ก่อนเกมส์ NBA Final กับ Cleveland Cavaliers !!

ก่อนเกมส์ไฟนอลกับคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ !! เส้นทางของแคฟนั้นตั้งแต่รอบแรก รอบสอง จนกระทั้งรอบชิงสายนั้นจะว่าไปไม่ได้เจอกับอุปสรรคที่ตันสักเท่าไร จะมีเพียงก็แต่ชิคาโก้ บูลส์เท่านั้นที่ทำให้สะดุดได้ แต่ก็สามารถผ่านมาได้เพราะเจมส์และเหล่าเพื่อนๆที่งัดไม้เด็ดออกมา การเล่นในรอบเพลย์ออฟของแคฟนั้นถือว่าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อัตราการเสียเทิร์นโอเวอร์ลดลงเสียเฉลี่ยเพียงแค่ 12 ครั้งต่อเกมส์เท่านั้น และการบล๊อคนั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
ในการเข้าชิงแชมป์ครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสรล่าสุดเมื่อปี 2007 แต่ก็พ่ายเรียบ



แม้ว่าจะมีการกล่าวขานถึงตำนานที่เรียกว่า “คำสาปของคลีฟแลนด์” แนวๆว่ากีฬาของเมืองคลีฟแลนด์ไม่ประสบความสำเร็จในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น เรื่องตั้งแต่คลีฟแลนด์ บราวน์ (NFL) คลีฟแลนด์ อินเดี่ยน (MLB) จนคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ (NBA) การฟลัมเบิ้ล / เดอะช๊อต / เดอะซีรี่ย์ลอส / เดอะสวีพ สารพัดต่างๆ จนทำให้กลายเป็นว่าเมืองนี้เป็นเหมือนเมืองต้องสาปที่จะไม่ได้แชมป์ แต่วันนี้แคฟเข้าชิง และมีเหตุผลที่จะสามารถชนะซีรีย์ไฟนอลได้ต่างๆดังนี้



1. เลบรอน เจมส์ -- การเข้าชิง 5 ครั้งติดไม่ใช่เรื่องง่าย เจมส์คือปัจจัยที่มีส่วนมากที่สุดที่จะทำให้แคฟเป็นแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าตอนนี้เจมส์คือเบอร์ 1 ของลีคอย่างไม่ต้องสงสัย สถิติของเค้านั้นใกล้เคียงกับคำว่ามหัศจรรย์มาก โดยเฉพาะในรอบเพลย์ออฟ 27.6 แต้ม 10.4 รีบาวน์ 8.3 แอสซิสต์ นำสถิติทีมในทุกๆด้าน (เว้นบล๊อค) จะเรียกว่ามหัศจรรย์ก็ว่าได้ ดังนั้นถ้าวันไหนเจมส์ฮอตก็ตามต่อให้ตัวดีเฟนส์ที่ดีที่สุดของวอริเออร์อย่างกรีนมาป้องกันก็ใช่ว่าจะเอาเค้าอยู่ ดังนั้นอาจจะต้องกล่าวเหมือนที่โค้ชหลายๆคนกล่าว “ต้องรอให้เค้าพลาดเอง” แม้ว่าในรอบเพลย์ออฟ % สามแต้มของเจมส์จะหล่นเหลือเพียง 17% ก็ตาม แต่อย่างไรเจมส์ก็คือเจมส์วันยังค่ำ เจมส์บอกกับสื่อสั้นๆในก่อนเกมส์จะเริ่มว่า “มันเป็นมากกว่าคำว่าแหวนแชมป์ ตอนผมกลับมาผมไม่รับปากว่าจะได้แหวน แต่ตอนนี้ผมต้องทำมันให้ได้ เพื่อทุกคนที่นี่”




