ต่อจาก อัมสเตอร์ดัมและโคเปนเฮเกนค่ะ
http://ppantip.com/topic/33592163
http://ppantip.com/topic/33631792
หลังจากหลับๆ ตื่นๆ อยู่ทั้งคืน เลยรู้สึกเหมือนไม่ได้นอนหลับเต็มตา ก็ต้องลุกขึ้นมาเก็บข้าวของตั้งแต่ตีห้า เพื่อไปขึ้นรถไฟให้ทันตอน 7.04 น. ซึ่งจองตั๋วไว้ล่วงหน้าแล้ว (
http://www.bahn.de/) ...หลังจาก check out เสร็จก็เดินข้ามถนนไปยังสถานีรถไฟ Amsterdam Centraal Station ตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาหกโมงครึ่ง ยังไม่มีร้านขายของเปิดเลย ยกเว้นสตาร์บัค ระหว่างรอก็เลยซื้ออาหารเช้าเพื่อไปนั่งกินในรถไฟ
7.04 น. ปุ๊บ รถไฟก็ออกทันที แล้วก็เริ่มจัดการกับอาหารเช้าที่ซื้อมา สองข้างทางยังคงมืดสนิท ... พอกินเสร็จ ก็ของีบหน่อย แต่ก่อนจะงีบก็ต้องตั้งปลุกไว้ก่อนถึงที่หมายประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ ไม่งั้นหลับเลยป้ายนี่ยุ่งเลย ถึงแม้ในรถไฟนี่จะหลับสบายมาก แต่ก็ต้องมีสติตลอดเวลา
ที่ Cologne เรานัดเจอและพักกับเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นี่ ก็เลยได้อยู่ฟรี 2 คืนค่ะ (ถึงตรงนี้ อาจจะมีคนสงสัยเรื่องวีซ่าว่า ถ้าพักกับเพื่อนต้องทำไง เดี๋ยวไว้บอกตอนท้ายค่ะ) ตามที่คุยกันคือ จะเจอกันที่ Köln Hauptbahnhof (Köln (เคิล์น) = Cologne) แต่ตาม destination ในตั๋วเราคือ Köln Messe-Deutz เราก็เออ มันคงที่เดียวกันมั้ง เพราะก็คุยกะเพื่อนแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ตกลงกันว่าเราจะเดินเล่นที่ Kölner Dom ระหว่างรอตามเวลาที่นัดไว้ เพราะมันอยู่ติดกับ Köln Hbf เลย
เมื่อถึงที่หมาย Köln Messe-Deutz และตามเวลาเป๊ะ ก็เตรียมลงเลยค่ะ พอถึงสถานีก็เริ่มแปลกใจละ ไหนคือ Kölner Dom ที่อยู่ติดสถานี??? เดินลงมา เอากระเป๋าฝากในล็อกเกอร์หยอดเหรียญเสร็จ ก็ไปถามเจ้าหน้าที่ว่าถ้าจะไป Kölner Dom ออกทางไหน ... เค้าก็หัวเราะ ละบอกว่านั่งรถไฟไปอีกสถานีนึง เราก็งง ตอนนั้นมั่นใจมากว่ามันอยู่ใกล้และสามารถเดินไปได้ เราเลยยืนยันว่ายังไงก็จะเดินไป จนท.(คนนี้อยู่ในออฟฟิศ) เลยเรียก จนท.สองสามคนที่เดินผ่านมาพอดีให้มาชี้ทางไปให้เรา ตอนบอกว่าเราจะเดินไป Kölner Dom เค้าก็หัวเราะใส่เราอีก เราก็งง มันจะไกลขนาดนั้นเลยหรอ...
