ทริปนี้เป็นการบินไปเที่ยวเช้าไปเย็นกลับทริปที่ 2 ของเรา
หลังจากเปิดประเดิมบินไปเที่ยววันเดียวกลับที่เชียงใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/33018185
ทริปเชียงใหม่เป็นทริปที่ต้องไปทำธุระนิดหน่อย แต่ทริปนี้เป็นทริปที่ตั้งใจไปเที่ยวอย่างเดียวเลย
จริงๆไม่ได้เจาะจงว่าจะไปนครศรีธรรมราชคือจริงๆแทบจะไม่ได้เลือกเลย
เรื่องคือช่วงตั๋วโปร 0 บาทเมื่อปีที่แล้วจังหวัดท่องเที่ยวที่ดังๆเราจองตั๋วโปรกันไม่ทัน
คุณเพื่อนเลยเลือกไฟล์ทที่ยังมีตั๋วโปรอยู่และเวลาที่เราพอจะไปกันได้
เลยมาจบที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแบบไปไฟล์ทเช้าสุดแล้วกลับไฟล์ทดึกสุดวันเสาร์
ค่าตั๋วไปกลับ 800 กว่าบาท (คือถ้าข้ามไปกลับไฟล์ทวันอาทิตย์ก็ไม่มีตั๋วโปรแล้วยังต้องเสียค่าโรงแรมและค่าเช่ารถเพิ่มอีก
จะเสียความตั้งใจในการจองตั๋วโปรเราเลยยอมบินไปเที่ยวแบบวันเดียวดีกว่า เหอๆๆๆ)
ตอนที่จองตั๋วก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไรเลยว่านครศรีธรรมราชมีอะไรเที่ยว
รู้อย่างเดียวว่ามีพระบรมธาตุเมืองนคร คิดว่าแค่ได้มาไหว้พระธาตุแล้วก็กินอาหารใต้ก็คุ้มแล้วกับค่าตั๋ว
จนก่อนจะถึงวันเดินทางประมาณ 2 อาทิตย์ คุณเพื่อนก็หาข้อมูลไปเจอบริษัททัวร์ที่นครศรีธรรมราช
มีทริปพาไปเกาะที่มีบ่อน้ำจืดตามตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด พาไปดูปลาโลมาสีชมพู
แล้วก็ที่เที่ยวมากมายพร้อมทั้งพาไปไหว้พระบรมธาตุเมืองนคร
เป็นทริป 2-3 คน รวมรถเก๋ง+น้ำมัน+คนขับรับส่งสนามบิน , ค่าเรือ , ค่าประกันอุบัติเหตุ ไม่มีไกด์นำเที่ยว
ราคา 1,690 บาท/คน/ทริป 2 คน หรือ ราคา 1,300 บาท/คน/ทริป 3 คน
มาดูๆแล้วก็น่าสนใจดีนะถือว่าเที่ยวสบายๆไม่ต้องขับรถเองแล้วยังมีประกันฯอีก
เพิ่มเงินจากการเช่ารถขับเองนิดหน่อยเอง พวกเราเลยตกลงจองทัวร์นี้เลยไปเที่ยวแบบสบายๆกันดีกว่า
เช้าวันเที่ยวเรานัดเจอกันเวลาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอนเมืองเลย
ไฟล์ทนี้ที่นั่งเต็มเลย คนมานครฯเยอะจัง
ใช้เวลาบินประมาณชั่วโมงนิดๆก็มาถึงสนามบินนครศรีธรรมราช
ออกมาจาก gate ก็เห็นเจ้าหน้าที่ทัวร์ยืนถือป้ายชื่อคุณเพื่อนยืนรออยู่แล้ว
วันนี้พวกเราโชคดีที่เจ้าหน้าที่ที่มาพาพวกเราเที่ยวเป็นไกด์ด้วย
คือจริงๆทริปรถเก๋งจะไม่มีไกด์มาด้วยจะมีแต่คนขับที่ขับรถพาเราไปเที่ยวตามโปรแกรมที่กำหนด