2. เจอาร์ สมิธ และบรรดาแถวสอง-- แม้ว่าการเล่นของเจอาร์หลายคนจะบอกว่าสามวันดีสี่วันไข้ แต่คนที่ดีใจมากที่สุดคนนึงที่ได้เข้าชิงคือเจอาร์ การเล่นของเค้าป่วนแนวรับคู่ต่อสู้ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นไดร์ฟใน ชู๊ตนอก เหล่านี้คือสิ่งที่เจอาร์ถนัด และการเล่นของเค้านั้นยากที่จะคาดเดา แต่สิ่งที่แน่นอนคือ เกจินักวิจารณ์หลายต่อหลายคนรวมถึงประธานาธิบดีบารัค โอบาม่านั้นบอกว่า “เค้าเล่นดีกว่าตอนที่อยู่นิกส์เยอะ เค้ามีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมมาก”



3. การดีเฟนส์ -- สิ่งหนึ่งที่คนอาจมองข้ามไปคือการดีเฟนส์ของแคฟ ค่าเฉลี่ยการเสียเทิร์นโอเวอร์ลดลง การบล๊อคที่มากขึ้น รวมถึงปัจจัยสำคัญตัวป้องกันวงในไม่ว่าจะเป็นมอสคอฟ และทริสตัน ทอมป์สัน อาจจะไม่หวือหวา เพราะบทบาทที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นตัวดีเฟนส์ไม่ให้คู่ต่อสู้เจาะ และเป็นตัวเก็บแถวสอง มองเผินๆสองคนนี้อาจไม่มีบทบาทมาก แต่เกมส์รับของแคฟนั้นเริ่มจากสองคนนี้เลย โดยเฉพาะมอสคอฟนั้นถือว่าเป็นของขวัญชิ้นเลิศที่ได้มาเลย ทำให้เจมส์ไม่ต้องพะวงในวงใน สามารถรุกได้อย่างสบายใจ



4. สมอลบอล -- หลายต่อหลายครั้งที่โค้ชเดวิด แบลทนั้นเลือกที่จะใช้ตัวในสนามเป็นชุดสมอลบอล มีตัวใหญ่เพียงคืนเดียวคือทริสตัน ทอมป์สัน และที่เหลือเป็นตัวเล็กหมด แต่นั้นมันทำให้ประสิทธิภาพเกมส์รุกของแคฟนั้นเร็วและจบฟาสต์เบรคได้ การเล่นฟาสต์เบรคของแคฟนั้นน่ากลัวมากเจมส์ถือบอล ซ้ายสมิธ ขวาเออร์วิ่ง ทอมป์สันตามซ้ำ ขึนเร็ว-ลงเร็วเป็นสิ่งที่โค้ชเดวิดนั้นสร้างให้กับลูกทีมในเพลย์ออฟ ซึ่งได้ผลในรอบที่ผ่านๆมา



ปัจจัย X = แมทธิว เดลาวีโดว่า คงไม่ต้องเอ่ยว่าแมทธิวสามารถเป็นตัวที่ทำตามสิ่งที่เดวิด แบลตต้องการได้อย่างมากเดวิดต้องการให้แมทธิวนั้นเน้นเกมส์รับ เจาะคู่ต่อสู้ไม่ให้เข้าหาห่วงได้ง่าย ซึ่งหนุ่มออสซี่คนนี้ก็ทำตามสิ่งที่โค้ชบอกได้เป็นอย่างดี รับบทบาทเดอร์ตี้จ๊อบได้อย่างสบายๆ แถมยังมีอาวุธ 3 คะแนนจากวงนอกอีก ในรอบที่ผ่านมาไม่ว่าแมทธิวนั้นจะเจตนาหรือไม่ในการที่ทำให้ทาจ กิ๊บสัน / ไค คอเวอร์ หรือถึงฮอล์ฟอร์ดนั้นตกที่นั่งลำบากก็ตามที แต่เดลาวีโดว่านั้นคือคนที่มองข้ามไม่ได้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นนักบาสพรสวรรค์ แต่เจ้าตัวเคยบอกว่า “ผมคือคนที่ใช้พรแสวง”



และถ้าเหล่านี้ที่ผ่านมาสามารถทำได้ แน่นอนว่าการคว้าแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และการลบล้างคำสาปเมืองคลีฟแลนด์ก็สามารถเป็นไปได้เหมือนกัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่