แจ้งให้ทราบก่อนเนอะ : - จขกท.มือใหม่ รีวิวนี้ยาวและหาสาระไม่ค่อยได้ ขี้เกียจอ่านก็ดูผ่านๆข้ามไปอ่านสรุปเลยก็ได้เนอะ
- จขกท.ไปช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เริ่มจะเข้าหน้า low แล้ว
- ไม่ใช่การท่องเที่ยวอย่างประหยัด เที่ยวสบายๆแต่ไม่โหดร้ายกับกระเป๋าตังนัก
อยากไปก็ไปเลย! ใช่จ๊ะ ทริปนี้เกิดขึ้นวันงานแต่งงานเพื่อนจขกท. แต่ตัวเจ้าสาวนางอดไปเพราะไปฮันนีมูนที่ยุโรปจ้า (ซึ่งถ้าเป็นเพื่อนๆจะเลือกไปหลีเป๊ะกับเพื่อนหรือยุโรปกับผ.คะ?
) เมื่อเพื่อนมารวมตัวกัน ท็อปปิกเรื่องเที่ยวทะเลก็ผุดขึ้นมา พูดมาแล้วก็ต้องไปเหมือนมีใครบังคับ 555 หลีเป๊ะเป็นคำตอบสุดท้ายค่ะ จขกท.กับเพื่อนรวบรวมสมาชิกได้ 6 คน ตกลงวันกันได้ ก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินและหาที่พัก เรามีส่วนร่วมในการเลือกที่พักเท่านั้น นอกเหนือจากนี้จองที่พักขึ้นรถลงเรือยกให้เพื่อนเราเป็นคนจัดการหมดจ๊ะ เพราะนางทำทัวร์อยู่ นี่ไม่ได้โฆษณานะ แต่เนื่องจากความชำนาญด้านนี้ก็เลยยกให้จัดการไปเลย สบาย...
ทั้งขาไปและกลับเราใช้บริการ Thai Lion Air ถือว่าดีเลย ตรงเวลา โหลดสัมภาระได้ 15 กิโล ที่นั่งโอเคเลือกที่นั่งได้ ไม่มีอาหารให้ไม่เป็นไรเพราะชั่วโมงเดียวเอง // แต่ๆ ห้ามเอาเครื่องดื่มที่ใส่แก้วถือขึ้นเครื่องเนอะ เราเคยซื้อกาแฟนึกว่าจะถือขึ้นเครื่องได้เหมือนบางสายการบิน พอถึงหน้าgate จนท.บอกให้ดื่มให้หมดก่อนแล้วค่อยเข้าไปนะคะ เราเลยต้องซดกาแฟให้หมด ตาค้างไปสิ T_T เสียดายซื้อมาแพง // สรุปใครขาดน้ำไม่ได้ก็สามารถซื้อบนเครื่องได้เค้ามีขาย หรือสุดท้ายคือพกน้ำขวดเล็กใส่กระเป๋าไว้เนอะ
Day1
เที่ยวบินของเราเวลา 7:45 น. เราไปถึงดอนเมืองประมาณ 6:30 น.โดยแท็กซี่ที่อาจจะเพิ่งดูFast7 มาแล้วยังอินอยู่ขับจากรัชดามาดอนเมือง 15 นาที พร้อมกับเปิด LinkingPark ตลอดทาง อินดิเอ้นนนน ว๊ากกก!!!
