เรื่องสั้นชุด ฉากชีวิต
เรื่องของกระบี่
“ เพทาย “
เช้าวันหนึ่งเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ผมมีเวลาว่างและยังไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องอะไรให้นิตยสารทหารสื่อสาร ดี ก็มองเห็นถุงใส่เสื้อที่แขวนเป็นแถวอยู่บนราว มีฝุ่นจับเขรอะเพราะไม่ได้หยิบจับมาเป็นเวลานาน จึงหยิบมาถุงหนึ่งปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ภายนอกแล้วก็รูดซิบออกดู ปรากฏ ว่าเป็นเครื่องแบบทหารบกที่เรียกว่า ชุดกากีแกมเขียวคอพับแขนยาว สำหรับใช้ในการไปทำงานตามปกติ ติดเครื่องหมายถูกต้องเรียบร้อย ซึ่งไม่ได้ใช้สวมใส่มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ผมนำเอาออกมาแขวนนอกถุง แล้วก็นั่งมองดูอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ
ส่วนประกอบทุกชิ้นที่ติดอยู่บนเสื้อตัวนั้น ตั้งแต่เครื่องหมายเหล่าที่ปกเสื้อด้านขวา เครื่องหมายสังกัดบนปกเสื้อด้านซ้าย เครื่องหมายยศบนอินทรธนูทั้งสองข้าง ป้ายชื่อเหนือกระเป๋าเสื้อด้านขวา เข็มลงยาพื้นสีม่วงมีฉัตรสีขาวอยู่ตรงกลาง ที่ปากกระเป๋าเสื้อข้างเดียวกัน แถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหนือกระเป๋าเสื้อด้านซ้าย ยังอยู่ครบถ้วน
แล้วผมก็หวนระลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมากว่าสามสิบปี ที่ได้แต่งเครื่องแบบชนิดนี้ ตั้งแต่ยังติดเครื่องหมายยศที่ต้นแขนซ้าย จนเลื่อนขึ้นมาบนบ่า และเต็มอินทรธนูอย่างชุดนี้ ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายที่ผมจะต้องสวมใส่จากท่านอน ด้วยฝีมือของผู้อื่น ในเวลาอีกไม่นานเท่าใดนัก
ในชีวิตทหาร ผมต้องเกี่ยวข้องกับเครื่องแบบมากมายหลายชนิด ทั้งที่ใช้เองและที่แนะนำชี้แจงแก่ผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เพราะเกือบไม่มีใครที่จะจดจำชื่อของเครื่องแบบ และส่วนประกอบของเครื่องแบบนั้น ๆ ได้หมด ตามที่ประกาศในกฎกระทรวง นอกจากเวลาจะสอบเลื่อนจากนายสิบเป็นจ่า หรือจากชั้นประทวนเป็นชั้นสัญญาบัตร เท่านั้น ที่มีคนเอาตำรามาท่องเพื่อเข้าสอบปากเปล่า เมื่อเวลาผ่านไปแล้วก็ลืมหมด
กฎกระทรวงที่ว่านั้น ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พ.ศ.๒๔๗๗ รวมแล้วหลายสิบฉบับ กำหนดเครื่องแบบของพลทหาร นักเรียนนายสิบและนายทหารประทวน นักเรียนนายทหาร นายดาบและนายทหารสัญญาบัตร เฉพาะเครื่องแบบชุดสุดท้ายนี้ก็มีถึงสิบชนิด
เครื่องแบบที่รู้จักกันมากทั้งในหน่วยรบและหน่วยส่วนกลางหรือส่วนการศึกษา ก็คือ เครื่องแบบฝึก เครื่องแบบสนาม เครื่องแบบปกติ เครื่องแบบครึ่งยศ และเครื่องแบบเต็มยศ
ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมอยู่เสมอ
