สวัสดีครับผมชื่อ "ต้นน้ำ" ครับ อาจจะเขียนไม่ค่อยเก่ง ข้อมูลไม่ค่อยเยอะ แต่เน้นลงรูปกับความรู้สึกที่ไปสัมผัสมาแล้วกันนะครับ
ถ้าอ่านรีวิวผมแล้วชอบแวะไปติดตามกันได้นะครับ
Facebook:
https://www.facebook.com/tonnamfoto
Instagram:
https://instagram.com/tonnamfoto (@tonnamfoto)
ทริปนี้เป็นทริป Solo Traveller ครับ ข้อมูลส่วนมากดูจาก "pantip" "wikitravel" และก็ "Japan-guide" ต้นน้ำจะดูคร่าวๆว่าจะไปไหนบ้าง แล้วก็ไปเปิดในเน็ตดูที่นั่งอีกที บวกกับทุกเมืองที่ญี่ปุ่นเค้าจะมี Tourist Information Center ซึ่งจะเป็นที่รู้เรื่องเมืองที่เราไปดีทีสุด ต้นน้ำก็จะไปดูรายละเอียดเอาที่นั่น โรงแรมส่วนใหญ่ก็จะจองผ่าน Booking.com ดูรีวิวมีประโยชน์ดีครับ แล้วเทียบราคากับ Rakuten travel และ Japanican อันไหนถูกกว่าก็จองอันนั้น ส่วนการเดินทางใช้ JR Pass ครับ รอบรถกับเวลาดูผ่าน
http://www.hyperdia.com
ต้องบอกไว้ก่อนว่าการเดินทางของต้นน้ำส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Flexible ติสๆหน่อยนะครับ ดูข้อมูลคร่าว จองโรงแรมล่วงหน้า 1-2 วัน แพลนก็ปรับเปลี่ยนวันต่อวันครับ เอาตามอารมณ์ ฮ่าๆๆๆ
ทริปนี้ต้นน้ำเดินทางด้วย "Air Asia X" ครับ ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปสนามบิน New-Chitose ขากลับเดินทางจาก Tokyo-Narita กลับดอนเมืองครับ จองล่วงหน้าก่อนประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนบินครับ (เช็คราคาก่อนวันไป 1 วัน ถูกกว่า T_T) ขาไปราคารวมกระเป๋า 20kg ประมาณ 8000 ครับ ส่วนขากลับได้ตั๋วโปรรวมกระเป๋าเบ็ดเสร็จประมาณ 4000
เครื่องบินที่จะบินไป New-Chitose ออกเดินตอนประมาณเที่ยงคืนไปถึงที่ญี่ปุ่นตอนเช้าครับ บินประมาณ 6 ชั่วโมงกว่า ปกติต้นน้ำจะชอบไฟล์ทดึกหรือ Red-eyes flight แบบนี้ครับ เพราะไม่เสียเวลาและก็ประหยัดค่าโรงแรมได้ด้วย ช่วงนี้ (พ.ค.58) เนื่องจากปัญหาเรื่องการบินนานาชาติก็เลยเป็นไฟล์ของ Air Asia X Malaysia มาดำเนินการบินแทนครับ ในเครื่องเลยเป็นภาษาอังฤษซะเป็นหลัก นักบินกับลูกเรือก็เป็นมาเลย์ส่วนใหญ่ครับ ต้องใช้ภาษาอังกฤษกันหน่อย แต่กัปตันเครื่องบินขับดีมากครับ ขึ้นนุ่ม-ลงนิ่ม สบายมาก ลูกเรือก็บริการดี ขาไปนี่ไม่ค่อยได้นอนครับ เนื่องจากโหลด "อีแย้ม" ไปดูในไอแพด ฮ่าๆๆๆ
ถึง New-Chitose ตอนเช้าก็ออกมาขึ้นรถไฟเข้าซัปโปโรครับ Airport Rapid Service ไม่ได้ดูดีแบบ Narita Express แต่ก็นั่งสบาย 40 นาทีก็ถึงสถานี Sapporo แล้วครับ แต่ Sapporo ขอเก็บไว้ค่อยรีวิวนะครับ ต้นน้ำจะรีวิวแยกตามเมืองครับ
ลืมอีกหนึ่งเรื่องคือเมื่อก่อนที่ไปญี่ปุ่นทุกครั้งจะเช่า Wifi ที่สนามบินนาริตะเอาไม่ได้จองไปก่อน เพราะมีมีหลายยี่ห้อไม่มีปัญหา คราวนี้เลยชะล่าใจไปถึงมีแต่ Telecom square อยู่เจ้าเดียวซึ่งราคาสูงกว่าที่เคยเช่าอยู่พอสมควร เลยตัดสินใจใช้บริการโรมมิ่ง unlimited data ของ Dtac ผ่าน 3G ของ NTT Docomo ภาพรวมก็ใช้ได้ค่อยข้างดีนะครับ มีช้าบ้างเร็วบ้าง แต่สัญญาณก็มีตลอดทุกที่ วันละ 280 บาท (ตอนนี้บิลยังไม่มา เดี๋ยวรอบิลมาแล้วจะมารีวิวอีกทีนะครับว่ามี Overcharge ตรงไหนบ้างมั๊ย
เริ่มทริปกับเลยแล้วกันนะครับ Wakkanai-Rebun-Rishiri