ไกด์บอกว่าปกติเค้าจะดูแลลูกค้ากรุ๊ปใหญ่กับลูกค้าโรงแรมแต่วันนี้ไม่มีแขก เจ้านายเลยให้มาพาพวกเราเที่ยว
ถือว่าเปิดทริปด้วยความโชคดีละเรา ^ ^
ขึ้นรถคุณไกด์ก็พาเราไปหามื้อเช้ารองท้องกันก่อน คุณไกด์พาออกเลี่ยงเมืองไป
ร้านมิตรภาพ อ.ท่าศาลา
เลี่ยงตัวเมืองออกไปเพื่อทำเวลาในการเที่ยวกันหน่อย เพราะคุณไกด์บอกว่าเราต้องขับรถไปอีกร้อยกว่าโล
ถ้าแวะไปร้านดังในตัวเมืองจะใช้เวลาเยอะไปหน่อยเอาแบบง่ายๆไม่ใช้เวลามากดีกว่า
ระหว่างทางคุณไกด์ก็ชวนคุยเล่าโน่นนี่นั่นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและอธิบายที่เที่ยวไปเรื่อยๆฟังแล้วก็ เฮ้ย! จังหวัดนี้มีที่เที่ยวเยอะมากอ่ะ
คุณไกด์ก็เล่าซะน่าเที่ยวเลย คร่าวๆคือจังหวัดนครศรีธรรมราชตอนนี้อยู่ในโครงการ
เมืองต้องห้ามพลาด
สโลแกนของที่นี่คือ เมืองสองธรรม
ธรรมแรกคือ ธรรมะ เพราะมีความหลากหลายทางศาสนาทั้ง มุสลิม พุทธ คริสต์ และ มีศาสนสถานของแต่ละศาสนามากมาย บางหมู่บ้านมีทั้งพุทธและอิสลามอยู่ร่วมกันมีแค่ถนนกลางหมู่บ้านกั้นไว้แค่นั่นเอง
ธรรมที่ 2 คือ ธรรมชาติ เพราะมีที่เที่ยวครบทุกประเภททั้ง ทะเล (มีถนนเลียบชายทะเลเป็นระยะๆ ที่ขึ้นชื่อก็ ขนอม แถมตอนนี้ไปสมุยจากนครฯได้แล้วนะจ๊ะ), ภูเขา (มีเขาหลวงซึ่งเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ, เข้าป่า, น้ำตก, ทะเลหมอก, โฮมเสตย์ ล่องเรือเที่ยวคล้ายๆอัมพวาก็มีนะเออ ฟังๆไปก็เพลินแล้วก็คล้อยตามว่า เออนะจังหวัดนี้น่าสนใจมากจริงๆท่าทางจะต้องหาเวลามาเที่ยวที่นี่แบบจริงจังอีกครั้งแน่ๆ
ตลอดทางผ่านที่ไหนคุณไกด์ก็จะเล่าว่า มีที่เที่ยวอะไร ประวัติยังไง ตลอดชั่วโมงกว่าๆนี่ฟังกันเพลินเลย
พอเข้าเขตขนอมตามทางไปแหลมประทับก็เห็นผีเสื้อบินเยอะเชียว
คุณไกด์ให้ข้อมูลว่าที่นี่ผีเสื้อเยอะมาก เพราะมีดินโป่งเยอะ ผีเสื้อจะมากินดินโป่ง
แล้วถ้าเรานั่งเรือแล้วมีเหงื่อกลับมาพอตัวเราแห้งบางทีก็จะมีผีเสื้อมาเกาะที่ตัวเราด้วยนะเออ
มาๆเที่ยวกันต่อดีกว่า เรามาถึง แหลมประทับ เพื่อลงเรือไปสักการะหลวงปู่ทวดบนเกาะประมาณ 10 โมงนิดๆ
จริงๆท่าเรือที่จะลงเรือไปมีหลายที่มาก แต่เท่าที่คุณไกด์เล่าที่แหลมประทับจะเป็นที่ยอดนิยมที่สุดแล้ว และ
เป็นที่ไกลที่สุดแล้วเลยใช้เวลานั่งเรือแป๊บเดียวก็ถึงเกาะแล้ว และ เป็นที่ๆใกล้ๆแหล่งที่เห็นปลาโลมาสีชมพูด้วย
ทริปดูปลาโลมาสีชมพูจริงๆจะเป็นทริปพ่วงกับการลงเรือไปสักการะหลวงปู่ทวดบนเกาะ
เนื่องจากจริงๆแล้วระหว่างทางไปสักการะหลวงปู่ทวดเราก็จะผ่านที่ๆปลาโลมาอาศัยว่ายมาหาอาหาร
