สวัสดีคะชาวไกลบ้านทุกท่าน
เราเป็นสมาชิกพันทิป มาก็หลายปีดีดัก แต่ไม่ค่อยได้โพสอะไรมากนัก มาวันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์การเรียนที่อเมริกาให้ฟังคะ
ประวัติการศึกษาย่อๆ ก่อนมาศึกษาที่อเมริกานะคะ เรียนจบ มัธยมปลาย สายศิลป์ฝรั่งเศส ปริญญาตรีและโท ทางการศึกษา จากมหาวิทยาลัยของรัฐทั้งสองแห่ง จริงๆเราเป็นคนเก่ง แต่ไม่ค่อยขยัน เกรดตอนมัธยมกับปริญญา ก็แค่ สองกว่าๆ ไม่ถึง สาม เรามาอเมริกาเหมือนสิบปีนิดๆ ได้แล้ว ตั้งแต่ปี 2004 แต่เริ่มเข้าเรียนจริงๆ ตอนปี 07 ตอนนั้นรู้แต่ว่าถ้าเราคิดจะเรียนที่นี่ เราต้องเรียนอะไรที่เราชอบและก็หางานทำงานง่ายๆ ก็เลยเลือกที่จะเรียนพยาบาล
ปีแรก เราเรียน ESL โดยเราได้วัดระดับ ของรัฐมิชิแกน เรียนหนึ่งปีเต็มๆ หลังจากที่ placement ได้ในระดับ 3 ทั้งหมดมี 4 ระดับ
ปีที่สอง เราต้องเรียนวิชา pre-req. (pre-requisites) ของสาขาพยาบาล ทางวิทยาลัยของเรามีทั้งหมด 12 วิชา ถ้าจำไม่ผิด แต่หลายวิชานั้น ก็ต้องเรียนวิชาพื้นฐานก่อน อย่างเช่นวิชา Anatomy เราต้องมีพื้นฐานชีวะ กับ เคมี ที่เรียนมาไม่เกิน 5 ปี อย่างที่บอกไว้ข้างต้นแล้วว่า เราจบศิลป์ภาษา เราไม่มีพื้นฐาน ชีวะเลย บอกง่ายๆ คือ วิทยาศาสตร์ที่เรียนคือ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ดังนั้น เราก็ต้องมาเรียน ใหม่หมดเลย ไม่ว่าจะเป็น Chem 101, Bio 101, Math 101 (101 คือ วิชาพื้นฐานตัวแรกๆ ของสาขาวิชานั้นๆ เราสมมุติตัวเลขขึ้นแล้ว วิชาจริงๆแล้วแต่สถาบัน) เราเรียน วิชาพื้นฐานพยาบาลทั้งหมด เป็นเวลา 2 ปีนิดๆ
อันนี้คือวิชาที่ต้องเรียนก่อนสมัครพยาบาลในปีปัจจุบันของวิทยาลัยที่เราจบมา เมื่อสามปีก่อนเยอะกว่านี้
พอเรียนจบ เราสมัครเข้าเรียนพยาบาลคะ ที่วิทยาลัยเรา ตอนนั้น cut off ปีก่อนที่หน้าเราสมัคร 3.6xx GPA เราเรียนได้ทั้งหมด 3.78 สมัครปีนั้น แห้วคะ เพราะ cut off อยู่ที่ 3.8xx ด้วยที่เราผิดหวัง เราก็เลย เรียนวิชา anatomy ตัวแรกให้เพราะครั้งแรก ได้ B เรียนให้ได้ A- เกรดก็ขึ้นมาเป็น 3.87 สมัครเรียนให้ ก็ไม่ได้อีก เพราะปีต่อมา cut off อยู่ที่ 3.888 คะ เจ็บใจ และเสียใจสุดๆ แต่เราไม่ท้อนะคะ พอดี วิทยาลัยเรามีโปรแกรมพยาบาลอยู่ สองแบบใหญ่ๆ แบบหนึ่งคือ พยาบาลวิชาชีพ (Registered Nurse: RN) และ แบบสอง คือพยาบาลแบบ practical ไม่รู้เรียนภาษาไทยว่าอย่างไร (Licensed Practical Nurse: LPN) เราก็สมัคร LPN ด้วย แล้วทางวิทยาลัยก็รับเราในที่สุด