แถวเช็คอินไม่ยาว คนไม่เยอะ เดินเข้าไปที่เคาเตอร์ตามปกติ พนักงานถามว่า “เดินทางไปไหนคะ?” ... เออ ... ไปไหนวะ 5555555 จขกทเอ๋อไปเลยลืมว่าไปไหน ตอบพี่เค้าไปว่า ไปหลีเป๊ะค่ะ ฮือ...T_T พี่เค้าทำหน้างงไม่ตอบรับชั้นเลย เพื่อนชั้นก็เดินหายไปไหนไม่รู้ กว่าจะนึกได้ว่า “ไปหลีเป๊ะ ต้องไปลงที่สนามบินหาดใหญ่ค่ะ”
ตัดภาพไปที่สนามบินหาดใหญ่ 9:15น. สนามบินขนาดกะทัดรัด เดินสามก้าวถึงสายพานรับกระเป๋า เดินไปอีกสี่ก้าวถึงประตูหน้าสนามบิน (ล้อเล่งงง อันนั้นก็เล็กเกิน) เราเหมารถตู้ VIP เดินทางจากสนามบินไปท่าเรือปากบารา จ.สตูล ถามตอนแรกพี่คนขับบอกใช้เวลาประมาณ 2 ชม.แต่เอาจริงๆแค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ลืมบอกไปว่าพอเราขึ้นรถตู้ปุ๊บ พี่คนขับก็ยื่นตั๋วเรือให้เราเรียบร้อย ไม่ต้องไปหาซื้อที่ท่าเรือเพราะเพื่อนจัดการจองมาให้แล้ว เพียงแต่ต้องเอาใบนี้ไปแลกตั๋วกับสติกเกอร์ติดเสื้อ ติดกระเป๋าที่ counter หน้าบริษัท อดังซี
เสร็จแล้วมีเวลาเหลือก่อนเรือออกขอกินข้าวก่อนเนอะ กินแถวนั้นแหละข้าวราดแกง อร่อยแต่เผ็ดสะแด่วแห้วมากกกก กินเสร็จก็ได้เวลาขึ้นเรือ...
จากร้านข้าวแกงเดินเข้ามาที่ท่าเรืออีกไม่ไกล เราจะเจอด่านแรกคือ ด่านค่าธรรมเนียมท่าเรือ ตรงนี้เราต้องจ่ายตังเองนะจ๊ะ 20 บาท เอาเนอะเพื่อการบำรุงสถานที่
เข้าไปข้างในแล้วก็เดินออกประตูตามหมายเลขที่บอกไว้บนตั๋ว เราได้ประตู4 เดินออกมาก็ส่งกระเป๋าให้เค้ายกขึ้นเรือ แล้วเดินตัวปลิวไปหาที่นั่งได้เลย เราจองรอบ 11.30 น. แต่เอาเข้าจริงเที่ยงยังไม่ออกเลยง่ะ T_T ... ห้ายช้านรอแล้วด้ายอะไร
...
ไปหลีเป๊ะใช้เวลาจากท่าเรือไปถึงเกาะหลีเป๊ะ 75 นาที เรือเป็นแบบสปีดโบ๊ท 4 เครื่องยนต์ 85 ที่นั่ง ขาไปไม่ค่อยโอนะสำหรับเรา(คหสต) เรานั่งที่นั่งตรงกลางจะเป็นม้านั่งยาวแต่ช่วงมันแคบมากเข่าชนข้างหน้าต้องนั่งเอียงๆปวดเข่าไปเลย แล้วคือที่นั่งเต็มแล้วอ่ะ พอคนมาอีกคนขับก็แบบ “นั่งสี่ๆเก้าอี้กลางนั่งสี่เลย” เฮ่! ขี่คอกรุเลยมั้ย นั่งสามคนก็เต็มที่แล้วเราว่า และลมไม่มีเลยยยเพราะตรงช่องลมด้านหน้าเรือเค้าเอาพลาสติกปิดหมด อาจจะกันน้ำหรือเรือออกแบบมาอย่างนั้นหรืออะไรก็แล้วแต่ ร้อนมากกกก อบสุดๆ ฝรั่งที่นั่งข้างหน้าเราสองคนต้องยืนขึ้นเกือบตลอดทาง เพราะอากาศอบอ้าวมาก
นี่รูปเรือขาไปกำลังรอคนขึ้นเรือ...
นี่รูปเรือขากลับ ขากลับดีเลยเพราะเราเปลี่ยนที่นั่งและเรือก็หลวมๆไม่ได้อัดคนเต็ม ลมเย็นสบายยย...
