สวัสดีครับ เนื่องจากตัวผมได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาะช้าง เมื่อวัน 26 - 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ การเดินทาง ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน ใครๆต่างก็เตือนว่า จะไปทะเลหรอ นี่มันหน้าฝนนะไม่สนครับ พอพูดกับแฟนปุ้บ จัดแจงหาที่พักผ่านอโกด้า ตกลงวันที่จะไป เก็บของ และที่สำคัญ โทรขอตังพ่อไว้เลยครับ เอาหละ อย่าพูดกันให้ยาวไปกว่านี้ ไปลุยกันดีกว่า GOGOGO

ปอลอลิง. รูปทั้งหมดมาจาก คอมแพคตัวเก่า CanonG12 และบางส่วนจาก iphone4s ของผม และ samsungS3 ของแฟนผมครับ



DAY1 l จ า ก ข อ น แ ก่ น สู่ แ ด น ก รุ ง มุ่ ง ห น้ า ไ ป ต ร า ด


เนื่องจากเราสองคนเป็นเด็กขอนแก่นคนอิสานแท้ๆ เราสองคนเลยตั้งใจว่าจะไปเริ่มที่กรุงเทพ โดยการนั่งเครื่องบินจากขอนแก่นสู่กรุงเทพในราคาโปรโมชั่น อิอิ เราจองตั๋วก่อนวันไปประมาณสองสัปดาห์ โดยสายการาบินที่เราไปคือ

แท่แด๊ air asia นั่นเองครับผม



อ้อ เราออกจากขอนแก่นไฟลท์ 08.30 นั่งได้ประมาณ 30 นาทีก็มาถึงดอนเมืองแล้ว มาถึงก็ เก้าโมงกว่าๆ เราสองคนก็ย่ำต๊อกออกมาหน้า สนามบินเพื่อที่จะโบกแทกซี่ไปอนุสาวรีชัย ความจริงตอนแรกเรากะจะนั่งรถเมล์ไปลงหมอชิตแล้วต่อ บีทีเอสไป แต่ว่ากลัวมันจะไปถึงสายผมก็เลยเลือกแท็กซี่ อย่าว่าแหละครับ มิเตอร์นี่ไหลเป็นน้ำ โดนไป 170 จากสนามบินมาอนุสาวรี


เมื่อมาถึง ก็เดินเข้าไปถามเค้าเลยครับ "ไปเกาะช้างครับพี่" พี่ๆขายตั๋วก็ตะโกนเรียกเลยครับ "เกาะช้างมานี่น้อง คนละ 320" รถออก 11 โมงครับ ตอนนี้ก็สิบโมงกว่าแล้ว แต่พวกเรายังไม่กินข้าวเลย ก็เลยกะว่า เออเอาวะ ไปถึงค่อยกิน ...





รถแวะเติมแก๊ส หนึ่งครั้งครับ ก่อนออกเดินทางยาว ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง รถก้จะมาจอด ให้เรานั่งรถสองแถวไปต่อ อ้อ รถสองแถวฟรีนะครับ เป็นบริการจากรถตู้นั่นแหละ เรามาถึงก็ บ่ายสามโมงกว่าๆ ปรากฏว่า ฝนตก ... แงงง ได้แต่ภาวนาว่าถึงหาดอย่าตกเลยเน้ออ
นี่แหละครับโฉมหน้ารถสองแถวที่เค้าจะไปส่งเราขึ้นเรือ เราก็ต้องรอจนกว่าคนจะเต็มนู้นแหละครับ ถึงจะได้ออก เห้อออ หิวข้าวโว้ยยยยยยยยยยย


รอร๊อรอ ประมาณบ่ายสามครึ่งรถก็ออกฮะ ท่าเรือที่เราจะต้องไปลงคือ ท่าเรือเฟอรี่อ่าวธรรมชาติ แต่ว่ารถสองแถวที่ผมนั่วนั้นมีคนจะไปเกาะหมากอยู่ พี่เค้าเลยต้องเลยไปส่งคนที่จะไปเกาะหมากก่อนฮะ แล้วค่อยวนกลับมาส่งพวกเรา เพราะเกาะหมากมีเรือค่ำสุดก็สี่โมงเย็น
ประมาณ 25 กิโลครับ จากท่ารถ ถึง ท่าเรือ ก็ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ในทที่สุด พวกเราก็มาถึงซักทีโว้ยยยย ค่าเรือคนละ 80 บาท ขึ้นเรือได้เลย