อยากบอกว่า เรียนยากมาก ทั้งๆที่เราคิดว่า ภาษาเราก็ดี แต่พอไปนั่งเรียนจริงๆ มันไม่เป็นอย่างนั้น ใครที่คิดว่าฉันไม่อยากเรียน ESL เลย ไม่เห็นจำเป็น จริงๆแล้ว มันจำเป็นมากๆ อาจารย์ที่สองเขาไม่สนหรอกนะคะว่า คุณจะเป็น อเมริกัน แม็กซิกัน คนเอเซีย ถ้าคุณพูด คุณฟัง คุณเรียนไม่เข้าใจเพราะว่า ภาษาของคุณ คุณก็ต้องไปพัฒนาตัวเอง อันนี้เพื่อนๆ ที่เป็นนักเรียนต่างชาติด้วยกัน โดยอาจารย์ดุหลายคนในเรียกที่พูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่เข้าใจ อาจารย์จะบอกเสมอว่า You guys whose English is your second language, please get a tutor or do something about it. เราฟังก็อึ่งๆ แต่ก็จริงของแกนั้นแหละคะ ถึงเวลาเราต้องใช้ทั้งภาษาและวิชาชีพในกาทำงาน ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคน Patient safety is the priority. ถ้าฟังและสื่อสารไม่เข้าใจ ก็อาจจะทำให้การทำงานผิดพลาดได้ ในทางการแพทย์เราไม่อยากให้มีการผิดพลาดเลย เพราะนั้นมันหมายถึงชีวิตคนๆหนึ่ง
เข้าเรื่องต่อนะคะ หลักสูตรพยาบาล LPN เป็นหลักสูตร หนึ่งปี เรียนตั้งแต่ วิชาพยาบาลพื้นฐาน พยาบาลเด็ก พยาบาลคนแก่ และ วิธีการจัดเตียง เช็ดตัวคนไข้ วัดความดัน ฉีดยา ให้ยาด้วยวิธีต่างๆ เราเรียนจบมาได้ด้วยความทุขักทุเล โรงเรียนเราถ้าวิชาไหนได้ต่ำกว่า B วิชาพยาบาลวิชานั้นถือว่า ตก ต้องเรียนใหม่ และถ้า ตกสองรอบ ก็ถือโดนให้ออกจากโปรแกรม
เราใช้เวลา สองปีในการเรียนเพราะเรียนตกไปตัวหนึ่ง ด้วยเรื่องส่วนตัว แต่เราก็กลับมาเรียนได้จนจบ พอจบ นักเรียนพยาบาลทุกคนที่อเมริกา ไม่สามารถทำงานได้เลย เพราะต้องสอบขอใบอนุญาตก่อน นั้นก็คือ NCLEX (National Council Licensure Examination) เราสอบผ่าน ได้ใบอนุญาตทำงานในการสอบครั้งแรก แต่พอจะหางานทำก็ยากแสนยากเป็นเป็นนักเรียนต่างชาติ แต่เราก็ได้คัดให้มาเรียน โปรแกรม RN ของโรงเรียนเดิม ใช้เวลาเรียนทั้งหมด หนึ่งปี ปีนี้ไม่มีอุปสรรคใดๆ เรียนจบดีด้วยความราบรื่น แต่พอสอบ NCLEX ด้วยความที่ทนงคิดว่าตนเองเก่ง ไปสอบแบบ ไม่ได้อ่านหนังสือสักเท่าไร เพราะหลังจากเรียนจบ เราก็ไปเที่ยว อย่างเยอะมาก ไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลย ผลสอบออกมา ตกสิคะ NCLEX-RN ยากว่า NCLEX-PN ตรงที่ว่า หน้าที่ของ RN ต้องรับผิดชอบสูงกว่า แต่ scope of practice ก็แล้วแต่รัฐ เราบรรยายตรงนี้ไม่ได้เพราะเยอะมาก เอาเป็นว่าเราสอบตก ถ้าใครอยากรู้ว่า ข้อสอบ NCLEX เป็นยังไง ก็ลอง Google ดู เพราะมีเป็นพันๆ ข้อให้ดู หลังจากสอบครั้งแรกเสร็จ เราก็ให้เวลาตัวเอง สองเดือนเต็มๆในการอ่านหนังสือ สอบครั้งที่สอง เราพร้อมทั้งกายและใจ ไม่เครียด เหมือนครั้งแรก ผลสอบสรุป เราผ่านคะ ใช้เวลาทำข้อสอบทั้งหมด ห้าชั่วโมงครึ่ง แต่ในวันนี้เราได้เป็น RN สมใจแล้วคะ ต่อไปเรากำลังวางแผนที่จะเรียน ปริญญาตรี โท เพื่ออนาคต เราอยากเป็นครูสอนวิชาพยาบาลต่อไป
ตอนนี้เราอยู่ใน mode หางานทำอยู่คะ หวังว่าคงจะได้เร็วๆ นี้
ขออภัยที่มีภาษาอังกฤษด้วย
ถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรถามได้นะคะ เราไม่ได้เล่นรายละเอียดทั้งหมด ข้ามๆไปบ้าง แต่ก็เป็นดังนี้
เรียนวีซ่าใครอยากรู้ ส่งข้อความมาเป็นส่วนตัวนะคะ ขอบอกแค่ตรงนี้ว่า เราไม่เคยอยู่ผิดกฎหมาย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ
เรียนพยาบาลที่อเมริกา
เราเป็นสมาชิกพันทิป มาก็หลายปีดีดัก แต่ไม่ค่อยได้โพสอะไรมากนัก มาวันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์การเรียนที่อเมริกาให้ฟังคะ
ประวัติการศึกษาย่อๆ ก่อนมาศึกษาที่อเมริกานะคะ เรียนจบ มัธยมปลาย สายศิลป์ฝรั่งเศส ปริญญาตรีและโท ทางการศึกษา จากมหาวิทยาลัยของรัฐทั้งสองแห่ง จริงๆเราเป็นคนเก่ง แต่ไม่ค่อยขยัน เกรดตอนมัธยมกับปริญญา ก็แค่ สองกว่าๆ ไม่ถึง สาม เรามาอเมริกาเหมือนสิบปีนิดๆ ได้แล้ว ตั้งแต่ปี 2004 แต่เริ่มเข้าเรียนจริงๆ ตอนปี 07 ตอนนั้นรู้แต่ว่าถ้าเราคิดจะเรียนที่นี่ เราต้องเรียนอะไรที่เราชอบและก็หางานทำงานง่ายๆ ก็เลยเลือกที่จะเรียนพยาบาล
ปีแรก เราเรียน ESL โดยเราได้วัดระดับ ของรัฐมิชิแกน เรียนหนึ่งปีเต็มๆ หลังจากที่ placement ได้ในระดับ 3 ทั้งหมดมี 4 ระดับ
