ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/33657392/
ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/33665166/
ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/33674170/
ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/33683393/
ตอนที่ 5
http://ppantip.com/topic/33691647/
ตอนที่ 6
http://ppantip.com/topic/33701632/
ตอนที่ 7
http://ppantip.com/topic/33715259/
ตอนที่ 8
http://ppantip.com/topic/33724777/
จะพยายามอัพเดททั้งในเว็บพันทิปและในเพจ
https://www.facebook.com/threekingdomhappyfamily
อย่างสม่ำเสมอนะครับผม แต่ถ้ามีล่าช้าประการใดบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ
มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญแล้วครับ เพราะในตอนที่ 9 นี้ จะถึงกาลอวสานของจ๊กก๊กและวุยก๊กอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว มาดูกันว่าเป็นเพราะเหตุใดนะครับ รายละเอียดแอบยาวหน่อยเพราะส่วนตัวรู้สึกว่าเหตุการณ์ค่อนข้างซับซ้อน ถ้าตัดออกไปจะแลดูห้วน ๆ ครับ
ตอนที่ 9 ปี ค.ศ. 261-270
พระเจ้าเล่าเสี้ยนยอมจำนน จ๊กก๊กล่มสลาย สุมาเอี๋ยนล้มราชวงศ์วุย ตั้งตนเป็นฮ่องเต้
ค.ศ. 261
- ฝ่ายจ๊กก๊ก พระเจ้าเล่าเสี้ยนแต่งตั้งจูกัดเจี๋ยมบุตรชายขงเบ้งขึ้นเป็นสมุหนายกแห่งจ๊กก๊ก และดูแลกิจการภายในหลาย ๆ ด้าน ในขณะที่ช่วงนี้พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้เบื่อหน่ายการทำสงครามของเกียงอุย จนถึงขั้นละเลยการเอาใจใส่บ้านเมืองด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังหลงนางสนมหน้าใหม่ ๆ รวมทั้งเชื่อฟังคำเพ็ดทูลของขันทีฮุยโฮคนสนิทเป็นอย่างยิ่ง
- ในการรบครั้งหลัง ๆ ของเกียงอุยเอง เกียงอุยก็ไม่ได้กลับไปยังเมืองเสฉวน แต่ยังคงประจำการเฉพาะเมืองฮันต๋ง ด้วยเกรงว่าหากเข้าเมืองหลวงอาจถูกภัยการเมืองในจ๊กก๊กเล่นงานเอาได้ เนื่องจากขันทีฮุยโฮเองก็เป็นผู้หนึ่งที่คอยยุยงพระเจ้าเล่าเสี้ยนเสมอว่าไม่ควรไว้ใจเกียงอุย ในขณะที่เกียงอุยเองก็ไม่สามารถสร้างผลงานคว้าชัยในการสู้รบเพื่อให้คนอื่นยอมรับได้เช่นกัน
- ฝ่ายง่อก๊กนั้น พระเจ้าซุนฮิวได้ส่งทูตมาพบปะเยี่ยมเยียนจ๊กก๊กชาติพันธมิตรตามปกติ ทางทูตได้กลับไปรายงานแก่พระเจ้าซุนฮิวว่า พระเจ้าแผ่นดินจ๊กก๊กนั้นไร้ความสามารถ ไม่ตั้งมั่นในศีลธรรม และไม่รู้ตัวว่ากำลังผิดพลาดอยู่ ขุนนางในเมืองหลวงก็เอาแต่ประจบประแจง อีกทั้งยังมีลางร้ายมากมายปรากฏอยู่เนือง ๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าจะเกิดภัยพิบัติแก่จ๊กก๊กในอีกไม่นาน
- นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าทูตง่อก๊กผู้นั้นไม่ได้หมายถึงจ๊กก๊กฝ่ายเดียว แต่ต้องการตีวัวกระทบคราดไปยังตัวพระเจ้าซุนฮิวเองด้วย อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีข้อยืนยันในจุดนี้ว่าเป็นความจริงหรือไม่
ค.ศ. 262
- เกียงอุยแห่งจ๊กก๊กฮึดสู้จัดทัพบุกวุยก๊กอีกครั้งอย่างไม่ลดละ และครั้งนี้ได้ปะทะกับทัพของเตงงายโดยตรง ซึ่งก็พ่ายแพ้กลับมาอีกครั้งเช่นเคย โดยในวรรณกรรมสามก๊กได้ระบุว่า แฮหัวป๋า หลานชายแฮหัวเอี๋ยนที่แปรพักตร์จากวุยก๊กมาอยู่จ๊กก๊กตั้งแต่ตอนสุมาอี้ทำรัฐประหาร ได้ถูกสังหารลงในการรบครั้งนี้ แต่ในประวัติศาสตร์ไม่ได้ระบุไว้ชี้ชัดว่าเป็นครั้งใด (หมายความว่าอาจจะเสียชีวิตตั้งแต่การรบครั้งก่อน ๆ ที่เกียงอุยยกทัพไปแล้ว)
