[แชร์ประสบการณ์] เมื่อเกิดปัญหาผมร่วง จนผมเริ่มบาง ทำไงดี!!!

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะขอเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองช่วงที่มีปัญหาผมบาง&ผมร่วงหนัก (เรียกว่าช่วงวิกฤตเลยก็ว่าได้) ว่าตอนมีปัญหาผมทำอะไรไปบ้าง รวมไปถึงการดูแลรักษาปัญหาเส้นผมที่ผมเคยลองใช้ และยังใช้อยู่ในปัจจุบันนะครับ เชื่อว่าหลายๆ คนทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็อาจจะกำลังประสบกับปัญหานี้อยู่ เลยอยากนำประสบการณ์+ความรู้ในเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังนะฮะ คุณผู้อ่านจะได้เข้าใจเกี่ยวกับปัญหานี้รวมทั้งเรื่องการรักษาด้วย เผื่อไปใช้กับตัวเองหรือพี่ชาย/น้องชาย/แฟน/สามี/ภรรยา/ไร ก็ว่าไปฮะ... ตอนนี้ผมเรียนจบนานแล้วและทำงานมาซักพักใหญ่ๆ แล้วนะฮะ ขอเริ่มเลยละกันครับ
           ยาวหน่อยนะฮะ ขอภัยล่วงหน้าเลยละกัน แต่คิดว่า ถ้าใครมีปัญหานี้คงกลุ้มใจพอสมควร (จำความรู้สึกตัวเองได้ 555) และผมอยากให้เนื้อหาครอบคลุมประเด็นต่างๆ มันก็เลยยาวครับ
           อย่างที่หลายคนคงทราบกันดี ว่าสาเหตุอันดับต้นๆ ของอาการผมบาง,ผมร่วง,ไปจนถึงศีรษะล้าน ก็คือพันธุกรรมฮะ คนทั่วไปมักคิดว่าพันธุกรรมนี้เป็นตัวตัดสินชะตากรรม ประมาณว่าถ้าพ่อหัวล้าน ลูกชายนี่ไม่ต้องสืบเลย ล้านแน่นอน รวยเละเทะ... ซึ่งไม่เป็นความจริงนะครับ มันไม่ได้เป็นกฎตายตัวแบบนั้น ดังนั้นคนที่คิดถอดใจเพราะมีพ่อที่ศีรษะล้านก็ขอให้ใส่ใจกลับมาก่อนครับ ยังมีความหวังครับโผมมมม... ผมขอเสริมตรงนี้นิดนึงว่า พันธุกรรมทางด้านเส้นผมนี่ไม่ได้หมายถึงมรดกที่ได้รับมาจากแค่ทางฝั่งพ่อนะฮะ ลักษณะเส้นผมของฝั่งแม่ก็มีผลด้วย (ซึ่งหลายคนเข้าใจผิดคิดว่า ผมผู้ชายให้ดูพ่อ และถ้าเป็นผู้หญิงให้ดูผมของแม่)
           สำหรับหัวข้อนี้ ถือว่าผมค่อนข้างโชคร้ายพอสมควรเลยฮะ เพราะพ่อผมนี่ศีรษะล้านเต็มๆ คือ ตั้งแต่ผมเป็นทารกเริ่มจำความได้ เห็นพ่อ... พ่อก็ล้านละฮะ ตอนนั้นพ่อน่าจะอายุไม่ถึง 35 ด้วยซ้ำ เอาซะเร็วเลย... ผมตรงกลางๆ นี่ไปหมดแล้ว ส่วนคุณแม่ก็เป็นคนผมน้อยและเส้นเล็กอีก (ผมน้อยทั้งคู่ จะแต่งงานกันเองทำม๊ายยย) ผมก็เลยเป็นคนผมเส้นเล็กตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ ตอนสมัยเรียนเด็กผู้ชายเค้าต้องตัดผมทรงนักเรียนใช่มั้ยฮะ เวลาออกไปกลางแจ้งนี่จะเห็นเลย ว่าผมของผมมันจะน้อยๆ และเส้นห่างๆ กัน


                เนี่ยแหละฮะ คุณพ่อ... หนักหน่วง จริงๆ อยากหารูปตอนผมเป็นเด็กเล็กกว่านี้ แต่ว่ารูปคู่มีแต่ที่ถ่ายกับแม่ฮะ... แต่สภาพเส้นผมของพ่อก็ประมาณเนี้ยแหละครับ   


             ตอนเด็กๆ เรายังไม่มีความรู้ก็ได้แต่คิดว่า ซวยล้าวววววว โตไปหัวล้านแน่กรู ก็ได้แต่ลุ้นว่า ขอให้กระบวนการล้านมันเริ่มตอนแก่แล้วละกัน ประมาณว่าซักสี่สิบปลายๆ ชีวิตลงตัว มีลูกมีเมียไรหมดแล้ว ถ้าจะล้านไปล้านตอนโน้นนะ ถือว่าพี่ขอร้อง...
