* สินสมุทรฟังเสียงสำเนียงแน่ รู้ว่าแม่มั่นคงไม่สงไสย
ดูรูปร่างอย่างเปรตสมเพชใจ ช่างกระไรราศีไม่มีงาม
กระนี้หรือพระบิดามิน่าหนี ทั้งท่วงทีไม่สุภาพทำหยาบหยาม
จำจะบอกหลอกลวงหน่วงเนื้อความ อย่าให้ตามเข้าไปชิดพระบิดา
จึงเสแสร้งแกล้งว่าข้าไม่เชื่อ จะฉีกเนื้อกินเล่นเป็นภักษา
ถ้าเป็นแม่แน่กระนั้นจงกรุณา อย่างตามมามุ่งหมายให้ว่ายปราณ
ด้วยองค์พระชนนีเป็นผีเสื้อ อันชาติเชื้ออยู่ถ้ำลำละหาร
พระบิดรร้อนรนทนทรมาน เคยอยู่บ้านเมืองมนุษย์สุดสบาย
คิดถึงวงศ์พงศาคณาญาติ จึงสามารถมานี่ไม่หนีหาย
เห็นมารดรซ่อนตัวด้วยกลัวตาย ลูกจึงว่ายน้ำอยู่แต่ผู้เดียว
ประทานโทษโปรดปล่อยไปหน่อยเถิด ที่ละเมิดแม่คุณอย่าฉุนเฉียว
ลูกขอลาฝ่าธุลีสักปีเดียว ไปท่องเที่ยวหาประเทศเขตนคร
แม้พบอาย่าปู่อยู่เป็นสุข บรรเทาทุกข์ภิญโญสโมสร
จึงจะชวนบิตุเรศเสด็จจร มาสถานมารดรไม่นอนใจ ฯ
* อสุรีผีเสื้อไม่เชื่อถ้อย นึกว่าน้อยหรือ**มาแก้ไข
แกล้งดับเดือดเงือดงดอดฤไทย ทำปราไสยเสียงหวานด้วยมารยา
ถ้าแม้นแม่แต่แรกรู้กระนี้ ชนนีก็จะได้ไม่เที่ยวหา
นี่นึกแหนงแคลงความจึงตามมา ไม่โกรธาทูลหัวอย่ากลัวเลย
จะไปไหนไม่ห้ามจะตามส่ง ไหนทรงฤทธิบิตุรงค์เล่าลูกเอ๋ย
แม่ขอพบพูดจาประสาเคย แล้วทรามเชยจึงค่อยพาบิดาไป ฯ
* สินสมุทรสุดฉลาดไม่อาจบอก ยังซ้ำหลอกลวงแม่พูดแก้ไข
มิใช่การมารดาจะคลาไคล ขอเชิญไปอยู่ในถ้ำให้สำราญ
ซึ่งจะให้ไปบอกออกมาหา บิดาข้าขี้ขลาดไม่อาจหาญ
พระแม่อย่าทาระกำให้รำคาญ ไม่ช้านานบิตุรงค์คงจะมา ฯ
* อสุรีผีเสื้อเหลือจะอด แค้นโอรสราวกับไฟไหม้มังสา
ช่างหลอกหลอนผ่อนผันจำนรรจา แม้นจะว่าโดยดีเห็นมิฟัง
จะจับไว้ให้พาไปหาพ่อ แล้วหักคอเสียให้ตายเมื่อภายหลัง
โกรธตวาดผาดเสียงสำเนียงดัง น้อยหรือยังโหยกเหยกเด็กเกเร
ช่างว่ากล่าวราวกับกูไม่รู้เท่า มาพูดเอาเปรียบผู้ใหญ่ทำไพล่เผล
เอาบิดรซ่อนไว้ในทะเล ทำโว้เว้ว่ากล่าวให้ยาวความ
ยิ่งปลอบโยนโอนอ่อนยิ่งหลอนหลอก แม้นไม่บอกโดยดีจะตีถาม
พลางโผโผนโจนโจมเสียงโครมคราม เข้าไล่ตามคลุกคลีตีไปพลาง
สินสมุทรผลุดออกนอกรักแร้ แล้วล่อแม่ตบหัตถ์ผัดผางผาง
