เคยยืมล๊อกอินนี้ตั้งกระทู้มาแล้วครั้งนึงครับ
วันนี้จะขอยืมเจ้าของล๊อกอินมาถามอีกสักทีเพราะอยุ่ในเหตุการณ์ด้วยกัน
ผมได้ไป ทานอาหาร ที่ร้านแห่งหนึ่ง กำลัง จะลงรถ
เหตุเกิดที่ลานจอดรถ ตอนกำลังจะจอดรถนั้น
มีรถคันหนึ่ง กำลังเดินหน้าเผื่อถอยจอด
อาจจะด้วยไม่เห็นด้านหน้าฝั่งซ้าย
ซึ่งต้นไม้บัง
ทำให้ตอนเดินหน้ารถคันนี้เฉี่ยว เท้าของยามที่กำลังก้มอยู่
ผมตกใจเพราะเห็นเหตุการณ์เลยวิ่งไปดู
ยามก็บอกเจ็บๆ
รถคู่กรณีก็ลงมา ผมก็เตรียมจะต่อว่า แต่ยั้งใจได้
จะรอดูก่อนว่าจะแก้ตัวยังไง
มีสามคน คนขับเป็นผู้ชาย น่าจะเป็นลูก แล้วก็มีหญิงกลางคน กับเด็กสาวอีกหนึ่งคน
พอสามคนนี้ลงมา คนที่เป็นลูกชายถามว่า เจ็บมากไหม ไปโรงบาลไหม เพราะอยู่ไม่ไกล
ยามก็บอกว่าเจ็บ แต่ขยับได้อยู่ แต่พอเดินจะปวดแปร๊บๆ
ผู้หญิงที่อายุเยอะซึ่งน่าจะเป็นแม่ จึงพยุงยาม
ไปนั่งร่มไม้ อละมีนามอีกคนวิ่งมาดู
ผมก็พยุงครับ ยามก็บอกไม่เป็นไร
ทางฝ่ายคู่กรณี อยากให้ไปโรงพยาบาล เพราะไม่อยากให้มีปัญหาทีหลัง
ฝ่ายคุณแม่ ก็ถอดรองเท้ายามออก
แต่ยามบอกว่าต้องขออนุญาติ หัวหน้า
ผมก็บอกว่า ไม่จำเป็นต้องบอกหัวหน้า มันเป็นอุบัติเหตุ
แต่ยามยืนยันว่าจะหายามา เพราะเริ่มดีขึ้น ชาๆ ไม่ปวดแล้ว รอหลังเลิกงาน
คู่กรณีทั้งสามจึงเสนอเงินให้ 1 หมื่นบาท เพื่อไปตรวจหลังเลิกงาน และเงินทีเหลือเป็นค่าทำขวัญ
ยามก็ยินดี
ส่วนถ้าไม่พอ ได้มีการแลกเบอโทรศัพ โดยให้ผมเป็นพยานรับรู้เหตุการณ์
ทั้งสามคนคุยกันว่าจะกลับเลย เพราะตกใจ
ไม่อยากทานที่ร้านแล้ว
แต่เด็กผู้หญิงบอกว่า งั้นกินกาแฟก่อนมั้ย
รอดูอาการซักชั่วโมง ไม่ดีขึ้น ค่อยไปโรงบาล เพราะขับไปแค่กิโลเดียว
ผมก็เลยแยกย้ายครับ สั่งกาแฟ
หลังจากนั้น.. ประมาณห้านาที
ผมก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกหน้าร้าน
เลยเดินไปดูครับ
เห็นมีคนมุง ที่ลุงยาม
ใจความประมานว่า " มีคนขับรถเหยียบผม
เจ็บมาก" อะไรประมาณนี้
แล้วก็มีเสียงคนรอบๆนั้น ด่าว่า ทำคนเจ็บไม่รับผิดชอบ
โดยเฉพาะ เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ผมขอใช้คำว่า พยายามพูดเสียงดัง และแสดงตัวเป็นฮี่โร่