Spring time in Japan ก่อนลมหนาวจะไป ก่อนลมร้อนจะมา By Tonnam Ep.1: Wakkanai-Rishiri-Rebun
ถ้าอ่านรีวิวผมแล้วชอบแวะไปติดตามกันได้นะครับ
Facebook: https://www.facebook.com/tonnamfoto
Instagram: https://instagram.com/tonnamfoto (@tonnamfoto)
ทริปนี้เป็นทริป Solo Traveller ครับ ข้อมูลส่วนมากดูจาก "pantip" "wikitravel" และก็ "Japan-guide" ต้นน้ำจะดูคร่าวๆว่าจะไปไหนบ้าง แล้วก็ไปเปิดในเน็ตดูที่นั่งอีกที บวกกับทุกเมืองที่ญี่ปุ่นเค้าจะมี Tourist Information Center ซึ่งจะเป็นที่รู้เรื่องเมืองที่เราไปดีทีสุด ต้นน้ำก็จะไปดูรายละเอียดเอาที่นั่น โรงแรมส่วนใหญ่ก็จะจองผ่าน Booking.com ดูรีวิวมีประโยชน์ดีครับ แล้วเทียบราคากับ Rakuten travel และ Japanican อันไหนถูกกว่าก็จองอันนั้น ส่วนการเดินทางใช้ JR Pass ครับ รอบรถกับเวลาดูผ่าน http://www.hyperdia.com
ต้องบอกไว้ก่อนว่าการเดินทางของต้นน้ำส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Flexible ติสๆหน่อยนะครับ ดูข้อมูลคร่าว จองโรงแรมล่วงหน้า 1-2 วัน แพลนก็ปรับเปลี่ยนวันต่อวันครับ เอาตามอารมณ์ ฮ่าๆๆๆ
ทริปนี้ต้นน้ำเดินทางด้วย "Air Asia X" ครับ ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปสนามบิน New-Chitose ขากลับเดินทางจาก Tokyo-Narita กลับดอนเมืองครับ จองล่วงหน้าก่อนประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนบินครับ (เช็คราคาก่อนวันไป 1 วัน ถูกกว่า T_T) ขาไปราคารวมกระเป๋า 20kg ประมาณ 8000 ครับ ส่วนขากลับได้ตั๋วโปรรวมกระเป๋าเบ็ดเสร็จประมาณ 4000
เครื่องบินที่จะบินไป New-Chitose ออกเดินตอนประมาณเที่ยงคืนไปถึงที่ญี่ปุ่นตอนเช้าครับ บินประมาณ 6 ชั่วโมงกว่า ปกติต้นน้ำจะชอบไฟล์ทดึกหรือ Red-eyes flight แบบนี้ครับ เพราะไม่เสียเวลาและก็ประหยัดค่าโรงแรมได้ด้วย ช่วงนี้ (พ.ค.58) เนื่องจากปัญหาเรื่องการบินนานาชาติก็เลยเป็นไฟล์ของ Air Asia X Malaysia มาดำเนินการบินแทนครับ ในเครื่องเลยเป็นภาษาอังฤษซะเป็นหลัก นักบินกับลูกเรือก็เป็นมาเลย์ส่วนใหญ่ครับ ต้องใช้ภาษาอังกฤษกันหน่อย แต่กัปตันเครื่องบินขับดีมากครับ ขึ้นนุ่ม-ลงนิ่ม สบายมาก ลูกเรือก็บริการดี ขาไปนี่ไม่ค่อยได้นอนครับ เนื่องจากโหลด "อีแย้ม" ไปดูในไอแพด ฮ่าๆๆๆ
ถึง New-Chitose ตอนเช้าก็ออกมาขึ้นรถไฟเข้าซัปโปโรครับ Airport Rapid Service ไม่ได้ดูดีแบบ Narita Express แต่ก็นั่งสบาย 40 นาทีก็ถึงสถานี Sapporo แล้วครับ แต่ Sapporo ขอเก็บไว้ค่อยรีวิวนะครับ ต้นน้ำจะรีวิวแยกตามเมืองครับ
ลืมอีกหนึ่งเรื่องคือเมื่อก่อนที่ไปญี่ปุ่นทุกครั้งจะเช่า Wifi ที่สนามบินนาริตะเอาไม่ได้จองไปก่อน เพราะมีมีหลายยี่ห้อไม่มีปัญหา คราวนี้เลยชะล่าใจไปถึงมีแต่ Telecom square อยู่เจ้าเดียวซึ่งราคาสูงกว่าที่เคยเช่าอยู่พอสมควร เลยตัดสินใจใช้บริการโรมมิ่ง unlimited data ของ Dtac ผ่าน 3G ของ NTT Docomo ภาพรวมก็ใช้ได้ค่อยข้างดีนะครับ มีช้าบ้างเร็วบ้าง แต่สัญญาณก็มีตลอดทุกที่ วันละ 280 บาท (ตอนนี้บิลยังไม่มา เดี๋ยวรอบิลมาแล้วจะมารีวิวอีกทีนะครับว่ามี Overcharge ตรงไหนบ้างมั๊ย
เริ่มทริปกับเลยแล้วกันนะครับ Wakkanai-Rebun-Rishiri