แกล้งหลบลี้หนีวนไปต้นทาง หมายให้ห่างพระบิดาได้คลาไคล
นางผีเสื้อเหลือแค้นแสนสาหัส แต่ฉวยพลัดแพลงคลื่นลื่นไถล
อุตลุดผุดดำปล้ำกันไป เหมือนเล่นไล่ตามละเมาะทุกเกาะเกียน
ถึงเขาใหญ่ในน้ำง้ำชะเงื้อม พระหลบเลื่อมเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
เข้าหาดทรายชายตื้นขึ้นบนเตียน เที่ยววิ่งเวียนวนรอบขอบคิรี
เห็นมารดาล่าลับแล้วยับยั้ง แกล้งถอยหลังลงน้ำแล้วดำหนี
ไม่พ่นผุดรุดไปในนที ตั้งภักดีตามติดพระบิดร ฯ
* ฝ่ายผีเสื้อเมื่อลูกลอบลงน้ำ พอจวนค่ำคิดว่าวิ่งขึ้นสิงขร
ด้วยใจนางคิดว่าพาบิดร มาซุ่มซ่อนอยู่ที่นี่จึงหนีมา
เที่ยวแลรอบขอบเขาเงาชะงุ้ม ยิ่งมืดคลุ้มก็ยิ่งคลั่งตั้งแต่หา
เสียงคลื่นโครมโถมตะครุบก้อนศิลา จนหน้าตาแตกยับลงสับเงา
แล้วลุกขึ้นยืนชะโงกโยกสิงขร จนโคลงคลอนเคลื่อนดังทั้งภูเขา
ยิ่งมืดค่ำสำเหนียกร้องเรียกเดา ไม่พ้นเราเร่งมาหาโดยดี
เห็นไม่ขานมารร้ายทลายซ้ำ เขา**ย่อยยับดังสับสี
ไม่พบเห็นเป็นเพลาเข้าราตรี อสุรีเหลือแค้นเน่นอุรา
ช่าง
หัวกระดูกลูก** ลวงให้แม่หลงกลเที่ยวค้นหา
เออกระนั้นมันจึงทบตลบมา ให้บิดาเลยไปเสียไกลแล้ว
ดำริพลางนางมารอ่านพระเวท ให้สองเนตรโชติช่วงดังดวงแก้ว
แลเขม้นเห็นไปไวแววแวว อยู่โน่นแล้วลุยตามโครมครามไป ฯ
* หน่อนรินทร์สินสมุทรไม่หยุดยั้ง รีบมาทั้งคืนค่ำในน้ำไหล
จนแจ่มแจ้งสุริโยอโณไทย เห็นเงือกใหญ่ยายตายังล้านัก
จึงว่ารีบถีบถอนไปก่อนท่าน โน่นนางมารหมุนไล่มาใกล้หนัก
แล้วว่ายรอคลอไปพอได้พัก พอนางยักษ์ทันโถมกระโจมมา
พระลูกหลบพบเงือกจะ**หนี เหยียบขยี้สองแขนแน่นนักหนา
ตะคอกถามตามโมโหที่โกรธา ไย**พา**พรากมาจากกู
เดี๋ยวนี้องค์พระอภัยอยู่ไหนเล่า ไม่บอกเราหรือกระไรทำไขหู
จะควักเอานัยน์ตาออกมาดู ตะคอกขู่คุกถามคำรามรณ ฯ
* ทั้งสองเงือก**กายหมายไม่รอด ถึงม้วยมอดมิให้แจ้งแห่งนุสนธิ์
จึงกล่าวแกล้งแสร้งเสด้วยเล่ห์กล เธออยู่บนเขาขวางริมทางมา
ข้าจะพาไปจับจงกลับหลัง ให้ได้ดังมุ่งมาดปรารถนา
ไม่เหมือนคำรำพรรณที่สัญญา จงเข่นฆ่าให้เราม้วยไปด้วยกัน ฯ
* อสุรีผีเสื้อก็เชื่อถือ ยุดเอามือขวาซ้ายให้ผายผัน