วินิจฉัยอาการว่า ขาคงหัก ต้องไปโรงบาล
( ผมมารู้ทีหลังว่าเป็นพนักงานคนหนึ่ง )
ผมจึงเดินกลับมาสะกิด คู่กรณี ที่กำลังสั่งกาแฟว่า
ข้างนอก ยุ่งแล้วนะครับ ข้างนอกเค้าโวยวาย
คู่กรณีทั้งสามก็มายืนฟัง พนักงานคนนั้นโวยวาย
คู่กรณี เลยทำหน้างงๆ ว่า
ไม่ได้ไม่รับผิดชอบ เพียงแต่ ยังไม่รู้ว่าต้องทำไงต่อ
ผู้ชายที่เป็นคนขับเลย บอกว่างันไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย
(ต่อไปเป็นบทสนทนานะครับ)
พนักงาน : มันร้ายแรงนะเนี่ย ขาหักแน่เลย
ใครทำลุงครับ
ผู้ชายคนขับ : ผมเองครับ เมื่อกี๊ ได้คุยไปเบื้องต้นแล้ว ลุงจะไปหลังเลิกงาน
ส่วนค่าใช้จ่าย ผมรับผิดชอบเอง
พนักงาน: (ไม่มองหน้าคู่กรณี ยังพยายาม พูดเสียงดัง ผมเองเริ่มหมั่นไส้ เพราะอยู่ในเหตุการณ์ แต่ต้น )
ลุงไปโรงบาลดีกว่านะ ไม่มีใครรับผิดชอบ ผมจะช่วยลุงเอง ( เอ้า ไอ้เด็กคนขับพึ่งบอกจะรับผิดชอบ เอ็งไม่ฟังหรอ )
ผมเห็นคนขับรถ หน้าชาแล้วครับ
เข้าใจนะ ก็เลยเดินออกไปถอยรถ เพื่อมารับยาม
พนักงานคนนั้น ก็พยุงลุงมาที่รถ
แล้วบอกว่า " ผมไม่ได้ไปด้วยใครจะพยุงลุงลง"
( ผมเห็นน้องผู้หญิงหน้าชา )
น้องผู้หญิง : " พี่คะ ทำไมจะไม่มีคนพยุงลุง สามคนยืนอยู่นี่จิ้งจกหรอคะ "
(พนักงานทำเหมือนไม่ได้ยินครับ )
ผมก็ได้แต่มอง รถคู่กรณีขับออกไป
จากนั้น เหตุการณ์ต่อมา คือ พนักงานคนนี้ พยายามพูดเหมือนว่า สามคนนั้นไม่รับผิดชอบ
ให้คนมนร้าน ซึ่งเป็นลูกค้า และพนักงานคนอื่นฟัง
ผมจะมาเล่าต่อครับ
สิ่งที่ผมงงคือ เราสามารถเป็นคนดีได้ โดยไม่ต้องทำให้คนอื่นดูเสียหาย
พนักงานร้านคนนี้ แทนที่จะสอบถามที่มาที่ไปน่าจะเข้าใจกัน
แต่นี่ผมว่าน้องพยักงานอยากเป็นฮี่โร่ครับ
การเป็นห่วงคนอื่นดีครับ เห็นด้วย
แต่ไม่ใช่แสดงความเป็นคนดี โดยการ
พูดให้คนอื่นดูแย่
สังคมมันเป็นแบบนี้ครับ ฟังอะไรมาก็เห็นตามนั้น
ไม่วิเคราห์สถานการณ์
เหตุการนี้ไม่ต้องการหาว่า ใครผิดถูก ระหว่างคู่กรณี
แต่ผมสงสัยว่า การทำดีของคนเราทุกวันนี้
มันเรียกว่าดีจริงๆหรือ