             แต่มันไม่ฟังฮะ
             ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยปีท้ายๆ มันมาแล่วววว... มันเริ่มมาเยือนเบาๆ ก่อน ต้องอธิบายก่อนนะฮะว่าปีสุดท้ายของการเรียนคณะผม ถือว่าเป็นปีที่ค่อนข้างหนักฮะ เครียดมากแล้วไม่ค่อยได้นอนด้วย อาหารการกินไม่ต้องสืบ เข้าขั้นอับเฉามาก ช่วงนั้นผมเริ่มสังเกตว่าผมของผมมันบางลง แล้วมุมผมด้านหน้ามันเหมือนจะเริ่มสูงขึ้น ผมใช้วัดจากหางคิ้วไปมุมผม รู้สึกมันไกลออกไปทีละนิด แต่ในช่วงนี้มันจะยังไม่ชัดเจนครับ ผมขอเรียกว่า เฟสที่ 1: ช่วงหลอกตัวเอง... คือ เราจะพยายามหลอกตัวเองว่า ไม่ม้างงงง ยังมั้งงงง คิดไปเองรึเปล่า... ไหนลองเทียบกับรูปเก่าๆ ซิ ก็ไม่แย่มากนี่หว่า เท่าๆ เดิมนี่นา ฯลฯ แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผมก็รู้เลยว่า ผมมันเริ่มบางลงจริงๆ แต่มันบางลงนิดเดียวตรงด้านหน้า แล้วก็ตรงมุมผมที่บอกไว้อะครับ มันเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย
              สิ่งแรกที่ผมทำคือ ทดลองเปลี่ยนแชมพู แชมพูตัวไหนช่วยป้องกันผมร่วง ผมลองหมด โดยช่วงนั้นสังเกตว่าตัวไหนออกครีมๆ มีครีมนวดผสมเยอะๆ ใช้แล้วผมจะร่วงเยอะกว่าบางยี่ห้อที่ออกแนวใสๆ อีกอย่างพวกแชมพูที่ผสมครีมนวดเยอะๆ หลังสระเสร็จผมจะมีน้ำหนักมาก ทำให้ยิ่งดูลีบบางและผมน้อยเข้าไปใหญ่ ผมก็เลยใช้พวกที่เออกแนวน้ำๆ ใสๆ สระเสร็จผมก็จะฟูๆ มันก็เหมือนพอจะช่วยได้บ้าง คืออัตราการร่วงก็ลดลง แต่ผมที่เสียไปก็ยังไม่ขึ้นกลับมานะฮะ ผมก็พยายามหลอกตัวเองต่อไปอีกขั้นว่า ตอนนี้สภาพก็ไม่ได้แย่มาก ไม่แน่น้าาาา ถ้าสามารถหยุดยั้งการร่วงไว้ ณ จุดนี้ ไปจนกว่าจะแก่ก็ยังโอเค(วะ) ตอนนั้นเป้าหมายของผมเลยกลายเป็นการรักษาผมไว้ไม่ให้บางเพิ่มไปกว่านั้น (และพยายามไม่ให้แนวผมถอยร่นไปกว่านั้น)
              ผมประคองมาเรื่อยๆ จนมาสู่ช่วงเลวร้าย คือช่วงหลังเรียนจบฮะ จบมาปุ๊บก็ทำงานฮะ งานค่อนข้างหนักเแล้วก็เป็นอาชีพที่เครียดด้วย นอกจากนั้นผมก็ยังทำโน่นทำนี่นอกเวลางานอีก ซึ่งทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เคยจะพอเลย การดูแลร่างกายโดยรวมก็ไม่ค่อยดีฮะ ช่วงนี้ผมมันก็เลยบางเพิ่มทีละน้อยๆ แต่ผมก็ยังคิดว่าจะประคองมันไว้ให้ได้