เงือกก็พามาถึงได้ครึ่งวัน แกล้งรำพรรณพูดล่อให้ต่อไป
นางผีเสื้อเบื่อหูรู้เท่าถึง จึงว่า****มาแก้ไข
มาถึงนี่ชี้โน่นเนื่องกันไป แกล้งจะให้ห่าง**ไม่กลัวกู
แล้วนางยักษ์หักขาฉีกสองแขน ไม่หายแค้นเคี้ยวกินสิ้นทั้งคู่
แล้วกลับตามข้ามทางท้องสินธู ออกว่ายวู่แหวกน้ำด้วยกำลัง ฯ
* ฝ่ายกุมารสินสมุทรไม่หยุดหย่อน ตามบิดรทันสมอารมณ์หวัง
จึงเล่าความตามติดไม่ปิดบัง พระทรงฟังลูกชายค่อยคลายใจ
พอเห็นเงาเขาขวางอยู่กลางน้ำ พิลึกล้ำกว่าคิรีที่ไหนไหน
จึงถามนางเงือกน้อยกลอยฤทัย เกาะอะไรแก้วตาตรงหน้าเรา ฯ
* นางเงือกน้ำบอกสำคัญว่านั่นแล้ว คือเกาะแก้วพิสดารเป็นชานเขา
พระฟังนางสร่างโศกค่อยบันเทา จึงว่าเราเห็นรอดไม่วอดวาย
แล้วสพิศดูภูผาศิลาเสื่อม ชะโงกเงื้อมน้ำวลชลสาย
แลลิบลิบหลังคาศาลาราย มีเสาหงส์ธงปลายปลิวระยับ
พระยินดีชี้บอกสินสมุทร โน่นแน่กุฏิ์มุงกระเบื้องเหลืองสลับ
พระหน่อน้อยค่อยเรียงเคียงคำนับ หมายประทับที่เสาหงส์ตรงเข้ามา ฯ
.
.
.
.
.
ตามนี้นะครับ ขอแบบด่วนๆเลยนะครับ
ช่วยถอดคำประพันธ์ เรื่อง พระอภัยมณี ตอน หนีนางผีเสื้อสมุทร
ดูรูปร่างอย่างเปรตสมเพชใจ ช่างกระไรราศีไม่มีงาม
กระนี้หรือพระบิดามิน่าหนี ทั้งท่วงทีไม่สุภาพทำหยาบหยาม
จำจะบอกหลอกลวงหน่วงเนื้อความ อย่าให้ตามเข้าไปชิดพระบิดา
จึงเสแสร้งแกล้งว่าข้าไม่เชื่อ จะฉีกเนื้อกินเล่นเป็นภักษา
ถ้าเป็นแม่แน่กระนั้นจงกรุณา อย่างตามมามุ่งหมายให้ว่ายปราณ
ด้วยองค์พระชนนีเป็นผีเสื้อ อันชาติเชื้ออยู่ถ้ำลำละหาร
พระบิดรร้อนรนทนทรมาน เคยอยู่บ้านเมืองมนุษย์สุดสบาย
คิดถึงวงศ์พงศาคณาญาติ จึงสามารถมานี่ไม่หนีหาย
เห็นมารดรซ่อนตัวด้วยกลัวตาย ลูกจึงว่ายน้ำอยู่แต่ผู้เดียว
ประทานโทษโปรดปล่อยไปหน่อยเถิด ที่ละเมิดแม่คุณอย่าฉุนเฉียว
ลูกขอลาฝ่าธุลีสักปีเดียว ไปท่องเที่ยวหาประเทศเขตนคร
แม้พบอาย่าปู่อยู่เป็นสุข บรรเทาทุกข์ภิญโญสโมสร
จึงจะชวนบิตุเรศเสด็จจร มาสถานมารดรไม่นอนใจ ฯ
* อสุรีผีเสื้อไม่เชื่อถ้อย นึกว่าน้อยหรือ**มาแก้ไข
แกล้งดับเดือดเงือดงดอดฤไทย ทำปราไสยเสียงหวานด้วยมารยา