อย่างเครื่องแบบฝึก ก็เปลี่ยนหมวกมาหลายครั้ง เดิมให้ใช้หมวกแก๊ปทรงอ่อน ก็เปลี่ยนจากทรงกลมด้านบนตัดเรียบ เป็นทรงเกาหลี ทรงเวียตนาม ทรงสงครามทะเลทราย ซึ่งลอกแบบมาจากทหารอเมริกัน สุดท้ายเลยใช้หมวกแบเรต์สีน้ำเงินดำของทหารม้า เหมือนกันหมดทุกเหล่า เว้นกองพลทหารราบที่ ๒ เป็นสีพราง และ กองพันทหารราบที่ ๔ มหาดเล็กรักษาพระองค์ ยังคงใช้หมวกแก๊ปทรงอ่อนสีน้ำเงิน เช่นเดิม และในปัจจุบันก็มีหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทเอกชน ได้ใช้หมวกแบเรต์ กับเครื่องแบบของเขา จนคล้ายทหารและตำรวจเข้าไปทุกที
เครื่องแบบปกติก็มี ปกติคอพับแขนสั้นและแขนยาว ปกติคอแบะ ปกติขาว ปกติฤดูร้อนสีตองอ่อน เหมือนทหารของประเทศในทวีปเอเชีย แต่ลงท้ายชุดนี้ก็เลิกไปเพราะไม่เป็นที่นิยม
เครื่องแบบที่ยกมาอ้างนี้ มีส่วนประกอบเครื่องแบบอีกมากมาย สุดที่จะจดจำได้ไหว จนทำให้กฎกระทรวงที่ว่านั้น มีความยาวกว่าเจ็ดสิบหน้า ดังนั้นจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจ เมื่อมีทหารบกแต่งเครื่องแบบไม่ถูกต้องครบถ้วน ให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่ผมซึ่งอยู่กับกองระเบียบเอง
นานมาแล้วเมื่อผมได้เลื่อนเป็นร้อยตรีหมาด ๆ ต้องเป็นเจ้าภาพงานศพบิดาของภรรยา หรือที่เรียกกันติดปากว่าพ่อตานั่นแหละ ผมก็ต้องแต่งเครื่องแบบปกติขาวคาดกระบี่เป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะพ่อตาเป็นอดีตนายทหารสัญญาบัตร ผมยืนถ่ายรูปคู่กับญาติผู้พี่ซึ่งเพิ่งจะเลื่อนเป็นครูตรีเหมือนกัน ถ่ายเสร็จแล้วมองดูกันเองจึงพบว่า ไม่ได้ติดเครื่องหมายที่คอเสื้อทั้งคู่ ของผมก็เป็นเครื่องหมายเหล่ากับสังกัด ของพี่เขาเป็นเสมาธรรมจักรของกระทรวงศึกษาธิการทั้งสองข้าง ภาพยังเป็นพยานอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้
เครื่องแบบปกติที่สวมใส่ไปทำงานทุกวันนี้ จะผิดพลาดกันมากที่สุดก็คือการติดเครื่องหมายเหล่า กับเครื่องหมายสังกัดกลับข้างกัน หรือไม่ก็ติดป้ายชื่อกับแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์กลับข้างกัน โดยเฉพาะทหารชั้นผู้น้อยซึ่งมีแถบแพรเพียงแถวเดียว
ความผิดพลาดที่มากกว่านี้ก็มีเรื่องเครื่องหมายยศ ในระเบียบกำหนดเรื่องอินทรธนูไว้ว่า อินทรธนูแข็งของนายทหารชั้นนายร้อย มีแถบสีทองเป็นขอบเว้นด้านไหล่ นายทหารชั้นนายพัน มีแถบสีทองเป็นขอบเหมือนกันแล้ว ยังมีแถบสีทองสองแถบ พาดกลางตามยาวของอินทรธนูอีกด้วย ก็ปรากฏว่ามีนายร้อยเอกผู้หนึ่ง เตรียมตัวเข้าประดับยศพันตรี แต่งเครื่องแบบปกติขาว แต่ใช้อินทรธนูของนายร้อยซึ่งไม่มีสองแถบตรงกลาง เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเหมือนกัน แล้วก็ไม่ถามเจ้าหน้าที่เสียด้วย พอเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพันตรีและเป็นเพื่อนกันเห็นเข้าจึงทักท้วง แต่ก็แก้ไขไม่ได้แล้ว เพราะเวลากระชั้นชิดและไม่ได้เตรียมอินทรธนูใหม่มา เพื่อนจึงต้องเสียสละ เอาอินทรธนูของตนให้ใช้ไปก่อน