              จนกระทั่งผมได้มีโอกาสทำงานพิธีกร (ทำเหมือนเป็นพิธีกรเสริมครับ ช่วงนั้นงานหลักผมก็ยังทำอยู่) บอกตรงๆ เลยว่าช่วงนั้นหนักมาก นอกจากไม่ได้พักเลย สภาพร่างกายแย่แล้ว ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงงว่าเล่าเพื่อ? จะอวดหรอ? สมัยนี้ใครๆ ก็เป็นพิธีกรกันทั้งนั้นแหละ... เนี่ยแหละครับ เพราะใครๆ ก็เป็นพิธีกรเนี่ยแหละผมถึงต้องเล่า เพราะมันเกี่ยวข้องกับเรื่องเส้นผมอย่างมากครับ ปัญหาหลักของงานพิธีกรหรืองานถ่ายแบบหรืองานอะไรแนวๆ นั้นก็ตาม คือการเซ็ทผมครับ
              ใช่ครับ... การเซ็ทผม
              คือผมไม่เข้าใจว่า เวลาออกรายการทีวีแล้ว ใครเป็นคนตั้งกฎฮะ ว่าผมต้องแข็งโป๊ก คือไม่ว่าจะทำทรงอะไรก็ตามเส้นผมของคุณจะเลิกเป็นเส้นผม แล้วกลายมาเป็นก้อนผมครับ ผมของคุณจะต้องเป็นก้อนแข็งค้างที่ทรงนั้นๆ แข็งเหมือนพวกอาหารญี่ปุ่นปลอมที่วางโชว์ตามตู้กระจกหน้าร้านตรงทางเข้าอะฮะ คือจะต้องแข็งปั้กไม่กระดิกซักเส้น ไม่มีความพลิ้วไหว ถ้าพลิ้วๆ ออกมาเส้นสองเส้นนี่... ยิ้มกลับมานี่ มาเซ็ทใหม่เลย ซึ่งในสภาวะปกติมันก็จะไม่เป็นปัญหาอะไรครับ ก็ดีฮะ หล่อดี... แต่ในสภาวะที่เส้นผมและรากผมเรากำลังอ่อนแอ แล้วมาโดนเซ็ทผมแบบจัดเต็มแบบนี้ คือเริ่มจากการใช้แว็กซ์บี้ๆๆๆ ลงไปที่หนังหัว แล้วถูมันขึ้นมา...ถูมันขึ้นมาตามเส้นผม เซ็ทๆ จับๆ ปั้นๆ หลังจากนั้นใช้สเปรย์อัดฉีดมันลงไป เพิ่มความแข็งฮะ... ตบท้ายด้วยการใช้หวีดึงผมไปทางนั้นทางนี้พร้อมกับการเป่าไดร์ร้อน เพื่อให้ผมค้างอยู่ทรงตลอดการถ่ายรายการ ผลที่เกิดขึ้นคือ ช่วงนั้นนี่ผมบางไปเห็นๆ เลยครับ บางจนใจหาย ผมสังเกตว่าทุกครั้งหลังถ่ายเสร็จ เวลาผมกลับห้องไปสระผมแต่ละที ผมร่วงออกมาเต็มพื้นเลยฮะ ร่วงจนใจเสีย เวลาเช็ดผม ผมก็ติดที่ผ้าเช็ดตัวอย่างเยอะ ถ้าใช้ผ้าเช็ดตัวสีขาวนี่จะเห็นชัดเลย ช่วงนั้นแนวผมที่มุมมันเริ่มสูงและลึกเข้าไปจนแนวผมตรงหน้าผากเริ่มเห็นเป็นตัวเอ็ม (ประโยคที่ผู้ชายทุกคนกลัว คือ "ผมกรูเริ่มเป็นตัวเอ็ม") นอกจากนี้เส้นผมก็ยังสุขภาพไม่ดีเลยด้วย คือมันเล็กลงและลีบจนปลายมันงอๆ หยอยๆ ไปหมด ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนผมตรง
               และแล้วเช้าวันนึงผมก็ต้องพบกับเหตุการณ์สุดสยองฮะ คือช่วงนั้นทรงผมเกาหลีกำลังเริ่มมา (ทรงที่ปัดหน้าม้าไปเฉียงๆ อะครับ) เช้ามาผมก็เซ็ทผมหน้ากระจกเหมือนทุกวัน แต่วันนั้นพอปัดหน้าม้าไปทางซ้ายปุ๊บ เอ๊ะ... ทำไมหนังหัวโผล่ตรงมุม... อ่อออ ผมมันคงซ้อนกันหลายช่อมั้ง ลองเอาข้างบนปัดลงมาปิดหนังหัวตรงนั้นซิ... หนังหัวข้างบนโผล่ครับท่าน!! ผมนี่รีบปัดกลับไปเลย ปัดกลับขึ้นไปปิดหนังหัวด้านบน...อืมมม หนังหัวตรงมุมโผล่อีก
