หลังประสบผลสำเร็จงดงามกับละครตีแผ่วงการนางงาม ปีกมงกุฎ ผู้กำกับฯ ที่ถนัดละครชีวิตเข้มข้น “ต้อ” มารุต สาโรวาท ก็กลับมาพร้อมความจัดจ้าน เชือดเฉือน ในละคร ดั่งสวรรค์สาป ทางช่อง 7
ย้อนกลับไปปี 2544 ดั่งสวรรค์สาป เคยสร้างมาแล้วโดยค่าย ดาราวิดีโอ ครั้งนั้นเป็นการประกบคู่กันของ “ป๋อ” ณัฐวุฒิ สกิดใจ และ “กบ” สุวนันท์ คงยิ่ง ที่ถูกพูดถึงมากโขในการพลิกบทบาทจากนางเอกเรียบร้อยแสนดี มาเปรี้ยวและร้ายเอาแต่ใจของ “กบ” กลับมาใน พ.ศ. นี้ ผู้มาสวมบทที่ “กบ” เคยทำไว้ คือ “ปู” ไปรยา สวนดอกไม้ โดยประชันบทบาทกับพระเอกมาดเข้ม “อ๋อม” อรรคพันธ์ นะมาตร์
ถ้าว่ากันในภาพรวมถึงงานส่วนต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นละคร 1 เรื่อง ผู้กำกับฯ “ต้อ” ที่มีมาตรฐานฝีมือและคุณภาพการทำงานของตัวเองยังเอาอยู่ ทั้งส่วนภาพและมุมกล้องที่ออกมาคมชัด สวยงาม เช่นเดียวกับ เสื้อผ้า หน้าผม นักแสดงที่ค่อนข้างมีคลาส
ส่วนคู่พระนาง สาว “ปู” ดูจะถูกจับจ้องจากคนดูเป็นพิเศษ เมื่อรับบทเด่น เป็นศูนย์กลางที่ทำให้เกิดเรื่องราวในละครเรื่องนี้ ในบทคุณหนูเอาแต่ใจ พร้อมเหวี่ยงวีนได้ทุกเมื่อ แต่อุบัติเหตุที่ต้องสูญเสียความทรงจำ ทำให้เธอได้เรียนรู้ชีวิตที่ผ่านมาสู่การมีชีวิตใหม่...ข้อนี้เจ้าตัวรู้ดี เมื่อบทท้าทายมาถึงมือขนาดนี้ ก็ต้องทำให้ดีเป็นพิเศษ เรื่องรูปลักษณ์และความเซ็กซี่ที่ในตัวบทต้องมี ข้อนี้เจ้าตัวสอบผ่านฉลุย เมื่อกลมกลืนไปกับบทได้ดี แต่สิ่งที่เห็นชัดในการแสดงที่เจ้าตัวถ่ายทอดออกมา คือ ความตั้งใจมากเป็นพิเศษกับบทนี้ และ “ปู” รู้ดีว่าตลอดมา จะถูกติติงเรื่องการพูดที่บางครั้งรัว เร็ว และฟังไม่รู้เรื่อง แต่ใน ดั่งสวรรค์สาป การพูดของเธอถูกพัฒนาขึ้นมาก ดูแล้วการพูดไม่ค่อยขัดอารมณ์สักเท่าไร แม้ไม่เสถียร 100% ก็ตาม เพราะการพูดของสาวเจ้าเป็นอย่างนี้มาตลอด จะให้ปรับได้ทั้งหมดอาจต้องใช้เวลา
ด้านพระเอก “อ๋อม” ถ้าพูดถึงมาดในบทก็อาจมีความเหมือนในละครเรื่องที่ผ่านๆ มาของเจ้าตัว แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาแบบเห็นชัด คือ ความมีชีวิตในตัวบท และการแสดงที่ถ่ายทอดออกมาได้มีเสน่ห์แพรวพราวขึ้น เห็นชัดจากฉากเข้าพระเข้านาง กุ๊กกิ๊กกับ “ปู” แม้เจอกันครั้งแรกในละคร แต่ดูลื่นไหล ชวนลุ้น ไม่ขัดตา
หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ ดั่งสวรรค์สาป เข้มข้น คือ นักแสดงกลุ่มตัวร้ายที่มากันเป็นทีม เพิ่มความเผ็ดร้อนให้ละครได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น “แดน” ดนัย สมุทรโคจร ที่กลับมาได้บทดีและเด่นอีกครั้ง ส่วน 3 ประสานนางร้าย “กีฟ” อรลีฬห์ โสตถิวันวงศ์, “สา” อนิสา นูกราฮา และ “ส้ม” ธัญสินี พรมสุทธิ์ ก็จัดเต็มความร้ายในแบบต่างกันไป โดยเฉพาะ “ส้ม” ที่นับวันจะเคี่ยวฝีมือการแสดงของตัวเองให้ข้น โดยเฉพาะบทในเรื่องนี้ที่เจ้าตัวเล่นออกมาได้อย่างมีมิติ ชวนติดตาม