คนเราทำดี ทำไมต้องพูดให้คนอื่นดูแย่ เป็นฮี่โร่ที่เหยียบหัวของคนอื่นไป
วันนี้จะขอยืมเจ้าของล๊อกอินมาถามอีกสักทีเพราะอยุ่ในเหตุการณ์ด้วยกัน
ผมได้ไป ทานอาหาร ที่ร้านแห่งหนึ่ง กำลัง จะลงรถ
เหตุเกิดที่ลานจอดรถ ตอนกำลังจะจอดรถนั้น
มีรถคันหนึ่ง กำลังเดินหน้าเผื่อถอยจอด
อาจจะด้วยไม่เห็นด้านหน้าฝั่งซ้าย
ซึ่งต้นไม้บัง
ทำให้ตอนเดินหน้ารถคันนี้เฉี่ยว เท้าของยามที่กำลังก้มอยู่
ผมตกใจเพราะเห็นเหตุการณ์เลยวิ่งไปดู
ยามก็บอกเจ็บๆ
รถคู่กรณีก็ลงมา ผมก็เตรียมจะต่อว่า แต่ยั้งใจได้
จะรอดูก่อนว่าจะแก้ตัวยังไง
มีสามคน คนขับเป็นผู้ชาย น่าจะเป็นลูก แล้วก็มีหญิงกลางคน กับเด็กสาวอีกหนึ่งคน
พอสามคนนี้ลงมา คนที่เป็นลูกชายถามว่า เจ็บมากไหม ไปโรงบาลไหม เพราะอยู่ไม่ไกล
ยามก็บอกว่าเจ็บ แต่ขยับได้อยู่ แต่พอเดินจะปวดแปร๊บๆ
ผู้หญิงที่อายุเยอะซึ่งน่าจะเป็นแม่ จึงพยุงยาม
ไปนั่งร่มไม้ อละมีนามอีกคนวิ่งมาดู
ผมก็พยุงครับ ยามก็บอกไม่เป็นไร
ทางฝ่ายคู่กรณี อยากให้ไปโรงพยาบาล เพราะไม่อยากให้มีปัญหาทีหลัง
ฝ่ายคุณแม่ ก็ถอดรองเท้ายามออก
แต่ยามบอกว่าต้องขออนุญาติ หัวหน้า
ผมก็บอกว่า ไม่จำเป็นต้องบอกหัวหน้า มันเป็นอุบัติเหตุ
แต่ยามยืนยันว่าจะหายามา เพราะเริ่มดีขึ้น ชาๆ ไม่ปวดแล้ว รอหลังเลิกงาน
คู่กรณีทั้งสามจึงเสนอเงินให้ 1 หมื่นบาท เพื่อไปตรวจหลังเลิกงาน และเงินทีเหลือเป็นค่าทำขวัญ
ยามก็ยินดี
ส่วนถ้าไม่พอ ได้มีการแลกเบอโทรศัพ โดยให้ผมเป็นพยานรับรู้เหตุการณ์
ทั้งสามคนคุยกันว่าจะกลับเลย เพราะตกใจ
ไม่อยากทานที่ร้านแล้ว
แต่เด็กผู้หญิงบอกว่า งั้นกินกาแฟก่อนมั้ย
รอดูอาการซักชั่วโมง ไม่ดีขึ้น ค่อยไปโรงบาล เพราะขับไปแค่กิโลเดียว
ผมก็เลยแยกย้ายครับ สั่งกาแฟ
หลังจากนั้น.. ประมาณห้านาที
ผมก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกหน้าร้าน
เลยเดินไปดูครับ
เห็นมีคนมุง ที่ลุงยาม
ใจความประมานว่า " มีคนขับรถเหยียบผม
เจ็บมาก" อะไรประมาณนี้
แล้วก็มีเสียงคนรอบๆนั้น ด่าว่า ทำคนเจ็บไม่รับผิดชอบ