- ฝ่ายวุยก๊กนั้น จงโฮยขุนศึกหนุ่มอนาคตไกลที่เคยมีผลงานมากมายได้เลื่อนยศเป็นชั้นนายพล ซึ่งกำลังประจำการอยู่ที่เกงจิ๋ว ก็ริเริ่มสั่งการให้ต่อเรือรบเพื่อทำทีว่าจะไปบุกง่อก๊ก ในขณะเดียวกันก็จัดเตรียมกำลังพลมหาศาลไปด้วย
- ฝ่ายง่อก๊ก พระเจ้าซุนฮิวแต่งตั้งพระมเหสีจูฮองเฮา และตั้งซุนอ้วนบุตรชายคนโตเป็นรัชทายาทตามธรรมเนียม และเมื่อทราบข่าวว่าวุยก๊กมีการตระเตรียมทัพเรือ จึงให้ฝ่ายพลาธิการเตรียมพร้อมสำหรับการทำศึกที่อาจจะเกิดขึ้น
- ส่วนเกียงอุยเมื่อทราบข่าวท่าทีของวุยก๊กที่ดูผิดวิสัย จึงได้ส่งสาส์นเตือนไปยังเมืองหลวงให้มีการจัดกองทัพป้องกันพระนครเสฉวน แต่พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ถูกขันทีฮุยโฮเพ็ดทูลให้เพิกเฉยต่อคำเตือนนี้
ค.ศ. 263
- ฝ่ายสุมาเจียวผู้ยิ่งใหญ่แห่งวุยก๊ก เมื่อทราบว่าจงโฮยเตรียมทัพจะบุกง่อก๊ก จึงมีการปรึกษาขุนนางใกล้ชิดว่าควรจะเปิดศึกพิชิตจ๊กก๊กหรือง่อก๊กก่อน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วการเตรียมกองเรือของจงโฮยนั้น มีไว้เพื่อตบตาง่อก๊กให้เกิดความลังเลและเตรียมป้องกันแคว้นของตนเองเท่านั้น ในขณะที่เขาได้เตรียมกองทหารไว้ด้วยเป้าหมายที่จะบุกจ๊กก๊กต่างหาก ด้วยการเตรียมการพร้อมกันสองทางนี้ ทำให้เมื่อพิชิตจ๊กก๊กสำเร็จเมื่อใด ก็สามารถใช้กองทัพเรือที่เตรียมไว้ บุกง่อก๊กต่อได้ทันที แผนการนี้นับว่าเหนือชั้นมาก แต่ก็ทำให้จงโฮยเป็นที่หวาดระแวงในความสามารถมากยิ่งขึ้น
- ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งของสุมาเจียวจึงแนะนำให้แต่งตั้งเตงงายและจงโฮยเป็นแม่ทัพบุกจ๊กก๊กเสียก่อน ซึ่งสุมาเจียวก็เห็นด้วย โดยสั่งให้จัดกองทัพใหญ่เป็นสามทาง ทางหนึ่งนำโดยเตงงาย ทางหนึ่งนำโดยจงโฮย และอีกทางหนึ่งนำโดยแม่ทัพจูกัดสู กรีทาทัพเข้าตีจ๊กก๊กทันที
- ด้วยกำลังทหารที่มากกว่าหลายเท่า เกียงอุยไม่สามารถรับมือศึกหลายด้านพร้อม ๆ กันได้ อีกทั้งเมืองหลวงก็ไม่มีการตระเตรียมกำลังพลอย่างที่ร้องขอ เมื่อเสียเปรียบก็ไม่มีกองหนุนมาช่วยเสริม การสู้รบยกแรกจึงได้รู้ผลกันอย่างรวดเร็วด้วยการล่าถอยของเกียงอุยและการสูญเสียเมืองฮันต๋งให้แก่ทัพของจงโฮย ถือว่าเป็นผลการรบก้าวสำคัญของวุยก๊กที่ยึดฮันต๋งกลับคืนมาได้อีกครั้งนับตั้งแต่ตอนที่เล่าปี่ยึดจากโจโฉได้เมื่อ 40 กว่าปีก่อน
- มีเทือกเขาฉินหลิง เป็นเส้นทางบุกจากทางเมืองเตียงอันเส้นหนึ่ง ที่สมัยอุยเอี๋ยนครองเมืองฮันต๋งอยู่นั้นได้ตระเตรียมกำลังพลไว้ด้วยความมุ่งหมายที่จะสามารถใช้เส้นทางนี้ทั้งป้องกันและบุกวุยก๊กได้ แต่เมื่ออุยเอี๋ยนตายแล้ว เกียงอุยก็ถอนกำลังที่ประจำอยู่จุดนี้ออกหมด จงโฮยจึงสามารถบุกมาถึงฮันต๋งได้อย่างง่ายดาย
- เกียงอุยถอยทัพมาตั้งหลักที่ป้อมอันใกล้กับเมืองฮันต๋งเพื่อขวางทัพวุยก๊กไม่ให้รุกคืบต่อ ฝ่ายวุยก๊กเมื่อบรรจบทัพกันได้ ทางเตงงายได้ตัดสินใจรุกเข้าอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งเป็นหุบเขาสูงชันสลับซับซ้อน และชวนให้จูกัดสูทำการเคลื่อนทัพควบคู่ไปในเส้นทางหลักด้วย แต่จูกัดสูเกรงฝีมือเกียงอุยจึงปฏิเสธ จงโฮยจึงฉวยโอกาสนี้ลงโทษจูกัดสูแล้วฮุบกำลังพลของเขามาเป็นของตนเองเสียแทน
