พอดีเห็นข่าวที่ทางแกรมมี่ตัดสินใจขายธุรกิจสิ่งพิมพ์ ให้นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย
แมกกาซีนที่เราคุ้นๆกันก็คือ IMAGE ที่มักมีดารา นางแบบ แถวหน้าหรือผู้มีชื่อเสียงในวงสังคมมาขึ้นปก
รวมไปถึง IN Magazine ที่จะวนเวียนพานักร้อง นักแสดง ในสังกัดแกรมมี่ มาลงเป็นส่วนใหญ่
มานึกถึงตัวเอง ก็ไม่ได้หยิบจับ Magazine มาอ่านเป็นเวลาหลายปีแล้ว ทำให้นึกย้อนไปถึงสมัยก่อน
Magazine Gen แรก
ถ้าย้อนกลับไปสมัยวัยรุ่นช่วงประมาณ 14 แมกกาซีนเล่มแรกที่จ่ายเงินซื้อเองคือ The Boy
ยุค เต๋า นุก ลิฟ ออย บอยสเก๊าท์
ยอมรับว่าซื้อเพราะชอบในตัวนักร้อง นักแสดง ศิลปิน แล้วถ้าเอาไปโรงเรียน เพื่อนก็จะแบบ ว้ายแก...ขอยืมหน่อย
ก็มุ้งมิ้งกันไป เป็น ยุค
โลกทั้งใบให้นายคนเดียว และ รมบ่จอย
-----------------------------------------------------------
ถ้าไปร้านทำผมในยุคนั้น หนังสือที่หยิบมาอ่านฆ่าเวลาก็จะเป็น คู่สร้างคู่สม สกุลไทย หญิงไทย กุลสตรี อะไรแบบนี้
นี่ขนาดพยายามเสพย์ความเป็นไทยแต่เด็กนะ
แต่โตมา ไม่รู้ทำไม แร้ด แรด สงสัยต้องต้มกินเข้าไปเลยถึงจะดี
ส่วนตัวคิดว่าหนังสือพวกนี้ ที่เริ่มตายไปคงเป็นเพราะ กระแสของดาราสมัยนี้ มันไปเร็วมาเร็ว
หน้าตาก็ ศัลย์ มาเหมือนๆกัน จนไม่มีอะไรเป็นเอกลักษณ์ เน้นหนังหน้า มากกว่าฝีมือทางการแสดง
เลยไม่ได้สนอกสนใจ ที่จะอยากเสียเงินซื้อเก็บไว้
ยุคนี้รักใครชอบใครก็ไป Follow กันใน Instagram เผือกกันทุกมิติ
ตั้งแต่ ตื่น แต่งตัว กิน นอน เที่ยว ขี้ ปี้ (แฟนตัวเองยันผัวคนอื่น)
ครบทุกอิริยาบถ สนุกกว่า เห็นภาพแบนๆ ในแมกกาซีน
Magazine Gen 2
พอเริ่มโตเป็นสาว ยุคนึงก็เป็นการเข้ามาของหนังสือ ELLE
อ่านตั้งแต่ 18-19 ซื้อทุกเดือน อ่านทุกเล่ม มีเสื้อผ้าอะไรสวยๆ เคล็บลับความงาม
เครื่องสำอาง ครีมทาหน้าอะไรดี ราคาเท่าไหร่ คุณสมบัติเป็นยังไง ขายที่ไหน
ก็แห่ตามไปซื้อ ตามไปมี เค้าว่าพอกอะไรขัดอะไรดี ก็ประโคมเข้าไป หัวจรดเท้า
หลังจากนั้นก็มีหนังสือแนวๆนี้ตามมาอีกบาน ไม่ว่าจะเป็น CLEO Seventeen Lisa Her World และอีกมากมาย
ช่วงสองสามปีหลังก็ไม่ได้ซื้ออีกเลย เพราะ ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง ตัวสินค้าได้ง่ายขึ้น