Tip : ดังนั้นขากลับเราเลยเลือกนั่งข้างๆด้านหลังแทน ซึ่งดีมากกก ลมเย็นสบาย ไม่ปวดขา อันนี้เป็นคหสต แต่ขอแนะนำค่ะ
ยังๆ ยังไม่ถึงเกาะซะทีเดียว ด่านต่อมาคือ เรือจะมาส่งเราที่โป๊ะซึ่งอยู่หน้าเกาะ แล้วเราต้องต่อเรือแท็กซี่ไปขึ้นเกาะอีกที ในส่วนนี้เราก็ต้องออกตังเองนะจ๊ะ ทัวร์เพื่อนไม่สามารถจองให้ได้ ค่าตั๋วเรือแท็กซี่ 50 บาท ซื้อบนโป๊ะนั่นแหละ (ขากลับอีก 50 บาท ไม่เสียค่าธรรมเนียม ขากลับเพื่อนเราติดต่อกับเรือที่ไปดำน้ำให้เค้ามาส่งที่โป๊ะ หรือที่รีสอร์ทก็มีบริการนะ บอกเค้าได้เลย) เรียกได้ว่าไม่ลำบาก แต่ที่ลำบากคือ... กระเป๋าเดินทาง! บอกไว้เลยว่าอย่าเอากระเป๋าใบใหญ่เกินตัวเองจะแบกไหวไป ดีนะกรุ๊ปที่ไปมีผู้ชาย เลยมีคนช่วยแบกขึ้นลงเรือ จะเอาพร๊อพไปเยอะก็แบ่งเป็น2กระเป๋าก็ได้นะ ยกขึ้นลงเรือสะดวกกว่า
ถึงล้าววววว ในที่สุดหลังจากขึ้นเครื่อง นั่งรถ ลงเรือ ความเหนื่อยล้าที่ผ่านมา หายพลันทันตาเมื่อเห็นภาพแบบนี้
น้ำใสแบบเนี้ยะ...
โอยยย สวยมาก สวยตาค้าง
มะลิรีสอร์ท คือที่ๆเราเลือกพัก โดยดูจากรีวิวหลายๆอันประกอบกัน เราดูแล้วดูอีก คัดแล้วคัดอีก 5555 ซึ่งบอกเลยว่าไม่ผิดหวังค่ะ คอนเฟิร์ม! พอไปถึงเค้าจะมีเวลคัมดริ้งเป็นน้ำตะไคร้ อร่อยมาก อร่อยจนเพื่อนเราขออีก อร่อยจนเราคิดว่ากลับมาอยากทำกินเองที่บ้านบ้าง ขนาดนั้นเลย...
การเช็คอินที่มะลิก็เช็คอินตรงบาร์หน้าหาดเลย จะมีฝรั่งผู้หญิงกับผู้ชายคอยต้อนรับอยู่ แต่ถ้าใครไม่สันทัดเรื่องภาษาจริงๆ เค้าก็มีพนักงานคนไทยให้บริการนะไม่ต้องห่วง จขกทไม่ห่วงเพราะให้เพื่อนเป็นคนจัดการ 555
เราพัก 4 วัน 3 คืน แต่เนื่องจากห้องเต็มเลยต้องมีย้ายห้องกัน คืนแรกเป็นห้อง Beachfront Garden Wing เราอยากนอนห้องนี้ทั้งสามคืนเลย ทำม้ายยย ทำไม อีกสองคืนไม่ว่างให้ชั้น ... ดูวิวสิคะ อยากตื่นมาเจอวิวแบบนี้ทุกเช้า
นอนอ่านหนังสือ ชิลมั้ยล่ะ
มีสนามหญ้าส่วนตัวหน้าห้อง เก๋อะ
คืนต่อมาเราย้ายไปที่ห้อง Balinese Tropical Villas ห้องกว้างขวางมีส่วนที่เป็นเบาะนั่ง ตู้เย็นมีน้ำให้ 2 ขวดใหญ่! ขวดใหญ่นะ! ส่วนห้องน้ำโอเพ่นแอร์ค่ะ สวยงามตามท้องเรื่อง แต่ที่เราไม่ค่อยชอบคือ ตอนกลางคืนเวลาเข้าห้องน้ำยุงมันกัดง่ะ นั่งไปสั่นขาไป เพื่อนเราแก้ปัญหาโดยการใส่กางเกงขายาวเข้าห้องน้ำ ฮ่าๆๆ