(ปลาตัวเล็กๆ และ หญ้าทะเล) และ ว่ายมาหลบคลื่นลม
คือเรือจะผ่านที่ที่ปลาโลมาเค้าว่ายน้ำไปมา เราจะออกไปหาเค้าไปดูเค้าว่ายน้ำหรือโผล่พ้นน้ำขึ้นมาหายใจ
ดังนั้นเราจะเห็นปลาโลมารึเปล่าก็แล้วแต่โชคว่าคุณโลมาเค้าจะมาว่ายน้ำแถวนั้นในช่วงที่เราไปรึเปล่า ประมาณนั้นล่ะ
เรือที่พาเราไปก็เป็นเรือหางยาวติดแสลนง่ายๆนี่ล่ะ
ออกจากท่าเรือนิดเดียวเราก็เห็นปลาโลมาเลย คือเอาจริงๆแล้วอยู่บนฝั่งก็มองเห็นได้เลยล่ะ
คุณลุงคุณป้าบอกว่าวันนี้มาให้เห็นเร็วเชียวพวกเรานี่โชคดีนะ พอเห็นปลาคุณลุงก็จะดับเครื่องยนต์เรือ
เพื่อไม่ให้เสียงไปรบกวนหรือทำให้โลมาตกใจแล้วว่ายหนีไป เนื่องจากปลาโลมาจะให้คลื่น ultra sonic ในการนำทาง
ดังนั้นจึงรับรู้เสียงต่างๆได้ไวมาก คุณไกด์แนะนำว่าถ้าได้เรือที่เครื่องยนต์เสียงไม่ดังก็จะมีโอกาสเห็นโลมาได้มากขึ้น
เห็นปลาโลมาทั้งสีเทาและสีชมพูเป็นระยะๆ ถือว่าเห็นหลายครั้งมากนะ ไม่ต้องมองหาก็เห็น
แต่ถ่ายรูปไม่ทัน ทำได้แค่เปิดถ่ายวีดีโอรอไว้หันไปจับภาพทันบ้างไม่ทันบ้าง แต่เอาเป็นว่าดูด้วยตาเปล่าเองเลยฟินสุดละ
https://instagram.com/p/3BwhLSi_L2/?taken-by=oony_oony
ปลาโลมาสีชมพูคือปลาโลมาแก่นะจ๊ะ ตอนที่ยังไม่แก่ก็เป็นสีเทานี่ล่ะ แต่พอแก่ 40+ ก็จะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู
ดังนั้นบางตัวเราก็จะเห็นปลาโลมเป็นสีชมพูปนเทากระดำกระด่าง ส่วนตัวไหนเป็นสีชมพูล้วนนี่ก็แสดงว่าพี่เค้าแก่มากแล้วนะจ๊ะ
ดูโลมากันเพลินๆก็ไปขึ้น
เกาะนุ้ย มาสักการะหลวงปู่ทวด
วันนี้โชคดีอีกแล้วน้ำลงทำให้เห็นบ่อน้ำจืดกลางทะเลเป็นรูปรอยเท้าหลวงปู่ทวดตามตำนาน
คุณป้าตักน้ำมาให้ชิม เออ น้ำไม่เค็มจริงๆ ออกกร่อยๆหน่อย
มาๆเดินขึ้นเกาะไปสักการะหลวงปู่ทวดกัน ทางเดินขึ้นเพิ่งทำใหม่เป็นบันไดปูนเดินสบายๆเลยเพราะเมื่อต้นเดือนเพิ่งจะมีงานไหว้หลวงปู่
คนที่นี่จะนิยมนำน้ำดื่มมาถวายหลวงปู่ เพราะถือว่ามาดื่มหรือมาตักน้ำจืดของหลวงปู่ไปก็นำน้ำมาคืนให้
ส่วนน้ำที่นำมาถวายก็จะมีคนเรือมาลาเอาไปใช้ดื่มกินหรือเอาไปออกทะเลต่อไป
เกาะและภูเขาที่นี่จะเรียกว่า
แนวเขาพับผ้า คือจะเป็นหินริ้วๆซ้อนกัน
คุณไกด์ให้ข้อมูลว่าเป็นหินลาวาที่เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว ภูเขาและหินแถวนี้มีอายุก่อนยุคไดโนเสาร์นะเออ
อีกจุดนึงที่ขึ้นชื่อคือ เวทีพุ่มพวง คือแนวหินที่เป็นริ้วๆเหมือนผ้าม่านแล้วก็มีลานหินคล้ายเวทีอยู่ด้วยกัน