สำหรับนายทหารสัญญาบัตรหนุ่ม ๆ มักจะมีข้อสงสัยอยู่บ่อย ๆ ว่า เครื่องแบบปกติขาวและเครื่องแบบปกติกากีแกมเขียวคอแบะนั้น ติดแถบหรือติดเหรียญ ซึ่งปกติจะติดแถบเท่านั้น เว้นแต่มีกำหนดการว่า ให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องแบบครึ่งยศก็มีผู้สงสัยอยู่เสมอว่า ประดับแถบหรือเหรียญ ซึ่งระเบียบกำหนดว่าเครื่องแบบครึ่งยศ ไม่ต้องใช้สายสะพาย ดังนั้นนายทหารชั้นผู้น้อยที่ยังไม่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย เครื่องแบบครึ่งยศก็เหมือนกับเครื่องแบบเต็มยศนั่นเอง แต่บางนายที่ไม่ได้ติดต่อสอบถามแล้วแต่งเครื่องแบบครึ่งยศ โดยประดับแถบแพรก็มีเหมือนกัน ต้องทักท้วงกันก่อนที่จะขึ้นรถออกไปในงานที่จะต้องเข้าร่วมพิธี
เรื่องการคาดกระบี่ก็มีผู้สงสัยกันมาก ว่าในโอกาสใดที่จะต้องคาดกระบี่ ซึ่งตามระเบียบกำหนดให้คาดกระบี่ เมื่อไปในงานพระราชพิธี หรือรัฐพิธี ตามหมายกำหนดการ หรือเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสต่าง ๆ ที่เป็นทางราชการ
งานพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนของทหาร
เมื่อเป็นตุลาการศาลทหารเวลาพิจารณาคดี ณ ที่ตั้งศาลปกติ
งานฌาปนกิจศพทหารตำรวจ
งานที่มีหมายกำหนดการให้แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ครึ่งยศ หรือ เครื่องแบบปกติประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
สำหรับงานต่าง ๆ ซึ่งมิใช่งานของทางราชการ โดยทางราชการกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ มิได้เป็นผู้จัดงานนั้นขึ้นโดยตรง แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือสมเด็จพระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานหรือไปในงานนั้น นายทหารที่ได้รับเชิญไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในงานดังกล่าว ก็ไม่ต้องคาดกระบี่ เว้นแต่งานที่กระทรวงกลาโหมเห็นสมควรก็จะออกหนังสือเวียนแจ้งเป็นงาน ๆ ไป เช่นในพิธีเปิดงานวันกาชาด ของสภากาชาดไทย เป็นต้น
สำหรับงานพระราชทานเพลิงศพ ซึ่งผู้ตายมิใช่ทหารหรือตำรวจ แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือสมเด็จพระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพ นายทหารที่ได้รับเชิญไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ก็ไม่ต้องคาดกระบี่
เมื่อมีการคาดกระบี่แล้ว ก็ต้องมีถุงมือเป็นของคู่กัน และมีนายทหารหลายคนที่ไม่ได้เก็บกระบี่กับถุงมือไว้คู่กัน พอจะไปงานก็คว้าแต่กระบี่ ต้องขอยืมถุงมือเพื่อนข้างเดียวไปถือไว้แก้เขินก็มีให้เห็นกันบ่อย ๆ
แล้วก็มีผู้สงสัยต่อไปว่า เมื่อคาดกระบี่ทำไมต้องมีถุงมือ เห็นถือไว้เฉย ๆ โดยไม่ได้สวม นอกจากพิธีสวนสนาม ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดตอบได้ เพราะไม่มีคำอธิบายไว้ในระเบียบฉบับใดเลย
เมื่อใช้กระบี่แล้วก็ไม่ได้ถือไว้เฉย ๆ จะต้องห้อยไว้กับสายกระบี่ด้วย สำหรับนายทหารนั้น สายกระบี่ทำด้วยหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีแดง ด้านนอกมีแถบไหมทอง สายกระบี่นี้เกี่ยวอยู่กับปลอกหนังที่ใช้ร้อยเข็มขัด ซึ่งอยู่ภายใต้เสื้อชั้นนอกไม่มีใครเห็น เข็มขัดที่ใช้จึงอาจไม่ใช่เข็มขัดทหารก็ได้ เพราะบางคนเมื่อเลิกจากงานพิธีแล้ว พับเสื้อชั้นนอกสีขาวเก็บเหลือแต่เสื้อเชิร์ตชั้นใน จะได้ไปธุระได้โดยไม่มีเข็มขัดทหารให้ผิดระเบียบ ดังนั้นบางคนก็เลยลืมปลอกเกี่ยวสายกระบี่ มีแต่สายกระบี่อย่างเดียว วิธีแก้ปัญหาก็ง่ายมากคือเอาเชือกฟางผูกสายกระบี่เข้ากับเข็มขัดเลย ห้อยสายกระบี่ให้พ้นชายเสื้อนอกนิดเดียว ก็ไม่มีใครรู้ว่าข้างในเป็นอะไร
