ตามความเข้าใจของผม ธีมของฉลุยคือ ความฝัน และการมุ่งมั่นเดินไปตามหาความฝัน และชื่อของฉลุยเวอร์ชั่นรีบูท (ผมขอเรียกรีบูทละกันนะ) ก็คือคำว่าแตะขอบฟ้า แต่ตัวหนังอย่าว่าแต่จะไปแตะขอบฟ้าเลย แค่เริ่มต้นด้วยการพยายามปีนต้นมะม่วงในสวนหลังบ้านยังตกต้นไม้ลงมาเลย ฉลุย แตะขอบฟ้าเป็นหนังที่พังมาก ล้มเหลวมากในเกือบจะทุกๆด้าน และสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้คือความลึกของตัวละครที่ไม่สามารถทำให้เราเชื่อได้เลยว่า ป๋อง กับ โต้ง จะเป็นคนที่มีความฝันและไปตามความฝันในสายดนตรีแบบที่ในเรื่องพยายามจะนำเสนอ
.
คือยังไงก็อดที่จะเอาไปเทียบกับของเดิมไม่ได้ สมัยนั้น บิลลี่ กับ เอ็มสุรศักดิ์ ยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง จะว่าไปก็แทบโนเนมเลย มาแสดงเป็นโต้งกับป๋องได้อย่างมีเสน่ห์ แม้สองคนนี้อาจจะไม่ได้มีความสามารถทางดนตรีมากมายขั้นเทพอะไร โดยเฉพาะเอ็มสุรศักดิ์นี่ขนาดมาออกเทปจริงนี่เสียงยังหมาไม่-(แต่เทปขายได้นะ) แต่สุดท้ายสองคนนี้ก็ทำให้เราเชื่อว่าเป็นนักดนตรีได้ แต่สำหรับ ป๋อง กับ โต้ง ปี2015 สองคนนี้ไม่สามารถทำให้ผมเชื่อได้เลยว่าพวกเค้าจะเป็นนักดนตรีได้ และที่แย่ที่สุดคือ ความมุ่งมั่นของสองคนนี้ที่อยากจะเป็นศิลปินนั้นมันทำเพียงเพื่ออยากจะเอาชนะใจผู้หญิงที่ชื่อ ตุ๊กตาในเรื่อง ซึ่งต้องพูดเลยว่า ตุ๊กตา ในลุย2015 นี้เป็นตุ๊กตาที่โคตรพังและดูแล้วรู้สึกเลยว่าไอ้สองตัวนี้จะเดินตามความฝันเพื่อผู้หญิงคนนี้นี่จริงๆหรอ คือตุ๊กตาของปี2015 นี้ดูธรรมดามาก ไร้เสน่ห์ เพลนและไม่น่าจดจำเท่า ตุ๊กตา ของปี 2531 ที่รับบทโดยคุณรัชนก พูลผลิน ดังนั้น ตุ๊กตาที่เป็นแรงบันดาลใจก็ไม่ใช่ ตัวละครโต้งกับป๋องก็ไม่สามารถทำให้เราเชื่อว่าพวกเค้าจะมีความมุ่งมั่นอะไรได้ ดังนั้น ความฝันของโต้งกับป๋อง มันก็เลยบางเบาล่องลอยเคว้งคว้างจับต้องอะไรไม่ได้เลย
.
สภาพของฉลุย 2015 จึงมีสภาพไม่ผิดอะไรกับหนังวัยรุ่นเพลนๆที่ยกพลไปถ่ายทำที่เกาหลี และก็เต็มไปด้วยมุขตลกสมัยพระเจ้าเหาที่เหมือนนักแสดงมันจะตลกกันเอง แต่คนดูไม่ขำด้วยฉากที่ไปเต้นให้ร้านขายอัลบั้มรูปดูแล้วบอกว่าจะขอออกอัลบั้มนี่ถามจริงๆ เอาสมองส่วนไหนคิด ฉากนั้นผมขำไม่ออก และรู้สึกผิดหวังมากว่านี่คือหนังไทยระดับสตูดิโอใหญ่คิดได้แค่นี้เองเหรอ ถ้าบอกว่าเป็นมุขสดใหม่ของพจน์ อานนท์ นี่ผมจะเชื่อเลยนะ แต่มุขนี้ผมไม่ให้ผ่านนะ
.