ถ้าแม้นแม่แต่แรกรู้กระนี้ ชนนีก็จะได้ไม่เที่ยวหา
นี่นึกแหนงแคลงความจึงตามมา ไม่โกรธาทูลหัวอย่ากลัวเลย
จะไปไหนไม่ห้ามจะตามส่ง ไหนทรงฤทธิบิตุรงค์เล่าลูกเอ๋ย
แม่ขอพบพูดจาประสาเคย แล้วทรามเชยจึงค่อยพาบิดาไป ฯ
* สินสมุทรสุดฉลาดไม่อาจบอก ยังซ้ำหลอกลวงแม่พูดแก้ไข
มิใช่การมารดาจะคลาไคล ขอเชิญไปอยู่ในถ้ำให้สำราญ
ซึ่งจะให้ไปบอกออกมาหา บิดาข้าขี้ขลาดไม่อาจหาญ
พระแม่อย่าทาระกำให้รำคาญ ไม่ช้านานบิตุรงค์คงจะมา ฯ
* อสุรีผีเสื้อเหลือจะอด แค้นโอรสราวกับไฟไหม้มังสา
ช่างหลอกหลอนผ่อนผันจำนรรจา แม้นจะว่าโดยดีเห็นมิฟัง
จะจับไว้ให้พาไปหาพ่อ แล้วหักคอเสียให้ตายเมื่อภายหลัง
โกรธตวาดผาดเสียงสำเนียงดัง น้อยหรือยังโหยกเหยกเด็กเกเร
ช่างว่ากล่าวราวกับกูไม่รู้เท่า มาพูดเอาเปรียบผู้ใหญ่ทำไพล่เผล
เอาบิดรซ่อนไว้ในทะเล ทำโว้เว้ว่ากล่าวให้ยาวความ
ยิ่งปลอบโยนโอนอ่อนยิ่งหลอนหลอก แม้นไม่บอกโดยดีจะตีถาม
พลางโผโผนโจนโจมเสียงโครมคราม เข้าไล่ตามคลุกคลีตีไปพลาง
สินสมุทรผลุดออกนอกรักแร้ แล้วล่อแม่ตบหัตถ์ผัดผางผาง
แกล้งหลบลี้หนีวนไปต้นทาง หมายให้ห่างพระบิดาได้คลาไคล
นางผีเสื้อเหลือแค้นแสนสาหัส แต่ฉวยพลัดแพลงคลื่นลื่นไถล
อุตลุดผุดดำปล้ำกันไป เหมือนเล่นไล่ตามละเมาะทุกเกาะเกียน
ถึงเขาใหญ่ในน้ำง้ำชะเงื้อม พระหลบเลื่อมเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
เข้าหาดทรายชายตื้นขึ้นบนเตียน เที่ยววิ่งเวียนวนรอบขอบคิรี
เห็นมารดาล่าลับแล้วยับยั้ง แกล้งถอยหลังลงน้ำแล้วดำหนี
ไม่พ่นผุดรุดไปในนที ตั้งภักดีตามติดพระบิดร ฯ
* ฝ่ายผีเสื้อเมื่อลูกลอบลงน้ำ พอจวนค่ำคิดว่าวิ่งขึ้นสิงขร
ด้วยใจนางคิดว่าพาบิดร มาซุ่มซ่อนอยู่ที่นี่จึงหนีมา
เที่ยวแลรอบขอบเขาเงาชะงุ้ม ยิ่งมืดคลุ้มก็ยิ่งคลั่งตั้งแต่หา
เสียงคลื่นโครมโถมตะครุบก้อนศิลา จนหน้าตาแตกยับลงสับเงา
แล้วลุกขึ้นยืนชะโงกโยกสิงขร จนโคลงคลอนเคลื่อนดังทั้งภูเขา
ยิ่งมืดค่ำสำเหนียกร้องเรียกเดา ไม่พ้นเราเร่งมาหาโดยดี
เห็นไม่ขานมารร้ายทลายซ้ำ เขา**ย่อยยับดังสับสี
ไม่พบเห็นเป็นเพลาเข้าราตรี อสุรีเหลือแค้นเน่นอุรา