เดินไปเดินมาเจอแผนที่แจกฟรี เอ้าสบายสิครับงานนี้ ใครไปอย่าลืมหยิบมานะครับ วางอยู่หน้าร้านขายของแหละ ถือว่าได้ใช้จนคุ้มแน่นอน


เรือวิ่งประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงซักที เกาะช้างโว้ย เกาะช้างงง ใกล้จะได้พัก ใกล้จะได้กินข้าวอร่อยๆแล้ว แต่....
คิดผิดครับ เราต้องมาชึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปที่พักเรา พี่เค้าก็ต้องรอคนขึ้นจนเต็ม โถ่เอ้ยยยย เราก็ต้องเรือจนกว่าจะมีเรืออีกลำเข้ามานู้นแหละครับ คนถึงจะขึ้นเต็ม ทั้งหมด 12 คน




เมื่อคนครบ ผู้โดยสารพร้อม รถก็ออกเดินทางครับ ราคาค่ารถแล้วแต่ระยะทาง ของผมไปลง วราปุระ รีสอร์ทที่ โลนลี่บีช ค่ารถคนละร้อยครับ กว่าจะมาถึงที่พัก ก็หัวค่ำแล้วครับ ประมาณทุ่มกว่าๆ ก็มืดหมดแล้ว รวมทั้งเหนื่อยมากๆด้วย เลยไม่ได้เก็บรูปมาฝาก อ้อ ที่พักของพวกเราคือวราปุระรีสอร์ท ได้ราคาโปรโมชั่นอีกเช่นกันครับ คืนละ 990 บาท นอนสามคืน ที่พักสวย สบาย ห้องพักทุกห้องเป็น village เป็นส่วนตัวมากกก ห้องพักกว้างติดทะเล แต่ว่าเป็นทะเลไม่มีหาดนะครับ เป็นหินเอา แต่ผมขอบอกเลยว่า บรรยากาศนี่ เอา 10/10 เราก็ออกไปรับประทานอาหารเย็นข้างนอก ซึ่งตรงนั้นเป็นแหล่งอยุ่แล้ว ร้านอาหารเยอะครับ เนื่องจากพวกเราหิวมากเลยซัดกันไปเต็มที่ อาหารมื้อแรกราคา 340 บาทสำหรับสองคนถือว่าโอเคครับที่ร้าน fishfood พอหนังท้องตึง พวกเราก็กลับมาที่รีสอร์ท สั่งเบียร์เย็นๆมาจิบคนละขวดแล้วถึงเข้านอนครับ



DAY2 l ต ะ ลุ ย นํ้ า ต ก ค ล อ ง พ ลู


วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า เพราะคืนคืนเข้านอนกันเร็วด้วยความเหหนื่อยล้า ว่าแล้วก็กางเเผนที่ มองหาที่ที่จะไปเที่ยว เราตกลงกันว่า วันนี้ ไปเล่นน้ำตกคลองพลูกัน ว่าแล้วก็อาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ออกมาเช้ามอไซ มอไซเช่าก็ของรีสอร์ทนั่นแหละครับ วันละสองร้อย ว่าแล้วก็ลุยกันเลย เย้


ของขึ้นชื่ออีกอย่างของเกาะช้างคือ "ถนน" ครับ ได้ยินไม่ผิด ถนนนั่นแหละครับ เคยได้ยินสำนวนเข็นครกขึ้นภูเขามั้ยครับ ? นั่นแหละครับ ผมก็เคยได้ยินเหมือนกันไม่มีอะไรหรอก 555555555




ขับมาได้ซักพักรู้สึกน้ำหมดจะหมด หาซอยเข้าน้ำตกก็ไม่เจอเลยถามลุงที่ขายน้ำมัน เลยได้คำตอบมาว่าอยู่ซอยหมู่บ้านช้างที่เราเลยมา เราก็อ๋ออออออออ ขอบคุณกันไป แล้วก็ขับวนกลับมาที่เดิม 555


ก่อนเข้าอุทยาน เราก็แวะกินข้าวกันหน่อยนึงที่ร้าน ส้มตำเงินล้าน อร่อยดีนะครับมีปูมีกุ้งมีหมึกมีไข่ใส่ในส้มตำ ถือว่าใช้ได้ วิวร้านก็สวยดี เหมือนเป็นบลูลากูน น้ำใส๊ใส



