สำหรับกระทู้นี้ ต้องขอเตือนว่า อย่าคิดมากกับเนื้อหานะครับ ไม่มีอะไรครับ แค่เอาตัวอย่าง การนำเสียงจาก Google Translate มาลองปรับใช้ ลองดูนะครับ
คำอธิบาย
ปัจจุบันการอ่านออกเสียงใน Google Translate ภาษาไทยดีขึ้นมาก และสำหรับน้องนักเรียน นักศึกษา ที่จนมุมกับการ พากษ์เสียงประกอบวิดีโอเพื่อส่งอาจารย์ ด้วยความที่บางคน รับเสียงตัวเองไม่ค่อยได้ พากษ์แล้วไม่เจริญหู แนะนำให้ลองใช้ เสียงจาก Google Translate แก้ขัด ยามตกยากครับ และวิดีโอข้างต้นคือตัวอย่าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มันใช้ได้จริง ถึงแม้จะไม่เนียนมาก แต่ดีกว่าเสียงนกกระจอกเทศอย่างเรา ๆ แน่นอน
ข้อดี
- ไม่ต้องกังวลกับน้ำเสียงของเรา ว่าผู้ฟังจะรับได้หรือไม่
- การอ่านออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ แม้บางคำจะรัวเร็วเกินไปบ้าง
- ใช้แก้ขัดในยามยากได้ดี (อิอิ) เป็นเคสศึกษาได้ เอาไว้หัดทำวิดีโอประกอบเสียงต่าง ๆ
ข้อเสีย
- อาจผิดกฏหมาย เนื้อหาของ Google Translate (เสียงพากษ์) มีลิขสิทธิ์
- ต้องเสียเวลาปรับ Stretch and Pitch ให้เสียงสั้นและเร็วขึ้น
วิธีทำเบื้องต้น
1. เตรียม Web browser ยี่ห้อ FireFox เอาไว้ และทำการลง Add-ons ชื่อ "Video DownloadHelper" เตรียมไว้ (วิธีลงไม่ยาก > ไปที่ปุ่ม Setting ขวาบน [เป็นขีดสามขีด] มองหาและคลิกที่ Add-ons พิมพ์หาด้วยคำว่า Video DownloadHelper เจอแล้วก็กดปุ่ม Install ได้เลย) Install เสร็จแล้วให้ปิด FireFox แล้วเปิดใหม่
2. เตรียมโปรแกรมตัดแต่งเสียงชื่อ Adobe Audition เอาไว้
3. เปิด
https://translate.google.co.th ขึ้นมาด้วย FireFox
4. พิมพ์ประโยคลงไปในกล่องข้อความ สำหรับการแปล แนะนำให้แปลทีละประโยค (หากยาวเกิน Google จะทำการ Split ไฟล์เสียงเป็นหลายไฟล์ ซึ่งยุ่งยากมากมาย ทำอะไรง่าย ๆ ไว้ดีกว่า)
5. กดไอคอนรูปลำโพงบริเวณด้านล่างกล่องข้อความสำหรับแปล ฟังเสียงอ่านนั้นจนจบประโยค หากโอเคและชอบใจ ให้ไปที่มุมขวาบนตรงไอคอน Add-on ที่เรา Install ไว้ตอนแรก (Video DownloadHelper) สังเกตได้จากไอคอนของ Add-on นี้จะหมุนเมื่อมีบางสิ่งโหลดเข้ามาในหน้าเว็บ และกรณีนี้คือ มีการโหลดไฟล์เสียงอ่านเข้ามานั่นเอง เมื่อเรากดรูปลำโพง ไอคอนนี้จะหมุนทันที นั่นหมายถึงว่า เราสามารถไปจิ้มที่ไอคอนแล้วเลือกโหลดไฟล์เสียงได้เลย โดยไฟล์เสียงจะเป็นไฟล์นามสกุล .mpeg ก็จัดการ Save ไว้พร้อมตั้งชื่อไฟล์เป็นชื่อประโยคที่เราทำการแปลเลย เช่น หากเราแปลประโยค "สวัสดีครับ" ให้ตั้งชื่อไปเลยว่า "สวัสดีครับ.mpeg" เพียงเท่านี้เราก็จะได้ไฟล์เสียงมาเพื่อดำเนินการขั้นต่อไป
6. เปิดไฟล์เสียงเหล่านั้นด้วยโปรแกรม Adobe Audition และคลิกเลือกทีละไฟล์เพื่อแก้ไขเสียง เมื่อเลือกไฟล์เพื่อแก้ไขแล้ว ให้ทำแถบดำครอบคลื่นเสียงทั้งไฟล์ จากนั้นนำเม้าไปชี้ที่เมนูด้านบนตรงคำว่า "Effects" จากนั้น เลือก "Time and Pitch" และเลือก "Stretch and Pitch (process) ..."