มันไกลค่ะ!!! เพราะมันคือการเดินข้ามแม่น้ำไรน์ ระยะทางประมาณกิโลครึ่ง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เหมือนโดนแกล้ง เพราะตอนนั้นเข่าเจ็บมาก แต่ไม่มีทางเลือกค่ะ เสียตังค์ค่าฝากกระเป๋าไปแล้ว ก็แข็งใจเดินไปจนถึง ระหว่างทางก็ชิลดีค่ะ และสิ่งที่ถ้าไม่ได้เดินคงไม่เห็นว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนเยอรมันจะมีความมุ้งมิ้งกะเค้าด้วย เพราะตลอดทางเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำไรน์นี้ มีแม่กุญแจคล้องอยู่เต็มราวสะพาน แบบเกาหลี,ฝรั่งเศส ก็แอบขำๆ ในใจไป (ขากลับ ก็เดินกลับไปเอากระเป๋าแล้วนั่งรถไฟกลับไปที่ Köln Hbf อีกรอบ T^T)
Kölner Dom (Cologne Cathedral)
เมื่อถึง Köln Hauptbahnhof (Hauptbahnhof หรือ Hbf = สถานีรถไฟ) ก็จะเห็น Kölner Dom ตั้งตระหง่านอย่างเห็นได้ชัด ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิคอย่างชัดเจนคือ สูง ทึบ มืด ยิ่งพอได้เดินเข้าไปใกล้ๆ ก็จะเห็นถึงความสวยงามของตัวโบสถ์มากขึ้น
หลังจากเดินชม Kölner Dom เรียบร้อยแล้ว บริเวณรอบนอกก็จะเป็นแหล่งชอปปิ้งแบรนด์ดังทั้งหลาย และถ้าหากไปในช่วงเดือนธันวาคมแบบเรา เค้าก็จะมี Christmas Market ด้วย ซึ่งจะคล้ายๆ กับตลาดนัดบ้านเรา ขายพวกของประดับตกแต่งในช่วงคริสต์มาสและอาหาร ตั้งแต่ช่วงกลางวันจนมืดเลย ซึ่งแต่ละที่ก็จะขายอาหารคล้ายๆ กัน แต่จุดเด่นเลยคือ ไวน์อุ่น มีทั้งแดงและขาว ใส่มาในแก้วเคลือบลายคริสต์มาสน่ารักๆ แต่ละร้านก็จะมีลายต่างกัน โดยถือไปกินตรงไหนก็ได้ ตอนซื้อเค้าก็บวกค่าแก้ว ถ้ากินเสร็จแล้วเอาไปคืนก็จะได้เงินคืนค่ะ
วันที่ 2
วันนี้ออกจาก Köln ไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ ค่ะ คือ Bonn และ Königswinter
Bonn : Beethoven Haus หรือ บ้านบีโธเฟ่น (ค่าเข้า 6 ยูโร)
การเดินทาง
นั่งรถไฟจาก Köln Hbf ไป Bonn Hbf ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และนั่งรถบัสต่อจาก Bonn Hbf อีกประมาณ 10 นาที ลงที่ป้าย Beethovenhaus เดินข้ามถนนแล้วเลี้ยวเข้าซอย ตัวบ้านค่อนข้างสังเกตยากนิดนึงค่ะ
Ludwig van Beethoven นักดนตรีและนักแต่งเพลงที่เป็นบุคคลสำคัญของโลกที่น้อยคนจะไม่รู้จักชื่อของเค้า ภายในตัวบ้านแต่ละชั้นจะถูกจัดเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติและผลงานของบีโธเฟ่นทั้งหมด ใครที่ชื่นชอบดนตรีคลาสสิคน่าจะอินมากทีเดียว
http://www.beethoven-haus-bonn.de/sixcms/detail.php?template=portal_en
Königswinter : Schloss Drachenburg
การเดินทาง