ห้องพักมีตู้เย็น ตู้เซฟเล็ก ไดร์เป่าผม สบู่ แชมพู แปรงสีฟัน ... คือไม่ต้องแบกอะไรพวกนี้มาเลย สบู่แชมพูผ้าเช็ดตัวเปลี่ยนให้ทุกวัน
วันแรกที่ไปถึงก็ไม่ได้ไปไหนแล้วเนอะ เล่นน้ำหน้ารีสอร์ทพลางก็สั่งอาหารมารองท้องไปพลางๆ ที่มะลิมีอาหารให้บริการทั้งไทย ฝรั่ง เครื่องดื่ม ค็อกเทล เราสั่งพิซซ่าฮาวายเอี้ยน แซนด์วิช2อย่าง กับน้ำ รองท้องค่ะ
เล่นน้ำเสร็จถึงเวลาไปกินข้าวเย็น เราก็ไปตายเอาดาบหน้า คือเดินไปตรง Walking street จะมีร้านอาหารเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง รวมทั้งร้านเหล้า บาร์ ร้านโรตี ร้านนวด ร้านอุปกรณ์ว่ายน้ำ ดำน้ำ ทัวร์นู่นนี่นั่น และ 7-11 ที่พูดมาเยอะๆนั่นคือเหลือเปิดไม่กี่ร้านเพราะช่วงที่เราไปก็เริ่มเข้าหน้าlow แล้ว
และร้าน “รักษ์เล” ก็ถูกเลือกให้เป็นร้านอาหารเย็นวันนี้ของกรุ๊ปเรา ร้านเดินเลยเซเว่นมานิดนึง อาหารอร่อย จานใหญ่ และคุณภาพดีงาม เช็คบิลมาราคาไม่น่าตกใจ บริการดีมากพูดจาดี แฟนเพื่อนเราอยากกินต้มยำปลาอินทรี ปกติที่ร้านเค้าจะทำแต่ต้มยำปลาอื่นๆไม่ทำปลาอินทรี แต่ก็ไปอ้อนวอนขอร้องให้เค้าทำให้ เค้าก็ทำให้หว่ะ ใจดีจุงเบย
เสียไตมากห่วงแต่กิน ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมา
แถมรูปร้านก็ยังถ่ายมาจากในร้าน ไม่มีรูปหน้าร้านจ้า
[CR] ชีวิตดีที่หลีเป๊ะ ... 4 วัน 3 คืน นอนมะลิรีสอร์ท ...ไปแล้วรักเลย ^^
- จขกท.ไปช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เริ่มจะเข้าหน้า low แล้ว
- ไม่ใช่การท่องเที่ยวอย่างประหยัด เที่ยวสบายๆแต่ไม่โหดร้ายกับกระเป๋าตังนัก
อยากไปก็ไปเลย! ใช่จ๊ะ ทริปนี้เกิดขึ้นวันงานแต่งงานเพื่อนจขกท. แต่ตัวเจ้าสาวนางอดไปเพราะไปฮันนีมูนที่ยุโรปจ้า (ซึ่งถ้าเป็นเพื่อนๆจะเลือกไปหลีเป๊ะกับเพื่อนหรือยุโรปกับผ.คะ? ) เมื่อเพื่อนมารวมตัวกัน ท็อปปิกเรื่องเที่ยวทะเลก็ผุดขึ้นมา พูดมาแล้วก็ต้องไปเหมือนมีใครบังคับ 555 หลีเป๊ะเป็นคำตอบสุดท้ายค่ะ จขกท.กับเพื่อนรวบรวมสมาชิกได้ 6 คน ตกลงวันกันได้ ก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินและหาที่พัก เรามีส่วนร่วมในการเลือกที่พักเท่านั้น นอกเหนือจากนี้จองที่พักขึ้นรถลงเรือยกให้เพื่อนเราเป็นคนจัดการหมดจ๊ะ เพราะนางทำทัวร์อยู่ นี่ไม่ได้โฆษณานะ แต่เนื่องจากความชำนาญด้านนี้ก็เลยยกให้จัดการไปเลย สบาย...