คุณลุงคุณป้าใจดีพาไปไกลสุดเขตจังหวัดนครฯไปที่รอยต่อกับจังหวัดสุราษฎร์ฯโดยมีแค่คลองกั้น
ที่นี่ติดกับจังหวัดสุราษฎร์แถวๆท่าเรือดอนสัก มองไปเราก็จะเห็นท่าเรือและเรือเฟอร์รี่ไปเกาะสมุยเกาะพงันกันได้เลย
มองออกทะเลไปก็เห็นเกาะสมุยไม่ไกลนี่ล่ะ
เห็นรักนกนางแอ่นเกาะอยู่ด้านบนด้วย
เรือลัดเลาะมาตามคลองเราก็จะเห็นหมู่บ้านชาวประมง และ กระชังเลี้ยงปลากระพง และ แนวหญ้าทะเลที่เป็นแหล่งอาหารของปลาโลมาด้วย
คุณลุงคุณป้าพาเที่ยวครบตามแผนของแกแล้ว ก็พาพวกเรากลับมาที่ท่าเรือ ใช้เวลาบนเรือประมาณ 2 ชม.ก็ไปได้ทั่วหมดตามนี้
ขึ้นมาที่ท่าเรือก็มาสักการะพระเจ้าตากสิน และ พระพุทธสิหิงค์ ที่ชาวบ้านสร้างไว้บริเวณท่าเรือ
ออกจากแหลมประทับคุณไกด์พาไปสักการะ เจดีย์ปะการัง อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
คุณไกด์เล่าว่าเจดีย์ปะการังเป็นต้นแบบรูปทรงเจดีย์ที่สร้างพระบรมธาตุนครฯ
ที่เรียกว่าเจดีย์ปะการังเพราะ ที่ฐานของเจดีย์จะใช้ปะการังมาสร้างเป็นฐานองค์เจดีย์
แต่ตอนนี้ไม่ค่อยเห็นปะการังแล้วหลังจากที่มีการบูรณะเจดีย์ในภายหลัง
[CR] บินไปเที่ยววันเดียวกลับ @นครศรีธรรมราช 23 may 15
ทริปนี้เป็นการบินไปเที่ยวเช้าไปเย็นกลับทริปที่ 2 ของเรา
หลังจากเปิดประเดิมบินไปเที่ยววันเดียวกลับที่เชียงใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/33018185
ทริปเชียงใหม่เป็นทริปที่ต้องไปทำธุระนิดหน่อย แต่ทริปนี้เป็นทริปที่ตั้งใจไปเที่ยวอย่างเดียวเลย
จริงๆไม่ได้เจาะจงว่าจะไปนครศรีธรรมราชคือจริงๆแทบจะไม่ได้เลือกเลย
เรื่องคือช่วงตั๋วโปร 0 บาทเมื่อปีที่แล้วจังหวัดท่องเที่ยวที่ดังๆเราจองตั๋วโปรกันไม่ทัน
คุณเพื่อนเลยเลือกไฟล์ทที่ยังมีตั๋วโปรอยู่และเวลาที่เราพอจะไปกันได้
เลยมาจบที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแบบไปไฟล์ทเช้าสุดแล้วกลับไฟล์ทดึกสุดวันเสาร์
ค่าตั๋วไปกลับ 800 กว่าบาท (คือถ้าข้ามไปกลับไฟล์ทวันอาทิตย์ก็ไม่มีตั๋วโปรแล้วยังต้องเสียค่าโรงแรมและค่าเช่ารถเพิ่มอีก
จะเสียความตั้งใจในการจองตั๋วโปรเราเลยยอมบินไปเที่ยวแบบวันเดียวดีกว่า เหอๆๆๆ)
ตอนที่จองตั๋วก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไรเลยว่านครศรีธรรมราชมีอะไรเที่ยว
รู้อย่างเดียวว่ามีพระบรมธาตุเมืองนคร คิดว่าแค่ได้มาไหว้พระธาตุแล้วก็กินอาหารใต้ก็คุ้มแล้วกับค่าตั๋ว