ช่างหัวกระดูกลูก** ลวงให้แม่หลงกลเที่ยวค้นหา
เออกระนั้นมันจึงทบตลบมา ให้บิดาเลยไปเสียไกลแล้ว
ดำริพลางนางมารอ่านพระเวท ให้สองเนตรโชติช่วงดังดวงแก้ว
แลเขม้นเห็นไปไวแววแวว อยู่โน่นแล้วลุยตามโครมครามไป ฯ
* หน่อนรินทร์สินสมุทรไม่หยุดยั้ง รีบมาทั้งคืนค่ำในน้ำไหล
จนแจ่มแจ้งสุริโยอโณไทย เห็นเงือกใหญ่ยายตายังล้านัก
จึงว่ารีบถีบถอนไปก่อนท่าน โน่นนางมารหมุนไล่มาใกล้หนัก
แล้วว่ายรอคลอไปพอได้พัก พอนางยักษ์ทันโถมกระโจมมา
พระลูกหลบพบเงือกจะ**หนี เหยียบขยี้สองแขนแน่นนักหนา
ตะคอกถามตามโมโหที่โกรธา ไย**พา**พรากมาจากกู
เดี๋ยวนี้องค์พระอภัยอยู่ไหนเล่า ไม่บอกเราหรือกระไรทำไขหู
จะควักเอานัยน์ตาออกมาดู ตะคอกขู่คุกถามคำรามรณ ฯ
* ทั้งสองเงือก**กายหมายไม่รอด ถึงม้วยมอดมิให้แจ้งแห่งนุสนธิ์
จึงกล่าวแกล้งแสร้งเสด้วยเล่ห์กล เธออยู่บนเขาขวางริมทางมา
ข้าจะพาไปจับจงกลับหลัง ให้ได้ดังมุ่งมาดปรารถนา
ไม่เหมือนคำรำพรรณที่สัญญา จงเข่นฆ่าให้เราม้วยไปด้วยกัน ฯ
* อสุรีผีเสื้อก็เชื่อถือ ยุดเอามือขวาซ้ายให้ผายผัน
เงือกก็พามาถึงได้ครึ่งวัน แกล้งรำพรรณพูดล่อให้ต่อไป
นางผีเสื้อเบื่อหูรู้เท่าถึง จึงว่า****มาแก้ไข
มาถึงนี่ชี้โน่นเนื่องกันไป แกล้งจะให้ห่าง**ไม่กลัวกู
แล้วนางยักษ์หักขาฉีกสองแขน ไม่หายแค้นเคี้ยวกินสิ้นทั้งคู่
แล้วกลับตามข้ามทางท้องสินธู ออกว่ายวู่แหวกน้ำด้วยกำลัง ฯ
* ฝ่ายกุมารสินสมุทรไม่หยุดหย่อน ตามบิดรทันสมอารมณ์หวัง
จึงเล่าความตามติดไม่ปิดบัง พระทรงฟังลูกชายค่อยคลายใจ
พอเห็นเงาเขาขวางอยู่กลางน้ำ พิลึกล้ำกว่าคิรีที่ไหนไหน
จึงถามนางเงือกน้อยกลอยฤทัย เกาะอะไรแก้วตาตรงหน้าเรา ฯ
* นางเงือกน้ำบอกสำคัญว่านั่นแล้ว คือเกาะแก้วพิสดารเป็นชานเขา
พระฟังนางสร่างโศกค่อยบันเทา จึงว่าเราเห็นรอดไม่วอดวาย
แล้วสพิศดูภูผาศิลาเสื่อม ชะโงกเงื้อมน้ำวลชลสาย
แลลิบลิบหลังคาศาลาราย มีเสาหงส์ธงปลายปลิวระยับ
พระยินดีชี้บอกสินสมุทร โน่นแน่กุฏิ์มุงกระเบื้องเหลืองสลับ
พระหน่อน้อยค่อยเรียงเคียงคำนับ หมายประทับที่เสาหงส์ตรงเข้ามา ฯ
.
.
.
.
.
ตามนี้นะครับ ขอแบบด่วนๆเลยนะครับ