               Wipe a crocodile. (เช็ดเข้)
               ช็อกสิช็อก... ทำไงดีๆๆๆๆๆ
               ตรงจุดนี้ ผมว่าใครไม่ล้านกับตัวไม่เข้าใจหรอก คือจริงอยู่ฮะ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน อยู่ที่ตัวตน อยู่ที่จิตใจ อยู่ที่คุณงามความดี ฯลฯ แต่หัวล้านเนี่ย บอกตรงๆ เรื่องใหญ่ฮะ ไม่รู้จะอธิบายว่าไงเหมือนกัน ทำไมพอผมบางแล้วมันถึงรู้สึกไม่ดีปนอายเค้านิดๆ ทั้งๆ ที่ความผิดก็ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ (ธรรมชาติลงโทษ) คือการผมร่วงหรือหัวล้านไม่ได้สะท้อนว่าไปจิ๊กของหรือไปทำใครท้องแล้วไม่รับผิดชอบซะหน่อย ทำไมต้องอายด้วยฟระ ผเองก็ยังงงๆ แต่เชื่อว่า ถ้าเลือกได้ คนส่วนมากไม่มีใครอยากผมบางหรือหัวล้านหรอกฮะ  
              
                   มาถึงช่วง สาระน่ารู้ สนับสนุนโดยน้ำยาปรับผ้านุ่ม จิงเจ็กไห่ ผมขออธิบายถึงสาเหตุของปัญหาผมร่วง/ผมบาง/ศีรษะล้านนะครับ สาเหตุแบ่งเป็น 7 กลุ่มใหญ่ๆ ครับ
1. พันธุกรรม     
              - ให้ดูลักษณะเส้นผมของทั้งพ่อและแม่ ผมเราจะออกมาตรงกับคนที่มีเส้นผมลักษณะเดียวกับเรา เช่น ถ้าพ่อผมตรงและหัวล้าน แต่แม่ผมเยอะ&หนาแต่หยิก แล้วลูกชายผมหยิกเนี่ย โอกาสที่ไม่ล้านก็จะมีสูง นอกจากนี้ยังพบว่ามีโอกาสประมาณ 20% ที่ลักษณะการล้านหรือไม่ล้านจะไม่ตรงกับของพ่อแม่ (อย่างเช่น ผมมีพ่อที่หัวล้านและแม่ที่ผมบาง แต่ผมก็ยังมีโอกาส 20% ที่จะออกมาไม่ตรงกับใครเลย แต่สุดท้ายแล้วผมก็อยู่ใน 80% นั่นแหละฮะ)
2. ระดับฮอร์โมน    
              - อธิบายคร่าวๆ ก็คือ ระดับฮอร์โมนมีผลกับเส้นผมครับ ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ดังนั้น ภาวะที่กระทบกับระดับฮอร์โมน ก็อาจจะทำให้ผมร่วง/ผมบางได้ เช่น Anabolic steroids, Testosterone หรือภาวะที่ฮอร์โมนในเพศหญิงเปลี่ยนแปลงไป เช่น ตั้งครรภ์ ภาวะหมดประจำเดือน ฯลฯ (ในผู้หญิงมันมีสมดุลระหว่างฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงอยู่ฮะ ถ้าสมดุลนี้เสียไป ก็อาจนำไปสู่อาการผมร่วง/ผมบางได้)
3. สุขภาพทั่วไป
               - การมีโรคประจำตัว คือโรคบางโรคเนี่ย มันมีผลต่อเส้นผมนะฮะ ยกตัวอย่างโรคเกี่ยวกับไทรอยด์ ก็ทำให้ผมเส้นเล็กลีบเปราะบางได้ ในที่สุดผมก็จะบางลงเรื่อยๆ จนเห็นหนังศีรษะ
                   - การดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ก็ส่งผลต่อสภาพเส้นผมอย่างมาก โดยที่หลายคนก็ไม่รู้