บวกกับการแสดงที่ออกแนวล้นมากเพราะการดีไซน์และตีความของนักแสดงหรือแอ้คติ้งโค้ชก้ไม่รู้ มันทำให้ผมมองว่า โต้งกับป๋องในฉลุย2015 นี้มีสภาพเหมือนสองคู่หู Dumb and Dumber มากกว่า ที่โง่ซื่อคาเฟ่ปัญญาอ่อน ผมนึกสภาพไม่ออกเลยว่าสองคนนี้มันจะมีความฝันได้ยังไง
.
อย่างที่บอก การหาข้อมูลในการทำหนังผมว่าจำเป็นมาก สุดท้ายผมก็อดที่จะชื่นชม GTH ไม่ได้ อย่างหนังรถไฟฟ้ามาหานะเธอ ที่เอาชีวิตของวิศวะกรที่ทำงานเกี่ยวกับรถไฟฟ้ามาให้เราดูจนเชื่อว่า เคนธีรเดช เป็นวิศวกรได้ แต่สำหรับ โต้งกับป๋อง ในปี2015 คุณอังเคิลไม่สามารถทำให้ผมเชื่อได้เลยว่าสองคนนี้เป็นคนดนตรี เพราะผมแทบไม่เห็นสองคนนี้ร้องเพลงเลยตลอดเรื่อง และที่บอกตลอดเวลาว่าจะไปเต้นให้คุณปาคที่ CJYP ที่เกาหลีดูยิ่งทำให้ผมตกใจ เพราะโต้งกับป๋องแทบจะไม่มีเสต็ปในการเต้นที่แข็งแรงพอที่จะมั่นหน้าไปโชว์หรือไปออดิชั่นอะไรให้ CJYP ดูเลย แต่การเข้า CJYP ของโต้งกับป๋องก็ยังพยายามที่จะเข้าไปด้วยวิถีแบบไทยๆคือเข้าไปเพราะเคยรู้จักคุณปาร์ค ก็กะจะหวังคอนเนคชั่น ซึ่งก่อนที่ผู้กำกับจะเอาประเด็นนี้มานำเสนอ ผมขอถามว่า มีนิชคุณมาร่วมแสดง ไม่ลองถามนิชคุณก่อนเหรอว่าการที่จะเข้า CJYP ได้นี่คือแค่มีเงินแล้วเดินไปเต้นให้เค้าดูมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ส่วนนี้ผมว่าล้มเหลวนะครับ
.
และที่แย่ที่สุดอย่างให้อภัยไม่ได้ก็คือการนำเพลง อารีรังมา Cover ด้วยเครื้องดนตรีหลากหลายชนิดในตอนจบที่โต้งกับป่องไปร้องให้คุณปาร์คฟังหน้าตึก CJYP ผมอุทานในใจเลยครับว่า แม่ ! คือยังไงดี ผู้กำกับคิดง่ายไปไหม การ Cover เพลงอย่างอารีรังให้ออกมาเป็นร็อคผสานกับเครื่องดนตรีหลากหลายทั้งใหม่และท้องถิ่น มันสามารถเอาใครก็ไม่รู้เดินมาสมทบ ร่วมกันทำดนตรีและร้องได้เลยสดๆเลยเหรอ ทำไมไม่ให้มันมีที่มาที่ไปหน่อยหร่อว่าทำไมสองคนนี้ถึงเอาเพลงอารีรังมาร้องหน้าตึก CJYP และใจคอจะให้สองคนนี้มันกลายเป็นเทพที่สามารถ Cover เพลงได้ทันทีที่มีเครื่องดนตรีมาตั้งๆสดๆโดยไม่เคยซ้อมกันมาก่อนเลยหรือ ในส่วนนี้ผมว่าหนังพลาดมาก แบบไม่ให้อภัยเลย
.