จนก่อนจะถึงวันเดินทางประมาณ 2 อาทิตย์ คุณเพื่อนก็หาข้อมูลไปเจอบริษัททัวร์ที่นครศรีธรรมราช
มีทริปพาไปเกาะที่มีบ่อน้ำจืดตามตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด พาไปดูปลาโลมาสีชมพู
แล้วก็ที่เที่ยวมากมายพร้อมทั้งพาไปไหว้พระบรมธาตุเมืองนคร
เป็นทริป 2-3 คน รวมรถเก๋ง+น้ำมัน+คนขับรับส่งสนามบิน , ค่าเรือ , ค่าประกันอุบัติเหตุ ไม่มีไกด์นำเที่ยว
ราคา 1,690 บาท/คน/ทริป 2 คน หรือ ราคา 1,300 บาท/คน/ทริป 3 คน
มาดูๆแล้วก็น่าสนใจดีนะถือว่าเที่ยวสบายๆไม่ต้องขับรถเองแล้วยังมีประกันฯอีก
เพิ่มเงินจากการเช่ารถขับเองนิดหน่อยเอง พวกเราเลยตกลงจองทัวร์นี้เลยไปเที่ยวแบบสบายๆกันดีกว่า
เช้าวันเที่ยวเรานัดเจอกันเวลาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอนเมืองเลย
ไฟล์ทนี้ที่นั่งเต็มเลย คนมานครฯเยอะจัง
ใช้เวลาบินประมาณชั่วโมงนิดๆก็มาถึงสนามบินนครศรีธรรมราช
ออกมาจาก gate ก็เห็นเจ้าหน้าที่ทัวร์ยืนถือป้ายชื่อคุณเพื่อนยืนรออยู่แล้ว
วันนี้พวกเราโชคดีที่เจ้าหน้าที่ที่มาพาพวกเราเที่ยวเป็นไกด์ด้วย
คือจริงๆทริปรถเก๋งจะไม่มีไกด์มาด้วยจะมีแต่คนขับที่ขับรถพาเราไปเที่ยวตามโปรแกรมที่กำหนด
ไกด์บอกว่าปกติเค้าจะดูแลลูกค้ากรุ๊ปใหญ่กับลูกค้าโรงแรมแต่วันนี้ไม่มีแขก เจ้านายเลยให้มาพาพวกเราเที่ยว
ถือว่าเปิดทริปด้วยความโชคดีละเรา ^ ^
ขึ้นรถคุณไกด์ก็พาเราไปหามื้อเช้ารองท้องกันก่อน คุณไกด์พาออกเลี่ยงเมืองไป ร้านมิตรภาพ อ.ท่าศาลา
เลี่ยงตัวเมืองออกไปเพื่อทำเวลาในการเที่ยวกันหน่อย เพราะคุณไกด์บอกว่าเราต้องขับรถไปอีกร้อยกว่าโล
ถ้าแวะไปร้านดังในตัวเมืองจะใช้เวลาเยอะไปหน่อยเอาแบบง่ายๆไม่ใช้เวลามากดีกว่า
ระหว่างทางคุณไกด์ก็ชวนคุยเล่าโน่นนี่นั่นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและอธิบายที่เที่ยวไปเรื่อยๆฟังแล้วก็ เฮ้ย! จังหวัดนี้มีที่เที่ยวเยอะมากอ่ะ
คุณไกด์ก็เล่าซะน่าเที่ยวเลย คร่าวๆคือจังหวัดนครศรีธรรมราชตอนนี้อยู่ในโครงการ เมืองต้องห้ามพลาด
สโลแกนของที่นี่คือ เมืองสองธรรม
ธรรมแรกคือ ธรรมะ เพราะมีความหลากหลายทางศาสนาทั้ง มุสลิม พุทธ คริสต์ และ มีศาสนสถานของแต่ละศาสนามากมาย บางหมู่บ้านมีทั้งพุทธและอิสลามอยู่ร่วมกันมีแค่ถนนกลางหมู่บ้านกั้นไว้แค่นั่นเอง