- เตงงายนำทัพบุกเดียวลัดเลาะข้ามช่องเขาอ้อมเข้าประชิดหน้าด่านสุดท้ายของเมืองหลวงจ๊กก๊กได้อย่างไม่มีใครคาดคิด จูกัดเจี๋ยมและจูกัดสงบุตรชายของตนจึงนำทัพเข้ารับมือ แต่ก็พ่ายแพ้จนต้องเสียชีวิตในสนามรบทั้งคู่
- ในที่สุดเตงงายก็บุกเข้าประชิดเมืองหลวงสำเร็จ พระเจ้าเล่าเสี้ยนที่ไม่มีความตั้งใจจะทำการรบแต่แรกอยู่แล้วจึงได้ยอมจำนนอย่างง่ายดาย และส่งสาส์นให้เกียงอุยที่กำลังรบติดพันกับจงโฮยยอมจำนนต่อวุยก๊กด้วย เป็นอันว่า จ๊กก๊กที่นับตั้งแต่พระเจ้าเล่าปี่ตั้งตนเป็นฮ่องเต้เมื่อปี 220 เป็นต้นมา ก็ถึงกาลอวสานลงในตอนนี้นั่นเอง
- ฝ่ายง่อก๊กนั้น ช่วงที่จ๊กก๊กกำลังถูกบุกโจมตี พระเจ้าซุนฮิวได้สั่งเคลื่อนกองทัพเข้าตีวุยก๊กที่สิ่วชุนกับจัดอีกทัพหนึ่งไปช่วยเหลือจ๊กก๊กที่ฮันต๋ง แต่ทุกอย่างก็ล้มเหลวและสายเกินไปจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้ และภายหลังจากที่พระเจ้าเล่าเสี้ยนยอมจำนน พระเจ้าซุนฮิวก็คิดจะชิงดินแดนบางส่วนของจ๊กก๊กมาจากวุยก๊ก แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้งเช่นกัน
ค.ศ. 264
- ฝ่ายเตงงายเมื่อเข้าเมืองหลวงได้แล้วก็เข้าจัดแจงระบบการบริหารบ้านเมืองจ๊กก๊กให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย จากนั้นจึงเขียนแผนงานบริหารและการเตรียมบุกง่อก๊กต่อ แล้วแจ้งข้อมูลกลับไปทางสุมาเจียว ฝ่ายสุมาเจียวแทนที่จะชื่นชมยินดีกลับคลางแคลงใจว่าเตงงายกำลังอาจจะใช้เสฉวนเป็นฐานกำลังของตนเพื่อแยกเป็นอิสระจากวุยก๊ก และแกฉงคนสนิทก็ยังเตือนสุมาเจียวไว้อีกว่าให้ระวังจงโฮยด้วย สุมาเจียวจึงให้ขุนพลอุยก๋วนเตรียมกองทัพอีกชุดหนึ่งเคลื่อนพลสู่เสฉวน
- ฝ่ายจงโฮยเมื่อทราบว่าเตงงายได้คว้าชัยพิชิตจ๊กก๊กได้ก่อนก็ไม่พอใจ ขณะนั้นเกียงอุยได้ยอมจำนนเข้ามาอยู่ในกองทัพของจงโฮย ด้วยความจงโฮยอายุน้อยกว่าจึงให้ความนับถือยำเกรงเกียงอุยอยู่ไม่น้อย ทำให้เกียงอุยได้ทียุยงให้จงโฮยหาทางกำจัดเตงงายเพื่อเอาความดีความชอบแทน จงโฮยเห็นด้วยจึงให้ทหารปล่อยข่าวลือไปว่าเตงงายชิงจ๊กก๊กได้แล้วก็กำเริบเสิบสานคิดตั้งตนเป็นใหญ่
- เมื่อสุมาเจียวทราบข่าวนี้ ก็พบว่าตรงกับความแคลงใจของตนเองพอดี จึงมีคำสั่งให้จับกุมตัวเตงงายกลับมายังเมืองหลวงของวุยก๊กเพื่อสอบสวน อันที่จริงแล้วเตงงายนั้นมีความซื่อสัตย์ภักดี จึงได้ยอมให้จับกุมแต่โดยดีเพื่อจะได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ผลสุดท้ายก็ถูกสังหารหมดสิ้น นี่คือผลตอบแทนจากสุมาเจียว
- จงโฮยกับเกียงอุยจึงได้เข้าสู่เมืองหลวงจ๊กก๊กเพื่อคุมสถานการณ์แทน เกียงอุยที่หวังจะใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูจ๊กก๊กอีกครั้งจึงยุยงจงโฮยต่อให้ตั้งตัวเป็นอิสระต่อวุยก๊กเพื่อเป็นใหญ่ด้วยตนเอง จงโฮยที่มีความทะเยอทะยานอยู่แล้วจึงเห็นดีเห็นงามด้วย แต่ในขณะนั้นก็เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ภักดีต่อตระกูลสุมาทั่ววุยก๊กมีมากมาย ทหารของจงโฮยเองจึงลุกขึ้นต่อต้านและรุมสังหารทั้งจงโฮยและเกียงอุยในที่สุด