พออิ่มหนำ เราก็ขับเข้ามาต่อเรื่อยๆ จนถึงทางเข้าน้ำตกแล้ว เย้ ค่าเข้าก็คนละ 40 บาทสำหรับคนไทย เหมือนฝนจะตก แต่ผมก็อยากจะเข้าไปให้ได้ ช่างมัน ถึงจะตกผมก็จะไป ว่าแล้ว ไม่รอช้าครับเราก็เข้าไปกันเลย


ทางเดินเข้าน้ำตกระยะทาง 500เมตร ครับ เราก็คิดว่าไกล้จังหว่า ที่ไหนได้ เดินไปเดินมา มันห้าร้อยเมตรจริงหรอวะ นี่นึกว่าห้ากิโล


ระหว่างทางเดินวิวสวยครับ ตอนเช้าๆมีฝนตก แต่ตอนนี้ป้าโปร่ง เลยดูเป็นชุ่มชื้น สองข้างทางเป็นป่า ทางเดินไม่ค่อยลำบากมาก พอเดินได้ แต่ก็มีบางที่ที่ชันอยู่เหมือนกัน





เดินมาได้ไม่นาน (แต่เหนื่อยมากกกกกกกกกกกก) เราก็มาถึงแล้วครับ สวยมากกกกกกกก เย็นมากกกกกกกกกกกก


เราใช้เวลาอยุ่ตรงน้ำตกนี่หลายชั่วโมงครับ มแต่ผมเล่นแฟนผมไม่เล่นเพราะว่ายน้ำไม่เป็น บอกเลย ให้ผมอยู่ตรงนั้นทั้งวันก็ได้อะ คือมันแบบสุดยอดจริงๆ น้ำใส เย็น โอ้ยอธิบายไม่ถูก






เราอยู่ตรงนั้นได้นานมากกกกก กว่าเราจะออกมาก็ประมาณบ่ายสองกว่าๆ เราตัดสินใจกันว่าไปหาอะไรกินที่หาดทรายขาวกัน ขับรถออกไปอีกนิดหน่อย gogo


สมชื่อครับ หาดทรายาขาว ทรายขาวมากกก




แต่เราอยู่ที่นั่นกันไม่นานครับ เนื่องจากแดดมันร้อนมากกกก เราเลยตัดสินใจ กลับที่พักกันดีกว่า ไปพักพอให้แดดมันหมดแล้วเย็นๆค่อยออกมาเล่นน้ำ ระหว่างทางกลับ เราก็แวะชมวิวตรงจุดชมวิวไก่แบ้ครับ สวยมาก สวยจริงๆ ช้อบชอบ






แล้วเราก็กลับมานอนตายกันที่รีสอร์ท พอฟื้นกันได้ เราก็ออกมาเล่นทะเลกัน ตอนนี้เรากำลังจะไปที่ "lonely beach" ซื่อฟังดูเหง้าเหงา พอมาถึงแล้ว ก็เหงาจริงๆแหละ 555 คนน้อย สงบ ผมชอบนะ นั่งชิวๆได้ มาเล่นน้ำก็ได้ มันดูสงบไม่วุ่นวาย





เราก็เล่นกันจนเย็น จนเกือบค่ำ แล้วก็กลับมาอาบน้ำออกไปหาอะไรกินกันเถอะ วันนี้ไปกินที่ร้านริมธารซีฟู้ด อยุ่ละแวกที่พักนั่นแหละครับ ก็หมดไปสามร้อยกว่าๆ


พอกินเสร็จ ก็กลับเข้าที่พัก คุยกันไปคุยกันมา เออเนี่ยไปเดินเล่นกันปะ ก็ปะครับ เดินออกมา ไปดื่มกันที่ร้าน "TingTong BAR" ถูกดีนะ เครื่องดื่มเยอะ ของผมเอาเป็น แสงโสมหนึ่งบัคเก็ตละกัน 150 บาทเอง (ตอนไปบาร์นี่ไม่ได้เอากล้องไป เลยได้ภาพจากโทรศัพท์มาแทนครับ 55555)



เค้าก็ควงไฟโชว์กันหน้าร้านนี่แหละครับ เจ๋งดี



สำหรับวันที่สองก็มีแค่นี้แหละครับเหนื่อยแต่คุ้ม เดี๋ยวไปต่อวันที่สามข้างล่างนะครับตัวอักษรเกิน