ธรรมที่ 2 คือ ธรรมชาติ เพราะมีที่เที่ยวครบทุกประเภททั้ง ทะเล (มีถนนเลียบชายทะเลเป็นระยะๆ ที่ขึ้นชื่อก็ ขนอม แถมตอนนี้ไปสมุยจากนครฯได้แล้วนะจ๊ะ), ภูเขา (มีเขาหลวงซึ่งเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ, เข้าป่า, น้ำตก, ทะเลหมอก, โฮมเสตย์ ล่องเรือเที่ยวคล้ายๆอัมพวาก็มีนะเออ ฟังๆไปก็เพลินแล้วก็คล้อยตามว่า เออนะจังหวัดนี้น่าสนใจมากจริงๆท่าทางจะต้องหาเวลามาเที่ยวที่นี่แบบจริงจังอีกครั้งแน่ๆ
ตลอดทางผ่านที่ไหนคุณไกด์ก็จะเล่าว่า มีที่เที่ยวอะไร ประวัติยังไง ตลอดชั่วโมงกว่าๆนี่ฟังกันเพลินเลย
พอเข้าเขตขนอมตามทางไปแหลมประทับก็เห็นผีเสื้อบินเยอะเชียว
คุณไกด์ให้ข้อมูลว่าที่นี่ผีเสื้อเยอะมาก เพราะมีดินโป่งเยอะ ผีเสื้อจะมากินดินโป่ง
แล้วถ้าเรานั่งเรือแล้วมีเหงื่อกลับมาพอตัวเราแห้งบางทีก็จะมีผีเสื้อมาเกาะที่ตัวเราด้วยนะเออ
มาๆเที่ยวกันต่อดีกว่า เรามาถึง แหลมประทับ เพื่อลงเรือไปสักการะหลวงปู่ทวดบนเกาะประมาณ 10 โมงนิดๆ
จริงๆท่าเรือที่จะลงเรือไปมีหลายที่มาก แต่เท่าที่คุณไกด์เล่าที่แหลมประทับจะเป็นที่ยอดนิยมที่สุดแล้ว และ
เป็นที่ไกลที่สุดแล้วเลยใช้เวลานั่งเรือแป๊บเดียวก็ถึงเกาะแล้ว และ เป็นที่ๆใกล้ๆแหล่งที่เห็นปลาโลมาสีชมพูด้วย
ทริปดูปลาโลมาสีชมพูจริงๆจะเป็นทริปพ่วงกับการลงเรือไปสักการะหลวงปู่ทวดบนเกาะ
เนื่องจากจริงๆแล้วระหว่างทางไปสักการะหลวงปู่ทวดเราก็จะผ่านที่ๆปลาโลมาอาศัยว่ายมาหาอาหาร
(ปลาตัวเล็กๆ และ หญ้าทะเล) และ ว่ายมาหลบคลื่นลม
คือเรือจะผ่านที่ที่ปลาโลมาเค้าว่ายน้ำไปมา เราจะออกไปหาเค้าไปดูเค้าว่ายน้ำหรือโผล่พ้นน้ำขึ้นมาหายใจ
ดังนั้นเราจะเห็นปลาโลมารึเปล่าก็แล้วแต่โชคว่าคุณโลมาเค้าจะมาว่ายน้ำแถวนั้นในช่วงที่เราไปรึเปล่า ประมาณนั้นล่ะ
เรือที่พาเราไปก็เป็นเรือหางยาวติดแสลนง่ายๆนี่ล่ะ
ออกจากท่าเรือนิดเดียวเราก็เห็นปลาโลมาเลย คือเอาจริงๆแล้วอยู่บนฝั่งก็มองเห็นได้เลยล่ะ
คุณลุงคุณป้าบอกว่าวันนี้มาให้เห็นเร็วเชียวพวกเรานี่โชคดีนะ พอเห็นปลาคุณลุงก็จะดับเครื่องยนต์เรือ
เพื่อไม่ให้เสียงไปรบกวนหรือทำให้โลมาตกใจแล้วว่ายหนีไป เนื่องจากปลาโลมาจะให้คลื่น ultra sonic ในการนำทาง
ดังนั้นจึงรับรู้เสียงต่างๆได้ไวมาก คุณไกด์แนะนำว่าถ้าได้เรือที่เครื่องยนต์เสียงไม่ดังก็จะมีโอกาสเห็นโลมาได้มากขึ้น
เห็นปลาโลมาทั้งสีเทาและสีชมพูเป็นระยะๆ ถือว่าเห็นหลายครั้งมากนะ ไม่ต้องมองหาก็เห็น
แต่ถ่ายรูปไม่ทัน ทำได้แค่เปิดถ่ายวีดีโอรอไว้หันไปจับภาพทันบ้างไม่ทันบ้าง แต่เอาเป็นว่าดูด้วยตาเปล่าเองเลยฟินสุดละ
https://instagram.com/p/3BwhLSi_L2/?taken-by=oony_oony