- สุมาเจียวให้อุยก๋วนเข้าคุมความสงบในเสฉวน และส่งตัวพระเจ้าเล่าเสี้ยนพร้อมขุนนางที่เหลืออยู่ทั้งหมดมายังลกเอี๋ยงเมืองหลวงของวุยก๊ก เนื่องด้วยทั้งหมดยอมจำนน จึงมีการแต่งตั้งตำแหน่งทางราชการตามความเหมาะสม โดยเฉพาะตันซิ่วหรือเฉินโซ่วอาลักษณ์ผู้บันทึกประวัติศาสตร์ ก็ได้ถูกมอบหมายงานบันทึกประวัติศาสตร์ต่อไป ทำให้เรื่องราวสามก๊กถูกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้
- เล่าเสี้ยนเมื่อพ้นตำแหน่งฮ่องเต้แล้วก็ได้รับตำแหน่งชนชั้นบรรดาศักดิ์ ใช้ชีวิตเสพสุขต่อไปจนวาระสุดท้าย พร้อมด้วยวาทะ “ที่นี่มีความสุขจนลืมนึกถึงจ๊กก๊กไปแล้ว” ก็ได้กลายเป็นคำพังเพยเปรียบเทียบกับคนที่เสพสุขจนละเลยบ้านเกิด แต่ก็มีนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า อาจเป็นการจงใจพูดของเล่าเสี้ยน เพื่อให้สุมาเจียวผู้เหี้ยมโหดดูแคลนตนเองและปล่อยให้รอดชีวิตก็เป็นได้
- ส่วนจุดจบของขันทีฮุยโฮนั้น ประวัติศาสตร์บันทึกว่าเขาติดสินบนเตงงายตอนเข้าเสฉวนเพื่อหลบหนีหายสาบสูญไป แต่ในวรรณกรรมสามก๊กระบุว่าเขาถูกสุมาเจียวสั่งทรมานและประหารชีวิตอย่างทารุณ
- ฝ่ายง่อก๊ก เมื่อพระเจ้าซุนฮิวทราบข่าวจ๊กก๊กล่มสลาย ก็วิตกกังวลจนประชวรหนักและสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน ตามธรรมเนียมจะต้องสถาปนาซุนอ้วนรัชทายาทขึ้นครองราชย์ต่อ แต่ขุนนางง่อก๊กเล็งเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองสุ่มเสี่ยง ซุนอ้วนยังเด็กมากไม่อาจบริหารบ้านเมืองได้ จึงเลือกบุตรชายของอดีตรัชทายาทซุนเหอ ชื่อว่า ซุนโฮ ซึ่งอยู่ในวัยหนุ่มขึ้นครองราชย์สืบต่อแทน
ค.ศ. 265
- สุมาเจียวทำผลงานใหญ่ พระเจ้าโจฮวนจึงแต่งตั้งตำแหน่งจิ้นอ๋อง ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับเชื้อพระวงศ์ให้ (ตำแหน่งระดับเดียวกับโจโฉในบั้นปลายชีวิต) โดยสุมาเจียวก็ได้แต่งตั้งบุตรชายคนโตสุมาเอี๋ยนเป็นทายาท และแต่งตั้งแกฉงกับเอียวเก๋า ให้มีตำแหน่งสูงขึ้นเป็นคนสนิทคู่ใจทดแทนเตงงายกับจงโฮยที่ตายไปแล้ว
- แต่เวลาผ่านไปเพียง 3 เดือนหลังรับตำแหน่งจิ้นอ๋อง สุมาเจียวก็ป่วยกะทันหันจนเสียชีวิต สุมาเอี๋ยนบุตรชายคนโตจึงได้สืบทอดตำแหน่งจิ้นอ๋องต่อจากบิดา
- เมื่อขึ้นเป็นจิ้นอ๋องแล้ว สุมาเอี๋ยนจึงได้ร่วมมือกับแกฉง ปลดพระเจ้าโจฮวนลงจากราชบัลลังก์ อ้างด้วยเหตุตระกูลสุมานั้นทำความชอบให้วุยก๊กมาช้านาน และราชวงศ์วุยก็ชิงราชสมบัติของราชวงศ์ฮั่นมาก่อน บัดนี้ตระกูลสุมามีความเหมาะสมจะครองแผ่นดินมากกว่า พระเจ้าโจฮวนเกรงกลัวจึงยอมสละบัลลังก์แต่โดยดี
- สุมาเอี๋ยนสถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ราชวงศ์จิ้น และเปลี่ยนชื่อวุยก๊กเป็นจิ้นก๊ก จึงนับว่าวุยก๊กที่โจโฉก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา และโจผีก่อตั้งราชวงศ์มาตั้งแต่ปี 220 ก็ล่มสลายตามจ๊กก๊กไปด้วยเหตุนี้เช่นเดียวกัน
- ฝ่ายง่อก๊กนั้น พระเจ้าซุนโฮครองราชย์อย่างปกติสุขได้ปีเดียวก็แผลงฤทธิ์ความร้ายกาจขึ้น ด้วยการสั่งประหารชีวิตจูฮองเฮาและซุนอ้วน มเหสีและรัชทายาทของพระเจ้าซุนฮิวที่ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงสั่งย้ายวังหลวงไปยังเขตเกงจิ๋วใกล้ชายแดนจิ้นก๊ก ขุนนางทุกคนที่ทัดทานการกระทำครั้งนี้ถูกประหารหรือเนรเทศหมดทั้งสิ้น
.
.
.