ซื้อตั๋วเดินทางต่อจากป้าย Beethovenhaus ไปลงที่ Königswinter/Clemens-August-Straße แล้วเดินเลียบแม่น้ำไรน์ต่อไปซักพักจะเจอทางแยกทางซ้ายมือ ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ จนข้ามทางรถไฟไปก็จะเจอทางขึ้นเขา (แนะนำว่าให้ถามทางจากคนแถวนั้นค่ะ)
ไม่รู้ว่าเพราะเป็นช่วงฤดูหนาวด้วยรึเปล่าที่ทำให้บริเวณเมืองนี้เงียบมากจนรู้สึกประหม่า เพราะเท่าที่สังเกตดูรอบๆ ก็มีร้านอาหาร ร้านขายของ บริการเช่าเรือล่องแม่น้ำ และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แต่กลับไม่มีคนเลย และยิ่งเดินก็ยิ่งไม่มีคน จะมีเดินผ่านมาบ้างคนสองคนให้ถามทาง พอเดินมาถึงทางขึ้นเขาก็มีป้ายใหญ่โตแถมมีร้านอาหาร และมีบริการรถที่จะพาไปปราสาท แต่ก็ปิดหมด ถึงตรงนี้ บางงคนอาจจะถอยกลับแล้ว แต่เราเดินต่อค่าาา... เดินขึ้นเขาไปคนเดียว (ทั้งที่เจ็บเข่า) ระหว่างทางก็เป็นต้นไม้ บ้านคนบ้าง มีรถสวนบ้าง วิวก็สวยดี เดินไปจนใกล้จะถึงตัวปราสาท ก็มีร้านอาหารประปรายแต่ปิด ก็เริ่มหวั่นใจนิดๆ ละ แต่ก็ยังเดินไปจนถึงหน้าปราสาท มีรถคันนึงขับเข้ามา ประตูก็เปิดออก เราก็เนียนๆ เดินเข้าไป แล้วรถคันนั้นก็หยุด มีชายคนนึงเดินลงมาแล้วบอกว่า วันนี้ปราสาทปิด! เข้าไม่ได้ๆ ... ทุกอย่างถูกคลี่คลายในทันที เดินคอตกอยู่ข้างนอกปราสาทเงียบๆ แต่ก็มีคนเดินหลงมาแบบเราบ้างสองสามคน ... ดังนั้น ก่อนจะมาที่นี่ให้วางแผนให้ดีค่ะ ในฤดูหนาว ที่นี่จะเปิดแค่ เสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00 - 17.00 น. เท่านั้น
http://www.schloss-drachenburg.de/content/allgemeine_infos/oeffnungszeiten.html
วิวทางเดินระหว่างทางขาไป
Schloss Drachenburg จากนอกรั้ว ฮือออ
วิวทางเดินระหว่างทางขากลับ
วันที่ 3
วันสุดท้ายใน Köln ถ้าไม่ไปที่นี่ ถือว่ามาไม่ถึง Köln ค่ะ
NS-DOK (National Socialist Documentation Center of the City of Cologne)
(ค่าเข้าชม 4.5 ยูโร + audio guide 2 ยูโร)
การเดินทาง
นั่งรถไฟมาลงที่ Appellhofplatz แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยก็เจอเลยค่ะ มีป้ายบอกตลอดทาง
NS-DOK เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวในยุคนาซี ตัวอาคารชื่อว่า EL-DE-House เคยถูกใช้เป็นกองบัญชาการของตำรวจลับ Gestapo ชั้นใต้ดินของตึกนี้ถูกใช้เป็นคุกและห้องทรมานพวกแรงงานที่ถูกจับมา บรรยากาศภายในจึงรู้สึกได้ถึงความหดหู่และเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าเศร้า ใช้เวลาในการเดินชมนิทรรศการนี้ค่อนข้างนานเพราะมันเต็มไปด้วยข้อมูลจากเอกสารและรูปภาพของเหยื่อและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อชมจนครบแล้ว ด้านล่างก็มีนิทรรศการเพิ่มเติมอีกจากค่าย Auchwitz ในโปแลนด์ ก็จะเห็นภาพของเหตุการณ์ในช่วงนั้นชัดขึ้น