               - Circadian rhythm เข้าใจว่าภาษาไทยคือคำว่านาฬิกาชีวิตนะฮะ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จำเป็นสำหรับการมีผมสุขภาพดีนะครับ ยกตัวอย่าง การนอน 8 ชั่วโมงตอนกลางคืน กับการนอนแค่ 4 ชั่วโมงแล้วไปนอนตอนบ่ายอีก 4 ชั่วโมง ร่างกายก็ได้รับผลต่างกันนะครับ ถ้าช่วงที่ผมมีปัญหาแล้วยังนอนไม่เป็นเวลาหรือนอนไม่เพียงพอนี่ ถึงกับทรุดเลยนะฮะ
4. ยา
               - ยาบางตัว ก็ทำให้ผมร่วง ซึ่งกลไกตรงนี้มันซับซ้อนมาก ยาบางตัวก็ทำให้ผมร่วงเฉพาะบางคนไม่ใช่ทุกคน ยาบางตัวใช้ครั้งแรกไม่เป็นไรแต่พอใช้ครั้งที่สองผมก็ร่วง ดังนั้นเรื่องยานี้ต้องดูเฉพาะเป็นเคสๆ ไปครับ
5. ความเครียด
              - ข้อนี้ กลไกมันยาว แต่คาดว่าหลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าความเครียดทำให้ผมร่วง ไม่งั้นคงไม่มีประโยคที่ว่า "เครียดจนหัวจะล้านแล้วเนี่ย" ... แต่ความเครียดมันควบคุมหรือป้องกันได้ค่อนข้างยาก อยู่ๆ จะมาบอกว่า ห้ามเครียด บางครั้งมันก็ทำไม่ได้ ตรงนี้ในทางวิชาการบอกว่า ให้ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือหางานอดิเรกที่ชอบๆ มาทำบ่อยๆ มันจะพอบาลานซ์กันได้ครับ
6. โภชนาการ
              - ทานอาหารดีพอหรือไม่ ข้อนี้สำคัญกว่าที่หลายคนคิด คือร่างกายเรามีการจัดลำดับความสำคัญของอวัยวะครับ ว่าอันไหนสำคัญที่สุด อันไหนสำคัญรองลงมา แล้วร่างกายเราเนี่ย ก็ตีว่าเส้นผมเป็นอวัยวะที่ไม่จำเป็นเท่าไหร่ ดังนั้นถ้าโปรตีนขาด สารอาหารขาด มันตัดส่วนที่ส่งไปบำรุงเส้นผมก่อนเลยฮะ ดังนั้นในแต่ละวันต้องทานอาหารให้ดี ทานโปรตีนให้พอ โดยเฉพาะมื้อเช้าครับ
7. การใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม
               - ข้อนี้หมายถึง การดัด การยืด การย้อม ทำสี ผลิตภัณฑ์ประจำวันที่ใช้จัดแต่งทรงผม ข้อนี้ ถ้าผมเราแข็งแรงปกติ จะทำอะไรก็ไม่ค่อยมีผลหรอกครับ แต่สำหรับคนที่กำลังมีปัญหา ไม่ควรย้อม หรือดัด หรืออะไรที่โดนสารเคมีมากๆ ส่วนผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม จากประสบการณ์ส่วนตัว คิดว่า แว็กซ์นี่โหดสุดครับ ใช้แล้วผมหลุดร่วงมาก รองลงมาเป็นสเปรย์ ส่วนเจลกับมูส ไม่ค่อยทำร้ายเส้นผม/รากผมเท่าไหร่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ช่วงที่ผมทำงานพิธีกรนี่ เส้นผมไปเร็วมาก (ไว้อาลัยแป๊บ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่