ทั้งขาไปและกลับเราใช้บริการ Thai Lion Air ถือว่าดีเลย ตรงเวลา โหลดสัมภาระได้ 15 กิโล ที่นั่งโอเคเลือกที่นั่งได้ ไม่มีอาหารให้ไม่เป็นไรเพราะชั่วโมงเดียวเอง // แต่ๆ ห้ามเอาเครื่องดื่มที่ใส่แก้วถือขึ้นเครื่องเนอะ เราเคยซื้อกาแฟนึกว่าจะถือขึ้นเครื่องได้เหมือนบางสายการบิน พอถึงหน้าgate จนท.บอกให้ดื่มให้หมดก่อนแล้วค่อยเข้าไปนะคะ เราเลยต้องซดกาแฟให้หมด ตาค้างไปสิ T_T เสียดายซื้อมาแพง // สรุปใครขาดน้ำไม่ได้ก็สามารถซื้อบนเครื่องได้เค้ามีขาย หรือสุดท้ายคือพกน้ำขวดเล็กใส่กระเป๋าไว้เนอะ
Day1
เที่ยวบินของเราเวลา 7:45 น. เราไปถึงดอนเมืองประมาณ 6:30 น.โดยแท็กซี่ที่อาจจะเพิ่งดูFast7 มาแล้วยังอินอยู่ขับจากรัชดามาดอนเมือง 15 นาที พร้อมกับเปิด LinkingPark ตลอดทาง อินดิเอ้นนนน ว๊ากกก!!! แถวเช็คอินไม่ยาว คนไม่เยอะ เดินเข้าไปที่เคาเตอร์ตามปกติ พนักงานถามว่า “เดินทางไปไหนคะ?” ... เออ ... ไปไหนวะ 5555555 จขกทเอ๋อไปเลยลืมว่าไปไหน ตอบพี่เค้าไปว่า ไปหลีเป๊ะค่ะ ฮือ...T_T พี่เค้าทำหน้างงไม่ตอบรับชั้นเลย เพื่อนชั้นก็เดินหายไปไหนไม่รู้ กว่าจะนึกได้ว่า “ไปหลีเป๊ะ ต้องไปลงที่สนามบินหาดใหญ่ค่ะ”
ตัดภาพไปที่สนามบินหาดใหญ่ 9:15น. สนามบินขนาดกะทัดรัด เดินสามก้าวถึงสายพานรับกระเป๋า เดินไปอีกสี่ก้าวถึงประตูหน้าสนามบิน (ล้อเล่งงง อันนั้นก็เล็กเกิน) เราเหมารถตู้ VIP เดินทางจากสนามบินไปท่าเรือปากบารา จ.สตูล ถามตอนแรกพี่คนขับบอกใช้เวลาประมาณ 2 ชม.แต่เอาจริงๆแค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ลืมบอกไปว่าพอเราขึ้นรถตู้ปุ๊บ พี่คนขับก็ยื่นตั๋วเรือให้เราเรียบร้อย ไม่ต้องไปหาซื้อที่ท่าเรือเพราะเพื่อนจัดการจองมาให้แล้ว เพียงแต่ต้องเอาใบนี้ไปแลกตั๋วกับสติกเกอร์ติดเสื้อ ติดกระเป๋าที่ counter หน้าบริษัท อดังซี
เสร็จแล้วมีเวลาเหลือก่อนเรือออกขอกินข้าวก่อนเนอะ กินแถวนั้นแหละข้าวราดแกง อร่อยแต่เผ็ดสะแด่วแห้วมากกกก กินเสร็จก็ได้เวลาขึ้นเรือ...
จากร้านข้าวแกงเดินเข้ามาที่ท่าเรืออีกไม่ไกล เราจะเจอด่านแรกคือ ด่านค่าธรรมเนียมท่าเรือ ตรงนี้เราต้องจ่ายตังเองนะจ๊ะ 20 บาท เอาเนอะเพื่อการบำรุงสถานที่
เข้าไปข้างในแล้วก็เดินออกประตูตามหมายเลขที่บอกไว้บนตั๋ว เราได้ประตู4 เดินออกมาก็ส่งกระเป๋าให้เค้ายกขึ้นเรือ แล้วเดินตัวปลิวไปหาที่นั่งได้เลย เราจองรอบ 11.30 น. แต่เอาเข้าจริงเที่ยงยังไม่ออกเลยง่ะ T_T ... ห้ายช้านรอแล้วด้ายอะไร ...