หลังจากดูอะไรหนักๆ ไปแล้ว ก็มาปิดท้ายด้วยอะไรเบาๆ อย่าง Schokoladenmuseum (Chocolate Museum) ซะหน่อย : )
Schokoladenmuseum (ค่าเข้าชม 9 ยูโร)
การเดินทาง
นั่งรถไฟจาก Appellhofplatz ลงที่ Heumarkt แล้วเดินเลียบแม่น้ำไรน์มาประมาณ 10 นาทีก็ถึงค่ะ
คนที่ชอบช็อกโกแลตนี่ห้ามพลาดเลย เพราะในนี้จะมีทั้งนิทรรศการตั้งแต่การปลูกจนถึงผลิตเป็นช็อกโกแลตให้ชิมกันได้สดๆ แถมยังสามารถทำช็อกโกแลตรสชาติของตัวเองได้อีกด้วยค่ะ : D
ได้ชิมสดๆ เลยค่าาา ^^
ช็อกโกแลตที่เราเลือกส่วนผสมได้เองค่ะ : D แต่ลืมไปแล้วว่ากี่ยูโร ฮี่ๆ
สำหรับเรา 3 วันสำหรับ Cologne ถือว่ากำลังดีเลยค่ะ การเดินทางก็สะดวกสบาย ถนนค่อนข้างดี สะอาด เป็นระเบียบ อาหารอร่อย (แต่ส่วนใหญ่จะออกเค็มๆ) และเบียร์อร่อยค่ะ ^ ^
เพิ่มเติม
* สำหรับคนที่ไปค้างกับญาติพี่น้องหรือเพื่อน เวลาทำวีซ่าเค้าจะขอดูจดหมายเชิญ ซึ่งยุ่งยาก วิธีง่ายๆ ที่เราทำ (อ่านมาจากในพันทิปนี่แหละ อิอิ) คือ จองโรงแรมแบบยกเลิกได้ค่ะ และต้องดูด้วยว่าต้องไม่มีการวางมัดจำหรือหักค่าห้องเลย 100% ซึ่งราคาจะแพงกว่าแบบยกเลิกไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อเราได้วีซ่าแล้ว เราก็มากดยกเลิกทีหลังได้โดยไม่เสียเงินเลยค่ะ
จบแล้วค่ะสำหรับ Cologne ยังเหลือเมืองสุดท้ายก่อนกลับบ้านอีกวันนึงค่ะ คือ Munich เด๋วมาต่อค่ะ : )
[CR] 4 Days in Cologne + Munich
http://ppantip.com/topic/33592163
http://ppantip.com/topic/33631792
หลังจากหลับๆ ตื่นๆ อยู่ทั้งคืน เลยรู้สึกเหมือนไม่ได้นอนหลับเต็มตา ก็ต้องลุกขึ้นมาเก็บข้าวของตั้งแต่ตีห้า เพื่อไปขึ้นรถไฟให้ทันตอน 7.04 น. ซึ่งจองตั๋วไว้ล่วงหน้าแล้ว (http://www.bahn.de/) ...หลังจาก check out เสร็จก็เดินข้ามถนนไปยังสถานีรถไฟ Amsterdam Centraal Station ตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาหกโมงครึ่ง ยังไม่มีร้านขายของเปิดเลย ยกเว้นสตาร์บัค ระหว่างรอก็เลยซื้ออาหารเช้าเพื่อไปนั่งกินในรถไฟ
7.04 น. ปุ๊บ รถไฟก็ออกทันที แล้วก็เริ่มจัดการกับอาหารเช้าที่ซื้อมา สองข้างทางยังคงมืดสนิท ... พอกินเสร็จ ก็ของีบหน่อย แต่ก่อนจะงีบก็ต้องตั้งปลุกไว้ก่อนถึงที่หมายประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ ไม่งั้นหลับเลยป้ายนี่ยุ่งเลย ถึงแม้ในรถไฟนี่จะหลับสบายมาก แต่ก็ต้องมีสติตลอดเวลา