เนื่องจากข้อความยาวเกิน ต่อที่ reply 1 นะครับ
เปิด Timeline 100 ปี สงครามสามก๊ก ตอนที่ 9 (ค.ศ.261-270)
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/33665166/
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/33674170/
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/33683393/
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/33691647/
ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/33701632/
ตอนที่ 7 http://ppantip.com/topic/33715259/
ตอนที่ 8 http://ppantip.com/topic/33724777/
จะพยายามอัพเดททั้งในเว็บพันทิปและในเพจ https://www.facebook.com/threekingdomhappyfamily
อย่างสม่ำเสมอนะครับผม แต่ถ้ามีล่าช้าประการใดบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ
มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญแล้วครับ เพราะในตอนที่ 9 นี้ จะถึงกาลอวสานของจ๊กก๊กและวุยก๊กอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว มาดูกันว่าเป็นเพราะเหตุใดนะครับ รายละเอียดแอบยาวหน่อยเพราะส่วนตัวรู้สึกว่าเหตุการณ์ค่อนข้างซับซ้อน ถ้าตัดออกไปจะแลดูห้วน ๆ ครับ
ตอนที่ 9 ปี ค.ศ. 261-270
พระเจ้าเล่าเสี้ยนยอมจำนน จ๊กก๊กล่มสลาย สุมาเอี๋ยนล้มราชวงศ์วุย ตั้งตนเป็นฮ่องเต้
ค.ศ. 261
- ฝ่ายจ๊กก๊ก พระเจ้าเล่าเสี้ยนแต่งตั้งจูกัดเจี๋ยมบุตรชายขงเบ้งขึ้นเป็นสมุหนายกแห่งจ๊กก๊ก และดูแลกิจการภายในหลาย ๆ ด้าน ในขณะที่ช่วงนี้พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้เบื่อหน่ายการทำสงครามของเกียงอุย จนถึงขั้นละเลยการเอาใจใส่บ้านเมืองด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังหลงนางสนมหน้าใหม่ ๆ รวมทั้งเชื่อฟังคำเพ็ดทูลของขันทีฮุยโฮคนสนิทเป็นอย่างยิ่ง
- ในการรบครั้งหลัง ๆ ของเกียงอุยเอง เกียงอุยก็ไม่ได้กลับไปยังเมืองเสฉวน แต่ยังคงประจำการเฉพาะเมืองฮันต๋ง ด้วยเกรงว่าหากเข้าเมืองหลวงอาจถูกภัยการเมืองในจ๊กก๊กเล่นงานเอาได้ เนื่องจากขันทีฮุยโฮเองก็เป็นผู้หนึ่งที่คอยยุยงพระเจ้าเล่าเสี้ยนเสมอว่าไม่ควรไว้ใจเกียงอุย ในขณะที่เกียงอุยเองก็ไม่สามารถสร้างผลงานคว้าชัยในการสู้รบเพื่อให้คนอื่นยอมรับได้เช่นกัน
- ฝ่ายง่อก๊กนั้น พระเจ้าซุนฮิวได้ส่งทูตมาพบปะเยี่ยมเยียนจ๊กก๊กชาติพันธมิตรตามปกติ ทางทูตได้กลับไปรายงานแก่พระเจ้าซุนฮิวว่า พระเจ้าแผ่นดินจ๊กก๊กนั้นไร้ความสามารถ ไม่ตั้งมั่นในศีลธรรม และไม่รู้ตัวว่ากำลังผิดพลาดอยู่ ขุนนางในเมืองหลวงก็เอาแต่ประจบประแจง อีกทั้งยังมีลางร้ายมากมายปรากฏอยู่เนือง ๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าจะเกิดภัยพิบัติแก่จ๊กก๊กในอีกไม่นาน
- นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าทูตง่อก๊กผู้นั้นไม่ได้หมายถึงจ๊กก๊กฝ่ายเดียว แต่ต้องการตีวัวกระทบคราดไปยังตัวพระเจ้าซุนฮิวเองด้วย อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีข้อยืนยันในจุดนี้ว่าเป็นความจริงหรือไม่
ค.ศ. 262
- เกียงอุยแห่งจ๊กก๊กฮึดสู้จัดทัพบุกวุยก๊กอีกครั้งอย่างไม่ลดละ และครั้งนี้ได้ปะทะกับทัพของเตงงายโดยตรง ซึ่งก็พ่ายแพ้กลับมาอีกครั้งเช่นเคย โดยในวรรณกรรมสามก๊กได้ระบุว่า แฮหัวป๋า หลานชายแฮหัวเอี๋ยนที่แปรพักตร์จากวุยก๊กมาอยู่จ๊กก๊กตั้งแต่ตอนสุมาอี้ทำรัฐประหาร ได้ถูกสังหารลงในการรบครั้งนี้ แต่ในประวัติศาสตร์ไม่ได้ระบุไว้ชี้ชัดว่าเป็นครั้งใด (หมายความว่าอาจจะเสียชีวิตตั้งแต่การรบครั้งก่อน ๆ ที่เกียงอุยยกทัพไปแล้ว)