ไปหลีเป๊ะใช้เวลาจากท่าเรือไปถึงเกาะหลีเป๊ะ 75 นาที เรือเป็นแบบสปีดโบ๊ท 4 เครื่องยนต์ 85 ที่นั่ง ขาไปไม่ค่อยโอนะสำหรับเรา(คหสต) เรานั่งที่นั่งตรงกลางจะเป็นม้านั่งยาวแต่ช่วงมันแคบมากเข่าชนข้างหน้าต้องนั่งเอียงๆปวดเข่าไปเลย แล้วคือที่นั่งเต็มแล้วอ่ะ พอคนมาอีกคนขับก็แบบ “นั่งสี่ๆเก้าอี้กลางนั่งสี่เลย” เฮ่! ขี่คอกรุเลยมั้ย นั่งสามคนก็เต็มที่แล้วเราว่า และลมไม่มีเลยยยเพราะตรงช่องลมด้านหน้าเรือเค้าเอาพลาสติกปิดหมด อาจจะกันน้ำหรือเรือออกแบบมาอย่างนั้นหรืออะไรก็แล้วแต่ ร้อนมากกกก อบสุดๆ ฝรั่งที่นั่งข้างหน้าเราสองคนต้องยืนขึ้นเกือบตลอดทาง เพราะอากาศอบอ้าวมาก
Tip : ดังนั้นขากลับเราเลยเลือกนั่งข้างๆด้านหลังแทน ซึ่งดีมากกก ลมเย็นสบาย ไม่ปวดขา อันนี้เป็นคหสต แต่ขอแนะนำค่ะ
ยังๆ ยังไม่ถึงเกาะซะทีเดียว ด่านต่อมาคือ เรือจะมาส่งเราที่โป๊ะซึ่งอยู่หน้าเกาะ แล้วเราต้องต่อเรือแท็กซี่ไปขึ้นเกาะอีกที ในส่วนนี้เราก็ต้องออกตังเองนะจ๊ะ ทัวร์เพื่อนไม่สามารถจองให้ได้ ค่าตั๋วเรือแท็กซี่ 50 บาท ซื้อบนโป๊ะนั่นแหละ (ขากลับอีก 50 บาท ไม่เสียค่าธรรมเนียม ขากลับเพื่อนเราติดต่อกับเรือที่ไปดำน้ำให้เค้ามาส่งที่โป๊ะ หรือที่รีสอร์ทก็มีบริการนะ บอกเค้าได้เลย) เรียกได้ว่าไม่ลำบาก แต่ที่ลำบากคือ... กระเป๋าเดินทาง! บอกไว้เลยว่าอย่าเอากระเป๋าใบใหญ่เกินตัวเองจะแบกไหวไป ดีนะกรุ๊ปที่ไปมีผู้ชาย เลยมีคนช่วยแบกขึ้นลงเรือ จะเอาพร๊อพไปเยอะก็แบ่งเป็น2กระเป๋าก็ได้นะ ยกขึ้นลงเรือสะดวกกว่า
ถึงล้าววววว ในที่สุดหลังจากขึ้นเครื่อง นั่งรถ ลงเรือ ความเหนื่อยล้าที่ผ่านมา หายพลันทันตาเมื่อเห็นภาพแบบนี้
น้ำใสแบบเนี้ยะ...
โอยยย สวยมาก สวยตาค้าง
มะลิรีสอร์ท คือที่ๆเราเลือกพัก โดยดูจากรีวิวหลายๆอันประกอบกัน เราดูแล้วดูอีก คัดแล้วคัดอีก 5555 ซึ่งบอกเลยว่าไม่ผิดหวังค่ะ คอนเฟิร์ม! พอไปถึงเค้าจะมีเวลคัมดริ้งเป็นน้ำตะไคร้ อร่อยมาก อร่อยจนเพื่อนเราขออีก อร่อยจนเราคิดว่ากลับมาอยากทำกินเองที่บ้านบ้าง ขนาดนั้นเลย...