ที่ Cologne เรานัดเจอและพักกับเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นี่ ก็เลยได้อยู่ฟรี 2 คืนค่ะ (ถึงตรงนี้ อาจจะมีคนสงสัยเรื่องวีซ่าว่า ถ้าพักกับเพื่อนต้องทำไง เดี๋ยวไว้บอกตอนท้ายค่ะ) ตามที่คุยกันคือ จะเจอกันที่ Köln Hauptbahnhof (Köln (เคิล์น) = Cologne) แต่ตาม destination ในตั๋วเราคือ Köln Messe-Deutz เราก็เออ มันคงที่เดียวกันมั้ง เพราะก็คุยกะเพื่อนแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ตกลงกันว่าเราจะเดินเล่นที่ Kölner Dom ระหว่างรอตามเวลาที่นัดไว้ เพราะมันอยู่ติดกับ Köln Hbf เลย
เมื่อถึงที่หมาย Köln Messe-Deutz และตามเวลาเป๊ะ ก็เตรียมลงเลยค่ะ พอถึงสถานีก็เริ่มแปลกใจละ ไหนคือ Kölner Dom ที่อยู่ติดสถานี??? เดินลงมา เอากระเป๋าฝากในล็อกเกอร์หยอดเหรียญเสร็จ ก็ไปถามเจ้าหน้าที่ว่าถ้าจะไป Kölner Dom ออกทางไหน ... เค้าก็หัวเราะ ละบอกว่านั่งรถไฟไปอีกสถานีนึง เราก็งง ตอนนั้นมั่นใจมากว่ามันอยู่ใกล้และสามารถเดินไปได้ เราเลยยืนยันว่ายังไงก็จะเดินไป จนท.(คนนี้อยู่ในออฟฟิศ) เลยเรียก จนท.สองสามคนที่เดินผ่านมาพอดีให้มาชี้ทางไปให้เรา ตอนบอกว่าเราจะเดินไป Kölner Dom เค้าก็หัวเราะใส่เราอีก เราก็งง มันจะไกลขนาดนั้นเลยหรอ...
มันไกลค่ะ!!! เพราะมันคือการเดินข้ามแม่น้ำไรน์ ระยะทางประมาณกิโลครึ่ง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เหมือนโดนแกล้ง เพราะตอนนั้นเข่าเจ็บมาก แต่ไม่มีทางเลือกค่ะ เสียตังค์ค่าฝากกระเป๋าไปแล้ว ก็แข็งใจเดินไปจนถึง ระหว่างทางก็ชิลดีค่ะ และสิ่งที่ถ้าไม่ได้เดินคงไม่เห็นว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนเยอรมันจะมีความมุ้งมิ้งกะเค้าด้วย เพราะตลอดทางเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำไรน์นี้ มีแม่กุญแจคล้องอยู่เต็มราวสะพาน แบบเกาหลี,ฝรั่งเศส ก็แอบขำๆ ในใจไป (ขากลับ ก็เดินกลับไปเอากระเป๋าแล้วนั่งรถไฟกลับไปที่ Köln Hbf อีกรอบ T^T)
Kölner Dom (Cologne Cathedral)
เมื่อถึง Köln Hauptbahnhof (Hauptbahnhof หรือ Hbf = สถานีรถไฟ) ก็จะเห็น Kölner Dom ตั้งตระหง่านอย่างเห็นได้ชัด ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิคอย่างชัดเจนคือ สูง ทึบ มืด ยิ่งพอได้เดินเข้าไปใกล้ๆ ก็จะเห็นถึงความสวยงามของตัวโบสถ์มากขึ้น
หลังจากเดินชม Kölner Dom เรียบร้อยแล้ว บริเวณรอบนอกก็จะเป็นแหล่งชอปปิ้งแบรนด์ดังทั้งหลาย และถ้าหากไปในช่วงเดือนธันวาคมแบบเรา เค้าก็จะมี Christmas Market ด้วย ซึ่งจะคล้ายๆ กับตลาดนัดบ้านเรา ขายพวกของประดับตกแต่งในช่วงคริสต์มาสและอาหาร ตั้งแต่ช่วงกลางวันจนมืดเลย ซึ่งแต่ละที่ก็จะขายอาหารคล้ายๆ กัน แต่จุดเด่นเลยคือ ไวน์อุ่น มีทั้งแดงและขาว ใส่มาในแก้วเคลือบลายคริสต์มาสน่ารักๆ แต่ละร้านก็จะมีลายต่างกัน โดยถือไปกินตรงไหนก็ได้ ตอนซื้อเค้าก็บวกค่าแก้ว ถ้ากินเสร็จแล้วเอาไปคืนก็จะได้เงินคืนค่ะ
วันที่ 2
วันนี้ออกจาก Köln ไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ ค่ะ คือ Bonn และ Königswinter
Bonn : Beethoven Haus หรือ บ้านบีโธเฟ่น (ค่าเข้า 6 ยูโร)
การเดินทาง
นั่งรถไฟจาก Köln Hbf ไป Bonn Hbf ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และนั่งรถบัสต่อจาก Bonn Hbf อีกประมาณ 10 นาที ลงที่ป้าย Beethovenhaus เดินข้ามถนนแล้วเลี้ยวเข้าซอย ตัวบ้านค่อนข้างสังเกตยากนิดนึงค่ะ
Ludwig van Beethoven นักดนตรีและนักแต่งเพลงที่เป็นบุคคลสำคัญของโลกที่น้อยคนจะไม่รู้จักชื่อของเค้า ภายในตัวบ้านแต่ละชั้นจะถูกจัดเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติและผลงานของบีโธเฟ่นทั้งหมด ใครที่ชื่นชอบดนตรีคลาสสิคน่าจะอินมากทีเดียว
http://www.beethoven-haus-bonn.de/sixcms/detail.php?template=portal_en
Königswinter : Schloss Drachenburg
การเดินทาง
ซื้อตั๋วเดินทางต่อจากป้าย Beethovenhaus ไปลงที่ Königswinter/Clemens-August-Straße แล้วเดินเลียบแม่น้ำไรน์ต่อไปซักพักจะเจอทางแยกทางซ้ายมือ ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ จนข้ามทางรถไฟไปก็จะเจอทางขึ้นเขา (แนะนำว่าให้ถามทางจากคนแถวนั้นค่ะ)
ไม่รู้ว่าเพราะเป็นช่วงฤดูหนาวด้วยรึเปล่าที่ทำให้บริเวณเมืองนี้เงียบมากจนรู้สึกประหม่า เพราะเท่าที่สังเกตดูรอบๆ ก็มีร้านอาหาร ร้านขายของ บริการเช่าเรือล่องแม่น้ำ และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แต่กลับไม่มีคนเลย และยิ่งเดินก็ยิ่งไม่มีคน จะมีเดินผ่านมาบ้างคนสองคนให้ถามทาง พอเดินมาถึงทางขึ้นเขาก็มีป้ายใหญ่โตแถมมีร้านอาหาร และมีบริการรถที่จะพาไปปราสาท แต่ก็ปิดหมด ถึงตรงนี้ บางงคนอาจจะถอยกลับแล้ว แต่เราเดินต่อค่าาา... เดินขึ้นเขาไปคนเดียว (ทั้งที่เจ็บเข่า) ระหว่างทางก็เป็นต้นไม้ บ้านคนบ้าง มีรถสวนบ้าง วิวก็สวยดี เดินไปจนใกล้จะถึงตัวปราสาท ก็มีร้านอาหารประปรายแต่ปิด ก็เริ่มหวั่นใจนิดๆ ละ แต่ก็ยังเดินไปจนถึงหน้าปราสาท มีรถคันนึงขับเข้ามา ประตูก็เปิดออก เราก็เนียนๆ เดินเข้าไป แล้วรถคันนั้นก็หยุด มีชายคนนึงเดินลงมาแล้วบอกว่า วันนี้ปราสาทปิด! เข้าไม่ได้ๆ ... ทุกอย่างถูกคลี่คลายในทันที เดินคอตกอยู่ข้างนอกปราสาทเงียบๆ แต่ก็มีคนเดินหลงมาแบบเราบ้างสองสามคน ... ดังนั้น ก่อนจะมาที่นี่ให้วางแผนให้ดีค่ะ ในฤดูหนาว ที่นี่จะเปิดแค่ เสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00 - 17.00 น. เท่านั้น