และนี่คงจะแย่ไม่พอใช่ไหม เอาให้มันพังไปเลย จุดที่ทำให้คนว้าวสุดๆในหนังฉลุยเมื่อปี 2531 คือตอนจบที่หนังมีฝันซ้อนฝันหลายๆรอบ จำได้ว่าออกมานั่งคุยกับคนอื่นแบบสามวันไม่จบ แต่ในฉลุยปี2015 คือพังมาก เป็นการตื่นจากฝันที่ชวนงงและล้มเหลว สับสนไม่น่าประทับใจใดๆทั้งสิ้น
.
สุดท้ายปัญหาสำคัญของหนังเรื่องนี้ก็คือบทนั่นแหละ ที่พยายามเอาคำคมมาใส่ปากตัวละครอ้วนๆที่ฝันอยากเป็นผู้จัดการศิลปิน ที่เต็มไปด้วยคำคมแบบยัดเยียดราวกับหนัง ยอร์ช ฤกษ์ชัยก็ไม่ปาน
.
เดี๋ยวจะว่าหนังไม่มีอะไรดี จุดดีที่ขอชมบ้างก็ยังพอมี คือผมมีความรู้สึกว่าหนังมีการกำกับภาพที่ค่อนข้างดี มีงานโปรดักชั่นที่ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า การทำงานอย่างตั้งใจทำบ้าง และการแสดงของ นิกกี้ ณฉัตร ที่มารับบทเป็นโต้งได้อย่างค่อนข้างโดดเด่น แต่การแสดงของ เจสซี่ เมฆวัฒนา คือจุดด้อยอีกจุดที่ทำให้หนังค่อนข้างล้มเหลว ส่วนนิชคุณที่ใครคิดว่าลดเกรดตัวเองมาเป็นนักแสดงสมทบจะทำให้ชื่อเสียงมัวหมองนั้นพูดเลย ผมว่าหลายๆคนคงแทบจะไม่มีใครสนใจด้วยว่าหนังเรื่องนี้มีนิชคุณแสดง เพราะบทของนิชคุณมันดูธรรมดาจนไม่มีอะไรให้เสียและมันก็ไม่มีอะไรให้ประทับใจเลยแม้แต่นิดเดียว นางเอกตอนเป็นมีฮาโอเค แต่ตอนเป็นตุ๊กตาคือพังมาก ฉากเปิดตัวตุ๊กตาที่ส่องกล้องมองลงมาไม่มีออร่าเลย ผมนึกว่าสก็อยมารอขึ้นวินมอไซค์
.
สุดท้ายก็คงจะต้องพูดถึงคุณอังเคิล ผมคิดว่าการนำเอาฉลุยกลับมาทำใหม่ในครั้งนี้ ไม่สู้จะเป็นผลดีกับทั้งตัวหนังและตัวผู้กำกับเลย เนื่องจากของเดิมมันขึ้นหิ้งไปแล้ว ของใหม่ก็ทำออกมาได้ค่อนข้างล้มเหลว จริงๆผมว่าเอาฟิล์มเก่ามาบูรณะทำให้ชัดและทำไฟล์ลงดิจิตอลแล้วฉายในโรงใหม่ให้เด็กรุ่นใหม่ดูน่าจะเวิร์คกว่าการลงทุนทำฉลุยใหม่ในภาคนี้นะครับ แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้ ผู้กำกับฮอลลีวู้ดที่เก่งๆมันยังพลาดทำหนังพังๆได้เลย
.
สรุป ฉลุย แตะขอบฟ้า ค่อนข้างน่าผิดหวังครับ แต่ถ้าใครชอบหนังที่ดูแบบเพลินๆไม่คิดไรมาก ก็จะไปลองของก็ได้นะ แต่ส่วนตัว ผมว่าค่าตั๋วมันก็ไม่ใช่ถูกๆนะครับ 3.75 /10 (ให้เยอะกว่าขรัวโตหน่อยนึง)
แวะไปคอมเมนต์ในเพจผมได้นะครับ
https://goo.gl/Lt6KlX ไม่ต้องกด like ให้เพจก็ได้ครับ
ฉลุย..แตะขอบฟ้า พังทลายฝันสลาย 3.75/10
ตามความเข้าใจของผม ธีมของฉลุยคือ ความฝัน และการมุ่งมั่นเดินไปตามหาความฝัน และชื่อของฉลุยเวอร์ชั่นรีบูท (ผมขอเรียกรีบูทละกันนะ) ก็คือคำว่าแตะขอบฟ้า แต่ตัวหนังอย่าว่าแต่จะไปแตะขอบฟ้าเลย แค่เริ่มต้นด้วยการพยายามปีนต้นมะม่วงในสวนหลังบ้านยังตกต้นไม้ลงมาเลย ฉลุย แตะขอบฟ้าเป็นหนังที่พังมาก ล้มเหลวมากในเกือบจะทุกๆด้าน และสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้คือความลึกของตัวละครที่ไม่สามารถทำให้เราเชื่อได้เลยว่า ป๋อง กับ โต้ง จะเป็นคนที่มีความฝันและไปตามความฝันในสายดนตรีแบบที่ในเรื่องพยายามจะนำเสนอ
.
คือยังไงก็อดที่จะเอาไปเทียบกับของเดิมไม่ได้ สมัยนั้น บิลลี่ กับ เอ็มสุรศักดิ์ ยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง จะว่าไปก็แทบโนเนมเลย มาแสดงเป็นโต้งกับป๋องได้อย่างมีเสน่ห์ แม้สองคนนี้อาจจะไม่ได้มีความสามารถทางดนตรีมากมายขั้นเทพอะไร โดยเฉพาะเอ็มสุรศักดิ์นี่ขนาดมาออกเทปจริงนี่เสียงยังหมาไม่-(แต่เทปขายได้นะ) แต่สุดท้ายสองคนนี้ก็ทำให้เราเชื่อว่าเป็นนักดนตรีได้ แต่สำหรับ ป๋อง กับ โต้ง ปี2015 สองคนนี้ไม่สามารถทำให้ผมเชื่อได้เลยว่าพวกเค้าจะเป็นนักดนตรีได้ และที่แย่ที่สุดคือ ความมุ่งมั่นของสองคนนี้ที่อยากจะเป็นศิลปินนั้นมันทำเพียงเพื่ออยากจะเอาชนะใจผู้หญิงที่ชื่อ ตุ๊กตาในเรื่อง ซึ่งต้องพูดเลยว่า ตุ๊กตา ในลุย2015 นี้เป็นตุ๊กตาที่โคตรพังและดูแล้วรู้สึกเลยว่าไอ้สองตัวนี้จะเดินตามความฝันเพื่อผู้หญิงคนนี้นี่จริงๆหรอ คือตุ๊กตาของปี2015 นี้ดูธรรมดามาก ไร้เสน่ห์ เพลนและไม่น่าจดจำเท่า ตุ๊กตา ของปี 2531 ที่รับบทโดยคุณรัชนก พูลผลิน ดังนั้น ตุ๊กตาที่เป็นแรงบันดาลใจก็ไม่ใช่ ตัวละครโต้งกับป๋องก็ไม่สามารถทำให้เราเชื่อว่าพวกเค้าจะมีความมุ่งมั่นอะไรได้ ดังนั้น ความฝันของโต้งกับป๋อง มันก็เลยบางเบาล่องลอยเคว้งคว้างจับต้องอะไรไม่ได้เลย
.
สภาพของฉลุย 2015 จึงมีสภาพไม่ผิดอะไรกับหนังวัยรุ่นเพลนๆที่ยกพลไปถ่ายทำที่เกาหลี และก็เต็มไปด้วยมุขตลกสมัยพระเจ้าเหาที่เหมือนนักแสดงมันจะตลกกันเอง แต่คนดูไม่ขำด้วยฉากที่ไปเต้นให้ร้านขายอัลบั้มรูปดูแล้วบอกว่าจะขอออกอัลบั้มนี่ถามจริงๆ เอาสมองส่วนไหนคิด ฉากนั้นผมขำไม่ออก และรู้สึกผิดหวังมากว่านี่คือหนังไทยระดับสตูดิโอใหญ่คิดได้แค่นี้เองเหรอ ถ้าบอกว่าเป็นมุขสดใหม่ของพจน์ อานนท์ นี่ผมจะเชื่อเลยนะ แต่มุขนี้ผมไม่ให้ผ่านนะ
.
บวกกับการแสดงที่ออกแนวล้นมากเพราะการดีไซน์และตีความของนักแสดงหรือแอ้คติ้งโค้ชก้ไม่รู้ มันทำให้ผมมองว่า โต้งกับป๋องในฉลุย2015 นี้มีสภาพเหมือนสองคู่หู Dumb and Dumber มากกว่า ที่โง่ซื่อคาเฟ่ปัญญาอ่อน ผมนึกสภาพไม่ออกเลยว่าสองคนนี้มันจะมีความฝันได้ยังไง
.
อย่างที่บอก การหาข้อมูลในการทำหนังผมว่าจำเป็นมาก สุดท้ายผมก็อดที่จะชื่นชม GTH ไม่ได้ อย่างหนังรถไฟฟ้ามาหานะเธอ ที่เอาชีวิตของวิศวะกรที่ทำงานเกี่ยวกับรถไฟฟ้ามาให้เราดูจนเชื่อว่า เคนธีรเดช เป็นวิศวกรได้ แต่สำหรับ โต้งกับป๋อง ในปี2015 คุณอังเคิลไม่สามารถทำให้ผมเชื่อได้เลยว่าสองคนนี้เป็นคนดนตรี เพราะผมแทบไม่เห็นสองคนนี้ร้องเพลงเลยตลอดเรื่อง และที่บอกตลอดเวลาว่าจะไปเต้นให้คุณปาคที่ CJYP ที่เกาหลีดูยิ่งทำให้ผมตกใจ เพราะโต้งกับป๋องแทบจะไม่มีเสต็ปในการเต้นที่แข็งแรงพอที่จะมั่นหน้าไปโชว์หรือไปออดิชั่นอะไรให้ CJYP ดูเลย แต่การเข้า CJYP ของโต้งกับป๋องก็ยังพยายามที่จะเข้าไปด้วยวิถีแบบไทยๆคือเข้าไปเพราะเคยรู้จักคุณปาร์ค ก็กะจะหวังคอนเนคชั่น ซึ่งก่อนที่ผู้กำกับจะเอาประเด็นนี้มานำเสนอ ผมขอถามว่า มีนิชคุณมาร่วมแสดง ไม่ลองถามนิชคุณก่อนเหรอว่าการที่จะเข้า CJYP ได้นี่คือแค่มีเงินแล้วเดินไปเต้นให้เค้าดูมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ส่วนนี้ผมว่าล้มเหลวนะครับ
.
และที่แย่ที่สุดอย่างให้อภัยไม่ได้ก็คือการนำเพลง อารีรังมา Cover ด้วยเครื้องดนตรีหลากหลายชนิดในตอนจบที่โต้งกับป่องไปร้องให้คุณปาร์คฟังหน้าตึก CJYP ผมอุทานในใจเลยครับว่า แม่ ! คือยังไงดี ผู้กำกับคิดง่ายไปไหม การ Cover เพลงอย่างอารีรังให้ออกมาเป็นร็อคผสานกับเครื่องดนตรีหลากหลายทั้งใหม่และท้องถิ่น มันสามารถเอาใครก็ไม่รู้เดินมาสมทบ ร่วมกันทำดนตรีและร้องได้เลยสดๆเลยเหรอ ทำไมไม่ให้มันมีที่มาที่ไปหน่อยหร่อว่าทำไมสองคนนี้ถึงเอาเพลงอารีรังมาร้องหน้าตึก CJYP และใจคอจะให้สองคนนี้มันกลายเป็นเทพที่สามารถ Cover เพลงได้ทันทีที่มีเครื่องดนตรีมาตั้งๆสดๆโดยไม่เคยซ้อมกันมาก่อนเลยหรือ ในส่วนนี้ผมว่าหนังพลาดมาก แบบไม่ให้อภัยเลย
.
