเห็นผู้หญิงคนนั้นจมลงไป ลุงสบถกลับมาเสียงดัง "ถ้าไม่อยากตายก็รีบขึ้นมาจากน้ำ ลุงขอล้ะขึ้นมาเถอะ" พวกผมมองหน้ากันพากัน งง แต่ก้เดินขึ้นจากทะเล เมื่อพวกเดินขึ้นมา ลุงบอกกับพวกผมว่า "ไอ้หนุ่มเจออะไรห้ามทัก เจออะไรห้ามตาม ก่อนนอนก็สวดมนตร์ด้วยนะ" พี่อีถามขึ้นด้วยความสงสัย "ทำไมหรอคับลุง" ลุงตอบกลับทำตามที่ลุงบอกนะ จากท้องฟ้าที่ใสๆดาวระยิบระยับตอนนี้เริ่มมีเมฆทึบเข้ามาปกคลุมแทนที่เสรยงฟ้าเริ่มคำรามแผดร้องเป็นสัญญาณเตือนว่าพายุกำลังจะมา พวกผมรีบเก็บข้าวของเข้าบ้านพักทันที ผ่านไปไม่นานลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกผมก็ตั้งวงเล่นไพ่พยายามไม่คิดถึงสิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่นี้ จนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกะแทกกับหลังคา ดัง ปัง! ในใจก่คิดว่าคงเป็นพวกกิ่งไม้มั้ง เพราะข้างบ้านเราติดต้นไม้ แต่เหมือนผมรู้สึกแปลกๆ รู้สึกอึดอัด ผมจึงเปิดกระเป๋าหยิบสายคาดเอว เป็น ตะกรุดกับเบี้ยแก้ ซึ่งย่าให้ติดตัวมานานแล้ว ผมยกขึ้นสวดนิดหน่อยแล้วก้ไปแขวนไว้หน้าประตูด้านในห้องนะคับ ไม่ใช่ด้านนอก จนพี่กับเพื่อนหันมาถาม เอ็งทำไรว้ะ ผมก็ตอบกลับไปเพื่อความอุ่นใจน่ะพี่ กลุ่มผมก้พยักหน้ารับประมานว่าเห็นด้วยเล่นกันไปได้พักใหญ่ๆ มีเสียงเหมือนคนเดินอยู่ในน้ำทะเล ผมก้พยายามฟังว่าอาจจะเป็นเสียงคลื่นรึเปล่า แต่ฟังเท่าไหร่ก้ไม่ใช่ เสียงเหมือนเดินขึ้นมาทางหาดหน้าบ้านผม ผมสะกิดไอ้บีที่นั่งติดกับผมให้ฟังว่าได้ยินไหม มันก่บอกได้ยินมาพักนึงแล้ว ผมก้บอก "เอองั้นเงียบๆไว้ก่อนเด้วคนอื่นตกใจ"เวลาล่วงเลยมาจนถึงตี2กว่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
ขอแทรกนอดนึงนะคับพอดีนึกขึ้นได้ว่าลืมเล่าไปช่วงนึงคือตอนที่ลุงสนบอกอะคับว่าทำไมพวกเราถึงโดนเพราะพวกเราดันไปทักเข้าอะคับ จิงๆเค้ากะจะเล่นพวกเราตอนเราลงไปทะเลแต่ลุงสนแกมาเห็นก่อนเลยรอดไปคับ คราวนี้เลยยกแก๊งกันมาเล่นงานเราเลย ต่อนะคับ  ลุงสนบอกว่าตัวแกเองชีวิตไม่เหลืออะไรไม่มีญาติพี่น้องที่หนัย เลยมาสมัครทำงานบนเกาะนี้อ่ะคับ แต่ทว่ายังไม่พ้นเงื้อมือหมอผีเลวทรามที่จ้องแต่จะใช้วิชาต่ำๆเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยปกติชาวบ้านแถวนี้จะรู้กันดีเมื่อถึงแรมอสุรฆาตเมื่อไหร่จะรีบปิดบ้านอยู่แต่ในบ้านกันไม่มีใครออกไปหนัยหรอกคับ ผมนั่งสนทนากับลุงสักพักเวลานั้นก็เริ่มโพล้เพล้แล้วแสงอาทิตย์เริ่มลับขอบทะเลความืดเริ่มคืบคลานเข้าปกคลุมมาทุกขณะลุงบอกว่าจะพาพวกเราไปไหว้ศาลตายายอะคับเพราะไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ใหนอีกยิ่งผมไปประทะกับเหล่าบริวารของพวกมันมาด้วย ผมเลยไปตามพี่ๆกับเพื่อนผมพากันไปที่ศาลตายายหลังเล็กๆซึ่งอยุแถวบ้านพักหลังใหม่ของผมคับ ลุงสนกำธูป15ดอกพลางจุดธูปสักพักไฟก้ลุกไหม้บริเวณปลายธูปควันธูปลอยตลบอบอวน ฝรั่งที่เดินผ่านไปผ่านมาพากันเหลียวมองคงคิดว่าพวกยูทำอะไรกัน ลุงสนแกก็นำสวดขอให้นากับยายคุ้มครองปกป้องพวกผม สวดเสร็จก็ปักลงในกระถาง พวกผมก็ช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูศาลตายายเนื่องจากศาลมีสภาพเก่าเลยคับ พอหลังจากนั้นลุงสนแกก็พูดกับพวกเราว่า"ไม่ต้องเป็นห่วงนะไม่มีใครมาทำอะไรพวกเราได้หรอกตากับยายท่านจะคุ้มครอง คงไม่มีอะไรแล้วล้ะ"ลุงสนพูดจบก็หันมายิ้มให้กับพวกเราคับก่อนจะขอตัวกลับที่พักของแก พวกเราสบายใจกันขึ้นมากคับ พากันไปกินข้าวแล้วก็นั่งเล่นอยู่ชานบ้านอะคับ มองสาวฝรั่งเดินผ่านไปผ่านมาอย่างเพลินตาเลนทีเดียว ตอนนี้กำลังใจทุกคนดีขึ้นมากคับ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลย ผมนั่งอยู่เก้าอี้ตรงชานบ้าน ในใจก็ยังนึกถึงผู้หญิงคนนั้น นึกถึงนะคับไม่ได้คิดถึงอย่าพึ่งเข้าใจผิด อดสงสารไม่ได้ พอบรรยากาศเริ่มดึก แขกที่มาพักก็ปิดบ้านกันแล้วคับแต่มีป้าคนนึงสามีแกเป็นชาวฝรั่งอะคับ แกพักอยู่แถวๆบ้านหลังเก่าที่ผมพักแกเดินผ่านมา ก็หันมายิ้มให้กับพวกแล้วทักขึ้นว่า "คืนนี้อย่าแกล้งขังเพื่อนไว้นอกบ้านอีกล้ะ สงสารเห็นเคาะทั้งคืนเลย" สิ้นสุดคำทักทายของเจ๊วัย50 ผมนี่สะดุ้งเลยแล้วก็หันมามองหน้าพวกพี่ๆกับเพื่อนผม "คับๆไม่แกล้งแล้วคับ" พี่ซีบอกพลางยิ้มๆ เจ๊แกก้ยิ้มๆแล้วเดินไปกับสามีฝรั่งขิงแก "เชี่ยเจ๊ยิ้มจะพูดทำไมว้ะ คนยิ่งไม่อยากนึกถึง" พี่ซีหันมาพูดอย่างหัวเสียเลยคับ พวกผมก็เออ ออ กัน ว่าไม่น่าพูดเลย พวกผมเลยเข้าบ้านกันเลยคับไปตั้งวงกันในบ้านแทน เปิดแอร์เย็นสบายกันเลยคับ รู้ตัวอีกทีก็ดึกมากแล้ว สักพักคับ พวกเราทุกคนได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบรรได้ กึกๆๆๆๆ เสียงลงเท้าเน้นทุกจังหวะ พวกเรามองหน้ากันเชิงว่าใครว้ะ ผมรีบคว้าตะกรุดกับเบี้ยแก้เลยคับเตรียมวิ่งไปแขวนไว้ที่ประตู ป๊อกๆๆ เสียงเคาะอีกแล้วคับ ผมรีบแขวนไว้ตรงบูกบิดทันทีเลยคับ ทุกคนเริ่มมองหน้ากัน "เอาอีกแล้วหรอว้ะ"พี่อีเริ่มหงุดหงิด ป๊อกๆๆ เสียงเคาะดังขึ้นอีก ผมยืนอยู่หน้าประตูเลยคับ แต่กลับได้ยินเสียงเล็ดลอดเข้ามา "หนุ่มเอ้ยยนี่ลุงเอง" ผมหันไปมองหน้ากลุ่มของผมเชิงว่าเอาไงดี "เห้ยคงเป็นลุงสนมั้ง เปิดดีไหม" ไอ้เอถามพวกพี่ๆส่วนไอ้บียืนหลบหลังพี่ซีคับ "แล้วถ้าไม่ใช่ลุงสนล้ะ"ผมหันกลับไปถามแล้วรีบหันมามองที่ประตูต่อ "ไอ้หนุ่มนี่ลุงเอง" ป๊อกๆๆ เสียงเคาะดังขึ้นอีก ผมเลยหันไปบอกให้พวกพี่ผมแกล้งคุยถ่วงไว้ก่อนว่ามีอะไร ส่วนตัวผมเดินอ้อมไปทางห้องนอนซึ่งเป็นกระจกบานเลื่อน พี่ผมพยายามห้ามว่าอย่าออกไปเลย คือผมจะออกไปแอบดูว่าเป็นลุงสนจิงไหมๆ ผมสวดคาถาพระพุทธเจ้าชนะมารไว้คุ้มครองตัวเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผมค่อยๆแง้มประตูออกให้เบาที่สุดในใจนี่เต้นระรัวเลยคับ คิดในใจเอาว้ะเป็นไงเป็นถ้าเป็นผีผมสู้ยิบตา ถ้าเป็นไอ้พวกหมอผีเชี่ยๆพ่อจะขอหวดให้หัวทิ่มเลยผีๆก็ผีคนก็คนๆว้ะ ผมค่อยปีนข้ามที่กั้นซึ่งเป็นเหมือนระเบียงไว้ใช้ชมวิวเพราะมองเห็นวิวทะเล ผมค่อยๆปีลงมาจนเท้าแตะพื้นท่ามกลางสายตาของพี่ผมที่มองด้วยความกังวล ผมเจอไม้ท่อนนึงพอดีคงโดนลมพัดหักลงมา ไม้ขนาดพอดีมือ ผมคว้าหมับ พลางเป่าคาถาที่ไว้ใช้เสกพวกหวายที่ไว้ใช้ตีผี ผมได้คสถานี้มาตอนเดินป่าแถวแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ป่าไม้เค้ามักใช้เสกปืนไว้ใช้ยิงเผื่อเจอผีป่าหรือพวกเสือสมิงอะคับ (แต่ผมไม่ใช่หมอผีนะคับแต่เรื่องพวกนี้ชอบวิ่งมาหาตัว) ผมค่อยๆย่องไปมองที่มุมบ้าน เห็นเป็นลุงสนยืนเคาะอยู่คับผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นลุงสนๆจิงหรือเปล่า ผมรีบสาวเท้าวิ่งเข้าหาเลยคับ ลุงสนแกตกใจเห็นผมถือไม้วิ่งมา "เห้ยๆๆ ลุงเอง คนไม่ใช่โจร" ลุงแกรีบตะโกนบอกเมื่อเห็นผมกระโดดข้ามรั้วกน้าบ้านเข้ามา "โจรผมไม่กลัวหรอก"ผมยืนห่างจากลุงแค่ไม่กี่ก้าวใจเต้นตึกตัก มือกำไม้แน่นเลยคับ พวกพี่ผมก็เปิดประตูในมือกำตะกรุดของผมไว้แน่นเลย ลุงสนหัวเราะเบาๆ "นี่ลุงเอง ลุงแค่จะเอาของมาให้ ลุงสนแกหิ้วย่ามขาวมาด้วยอะคับเป็นพวกตะกรุด เก่าๆหน่อย ผมว่าคนแน่ๆเลยเชิญลุงเข้าห้อง ลุงแกก็บอกไม่เป็นไรลุงมาแปปเดียว แกก็ยื่นให้ผม "ลุงเห็นว่าพรุ่งนี้พวกหนุ่มๆก็จะกลับกันแล้วเลยแวะเอาของมาให้จะได้ปลอดภัยกัน" พวกผมก็ยกมือขอบคุณแกคับ แกก็ยกมือรับไหว้ ยังไม่ทันที่ลุงจะหันหลังกลับ จู่ๆลมพัดแบบแรงมากคับ เสียงดังวูบบบบ วูบบบบบ ลุงสนหันขึ้นมองบนฟ้าซึ่งเริ่มแดงก่ำเหมือนเมื่อคืน เสียงนกเริ่มแตกตื่นอีกรอบ แว้กๆๆ เสียงนกบินหนีออกจากรังพลันส่งเสียงร้อง "รีบเข้าบ้านเร็ว!" ไม่ต้องรอให้ลุงสั่งซ้ำสองพวกผมรีบเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว เหลือแต่ลุงสนที่ยังยืนจับจ้องไปยังท้องฟ้า พร้อมกับส่ายหัวเบาๆ ลุงแกเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับปิดประตูล็อคกลอน พลางยกมือสวดพรึมพำพร้อมกับเป่าไปที่ประตู พวกผมมารวมกันอยู่กลางบ้าน "มันมาอีกแล้วหรอลุง" พวกผมรัวคำถามใส่ลุงสนที่ยังยืนอยู่ตรงประตู "ใช่ครั้งนี้มันมาหนักกว่าเดิม" พวกผมถึงกับเซ็งกันเลยครับ ตกลงนี่พวกเรามาเที่ยวหรือมาผจญกับพวกผีว้ะเนี่ย "แต่พวกหนุ่มไม่ต้องกังวลมันทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก ตากับยายท่านปกป้องอยู่ ลุงขออยู่ที่นี่สักพักนะพอสงบลุงจะกลับ" "ลุงค้างกับพวกผมเลยก็ได้ครับ ไม่ต้องกลับหรอกลุง" พวกผมรู้สึกอุ่นใจคับถ้าลุงสนแกอยู่เพราะแกก็มีวิชาอยู่พอตัว "หึหึหึ!" เสียงฟ้าร้องแต่คล้ายเสียงหัวเราะดังขึ้นอีกรอบ ปึงๆๆ เสียงเหมือนอะไรกระแทกดังขึ้น แต่ไม่ใด้มาจากบ้านผม เสียงเหมือนไกลออกไป จับทิศทางดูดีๆเสียงดังมาจากศาลตากับยายคับ ปุกปักๆๆๆ เสียงเหมือนพลุคับดังมาก ผมเห็นวัยรุ่นฝรั่งสองคนที่อยู่บ้านถัดไปเปิดประตูออกมาดู แล้วก็ผลุบกลับเข้าไป เสียงยังดังต่อเนื่อง ฝนเริ่มโหมกระหน่ำลงมาแบบไม่ขาดสายสลับกับเสียงฟ้าร้อง แต่ครั้งนี้ไม่มีเสียงหัวเราะของเธอคนนั้น ลมพัดแรงมากคับ "ลุงแกก็นั่งสมาธิ" ผมก็ได้แต่นั่งสวดมนตร์ไปเรื่อยๆ จนมาสวดบทพระไตรปิฏก ผทเสิทเนตในโทรศัพดูเอาอะคับในใจก็คิดขอให้ สิ่งศักสิทธิ บุญบารมีของหลวงพ่อที่ผมนับถือ รวมถึงพระพุทธเจ้า ช่วยให้พวกผมปลอดภัย