- ฝ่ายวุยก๊กนั้น จงโฮยขุนศึกหนุ่มอนาคตไกลที่เคยมีผลงานมากมายได้เลื่อนยศเป็นชั้นนายพล ซึ่งกำลังประจำการอยู่ที่เกงจิ๋ว ก็ริเริ่มสั่งการให้ต่อเรือรบเพื่อทำทีว่าจะไปบุกง่อก๊ก ในขณะเดียวกันก็จัดเตรียมกำลังพลมหาศาลไปด้วย
- ฝ่ายง่อก๊ก พระเจ้าซุนฮิวแต่งตั้งพระมเหสีจูฮองเฮา และตั้งซุนอ้วนบุตรชายคนโตเป็นรัชทายาทตามธรรมเนียม และเมื่อทราบข่าวว่าวุยก๊กมีการตระเตรียมทัพเรือ จึงให้ฝ่ายพลาธิการเตรียมพร้อมสำหรับการทำศึกที่อาจจะเกิดขึ้น
- ส่วนเกียงอุยเมื่อทราบข่าวท่าทีของวุยก๊กที่ดูผิดวิสัย จึงได้ส่งสาส์นเตือนไปยังเมืองหลวงให้มีการจัดกองทัพป้องกันพระนครเสฉวน แต่พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ถูกขันทีฮุยโฮเพ็ดทูลให้เพิกเฉยต่อคำเตือนนี้
ค.ศ. 263
- ฝ่ายสุมาเจียวผู้ยิ่งใหญ่แห่งวุยก๊ก เมื่อทราบว่าจงโฮยเตรียมทัพจะบุกง่อก๊ก จึงมีการปรึกษาขุนนางใกล้ชิดว่าควรจะเปิดศึกพิชิตจ๊กก๊กหรือง่อก๊กก่อน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วการเตรียมกองเรือของจงโฮยนั้น มีไว้เพื่อตบตาง่อก๊กให้เกิดความลังเลและเตรียมป้องกันแคว้นของตนเองเท่านั้น ในขณะที่เขาได้เตรียมกองทหารไว้ด้วยเป้าหมายที่จะบุกจ๊กก๊กต่างหาก ด้วยการเตรียมการพร้อมกันสองทางนี้ ทำให้เมื่อพิชิตจ๊กก๊กสำเร็จเมื่อใด ก็สามารถใช้กองทัพเรือที่เตรียมไว้ บุกง่อก๊กต่อได้ทันที แผนการนี้นับว่าเหนือชั้นมาก แต่ก็ทำให้จงโฮยเป็นที่หวาดระแวงในความสามารถมากยิ่งขึ้น
- ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งของสุมาเจียวจึงแนะนำให้แต่งตั้งเตงงายและจงโฮยเป็นแม่ทัพบุกจ๊กก๊กเสียก่อน ซึ่งสุมาเจียวก็เห็นด้วย โดยสั่งให้จัดกองทัพใหญ่เป็นสามทาง ทางหนึ่งนำโดยเตงงาย ทางหนึ่งนำโดยจงโฮย และอีกทางหนึ่งนำโดยแม่ทัพจูกัดสู กรีทาทัพเข้าตีจ๊กก๊กทันที
- ด้วยกำลังทหารที่มากกว่าหลายเท่า เกียงอุยไม่สามารถรับมือศึกหลายด้านพร้อม ๆ กันได้ อีกทั้งเมืองหลวงก็ไม่มีการตระเตรียมกำลังพลอย่างที่ร้องขอ เมื่อเสียเปรียบก็ไม่มีกองหนุนมาช่วยเสริม การสู้รบยกแรกจึงได้รู้ผลกันอย่างรวดเร็วด้วยการล่าถอยของเกียงอุยและการสูญเสียเมืองฮันต๋งให้แก่ทัพของจงโฮย ถือว่าเป็นผลการรบก้าวสำคัญของวุยก๊กที่ยึดฮันต๋งกลับคืนมาได้อีกครั้งนับตั้งแต่ตอนที่เล่าปี่ยึดจากโจโฉได้เมื่อ 40 กว่าปีก่อน
- มีเทือกเขาฉินหลิง เป็นเส้นทางบุกจากทางเมืองเตียงอันเส้นหนึ่ง ที่สมัยอุยเอี๋ยนครองเมืองฮันต๋งอยู่นั้นได้ตระเตรียมกำลังพลไว้ด้วยความมุ่งหมายที่จะสามารถใช้เส้นทางนี้ทั้งป้องกันและบุกวุยก๊กได้ แต่เมื่ออุยเอี๋ยนตายแล้ว เกียงอุยก็ถอนกำลังที่ประจำอยู่จุดนี้ออกหมด จงโฮยจึงสามารถบุกมาถึงฮันต๋งได้อย่างง่ายดาย
- เกียงอุยถอยทัพมาตั้งหลักที่ป้อมอันใกล้กับเมืองฮันต๋งเพื่อขวางทัพวุยก๊กไม่ให้รุกคืบต่อ ฝ่ายวุยก๊กเมื่อบรรจบทัพกันได้ ทางเตงงายได้ตัดสินใจรุกเข้าอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งเป็นหุบเขาสูงชันสลับซับซ้อน และชวนให้จูกัดสูทำการเคลื่อนทัพควบคู่ไปในเส้นทางหลักด้วย แต่จูกัดสูเกรงฝีมือเกียงอุยจึงปฏิเสธ จงโฮยจึงฉวยโอกาสนี้ลงโทษจูกัดสูแล้วฮุบกำลังพลของเขามาเป็นของตนเองเสียแทน