การถือกระบี่นั้นยังไงยังไงก็ต้องถือด้วยมือซ้าย เพราะสายกระบี่ห้อยอยู่ทางซ้าย แต่ก็ยังมีให้เห็น ที่ตู้กระจกหน้าร้านถ่ายรูปแห่งหนึ่ง มีการโชว์ภาพนายทหารยศร้อยเอก แต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ ใช้มือซ้ายถือหมวก และเอามือขวาถือกระบี่ ซึ่งไม่ทราบว่าถ้าเป็นการไปเข้าพิธีจริง ๆ จะทำได้อย่างไร
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อผมยังมียศเป็นนายร้อย ในงานถวายผ้าพระกฐินที่วัดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่เป็นประธานในพิธี กำหนดการให้แต่งเครื่องแบบปกติขาว ผู้ร่วมงานก็จะต้องแต่งเครื่องแบบปกติขาว ประดับแถบแพร โดยไม่ต้องคาดกระบี่ เว้นแต่ท่านประธานในพิธีเท่านั้น
ผมไปก่อนเวลามากจึงได้นั่งแถวหลัง ๆ ตามประเพณีของผู้น้อย จนเกือบจะใกล้เวลาที่กำหนด ก็มีนายทหารหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง ยศนายร้อยเหมือนกัน เดินถือกระบี่เทิ่ง ๆ ผ่านหน้าพวกที่นั่งอยู่ในกระโจมรับแขก แล้วก็อ้อมมาหาที่นั่งแถวหลังก็ไม่มีว่าง พอดีมีนายทหารบางคนทักท้วงเรื่องคาดกระบี่เกินกำหนดการ แกก็เลยต้องรีบกลับออกไปนอกปริมณฑล เข้าใจว่าคงจะเอากระบี่ไปเก็บที่รถ แล้วกลับมานั่งเก้าอี้แถวหน้าสุด พวกที่นั่งอยู่ก่อนก็หายใจโล่งอก ที่ประธานยังไม่ทันมาถึง
แต่รออยู่จนเลยเวลาที่กำหนด ประธานก็ยังไม่เข้ามาถึงบริเวณพิธี จนผู้ที่อยู่ในกระโจมชักกระสับกระส่ายเพราะแดดส่องเข้ามาจนร้อน
ขณะนั้นเองก็มีนายทหารหนุ่มแต่งเครื่องแบบปกติขาว คล้องสายยงยศของนายทหารคนสนิท เดินเข้ามาทางกระโจมที่ผมนั่งอยู่ มีเสียงถามเบา ๆ พอได้ยินว่า เมื่อกี้มีนายทหารถือกระบี่เข้ามานั่งตรงไหน ไม่มีผู้ใดตอบแต่ทุกคนก็มองไปทางท่านผู้ผิดพลาดเมื่อกี้ จนท่านทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้น นายทหารคนสนิทจึงเชิญนายทหารผู้นั้น เดินอ้อมมาทางหลังกระโจม พูดด้วยเสียงเบาแต่ผมได้ยินว่า เมื่อกี้คุณถือกระบี่มาด้วยใช่ไหม ผมขอยืมให้ท่านประธานหน่อย ผมลืมเตือนท่านว่าต้องคาดกระบี่
ผมเห็นนายทหารผู้ตกเป็นเป้าหมาย พยักหน้าแล้วพากันเดินหาย ออกไปนอกปริมณฑล สักครู่ใหญ่ท่านประธานก็เดินเข้ามาถึงบริเวณพิธี ท่านแต่งเครื่องแบบปกติขาวคาดกระบี่เรียบร้อย พวกเราลุกขึ้นแสดงความเคารพ เมื่อท่านเดินผ่านเข้าไปในโบสถ์ พิธีถวายผ้าพระกฐินก็ดำเนินไปโดยเรียบร้อยจนจบ ผมก็ไม่ได้เห็นนายทหารทั้งสองนั้นอีกเลย ไม่ทราบว่านายทหารผู้นั้น จะเคราะห์ร้ายหรือเคราะห์ดีกันแน่
แต่ถ้าผมเป็นท่านประธาน ผมต้องเลื่อนบำเหน็จสองชั้นให้กับ นายทหารคนสนิทผู้สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีนั้นอย่างแน่นอน.