แถมมีข้อมูลจากหลายแหล่งอ้างอิงก่อนซื้อสินค้า ไม่เหมือนข้อมูลด้านเดียวเหมือนในแมกกาซีน
เช่นตอนนี้เราดูเสื้อผ้า ซื้อขนม ดูร้านอาหาร ดูดารา ตามหาสิ่งที่น่าสนใจ ผ่าน Instagram
เวลาอยากซื้อครีมทาผิว เครื่องสำอางก็เข้าไปดู Review ได้ใน Sephora IHERB ว่ามันดีจริงมั้ย ผสมอะไร คนอื่นใช้แล้วเป็นยังไง
อยากไปเที่ยวจี้ปุ่นก็ไม่ต้องไปซื้อคู่มือท่องเที่ยว แต่มาตามหาพิกัดอย่างละเอียดตามห้อง
BLUE PLANET ใน PANTIP
มีปัญหาชีวิตไม่ต้องไปลงคู่สร้างคู่สม แต่มาปรึกษาใน
ห้องศาลาประชาคมแทน
อยากได้สูตรอาหาร ไม่ต้องพึ่งหนังสือแม่บ้าน แต่มาตามหาในห้อง
ก้นครัว
อยากเปลี่ยนงานไม่ต้องไปซื้อหนังสือพิมพ์ หางาน รายสัปดาห์แต่มาปรึกษาในห้อง
สีลม
ถ้าถามว่ายังชอบอ่าน magazine มั้ย ยังชอบมากเหมือนเดิม
เหมือนกับการชอบอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ มากกว่า อ่านเป็น EBOOK ใน IPAD
แต่ตอนนี้ชีวิตของเราในวัย 33 มันเปลี่ยนไปมากจริงๆ ขนาด CLEO ที่เคยซื้อทุกเดือน
ตอนนี้แทบไม่ได้ซื้อเลย เดินผ่านก็เปิดอ่านผ่านๆ
ไม่ได้ควักเงินซื้อเพื่อมาเสพย์เหมือน สมัยก่อน
อยากรู้ว่ามีใครเป็นเหมือนเราบ้าง ?
ในยุคทุกอย่างออนไลน์ยังมีใครซื้อ Magazine อ่านอยู่บ้าง
แมกกาซีนที่เราคุ้นๆกันก็คือ IMAGE ที่มักมีดารา นางแบบ แถวหน้าหรือผู้มีชื่อเสียงในวงสังคมมาขึ้นปก
รวมไปถึง IN Magazine ที่จะวนเวียนพานักร้อง นักแสดง ในสังกัดแกรมมี่ มาลงเป็นส่วนใหญ่
มานึกถึงตัวเอง ก็ไม่ได้หยิบจับ Magazine มาอ่านเป็นเวลาหลายปีแล้ว ทำให้นึกย้อนไปถึงสมัยก่อน
Magazine Gen แรก
ถ้าย้อนกลับไปสมัยวัยรุ่นช่วงประมาณ 14 แมกกาซีนเล่มแรกที่จ่ายเงินซื้อเองคือ The Boy
ยุค เต๋า นุก ลิฟ ออย บอยสเก๊าท์
ยอมรับว่าซื้อเพราะชอบในตัวนักร้อง นักแสดง ศิลปิน แล้วถ้าเอาไปโรงเรียน เพื่อนก็จะแบบ ว้ายแก...ขอยืมหน่อย
ก็มุ้งมิ้งกันไป เป็น ยุคโลกทั้งใบให้นายคนเดียว และ รมบ่จอย
-----------------------------------------------------------
ถ้าไปร้านทำผมในยุคนั้น หนังสือที่หยิบมาอ่านฆ่าเวลาก็จะเป็น คู่สร้างคู่สม สกุลไทย หญิงไทย กุลสตรี อะไรแบบนี้
นี่ขนาดพยายามเสพย์ความเป็นไทยแต่เด็กนะ
แต่โตมา ไม่รู้ทำไม แร้ด แรด สงสัยต้องต้มกินเข้าไปเลยถึงจะดี