- เตงงายนำทัพบุกเดียวลัดเลาะข้ามช่องเขาอ้อมเข้าประชิดหน้าด่านสุดท้ายของเมืองหลวงจ๊กก๊กได้อย่างไม่มีใครคาดคิด จูกัดเจี๋ยมและจูกัดสงบุตรชายของตนจึงนำทัพเข้ารับมือ แต่ก็พ่ายแพ้จนต้องเสียชีวิตในสนามรบทั้งคู่
- ในที่สุดเตงงายก็บุกเข้าประชิดเมืองหลวงสำเร็จ พระเจ้าเล่าเสี้ยนที่ไม่มีความตั้งใจจะทำการรบแต่แรกอยู่แล้วจึงได้ยอมจำนนอย่างง่ายดาย และส่งสาส์นให้เกียงอุยที่กำลังรบติดพันกับจงโฮยยอมจำนนต่อวุยก๊กด้วย เป็นอันว่า จ๊กก๊กที่นับตั้งแต่พระเจ้าเล่าปี่ตั้งตนเป็นฮ่องเต้เมื่อปี 220 เป็นต้นมา ก็ถึงกาลอวสานลงในตอนนี้นั่นเอง
- ฝ่ายง่อก๊กนั้น ช่วงที่จ๊กก๊กกำลังถูกบุกโจมตี พระเจ้าซุนฮิวได้สั่งเคลื่อนกองทัพเข้าตีวุยก๊กที่สิ่วชุนกับจัดอีกทัพหนึ่งไปช่วยเหลือจ๊กก๊กที่ฮันต๋ง แต่ทุกอย่างก็ล้มเหลวและสายเกินไปจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้ และภายหลังจากที่พระเจ้าเล่าเสี้ยนยอมจำนน พระเจ้าซุนฮิวก็คิดจะชิงดินแดนบางส่วนของจ๊กก๊กมาจากวุยก๊ก แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้งเช่นกัน
ค.ศ. 264
- ฝ่ายเตงงายเมื่อเข้าเมืองหลวงได้แล้วก็เข้าจัดแจงระบบการบริหารบ้านเมืองจ๊กก๊กให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย จากนั้นจึงเขียนแผนงานบริหารและการเตรียมบุกง่อก๊กต่อ แล้วแจ้งข้อมูลกลับไปทางสุมาเจียว ฝ่ายสุมาเจียวแทนที่จะชื่นชมยินดีกลับคลางแคลงใจว่าเตงงายกำลังอาจจะใช้เสฉวนเป็นฐานกำลังของตนเพื่อแยกเป็นอิสระจากวุยก๊ก และแกฉงคนสนิทก็ยังเตือนสุมาเจียวไว้อีกว่าให้ระวังจงโฮยด้วย สุมาเจียวจึงให้ขุนพลอุยก๋วนเตรียมกองทัพอีกชุดหนึ่งเคลื่อนพลสู่เสฉวน
- ฝ่ายจงโฮยเมื่อทราบว่าเตงงายได้คว้าชัยพิชิตจ๊กก๊กได้ก่อนก็ไม่พอใจ ขณะนั้นเกียงอุยได้ยอมจำนนเข้ามาอยู่ในกองทัพของจงโฮย ด้วยความจงโฮยอายุน้อยกว่าจึงให้ความนับถือยำเกรงเกียงอุยอยู่ไม่น้อย ทำให้เกียงอุยได้ทียุยงให้จงโฮยหาทางกำจัดเตงงายเพื่อเอาความดีความชอบแทน จงโฮยเห็นด้วยจึงให้ทหารปล่อยข่าวลือไปว่าเตงงายชิงจ๊กก๊กได้แล้วก็กำเริบเสิบสานคิดตั้งตนเป็นใหญ่
- เมื่อสุมาเจียวทราบข่าวนี้ ก็พบว่าตรงกับความแคลงใจของตนเองพอดี จึงมีคำสั่งให้จับกุมตัวเตงงายกลับมายังเมืองหลวงของวุยก๊กเพื่อสอบสวน อันที่จริงแล้วเตงงายนั้นมีความซื่อสัตย์ภักดี จึงได้ยอมให้จับกุมแต่โดยดีเพื่อจะได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ผลสุดท้ายก็ถูกสังหารหมดสิ้น นี่คือผลตอบแทนจากสุมาเจียว
- จงโฮยกับเกียงอุยจึงได้เข้าสู่เมืองหลวงจ๊กก๊กเพื่อคุมสถานการณ์แทน เกียงอุยที่หวังจะใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูจ๊กก๊กอีกครั้งจึงยุยงจงโฮยต่อให้ตั้งตัวเป็นอิสระต่อวุยก๊กเพื่อเป็นใหญ่ด้วยตนเอง จงโฮยที่มีความทะเยอทะยานอยู่แล้วจึงเห็นดีเห็นงามด้วย แต่ในขณะนั้นก็เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ภักดีต่อตระกูลสุมาทั่ววุยก๊กมีมากมาย ทหารของจงโฮยเองจึงลุกขึ้นต่อต้านและรุมสังหารทั้งจงโฮยและเกียงอุยในที่สุด