###########
นิตยสารทหารสื่อสาร
พฤษภาคม ๒๕๔๔
วันทหารสื่อสาร ครบรอบ ๗๗ ปี
วางในบล็อก
Create Date : 12 ตุลาคม 2552
เรื่องของกระบี่ ๑ มิ.ย.๕๘
เรื่องของกระบี่
“ เพทาย “
เช้าวันหนึ่งเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ผมมีเวลาว่างและยังไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องอะไรให้นิตยสารทหารสื่อสาร ดี ก็มองเห็นถุงใส่เสื้อที่แขวนเป็นแถวอยู่บนราว มีฝุ่นจับเขรอะเพราะไม่ได้หยิบจับมาเป็นเวลานาน จึงหยิบมาถุงหนึ่งปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ภายนอกแล้วก็รูดซิบออกดู ปรากฏ ว่าเป็นเครื่องแบบทหารบกที่เรียกว่า ชุดกากีแกมเขียวคอพับแขนยาว สำหรับใช้ในการไปทำงานตามปกติ ติดเครื่องหมายถูกต้องเรียบร้อย ซึ่งไม่ได้ใช้สวมใส่มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ผมนำเอาออกมาแขวนนอกถุง แล้วก็นั่งมองดูอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ
ส่วนประกอบทุกชิ้นที่ติดอยู่บนเสื้อตัวนั้น ตั้งแต่เครื่องหมายเหล่าที่ปกเสื้อด้านขวา เครื่องหมายสังกัดบนปกเสื้อด้านซ้าย เครื่องหมายยศบนอินทรธนูทั้งสองข้าง ป้ายชื่อเหนือกระเป๋าเสื้อด้านขวา เข็มลงยาพื้นสีม่วงมีฉัตรสีขาวอยู่ตรงกลาง ที่ปากกระเป๋าเสื้อข้างเดียวกัน แถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหนือกระเป๋าเสื้อด้านซ้าย ยังอยู่ครบถ้วน
แล้วผมก็หวนระลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมากว่าสามสิบปี ที่ได้แต่งเครื่องแบบชนิดนี้ ตั้งแต่ยังติดเครื่องหมายยศที่ต้นแขนซ้าย จนเลื่อนขึ้นมาบนบ่า และเต็มอินทรธนูอย่างชุดนี้ ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายที่ผมจะต้องสวมใส่จากท่านอน ด้วยฝีมือของผู้อื่น ในเวลาอีกไม่นานเท่าใดนัก
ในชีวิตทหาร ผมต้องเกี่ยวข้องกับเครื่องแบบมากมายหลายชนิด ทั้งที่ใช้เองและที่แนะนำชี้แจงแก่ผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เพราะเกือบไม่มีใครที่จะจดจำชื่อของเครื่องแบบ และส่วนประกอบของเครื่องแบบนั้น ๆ ได้หมด ตามที่ประกาศในกฎกระทรวง นอกจากเวลาจะสอบเลื่อนจากนายสิบเป็นจ่า หรือจากชั้นประทวนเป็นชั้นสัญญาบัตร เท่านั้น ที่มีคนเอาตำรามาท่องเพื่อเข้าสอบปากเปล่า เมื่อเวลาผ่านไปแล้วก็ลืมหมด
กฎกระทรวงที่ว่านั้น ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พ.ศ.๒๔๗๗ รวมแล้วหลายสิบฉบับ กำหนดเครื่องแบบของพลทหาร นักเรียนนายสิบและนายทหารประทวน นักเรียนนายทหาร นายดาบและนายทหารสัญญาบัตร เฉพาะเครื่องแบบชุดสุดท้ายนี้ก็มีถึงสิบชนิด
เครื่องแบบที่รู้จักกันมากทั้งในหน่วยรบและหน่วยส่วนกลางหรือส่วนการศึกษา ก็คือ เครื่องแบบฝึก เครื่องแบบสนาม เครื่องแบบปกติ เครื่องแบบครึ่งยศ และเครื่องแบบเต็มยศ
ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมอยู่เสมอ