ปลาโลมาสีชมพูคือปลาโลมาแก่นะจ๊ะ ตอนที่ยังไม่แก่ก็เป็นสีเทานี่ล่ะ แต่พอแก่ 40+ ก็จะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู
ดังนั้นบางตัวเราก็จะเห็นปลาโลมเป็นสีชมพูปนเทากระดำกระด่าง ส่วนตัวไหนเป็นสีชมพูล้วนนี่ก็แสดงว่าพี่เค้าแก่มากแล้วนะจ๊ะ
ดูโลมากันเพลินๆก็ไปขึ้น เกาะนุ้ย มาสักการะหลวงปู่ทวด
วันนี้โชคดีอีกแล้วน้ำลงทำให้เห็นบ่อน้ำจืดกลางทะเลเป็นรูปรอยเท้าหลวงปู่ทวดตามตำนาน
คุณป้าตักน้ำมาให้ชิม เออ น้ำไม่เค็มจริงๆ ออกกร่อยๆหน่อย
มาๆเดินขึ้นเกาะไปสักการะหลวงปู่ทวดกัน ทางเดินขึ้นเพิ่งทำใหม่เป็นบันไดปูนเดินสบายๆเลยเพราะเมื่อต้นเดือนเพิ่งจะมีงานไหว้หลวงปู่
คนที่นี่จะนิยมนำน้ำดื่มมาถวายหลวงปู่ เพราะถือว่ามาดื่มหรือมาตักน้ำจืดของหลวงปู่ไปก็นำน้ำมาคืนให้
ส่วนน้ำที่นำมาถวายก็จะมีคนเรือมาลาเอาไปใช้ดื่มกินหรือเอาไปออกทะเลต่อไป
เกาะและภูเขาที่นี่จะเรียกว่า แนวเขาพับผ้า คือจะเป็นหินริ้วๆซ้อนกัน
คุณไกด์ให้ข้อมูลว่าเป็นหินลาวาที่เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว ภูเขาและหินแถวนี้มีอายุก่อนยุคไดโนเสาร์นะเออ
อีกจุดนึงที่ขึ้นชื่อคือ เวทีพุ่มพวง คือแนวหินที่เป็นริ้วๆเหมือนผ้าม่านแล้วก็มีลานหินคล้ายเวทีอยู่ด้วยกัน
คุณลุงคุณป้าใจดีพาไปไกลสุดเขตจังหวัดนครฯไปที่รอยต่อกับจังหวัดสุราษฎร์ฯโดยมีแค่คลองกั้น
ที่นี่ติดกับจังหวัดสุราษฎร์แถวๆท่าเรือดอนสัก มองไปเราก็จะเห็นท่าเรือและเรือเฟอร์รี่ไปเกาะสมุยเกาะพงันกันได้เลย
มองออกทะเลไปก็เห็นเกาะสมุยไม่ไกลนี่ล่ะ
เห็นรักนกนางแอ่นเกาะอยู่ด้านบนด้วย
เรือลัดเลาะมาตามคลองเราก็จะเห็นหมู่บ้านชาวประมง และ กระชังเลี้ยงปลากระพง และ แนวหญ้าทะเลที่เป็นแหล่งอาหารของปลาโลมาด้วย
คุณลุงคุณป้าพาเที่ยวครบตามแผนของแกแล้ว ก็พาพวกเรากลับมาที่ท่าเรือ ใช้เวลาบนเรือประมาณ 2 ชม.ก็ไปได้ทั่วหมดตามนี้
ขึ้นมาที่ท่าเรือก็มาสักการะพระเจ้าตากสิน และ พระพุทธสิหิงค์ ที่ชาวบ้านสร้างไว้บริเวณท่าเรือ
ออกจากแหลมประทับคุณไกด์พาไปสักการะ เจดีย์ปะการัง อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
คุณไกด์เล่าว่าเจดีย์ปะการังเป็นต้นแบบรูปทรงเจดีย์ที่สร้างพระบรมธาตุนครฯ
ที่เรียกว่าเจดีย์ปะการังเพราะ ที่ฐานของเจดีย์จะใช้ปะการังมาสร้างเป็นฐานองค์เจดีย์
แต่ตอนนี้ไม่ค่อยเห็นปะการังแล้วหลังจากที่มีการบูรณะเจดีย์ในภายหลัง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น