ปีที่สอง เราต้องเรียนวิชา pre-req. (pre-requisites) ของสาขาพยาบาล ทางวิทยาลัยของเรามีทั้งหมด 12 วิชา ถ้าจำไม่ผิด แต่หลายวิชานั้น ก็ต้องเรียนวิชาพื้นฐานก่อน อย่างเช่นวิชา Anatomy เราต้องมีพื้นฐานชีวะ กับ เคมี ที่เรียนมาไม่เกิน 5 ปี อย่างที่บอกไว้ข้างต้นแล้วว่า เราจบศิลป์ภาษา เราไม่มีพื้นฐาน ชีวะเลย บอกง่ายๆ คือ วิทยาศาสตร์ที่เรียนคือ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ดังนั้น เราก็ต้องมาเรียน ใหม่หมดเลย ไม่ว่าจะเป็น Chem 101, Bio 101, Math 101 (101 คือ วิชาพื้นฐานตัวแรกๆ ของสาขาวิชานั้นๆ เราสมมุติตัวเลขขึ้นแล้ว วิชาจริงๆแล้วแต่สถาบัน) เราเรียน วิชาพื้นฐานพยาบาลทั้งหมด เป็นเวลา 2 ปีนิดๆ
อันนี้คือวิชาที่ต้องเรียนก่อนสมัครพยาบาลในปีปัจจุบันของวิทยาลัยที่เราจบมา เมื่อสามปีก่อนเยอะกว่านี้
พอเรียนจบ เราสมัครเข้าเรียนพยาบาลคะ ที่วิทยาลัยเรา ตอนนั้น cut off ปีก่อนที่หน้าเราสมัคร 3.6xx GPA เราเรียนได้ทั้งหมด 3.78 สมัครปีนั้น แห้วคะ เพราะ cut off อยู่ที่ 3.8xx ด้วยที่เราผิดหวัง เราก็เลย เรียนวิชา anatomy ตัวแรกให้เพราะครั้งแรก ได้ B เรียนให้ได้ A- เกรดก็ขึ้นมาเป็น 3.87 สมัครเรียนให้ ก็ไม่ได้อีก เพราะปีต่อมา cut off อยู่ที่ 3.888 คะ เจ็บใจ และเสียใจสุดๆ แต่เราไม่ท้อนะคะ พอดี วิทยาลัยเรามีโปรแกรมพยาบาลอยู่ สองแบบใหญ่ๆ แบบหนึ่งคือ พยาบาลวิชาชีพ (Registered Nurse: RN) และ แบบสอง คือพยาบาลแบบ practical ไม่รู้เรียนภาษาไทยว่าอย่างไร (Licensed Practical Nurse: LPN) เราก็สมัคร LPN ด้วย แล้วทางวิทยาลัยก็รับเราในที่สุด
อยากบอกว่า เรียนยากมาก ทั้งๆที่เราคิดว่า ภาษาเราก็ดี แต่พอไปนั่งเรียนจริงๆ มันไม่เป็นอย่างนั้น ใครที่คิดว่าฉันไม่อยากเรียน ESL เลย ไม่เห็นจำเป็น จริงๆแล้ว มันจำเป็นมากๆ อาจารย์ที่สองเขาไม่สนหรอกนะคะว่า คุณจะเป็น อเมริกัน แม็กซิกัน คนเอเซีย ถ้าคุณพูด คุณฟัง คุณเรียนไม่เข้าใจเพราะว่า ภาษาของคุณ คุณก็ต้องไปพัฒนาตัวเอง อันนี้เพื่อนๆ ที่เป็นนักเรียนต่างชาติด้วยกัน โดยอาจารย์ดุหลายคนในเรียกที่พูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่เข้าใจ อาจารย์จะบอกเสมอว่า You guys whose English is your second language, please get a tutor or do something about it. เราฟังก็อึ่งๆ แต่ก็จริงของแกนั้นแหละคะ ถึงเวลาเราต้องใช้ทั้งภาษาและวิชาชีพในกาทำงาน ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคน Patient safety is the priority. ถ้าฟังและสื่อสารไม่เข้าใจ ก็อาจจะทำให้การทำงานผิดพลาดได้ ในทางการแพทย์เราไม่อยากให้มีการผิดพลาดเลย เพราะนั้นมันหมายถึงชีวิตคนๆหนึ่ง