อย่างเครื่องแบบฝึก ก็เปลี่ยนหมวกมาหลายครั้ง เดิมให้ใช้หมวกแก๊ปทรงอ่อน ก็เปลี่ยนจากทรงกลมด้านบนตัดเรียบ เป็นทรงเกาหลี ทรงเวียตนาม ทรงสงครามทะเลทราย ซึ่งลอกแบบมาจากทหารอเมริกัน สุดท้ายเลยใช้หมวกแบเรต์สีน้ำเงินดำของทหารม้า เหมือนกันหมดทุกเหล่า เว้นกองพลทหารราบที่ ๒ เป็นสีพราง และ กองพันทหารราบที่ ๔ มหาดเล็กรักษาพระองค์ ยังคงใช้หมวกแก๊ปทรงอ่อนสีน้ำเงิน เช่นเดิม และในปัจจุบันก็มีหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทเอกชน ได้ใช้หมวกแบเรต์ กับเครื่องแบบของเขา จนคล้ายทหารและตำรวจเข้าไปทุกที
เครื่องแบบปกติก็มี ปกติคอพับแขนสั้นและแขนยาว ปกติคอแบะ ปกติขาว ปกติฤดูร้อนสีตองอ่อน เหมือนทหารของประเทศในทวีปเอเชีย แต่ลงท้ายชุดนี้ก็เลิกไปเพราะไม่เป็นที่นิยม
เครื่องแบบที่ยกมาอ้างนี้ มีส่วนประกอบเครื่องแบบอีกมากมาย สุดที่จะจดจำได้ไหว จนทำให้กฎกระทรวงที่ว่านั้น มีความยาวกว่าเจ็ดสิบหน้า ดังนั้นจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจ เมื่อมีทหารบกแต่งเครื่องแบบไม่ถูกต้องครบถ้วน ให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่ผมซึ่งอยู่กับกองระเบียบเอง
นานมาแล้วเมื่อผมได้เลื่อนเป็นร้อยตรีหมาด ๆ ต้องเป็นเจ้าภาพงานศพบิดาของภรรยา หรือที่เรียกกันติดปากว่าพ่อตานั่นแหละ ผมก็ต้องแต่งเครื่องแบบปกติขาวคาดกระบี่เป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะพ่อตาเป็นอดีตนายทหารสัญญาบัตร ผมยืนถ่ายรูปคู่กับญาติผู้พี่ซึ่งเพิ่งจะเลื่อนเป็นครูตรีเหมือนกัน ถ่ายเสร็จแล้วมองดูกันเองจึงพบว่า ไม่ได้ติดเครื่องหมายที่คอเสื้อทั้งคู่ ของผมก็เป็นเครื่องหมายเหล่ากับสังกัด ของพี่เขาเป็นเสมาธรรมจักรของกระทรวงศึกษาธิการทั้งสองข้าง ภาพยังเป็นพยานอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้
เครื่องแบบปกติที่สวมใส่ไปทำงานทุกวันนี้ จะผิดพลาดกันมากที่สุดก็คือการติดเครื่องหมายเหล่า กับเครื่องหมายสังกัดกลับข้างกัน หรือไม่ก็ติดป้ายชื่อกับแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์กลับข้างกัน โดยเฉพาะทหารชั้นผู้น้อยซึ่งมีแถบแพรเพียงแถวเดียว
ความผิดพลาดที่มากกว่านี้ก็มีเรื่องเครื่องหมายยศ ในระเบียบกำหนดเรื่องอินทรธนูไว้ว่า อินทรธนูแข็งของนายทหารชั้นนายร้อย มีแถบสีทองเป็นขอบเว้นด้านไหล่ นายทหารชั้นนายพัน มีแถบสีทองเป็นขอบเหมือนกันแล้ว ยังมีแถบสีทองสองแถบ พาดกลางตามยาวของอินทรธนูอีกด้วย ก็ปรากฏว่ามีนายร้อยเอกผู้หนึ่ง เตรียมตัวเข้าประดับยศพันตรี แต่งเครื่องแบบปกติขาว แต่ใช้อินทรธนูของนายร้อยซึ่งไม่มีสองแถบตรงกลาง เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเหมือนกัน แล้วก็ไม่ถามเจ้าหน้าที่เสียด้วย พอเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพันตรีและเป็นเพื่อนกันเห็นเข้าจึงทักท้วง แต่ก็แก้ไขไม่ได้แล้ว เพราะเวลากระชั้นชิดและไม่ได้เตรียมอินทรธนูใหม่มา เพื่อนจึงต้องเสียสละ เอาอินทรธนูของตนให้ใช้ไปก่อน
สำหรับนายทหารสัญญาบัตรหนุ่ม ๆ มักจะมีข้อสงสัยอยู่บ่อย ๆ ว่า เครื่องแบบปกติขาวและเครื่องแบบปกติกากีแกมเขียวคอแบะนั้น ติดแถบหรือติดเหรียญ ซึ่งปกติจะติดแถบเท่านั้น เว้นแต่มีกำหนดการว่า ให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องแบบครึ่งยศก็มีผู้สงสัยอยู่เสมอว่า ประดับแถบหรือเหรียญ ซึ่งระเบียบกำหนดว่าเครื่องแบบครึ่งยศ ไม่ต้องใช้สายสะพาย ดังนั้นนายทหารชั้นผู้น้อยที่ยังไม่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย เครื่องแบบครึ่งยศก็เหมือนกับเครื่องแบบเต็มยศนั่นเอง แต่บางนายที่ไม่ได้ติดต่อสอบถามแล้วแต่งเครื่องแบบครึ่งยศ โดยประดับแถบแพรก็มีเหมือนกัน ต้องทักท้วงกันก่อนที่จะขึ้นรถออกไปในงานที่จะต้องเข้าร่วมพิธี
เรื่องการคาดกระบี่ก็มีผู้สงสัยกันมาก ว่าในโอกาสใดที่จะต้องคาดกระบี่ ซึ่งตามระเบียบกำหนดให้คาดกระบี่ เมื่อไปในงานพระราชพิธี หรือรัฐพิธี ตามหมายกำหนดการ หรือเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสต่าง ๆ ที่เป็นทางราชการ
งานพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนของทหาร
เมื่อเป็นตุลาการศาลทหารเวลาพิจารณาคดี ณ ที่ตั้งศาลปกติ
งานฌาปนกิจศพทหารตำรวจ
งานที่มีหมายกำหนดการให้แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ครึ่งยศ หรือ เครื่องแบบปกติประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
สำหรับงานต่าง ๆ ซึ่งมิใช่งานของทางราชการ โดยทางราชการกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ มิได้เป็นผู้จัดงานนั้นขึ้นโดยตรง แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือสมเด็จพระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานหรือไปในงานนั้น นายทหารที่ได้รับเชิญไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในงานดังกล่าว ก็ไม่ต้องคาดกระบี่ เว้นแต่งานที่กระทรวงกลาโหมเห็นสมควรก็จะออกหนังสือเวียนแจ้งเป็นงาน ๆ ไป เช่นในพิธีเปิดงานวันกาชาด ของสภากาชาดไทย เป็นต้น
สำหรับงานพระราชทานเพลิงศพ ซึ่งผู้ตายมิใช่ทหารหรือตำรวจ แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือสมเด็จพระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพ นายทหารที่ได้รับเชิญไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ก็ไม่ต้องคาดกระบี่
เมื่อมีการคาดกระบี่แล้ว ก็ต้องมีถุงมือเป็นของคู่กัน และมีนายทหารหลายคนที่ไม่ได้เก็บกระบี่กับถุงมือไว้คู่กัน พอจะไปงานก็คว้าแต่กระบี่ ต้องขอยืมถุงมือเพื่อนข้างเดียวไปถือไว้แก้เขินก็มีให้เห็นกันบ่อย ๆ
แล้วก็มีผู้สงสัยต่อไปว่า เมื่อคาดกระบี่ทำไมต้องมีถุงมือ เห็นถือไว้เฉย ๆ โดยไม่ได้สวม นอกจากพิธีสวนสนาม ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดตอบได้ เพราะไม่มีคำอธิบายไว้ในระเบียบฉบับใดเลย
เมื่อใช้กระบี่แล้วก็ไม่ได้ถือไว้เฉย ๆ จะต้องห้อยไว้กับสายกระบี่ด้วย สำหรับนายทหารนั้น สายกระบี่ทำด้วยหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีแดง ด้านนอกมีแถบไหมทอง สายกระบี่นี้เกี่ยวอยู่กับปลอกหนังที่ใช้ร้อยเข็มขัด ซึ่งอยู่ภายใต้เสื้อชั้นนอกไม่มีใครเห็น เข็มขัดที่ใช้จึงอาจไม่ใช่เข็มขัดทหารก็ได้ เพราะบางคนเมื่อเลิกจากงานพิธีแล้ว พับเสื้อชั้นนอกสีขาวเก็บเหลือแต่เสื้อเชิร์ตชั้นใน จะได้ไปธุระได้โดยไม่มีเข็มขัดทหารให้ผิดระเบียบ ดังนั้นบางคนก็เลยลืมปลอกเกี่ยวสายกระบี่ มีแต่สายกระบี่อย่างเดียว วิธีแก้ปัญหาก็ง่ายมากคือเอาเชือกฟางผูกสายกระบี่เข้ากับเข็มขัดเลย ห้อยสายกระบี่ให้พ้นชายเสื้อนอกนิดเดียว ก็ไม่มีใครรู้ว่าข้างในเป็นอะไร