ในส่วนบทโทรทัศน์ หัวใจหลักของละครทุกเรื่อง ในดั่งสวรรค์สาป ให้ข้อสังเกตไว้ดังนี้...ส่วนใหญ่บทโทรทัศน์มีวิธีการนำเสนออยู่ 2 แบบใหญ่ๆ แบบแรก คือ นำเสนอแบบนับ 1 ไปถึง 10 ส่วนอีกแบบเป็นวิธีการนำเสนอแบบไม่ต้องเริ่มต้นนับ 1 แต่อาจเริ่มจาก 3 4 หรือ 5 แล้วค่อยกลับไปเล่า 1 ซึ่ง ดั่งสวรรค์สาป ใช้วิธีหลัง ซึ่งแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดี คือ มีชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่เป็นสไตล์ รวมถึงยังสามารถเปิดเรื่องด้วยการดึงซีเควนซ์ขายมาเพื่อดึงดูดคนดู ที่เรียกกันว่า ตีหัวเข้าบ้านได้ แต่ก็มีข้อเสีย คือ การเล่าเรื่องแบบนี้ ย่อมต้องมีฉากแฟลชแบ็กมากเป็นพิเศษ ตรงนี้ความยากคือ จะเล่าเรื่องที่ต้องสลับไปสลับมาอย่างไรให้คนดูไม่งง ไม่เบื่อ และตรึงให้คนดูอยู่กับละครได้ตลอด ซึ่งวิธีการเล่าเรื่องในละคร ถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ไม่มีอันไหนถูก อันไหนผิด ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อเลือกจะนำเสนอแบบใดแบบหนึ่งแล้ว คนดูพร้อมจะยอมรับหรือไม่...
.......................................
(หมายเหตุ ‘ดั่งสวรรค์สาป’ขายความเข้มข้น! : คอลัมน์ มายาวิชั่น โดย... เทพิตา)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.komchadluek.net/detail/20150603/207367.html
'ดั่งสวรรค์สาป'ขายความเข้มข้น!
หลังประสบผลสำเร็จงดงามกับละครตีแผ่วงการนางงาม ปีกมงกุฎ ผู้กำกับฯ ที่ถนัดละครชีวิตเข้มข้น “ต้อ” มารุต สาโรวาท ก็กลับมาพร้อมความจัดจ้าน เชือดเฉือน ในละคร ดั่งสวรรค์สาป ทางช่อง 7
ย้อนกลับไปปี 2544 ดั่งสวรรค์สาป เคยสร้างมาแล้วโดยค่าย ดาราวิดีโอ ครั้งนั้นเป็นการประกบคู่กันของ “ป๋อ” ณัฐวุฒิ สกิดใจ และ “กบ” สุวนันท์ คงยิ่ง ที่ถูกพูดถึงมากโขในการพลิกบทบาทจากนางเอกเรียบร้อยแสนดี มาเปรี้ยวและร้ายเอาแต่ใจของ “กบ” กลับมาใน พ.ศ. นี้ ผู้มาสวมบทที่ “กบ” เคยทำไว้ คือ “ปู” ไปรยา สวนดอกไม้ โดยประชันบทบาทกับพระเอกมาดเข้ม “อ๋อม” อรรคพันธ์ นะมาตร์
ถ้าว่ากันในภาพรวมถึงงานส่วนต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นละคร 1 เรื่อง ผู้กำกับฯ “ต้อ” ที่มีมาตรฐานฝีมือและคุณภาพการทำงานของตัวเองยังเอาอยู่ ทั้งส่วนภาพและมุมกล้องที่ออกมาคมชัด สวยงาม เช่นเดียวกับ เสื้อผ้า หน้าผม นักแสดงที่ค่อนข้างมีคลาส