การเช็คอินที่มะลิก็เช็คอินตรงบาร์หน้าหาดเลย จะมีฝรั่งผู้หญิงกับผู้ชายคอยต้อนรับอยู่ แต่ถ้าใครไม่สันทัดเรื่องภาษาจริงๆ เค้าก็มีพนักงานคนไทยให้บริการนะไม่ต้องห่วง จขกทไม่ห่วงเพราะให้เพื่อนเป็นคนจัดการ 555
เราพัก 4 วัน 3 คืน แต่เนื่องจากห้องเต็มเลยต้องมีย้ายห้องกัน คืนแรกเป็นห้อง Beachfront Garden Wing เราอยากนอนห้องนี้ทั้งสามคืนเลย ทำม้ายยย ทำไม อีกสองคืนไม่ว่างให้ชั้น ... ดูวิวสิคะ อยากตื่นมาเจอวิวแบบนี้ทุกเช้า
นอนอ่านหนังสือ ชิลมั้ยล่ะ
มีสนามหญ้าส่วนตัวหน้าห้อง เก๋อะ
คืนต่อมาเราย้ายไปที่ห้อง Balinese Tropical Villas ห้องกว้างขวางมีส่วนที่เป็นเบาะนั่ง ตู้เย็นมีน้ำให้ 2 ขวดใหญ่! ขวดใหญ่นะ! ส่วนห้องน้ำโอเพ่นแอร์ค่ะ สวยงามตามท้องเรื่อง แต่ที่เราไม่ค่อยชอบคือ ตอนกลางคืนเวลาเข้าห้องน้ำยุงมันกัดง่ะ นั่งไปสั่นขาไป เพื่อนเราแก้ปัญหาโดยการใส่กางเกงขายาวเข้าห้องน้ำ ฮ่าๆๆ
ห้องพักมีตู้เย็น ตู้เซฟเล็ก ไดร์เป่าผม สบู่ แชมพู แปรงสีฟัน ... คือไม่ต้องแบกอะไรพวกนี้มาเลย สบู่แชมพูผ้าเช็ดตัวเปลี่ยนให้ทุกวัน
วันแรกที่ไปถึงก็ไม่ได้ไปไหนแล้วเนอะ เล่นน้ำหน้ารีสอร์ทพลางก็สั่งอาหารมารองท้องไปพลางๆ ที่มะลิมีอาหารให้บริการทั้งไทย ฝรั่ง เครื่องดื่ม ค็อกเทล เราสั่งพิซซ่าฮาวายเอี้ยน แซนด์วิช2อย่าง กับน้ำ รองท้องค่ะ
เล่นน้ำเสร็จถึงเวลาไปกินข้าวเย็น เราก็ไปตายเอาดาบหน้า คือเดินไปตรง Walking street จะมีร้านอาหารเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง รวมทั้งร้านเหล้า บาร์ ร้านโรตี ร้านนวด ร้านอุปกรณ์ว่ายน้ำ ดำน้ำ ทัวร์นู่นนี่นั่น และ 7-11 ที่พูดมาเยอะๆนั่นคือเหลือเปิดไม่กี่ร้านเพราะช่วงที่เราไปก็เริ่มเข้าหน้าlow แล้ว
และร้าน “รักษ์เล” ก็ถูกเลือกให้เป็นร้านอาหารเย็นวันนี้ของกรุ๊ปเรา ร้านเดินเลยเซเว่นมานิดนึง อาหารอร่อย จานใหญ่ และคุณภาพดีงาม เช็คบิลมาราคาไม่น่าตกใจ บริการดีมากพูดจาดี แฟนเพื่อนเราอยากกินต้มยำปลาอินทรี ปกติที่ร้านเค้าจะทำแต่ต้มยำปลาอื่นๆไม่ทำปลาอินทรี แต่ก็ไปอ้อนวอนขอร้องให้เค้าทำให้ เค้าก็ทำให้หว่ะ ใจดีจุงเบย
เสียไตมากห่วงแต่กิน ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมา แถมรูปร้านก็ยังถ่ายมาจากในร้าน ไม่มีรูปหน้าร้านจ้า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น