http://www.schloss-drachenburg.de/content/allgemeine_infos/oeffnungszeiten.html
Schloss Drachenburg จากนอกรั้ว ฮือออ
วิวทางเดินระหว่างทางขากลับ
วันที่ 3
วันสุดท้ายใน Köln ถ้าไม่ไปที่นี่ ถือว่ามาไม่ถึง Köln ค่ะ
NS-DOK (National Socialist Documentation Center of the City of Cologne)
(ค่าเข้าชม 4.5 ยูโร + audio guide 2 ยูโร)
การเดินทาง
นั่งรถไฟมาลงที่ Appellhofplatz แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยก็เจอเลยค่ะ มีป้ายบอกตลอดทาง
NS-DOK เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวในยุคนาซี ตัวอาคารชื่อว่า EL-DE-House เคยถูกใช้เป็นกองบัญชาการของตำรวจลับ Gestapo ชั้นใต้ดินของตึกนี้ถูกใช้เป็นคุกและห้องทรมานพวกแรงงานที่ถูกจับมา บรรยากาศภายในจึงรู้สึกได้ถึงความหดหู่และเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าเศร้า ใช้เวลาในการเดินชมนิทรรศการนี้ค่อนข้างนานเพราะมันเต็มไปด้วยข้อมูลจากเอกสารและรูปภาพของเหยื่อและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อชมจนครบแล้ว ด้านล่างก็มีนิทรรศการเพิ่มเติมอีกจากค่าย Auchwitz ในโปแลนด์ ก็จะเห็นภาพของเหตุการณ์ในช่วงนั้นชัดขึ้น
หลังจากดูอะไรหนักๆ ไปแล้ว ก็มาปิดท้ายด้วยอะไรเบาๆ อย่าง Schokoladenmuseum (Chocolate Museum) ซะหน่อย : )
Schokoladenmuseum (ค่าเข้าชม 9 ยูโร)
การเดินทาง
นั่งรถไฟจาก Appellhofplatz ลงที่ Heumarkt แล้วเดินเลียบแม่น้ำไรน์มาประมาณ 10 นาทีก็ถึงค่ะ
คนที่ชอบช็อกโกแลตนี่ห้ามพลาดเลย เพราะในนี้จะมีทั้งนิทรรศการตั้งแต่การปลูกจนถึงผลิตเป็นช็อกโกแลตให้ชิมกันได้สดๆ แถมยังสามารถทำช็อกโกแลตรสชาติของตัวเองได้อีกด้วยค่ะ : D
ได้ชิมสดๆ เลยค่าาา ^^
ช็อกโกแลตที่เราเลือกส่วนผสมได้เองค่ะ : D แต่ลืมไปแล้วว่ากี่ยูโร ฮี่ๆ
สำหรับเรา 3 วันสำหรับ Cologne ถือว่ากำลังดีเลยค่ะ การเดินทางก็สะดวกสบาย ถนนค่อนข้างดี สะอาด เป็นระเบียบ อาหารอร่อย (แต่ส่วนใหญ่จะออกเค็มๆ) และเบียร์อร่อยค่ะ ^ ^
เพิ่มเติม
* สำหรับคนที่ไปค้างกับญาติพี่น้องหรือเพื่อน เวลาทำวีซ่าเค้าจะขอดูจดหมายเชิญ ซึ่งยุ่งยาก วิธีง่ายๆ ที่เราทำ (อ่านมาจากในพันทิปนี่แหละ อิอิ) คือ จองโรงแรมแบบยกเลิกได้ค่ะ และต้องดูด้วยว่าต้องไม่มีการวางมัดจำหรือหักค่าห้องเลย 100% ซึ่งราคาจะแพงกว่าแบบยกเลิกไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อเราได้วีซ่าแล้ว เราก็มากดยกเลิกทีหลังได้โดยไม่เสียเงินเลยค่ะ
จบแล้วค่ะสำหรับ Cologne ยังเหลือเมืองสุดท้ายก่อนกลับบ้านอีกวันนึงค่ะ คือ Munich เด๋วมาต่อค่ะ : )
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น