- สุมาเจียวให้อุยก๋วนเข้าคุมความสงบในเสฉวน และส่งตัวพระเจ้าเล่าเสี้ยนพร้อมขุนนางที่เหลืออยู่ทั้งหมดมายังลกเอี๋ยงเมืองหลวงของวุยก๊ก เนื่องด้วยทั้งหมดยอมจำนน จึงมีการแต่งตั้งตำแหน่งทางราชการตามความเหมาะสม โดยเฉพาะตันซิ่วหรือเฉินโซ่วอาลักษณ์ผู้บันทึกประวัติศาสตร์ ก็ได้ถูกมอบหมายงานบันทึกประวัติศาสตร์ต่อไป ทำให้เรื่องราวสามก๊กถูกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้
- เล่าเสี้ยนเมื่อพ้นตำแหน่งฮ่องเต้แล้วก็ได้รับตำแหน่งชนชั้นบรรดาศักดิ์ ใช้ชีวิตเสพสุขต่อไปจนวาระสุดท้าย พร้อมด้วยวาทะ “ที่นี่มีความสุขจนลืมนึกถึงจ๊กก๊กไปแล้ว” ก็ได้กลายเป็นคำพังเพยเปรียบเทียบกับคนที่เสพสุขจนละเลยบ้านเกิด แต่ก็มีนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า อาจเป็นการจงใจพูดของเล่าเสี้ยน เพื่อให้สุมาเจียวผู้เหี้ยมโหดดูแคลนตนเองและปล่อยให้รอดชีวิตก็เป็นได้
- ส่วนจุดจบของขันทีฮุยโฮนั้น ประวัติศาสตร์บันทึกว่าเขาติดสินบนเตงงายตอนเข้าเสฉวนเพื่อหลบหนีหายสาบสูญไป แต่ในวรรณกรรมสามก๊กระบุว่าเขาถูกสุมาเจียวสั่งทรมานและประหารชีวิตอย่างทารุณ
- ฝ่ายง่อก๊ก เมื่อพระเจ้าซุนฮิวทราบข่าวจ๊กก๊กล่มสลาย ก็วิตกกังวลจนประชวรหนักและสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน ตามธรรมเนียมจะต้องสถาปนาซุนอ้วนรัชทายาทขึ้นครองราชย์ต่อ แต่ขุนนางง่อก๊กเล็งเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองสุ่มเสี่ยง ซุนอ้วนยังเด็กมากไม่อาจบริหารบ้านเมืองได้ จึงเลือกบุตรชายของอดีตรัชทายาทซุนเหอ ชื่อว่า ซุนโฮ ซึ่งอยู่ในวัยหนุ่มขึ้นครองราชย์สืบต่อแทน
ค.ศ. 265
- สุมาเจียวทำผลงานใหญ่ พระเจ้าโจฮวนจึงแต่งตั้งตำแหน่งจิ้นอ๋อง ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับเชื้อพระวงศ์ให้ (ตำแหน่งระดับเดียวกับโจโฉในบั้นปลายชีวิต) โดยสุมาเจียวก็ได้แต่งตั้งบุตรชายคนโตสุมาเอี๋ยนเป็นทายาท และแต่งตั้งแกฉงกับเอียวเก๋า ให้มีตำแหน่งสูงขึ้นเป็นคนสนิทคู่ใจทดแทนเตงงายกับจงโฮยที่ตายไปแล้ว
- แต่เวลาผ่านไปเพียง 3 เดือนหลังรับตำแหน่งจิ้นอ๋อง สุมาเจียวก็ป่วยกะทันหันจนเสียชีวิต สุมาเอี๋ยนบุตรชายคนโตจึงได้สืบทอดตำแหน่งจิ้นอ๋องต่อจากบิดา
- เมื่อขึ้นเป็นจิ้นอ๋องแล้ว สุมาเอี๋ยนจึงได้ร่วมมือกับแกฉง ปลดพระเจ้าโจฮวนลงจากราชบัลลังก์ อ้างด้วยเหตุตระกูลสุมานั้นทำความชอบให้วุยก๊กมาช้านาน และราชวงศ์วุยก็ชิงราชสมบัติของราชวงศ์ฮั่นมาก่อน บัดนี้ตระกูลสุมามีความเหมาะสมจะครองแผ่นดินมากกว่า พระเจ้าโจฮวนเกรงกลัวจึงยอมสละบัลลังก์แต่โดยดี
- สุมาเอี๋ยนสถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ราชวงศ์จิ้น และเปลี่ยนชื่อวุยก๊กเป็นจิ้นก๊ก จึงนับว่าวุยก๊กที่โจโฉก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา และโจผีก่อตั้งราชวงศ์มาตั้งแต่ปี 220 ก็ล่มสลายตามจ๊กก๊กไปด้วยเหตุนี้เช่นเดียวกัน
- ฝ่ายง่อก๊กนั้น พระเจ้าซุนโฮครองราชย์อย่างปกติสุขได้ปีเดียวก็แผลงฤทธิ์ความร้ายกาจขึ้น ด้วยการสั่งประหารชีวิตจูฮองเฮาและซุนอ้วน มเหสีและรัชทายาทของพระเจ้าซุนฮิวที่ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงสั่งย้ายวังหลวงไปยังเขตเกงจิ๋วใกล้ชายแดนจิ้นก๊ก ขุนนางทุกคนที่ทัดทานการกระทำครั้งนี้ถูกประหารหรือเนรเทศหมดทั้งสิ้น
.
.
.
เนื่องจากข้อความยาวเกิน ต่อที่ reply 1 นะครับ