รอดพ้นจากอัตราย ครึ้มมมมมมมม ครึ้มมมม เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกรอบแต่ครั้งนี้เสียงไม่เหมือนที่ผมได้ยินเมื่อคืนคับ มันรับรู้ได้อะคับว่ามันไม่ใช่ ผมเริ่มสวดแผ่เมตตา และพูดขึ้นว่า บุญใดๆที่ผมเคยได้กระทำทั้งในชาติก่อนและชาตินี้ผมขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรรวมถึงสัมภเวสีที่ตกทุกได้ยากให้ผลบุญกุศลที่ผมได้อุทิศให้เป็นแสงสว่างนำทางไปสู่ความพ้นทุกข์พ้นจากบ่วงกรรมที่เหนี่ยวรั้ง อย่าได้จองเวรจองกรรมกันต่อไปบุญใดๆที่ผมได้อุทิศให้ของให้พวกท่านได้รับด้วยเถิด สิ้นสุดคำพูดผมก็วกมือขึ้นสาธุ ผ่านไปสักพัก เสียงฟ้าร้องแผดขึ้นดังมากกกกกคับ หลังจากนั้นฝนเริ่มซาลงคับ ลุงสนลืมตาขึ้นพลางพูดว่า "พวกเค้าไปดีแล้วล้ะ" ผมหันมายิ้ม ร่างกายรู้สึกล้าเต็มทน จัดว่าเพลียเลยคับเพราะอะไรก้ไม่ทราบ ฝนเริ่มหยุด เสียงน้ำกระทบหลังคาเริ่มเบาลง ผมหลับไปตอนหนัยก็ไม่ทราบ พวกพี่ๆบอกว่าพอผมสวดมนตร์เสร็จได้สักพักก็หลับไปเลย คราวนี้ฝันอีกฝันว่า เห็นเธอคนเดินยืนอยู่ตรงสะพานที่เดิม เธอหันมาพูดกับผม ประมานว่า"ขอบคุนนนะที่ช่วยพวกเรา"และหลังจากนั้นผมเห็นเงามัวๆยืนอยู่ข้างหลังเธอเต็มไปหมด มันไม่ค่อยชัดเท่าไหร่แต่ผมจำใบหน้าของเธอได้ แววตาของเธอไม่เศร้าหมองแล้วคับ ผมรับรู้ได้ถึงความอิ่มใจสุขใจ รู้สึกสบายใจแบบบอกไม่ถูก"อย่าลืม สัญญานะ" เสียงนั้นลอยมาเข้าหูผมครั้งสุดท้ายก่อนผมจะค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงคลื่นซัดกระซบฝั่ง ไอแดดที่เริ่มส่องเข้ามารับรู้ได้ถึงความรู้สึกร้อนนิดๆ รับรู้ถึงลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างกระทบตัว มันช่างเย็นสบายครับ ผมค่อยๆลุกขึ้นเห็นบีนั่งเล่นกรตาร์อยุ่กับเอ ส่วนพี่ๆออกไปหามุมถ่ายรูป ผมมองนาฬิกา เวลาบอกประมาน10โมง "ตื่นล้ะหรอว้ะ จะปลุกอยู่พอดีเรือจะมารับ11โมง" ผมกระเทิบตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกาแต่ เจอมิสคอลที่มีชื่อว่าแม่โทรมาประมาน6สายมั้งคับถ้าจำไม่ผิด ผมเลยลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าเก็บของจึงโทรกลับไปหาแม่ แม่บอกว่าเป็นห่วงผมแปลกๆดลยโทรมา "ลูกโอเคไหม ไม่เป็นอะไรใช่ไหมแม่แค่เป็นห่วงเลยโทรมาหา" คำพูดของแม่ในครั้งนี้ทำให้ผมชื่นใจแปลกๆ ผมไม่เคยคิดถึงแม่ขนาดนี้เลย อยากกลับไปกอดท่านมากๆ "ผมไม่เป็นไรครับแม่ กลับไปขอกอดแม่หน่อยนะ" ผมอ้อนแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ก็จำไม่ได้เหมือนกันแต่ครั้งนี้มันชื่นใจกว้าครั้งใหนๆ พอคุยกับแม่เสร็จพวกเราก็ขนของไปรอที่ท่าเรือก่อนกลับพวกเราไม่ลืมที่จะไปลาและขอบคุนลุงสนและไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ศาลตายาย เพราะตอนเรามาเราไม่ได้ยกมือไหว้ท่าน เรือเริ่มเข้าเทียบท่า พวกเราก็ขนของลงเรือ จนเรือกลับถึงฝั่ง พวกเราเลยแวะวัดๆวัดนึงที่เราผ่าน ก็ถวายสังฆทานกันครับ ก่อนกลับหลวงพ่อทาานก็พูดกับเราประโยคนึงแต่สายตามองมาที่ผม "บุญกุศลที่โยมทำน่ะยิ่งใหญ่มากนะ ขอให้พวกโยมเดินทางกลับอย่างปลอดภัยนะ" พวกเราก้กราบลาท่านครับ ทริปครั้งนี้มีเรื่องเล่ามากมายครับ จนผมกลายเป็นเหมือนหมอผีประจำกลุ่มไปโดยปริยาย เพื่อนเจออะไรจะมาบอกตลอด เพื่อนๆที่อ่านบางท่านอาจจะคิดว่า เว่อไปไหม หรือแต่ขึ้นรึเปล่า ผมคงไม่สามารถบังคับให้ท่านเชื่อได้ วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายได้ทุกสิ่ง แต่เชื่ออเถอะครับว่าไม่ใช่ทุกเรื่อง ขนาดผมเรียนด้านวิทยาศาสตร์ผมยังมีข้อโต้แย้งมากมายกับประโยคนี้ ทุกท่านอยากรู้ไหมคับว่าผมสัญญาอะไรกับพวกเค้าไว้ เมื่อกลับถึงบ้าน ผมบอกแม่ว่าผมอยากบวชอุปสมบท ให้กับพ่อแม่แล้วก้เจ้ากรรมนายเวร รวมถึงอุทิศให้กับพวกเค้าด้วยคับ พ่อกับแม่ก็ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ขัดข้อง จนได้ฤกษ์ยามพอถึงวันบวชพระ ผมก้าวเดินออกจากโบสถ์สายตาเห็นญาติพี่น้องรวมถึงเพื่อนฝูงที่มาร่วมงานบุญยืนกันอยู่ข้างหน้าเพื่อรอรับเหรียญทาน สายตาผมสังเกตุเห็นเธอครับ เธอยืนอยู่ด้านหลังสุด เธอยิ้มมาที่ผม ผมเลยยิ้มกลับพลางคิดในใจ อาตมาทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้วนะ ไปสู่สุขตินะโยมทั้งหลาย เรื่องก็จบลงเพียงเท่านี้คับสำหรับเรื่องนี้ขอบคุนผู้อ่านทุกๆท่านที่ติดตามอ่านคับ หากมีอะไรผิดพลาดผมต้องขอโทษมาที่นี้ด้วยครับ ครั้งหน้าจะเอาเรื่องผีป่าดงดิบมาเล่าให้ฟังคับ ฝากติดตามด้วยนะคับ ขอบคุนค้าบบ ^/\^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่