เข้าเรื่องต่อนะคะ หลักสูตรพยาบาล LPN เป็นหลักสูตร หนึ่งปี เรียนตั้งแต่ วิชาพยาบาลพื้นฐาน พยาบาลเด็ก พยาบาลคนแก่ และ วิธีการจัดเตียง เช็ดตัวคนไข้ วัดความดัน ฉีดยา ให้ยาด้วยวิธีต่างๆ เราเรียนจบมาได้ด้วยความทุขักทุเล โรงเรียนเราถ้าวิชาไหนได้ต่ำกว่า B วิชาพยาบาลวิชานั้นถือว่า ตก ต้องเรียนใหม่ และถ้า ตกสองรอบ ก็ถือโดนให้ออกจากโปรแกรม
เราใช้เวลา สองปีในการเรียนเพราะเรียนตกไปตัวหนึ่ง ด้วยเรื่องส่วนตัว แต่เราก็กลับมาเรียนได้จนจบ พอจบ นักเรียนพยาบาลทุกคนที่อเมริกา ไม่สามารถทำงานได้เลย เพราะต้องสอบขอใบอนุญาตก่อน นั้นก็คือ NCLEX (National Council Licensure Examination) เราสอบผ่าน ได้ใบอนุญาตทำงานในการสอบครั้งแรก แต่พอจะหางานทำก็ยากแสนยากเป็นเป็นนักเรียนต่างชาติ แต่เราก็ได้คัดให้มาเรียน โปรแกรม RN ของโรงเรียนเดิม ใช้เวลาเรียนทั้งหมด หนึ่งปี ปีนี้ไม่มีอุปสรรคใดๆ เรียนจบดีด้วยความราบรื่น แต่พอสอบ NCLEX ด้วยความที่ทนงคิดว่าตนเองเก่ง ไปสอบแบบ ไม่ได้อ่านหนังสือสักเท่าไร เพราะหลังจากเรียนจบ เราก็ไปเที่ยว อย่างเยอะมาก ไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลย ผลสอบออกมา ตกสิคะ NCLEX-RN ยากว่า NCLEX-PN ตรงที่ว่า หน้าที่ของ RN ต้องรับผิดชอบสูงกว่า แต่ scope of practice ก็แล้วแต่รัฐ เราบรรยายตรงนี้ไม่ได้เพราะเยอะมาก เอาเป็นว่าเราสอบตก ถ้าใครอยากรู้ว่า ข้อสอบ NCLEX เป็นยังไง ก็ลอง Google ดู เพราะมีเป็นพันๆ ข้อให้ดู หลังจากสอบครั้งแรกเสร็จ เราก็ให้เวลาตัวเอง สองเดือนเต็มๆในการอ่านหนังสือ สอบครั้งที่สอง เราพร้อมทั้งกายและใจ ไม่เครียด เหมือนครั้งแรก ผลสอบสรุป เราผ่านคะ ใช้เวลาทำข้อสอบทั้งหมด ห้าชั่วโมงครึ่ง แต่ในวันนี้เราได้เป็น RN สมใจแล้วคะ ต่อไปเรากำลังวางแผนที่จะเรียน ปริญญาตรี โท เพื่ออนาคต เราอยากเป็นครูสอนวิชาพยาบาลต่อไป
ตอนนี้เราอยู่ใน mode หางานทำอยู่คะ หวังว่าคงจะได้เร็วๆ นี้
ขออภัยที่มีภาษาอังกฤษด้วย
ถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรถามได้นะคะ เราไม่ได้เล่นรายละเอียดทั้งหมด ข้ามๆไปบ้าง แต่ก็เป็นดังนี้
เรียนวีซ่าใครอยากรู้ ส่งข้อความมาเป็นส่วนตัวนะคะ ขอบอกแค่ตรงนี้ว่า เราไม่เคยอยู่ผิดกฎหมาย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