และนี่คงจะแย่ไม่พอใช่ไหม เอาให้มันพังไปเลย จุดที่ทำให้คนว้าวสุดๆในหนังฉลุยเมื่อปี 2531 คือตอนจบที่หนังมีฝันซ้อนฝันหลายๆรอบ จำได้ว่าออกมานั่งคุยกับคนอื่นแบบสามวันไม่จบ แต่ในฉลุยปี2015 คือพังมาก เป็นการตื่นจากฝันที่ชวนงงและล้มเหลว สับสนไม่น่าประทับใจใดๆทั้งสิ้น
.
สุดท้ายปัญหาสำคัญของหนังเรื่องนี้ก็คือบทนั่นแหละ ที่พยายามเอาคำคมมาใส่ปากตัวละครอ้วนๆที่ฝันอยากเป็นผู้จัดการศิลปิน ที่เต็มไปด้วยคำคมแบบยัดเยียดราวกับหนัง ยอร์ช ฤกษ์ชัยก็ไม่ปาน
.
เดี๋ยวจะว่าหนังไม่มีอะไรดี จุดดีที่ขอชมบ้างก็ยังพอมี คือผมมีความรู้สึกว่าหนังมีการกำกับภาพที่ค่อนข้างดี มีงานโปรดักชั่นที่ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า การทำงานอย่างตั้งใจทำบ้าง และการแสดงของ นิกกี้ ณฉัตร ที่มารับบทเป็นโต้งได้อย่างค่อนข้างโดดเด่น แต่การแสดงของ เจสซี่ เมฆวัฒนา คือจุดด้อยอีกจุดที่ทำให้หนังค่อนข้างล้มเหลว ส่วนนิชคุณที่ใครคิดว่าลดเกรดตัวเองมาเป็นนักแสดงสมทบจะทำให้ชื่อเสียงมัวหมองนั้นพูดเลย ผมว่าหลายๆคนคงแทบจะไม่มีใครสนใจด้วยว่าหนังเรื่องนี้มีนิชคุณแสดง เพราะบทของนิชคุณมันดูธรรมดาจนไม่มีอะไรให้เสียและมันก็ไม่มีอะไรให้ประทับใจเลยแม้แต่นิดเดียว นางเอกตอนเป็นมีฮาโอเค แต่ตอนเป็นตุ๊กตาคือพังมาก ฉากเปิดตัวตุ๊กตาที่ส่องกล้องมองลงมาไม่มีออร่าเลย ผมนึกว่าสก็อยมารอขึ้นวินมอไซค์
.
สุดท้ายก็คงจะต้องพูดถึงคุณอังเคิล ผมคิดว่าการนำเอาฉลุยกลับมาทำใหม่ในครั้งนี้ ไม่สู้จะเป็นผลดีกับทั้งตัวหนังและตัวผู้กำกับเลย เนื่องจากของเดิมมันขึ้นหิ้งไปแล้ว ของใหม่ก็ทำออกมาได้ค่อนข้างล้มเหลว จริงๆผมว่าเอาฟิล์มเก่ามาบูรณะทำให้ชัดและทำไฟล์ลงดิจิตอลแล้วฉายในโรงใหม่ให้เด็กรุ่นใหม่ดูน่าจะเวิร์คกว่าการลงทุนทำฉลุยใหม่ในภาคนี้นะครับ แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้ ผู้กำกับฮอลลีวู้ดที่เก่งๆมันยังพลาดทำหนังพังๆได้เลย
.
สรุป ฉลุย แตะขอบฟ้า ค่อนข้างน่าผิดหวังครับ แต่ถ้าใครชอบหนังที่ดูแบบเพลินๆไม่คิดไรมาก ก็จะไปลองของก็ได้นะ แต่ส่วนตัว ผมว่าค่าตั๋วมันก็ไม่ใช่ถูกๆนะครับ 3.75 /10 (ให้เยอะกว่าขรัวโตหน่อยนึง)
แวะไปคอมเมนต์ในเพจผมได้นะครับ https://goo.gl/Lt6KlX ไม่ต้องกด like ให้เพจก็ได้ครับ