ส่วนตัวคิดว่าหนังสือพวกนี้ ที่เริ่มตายไปคงเป็นเพราะ กระแสของดาราสมัยนี้ มันไปเร็วมาเร็ว
หน้าตาก็ ศัลย์ มาเหมือนๆกัน จนไม่มีอะไรเป็นเอกลักษณ์ เน้นหนังหน้า มากกว่าฝีมือทางการแสดง
เลยไม่ได้สนอกสนใจ ที่จะอยากเสียเงินซื้อเก็บไว้
ยุคนี้รักใครชอบใครก็ไป Follow กันใน Instagram เผือกกันทุกมิติ
ตั้งแต่ ตื่น แต่งตัว กิน นอน เที่ยว ขี้ ปี้ (แฟนตัวเองยันผัวคนอื่น)
ครบทุกอิริยาบถ สนุกกว่า เห็นภาพแบนๆ ในแมกกาซีน
Magazine Gen 2
พอเริ่มโตเป็นสาว ยุคนึงก็เป็นการเข้ามาของหนังสือ ELLE
อ่านตั้งแต่ 18-19 ซื้อทุกเดือน อ่านทุกเล่ม มีเสื้อผ้าอะไรสวยๆ เคล็บลับความงาม
เครื่องสำอาง ครีมทาหน้าอะไรดี ราคาเท่าไหร่ คุณสมบัติเป็นยังไง ขายที่ไหน
ก็แห่ตามไปซื้อ ตามไปมี เค้าว่าพอกอะไรขัดอะไรดี ก็ประโคมเข้าไป หัวจรดเท้า
หลังจากนั้นก็มีหนังสือแนวๆนี้ตามมาอีกบาน ไม่ว่าจะเป็น CLEO Seventeen Lisa Her World และอีกมากมาย
ช่วงสองสามปีหลังก็ไม่ได้ซื้ออีกเลย เพราะ ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง ตัวสินค้าได้ง่ายขึ้น
แถมมีข้อมูลจากหลายแหล่งอ้างอิงก่อนซื้อสินค้า ไม่เหมือนข้อมูลด้านเดียวเหมือนในแมกกาซีน
เช่นตอนนี้เราดูเสื้อผ้า ซื้อขนม ดูร้านอาหาร ดูดารา ตามหาสิ่งที่น่าสนใจ ผ่าน Instagram
เวลาอยากซื้อครีมทาผิว เครื่องสำอางก็เข้าไปดู Review ได้ใน Sephora IHERB ว่ามันดีจริงมั้ย ผสมอะไร คนอื่นใช้แล้วเป็นยังไง
อยากไปเที่ยวจี้ปุ่นก็ไม่ต้องไปซื้อคู่มือท่องเที่ยว แต่มาตามหาพิกัดอย่างละเอียดตามห้อง BLUE PLANET ใน PANTIP
มีปัญหาชีวิตไม่ต้องไปลงคู่สร้างคู่สม แต่มาปรึกษาใน ห้องศาลาประชาคมแทน
อยากได้สูตรอาหาร ไม่ต้องพึ่งหนังสือแม่บ้าน แต่มาตามหาในห้อง ก้นครัว
อยากเปลี่ยนงานไม่ต้องไปซื้อหนังสือพิมพ์ หางาน รายสัปดาห์แต่มาปรึกษาในห้อง สีลม
ถ้าถามว่ายังชอบอ่าน magazine มั้ย ยังชอบมากเหมือนเดิม
เหมือนกับการชอบอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ มากกว่า อ่านเป็น EBOOK ใน IPAD
แต่ตอนนี้ชีวิตของเราในวัย 33 มันเปลี่ยนไปมากจริงๆ ขนาด CLEO ที่เคยซื้อทุกเดือน
ตอนนี้แทบไม่ได้ซื้อเลย เดินผ่านก็เปิดอ่านผ่านๆ
ไม่ได้ควักเงินซื้อเพื่อมาเสพย์เหมือน สมัยก่อน
อยากรู้ว่ามีใครเป็นเหมือนเราบ้าง ?