ส่วนคู่พระนาง สาว “ปู” ดูจะถูกจับจ้องจากคนดูเป็นพิเศษ เมื่อรับบทเด่น เป็นศูนย์กลางที่ทำให้เกิดเรื่องราวในละครเรื่องนี้ ในบทคุณหนูเอาแต่ใจ พร้อมเหวี่ยงวีนได้ทุกเมื่อ แต่อุบัติเหตุที่ต้องสูญเสียความทรงจำ ทำให้เธอได้เรียนรู้ชีวิตที่ผ่านมาสู่การมีชีวิตใหม่...ข้อนี้เจ้าตัวรู้ดี เมื่อบทท้าทายมาถึงมือขนาดนี้ ก็ต้องทำให้ดีเป็นพิเศษ เรื่องรูปลักษณ์และความเซ็กซี่ที่ในตัวบทต้องมี ข้อนี้เจ้าตัวสอบผ่านฉลุย เมื่อกลมกลืนไปกับบทได้ดี แต่สิ่งที่เห็นชัดในการแสดงที่เจ้าตัวถ่ายทอดออกมา คือ ความตั้งใจมากเป็นพิเศษกับบทนี้ และ “ปู” รู้ดีว่าตลอดมา จะถูกติติงเรื่องการพูดที่บางครั้งรัว เร็ว และฟังไม่รู้เรื่อง แต่ใน ดั่งสวรรค์สาป การพูดของเธอถูกพัฒนาขึ้นมาก ดูแล้วการพูดไม่ค่อยขัดอารมณ์สักเท่าไร แม้ไม่เสถียร 100% ก็ตาม เพราะการพูดของสาวเจ้าเป็นอย่างนี้มาตลอด จะให้ปรับได้ทั้งหมดอาจต้องใช้เวลา
ด้านพระเอก “อ๋อม” ถ้าพูดถึงมาดในบทก็อาจมีความเหมือนในละครเรื่องที่ผ่านๆ มาของเจ้าตัว แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาแบบเห็นชัด คือ ความมีชีวิตในตัวบท และการแสดงที่ถ่ายทอดออกมาได้มีเสน่ห์แพรวพราวขึ้น เห็นชัดจากฉากเข้าพระเข้านาง กุ๊กกิ๊กกับ “ปู” แม้เจอกันครั้งแรกในละคร แต่ดูลื่นไหล ชวนลุ้น ไม่ขัดตา
หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ ดั่งสวรรค์สาป เข้มข้น คือ นักแสดงกลุ่มตัวร้ายที่มากันเป็นทีม เพิ่มความเผ็ดร้อนให้ละครได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น “แดน” ดนัย สมุทรโคจร ที่กลับมาได้บทดีและเด่นอีกครั้ง ส่วน 3 ประสานนางร้าย “กีฟ” อรลีฬห์ โสตถิวันวงศ์, “สา” อนิสา นูกราฮา และ “ส้ม” ธัญสินี พรมสุทธิ์ ก็จัดเต็มความร้ายในแบบต่างกันไป โดยเฉพาะ “ส้ม” ที่นับวันจะเคี่ยวฝีมือการแสดงของตัวเองให้ข้น โดยเฉพาะบทในเรื่องนี้ที่เจ้าตัวเล่นออกมาได้อย่างมีมิติ ชวนติดตาม
ในส่วนบทโทรทัศน์ หัวใจหลักของละครทุกเรื่อง ในดั่งสวรรค์สาป ให้ข้อสังเกตไว้ดังนี้...ส่วนใหญ่บทโทรทัศน์มีวิธีการนำเสนออยู่ 2 แบบใหญ่ๆ แบบแรก คือ นำเสนอแบบนับ 1 ไปถึง 10 ส่วนอีกแบบเป็นวิธีการนำเสนอแบบไม่ต้องเริ่มต้นนับ 1 แต่อาจเริ่มจาก 3 4 หรือ 5 แล้วค่อยกลับไปเล่า 1 ซึ่ง ดั่งสวรรค์สาป ใช้วิธีหลัง ซึ่งแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดี คือ มีชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่เป็นสไตล์ รวมถึงยังสามารถเปิดเรื่องด้วยการดึงซีเควนซ์ขายมาเพื่อดึงดูดคนดู ที่เรียกกันว่า ตีหัวเข้าบ้านได้ แต่ก็มีข้อเสีย คือ การเล่าเรื่องแบบนี้ ย่อมต้องมีฉากแฟลชแบ็กมากเป็นพิเศษ ตรงนี้ความยากคือ จะเล่าเรื่องที่ต้องสลับไปสลับมาอย่างไรให้คนดูไม่งง ไม่เบื่อ และตรึงให้คนดูอยู่กับละครได้ตลอด ซึ่งวิธีการเล่าเรื่องในละคร ถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ไม่มีอันไหนถูก อันไหนผิด ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อเลือกจะนำเสนอแบบใดแบบหนึ่งแล้ว คนดูพร้อมจะยอมรับหรือไม่...
.......................................
(หมายเหตุ ‘ดั่งสวรรค์สาป’ขายความเข้มข้น! : คอลัมน์ มายาวิชั่น โดย... เทพิตา)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้