โดยเฉพาะ เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ผมขอใช้คำว่า พยายามพูดเสียงดัง และแสดงตัวเป็นฮี่โร่
วินิจฉัยอาการว่า ขาคงหัก ต้องไปโรงบาล
( ผมมารู้ทีหลังว่าเป็นพนักงานคนหนึ่ง )
ผมจึงเดินกลับมาสะกิด คู่กรณี ที่กำลังสั่งกาแฟว่า
ข้างนอก ยุ่งแล้วนะครับ ข้างนอกเค้าโวยวาย
คู่กรณีทั้งสามก็มายืนฟัง พนักงานคนนั้นโวยวาย
คู่กรณี เลยทำหน้างงๆ ว่า
ไม่ได้ไม่รับผิดชอบ เพียงแต่ ยังไม่รู้ว่าต้องทำไงต่อ
ผู้ชายที่เป็นคนขับเลย บอกว่างันไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย
(ต่อไปเป็นบทสนทนานะครับ)
พนักงาน : มันร้ายแรงนะเนี่ย ขาหักแน่เลย
ใครทำลุงครับ
ผู้ชายคนขับ : ผมเองครับ เมื่อกี๊ ได้คุยไปเบื้องต้นแล้ว ลุงจะไปหลังเลิกงาน
ส่วนค่าใช้จ่าย ผมรับผิดชอบเอง
พนักงาน: (ไม่มองหน้าคู่กรณี ยังพยายาม พูดเสียงดัง ผมเองเริ่มหมั่นไส้ เพราะอยู่ในเหตุการณ์ แต่ต้น )
ลุงไปโรงบาลดีกว่านะ ไม่มีใครรับผิดชอบ ผมจะช่วยลุงเอง ( เอ้า ไอ้เด็กคนขับพึ่งบอกจะรับผิดชอบ เอ็งไม่ฟังหรอ )
ผมเห็นคนขับรถ หน้าชาแล้วครับ
เข้าใจนะ ก็เลยเดินออกไปถอยรถ เพื่อมารับยาม
พนักงานคนนั้น ก็พยุงลุงมาที่รถ
แล้วบอกว่า " ผมไม่ได้ไปด้วยใครจะพยุงลุงลง"
( ผมเห็นน้องผู้หญิงหน้าชา )
น้องผู้หญิง : " พี่คะ ทำไมจะไม่มีคนพยุงลุง สามคนยืนอยู่นี่จิ้งจกหรอคะ "
(พนักงานทำเหมือนไม่ได้ยินครับ )
ผมก็ได้แต่มอง รถคู่กรณีขับออกไป
จากนั้น เหตุการณ์ต่อมา คือ พนักงานคนนี้ พยายามพูดเหมือนว่า สามคนนั้นไม่รับผิดชอบ
ให้คนมนร้าน ซึ่งเป็นลูกค้า และพนักงานคนอื่นฟัง
ผมจะมาเล่าต่อครับ
สิ่งที่ผมงงคือ เราสามารถเป็นคนดีได้ โดยไม่ต้องทำให้คนอื่นดูเสียหาย
พนักงานร้านคนนี้ แทนที่จะสอบถามที่มาที่ไปน่าจะเข้าใจกัน
แต่นี่ผมว่าน้องพยักงานอยากเป็นฮี่โร่ครับ
การเป็นห่วงคนอื่นดีครับ เห็นด้วย
แต่ไม่ใช่แสดงความเป็นคนดี โดยการ
พูดให้คนอื่นดูแย่
สังคมมันเป็นแบบนี้ครับ ฟังอะไรมาก็เห็นตามนั้น
ไม่วิเคราห์สถานการณ์
เหตุการนี้ไม่ต้องการหาว่า ใครผิดถูก ระหว่างคู่กรณี
แต่ผมสงสัยว่า การทำดีของคนเราทุกวันนี้
มันเรียกว่าดีจริงๆหรือ