การถือกระบี่นั้นยังไงยังไงก็ต้องถือด้วยมือซ้าย เพราะสายกระบี่ห้อยอยู่ทางซ้าย แต่ก็ยังมีให้เห็น ที่ตู้กระจกหน้าร้านถ่ายรูปแห่งหนึ่ง มีการโชว์ภาพนายทหารยศร้อยเอก แต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ ใช้มือซ้ายถือหมวก และเอามือขวาถือกระบี่ ซึ่งไม่ทราบว่าถ้าเป็นการไปเข้าพิธีจริง ๆ จะทำได้อย่างไร
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อผมยังมียศเป็นนายร้อย ในงานถวายผ้าพระกฐินที่วัดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่เป็นประธานในพิธี กำหนดการให้แต่งเครื่องแบบปกติขาว ผู้ร่วมงานก็จะต้องแต่งเครื่องแบบปกติขาว ประดับแถบแพร โดยไม่ต้องคาดกระบี่ เว้นแต่ท่านประธานในพิธีเท่านั้น
ผมไปก่อนเวลามากจึงได้นั่งแถวหลัง ๆ ตามประเพณีของผู้น้อย จนเกือบจะใกล้เวลาที่กำหนด ก็มีนายทหารหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง ยศนายร้อยเหมือนกัน เดินถือกระบี่เทิ่ง ๆ ผ่านหน้าพวกที่นั่งอยู่ในกระโจมรับแขก แล้วก็อ้อมมาหาที่นั่งแถวหลังก็ไม่มีว่าง พอดีมีนายทหารบางคนทักท้วงเรื่องคาดกระบี่เกินกำหนดการ แกก็เลยต้องรีบกลับออกไปนอกปริมณฑล เข้าใจว่าคงจะเอากระบี่ไปเก็บที่รถ แล้วกลับมานั่งเก้าอี้แถวหน้าสุด พวกที่นั่งอยู่ก่อนก็หายใจโล่งอก ที่ประธานยังไม่ทันมาถึง
แต่รออยู่จนเลยเวลาที่กำหนด ประธานก็ยังไม่เข้ามาถึงบริเวณพิธี จนผู้ที่อยู่ในกระโจมชักกระสับกระส่ายเพราะแดดส่องเข้ามาจนร้อน
ขณะนั้นเองก็มีนายทหารหนุ่มแต่งเครื่องแบบปกติขาว คล้องสายยงยศของนายทหารคนสนิท เดินเข้ามาทางกระโจมที่ผมนั่งอยู่ มีเสียงถามเบา ๆ พอได้ยินว่า เมื่อกี้มีนายทหารถือกระบี่เข้ามานั่งตรงไหน ไม่มีผู้ใดตอบแต่ทุกคนก็มองไปทางท่านผู้ผิดพลาดเมื่อกี้ จนท่านทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้น นายทหารคนสนิทจึงเชิญนายทหารผู้นั้น เดินอ้อมมาทางหลังกระโจม พูดด้วยเสียงเบาแต่ผมได้ยินว่า เมื่อกี้คุณถือกระบี่มาด้วยใช่ไหม ผมขอยืมให้ท่านประธานหน่อย ผมลืมเตือนท่านว่าต้องคาดกระบี่
ผมเห็นนายทหารผู้ตกเป็นเป้าหมาย พยักหน้าแล้วพากันเดินหาย ออกไปนอกปริมณฑล สักครู่ใหญ่ท่านประธานก็เดินเข้ามาถึงบริเวณพิธี ท่านแต่งเครื่องแบบปกติขาวคาดกระบี่เรียบร้อย พวกเราลุกขึ้นแสดงความเคารพ เมื่อท่านเดินผ่านเข้าไปในโบสถ์ พิธีถวายผ้าพระกฐินก็ดำเนินไปโดยเรียบร้อยจนจบ ผมก็ไม่ได้เห็นนายทหารทั้งสองนั้นอีกเลย ไม่ทราบว่านายทหารผู้นั้น จะเคราะห์ร้ายหรือเคราะห์ดีกันแน่
แต่ถ้าผมเป็นท่านประธาน ผมต้องเลื่อนบำเหน็จสองชั้นให้กับ นายทหารคนสนิทผู้สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีนั้นอย่างแน่นอน.
###########
นิตยสารทหารสื่อสาร
พฤษภาคม ๒๕๔๔
วันทหารสื่อสาร ครบรอบ ๗๗ ปี
วางในบล็อก
Create Date : 12 ตุลาคม 2552