7. สังเกตด้านล่างจะพบแถบตั้งค่า Stretch: และ Pitch Shift: ให้ปรับเป็น 80% และ 0 ตามลำดับ คลิกปุ่ม Apply
8. ทำการบันทึกไฟล์เสียงที่แก้ไข และนำไปใช้ประกอบวิดีโอได้เลย
[ลองของ] กรณีตัวอย่าง การนำเสียง Google Translate มาประกอบวิดีโอ (กระทู้มืด)
คำอธิบาย
ปัจจุบันการอ่านออกเสียงใน Google Translate ภาษาไทยดีขึ้นมาก และสำหรับน้องนักเรียน นักศึกษา ที่จนมุมกับการ พากษ์เสียงประกอบวิดีโอเพื่อส่งอาจารย์ ด้วยความที่บางคน รับเสียงตัวเองไม่ค่อยได้ พากษ์แล้วไม่เจริญหู แนะนำให้ลองใช้ เสียงจาก Google Translate แก้ขัด ยามตกยากครับ และวิดีโอข้างต้นคือตัวอย่าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มันใช้ได้จริง ถึงแม้จะไม่เนียนมาก แต่ดีกว่าเสียงนกกระจอกเทศอย่างเรา ๆ แน่นอน
ข้อดี
- ไม่ต้องกังวลกับน้ำเสียงของเรา ว่าผู้ฟังจะรับได้หรือไม่
- การอ่านออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ แม้บางคำจะรัวเร็วเกินไปบ้าง
- ใช้แก้ขัดในยามยากได้ดี (อิอิ) เป็นเคสศึกษาได้ เอาไว้หัดทำวิดีโอประกอบเสียงต่าง ๆ
ข้อเสีย
- อาจผิดกฏหมาย เนื้อหาของ Google Translate (เสียงพากษ์) มีลิขสิทธิ์
- ต้องเสียเวลาปรับ Stretch and Pitch ให้เสียงสั้นและเร็วขึ้น
วิธีทำเบื้องต้น
1. เตรียม Web browser ยี่ห้อ FireFox เอาไว้ และทำการลง Add-ons ชื่อ "Video DownloadHelper" เตรียมไว้ (วิธีลงไม่ยาก > ไปที่ปุ่ม Setting ขวาบน [เป็นขีดสามขีด] มองหาและคลิกที่ Add-ons พิมพ์หาด้วยคำว่า Video DownloadHelper เจอแล้วก็กดปุ่ม Install ได้เลย) Install เสร็จแล้วให้ปิด FireFox แล้วเปิดใหม่
2. เตรียมโปรแกรมตัดแต่งเสียงชื่อ Adobe Audition เอาไว้
3. เปิด https://translate.google.co.th ขึ้นมาด้วย FireFox
4. พิมพ์ประโยคลงไปในกล่องข้อความ สำหรับการแปล แนะนำให้แปลทีละประโยค (หากยาวเกิน Google จะทำการ Split ไฟล์เสียงเป็นหลายไฟล์ ซึ่งยุ่งยากมากมาย ทำอะไรง่าย ๆ ไว้ดีกว่า)
5. กดไอคอนรูปลำโพงบริเวณด้านล่างกล่องข้อความสำหรับแปล ฟังเสียงอ่านนั้นจนจบประโยค หากโอเคและชอบใจ ให้ไปที่มุมขวาบนตรงไอคอน Add-on ที่เรา Install ไว้ตอนแรก (Video DownloadHelper) สังเกตได้จากไอคอนของ Add-on นี้จะหมุนเมื่อมีบางสิ่งโหลดเข้ามาในหน้าเว็บ และกรณีนี้คือ มีการโหลดไฟล์เสียงอ่านเข้ามานั่นเอง เมื่อเรากดรูปลำโพง ไอคอนนี้จะหมุนทันที นั่นหมายถึงว่า เราสามารถไปจิ้มที่ไอคอนแล้วเลือกโหลดไฟล์เสียงได้เลย โดยไฟล์เสียงจะเป็นไฟล์นามสกุล .mpeg ก็จัดการ Save ไว้พร้อมตั้งชื่อไฟล์เป็นชื่อประโยคที่เราทำการแปลเลย เช่น หากเราแปลประโยค "สวัสดีครับ" ให้ตั้งชื่อไปเลยว่า "สวัสดีครับ.mpeg" เพียงเท่านี้เราก็จะได้ไฟล์เสียงมาเพื่อดำเนินการขั้นต่อไป
6. เปิดไฟล์เสียงเหล่านั้นด้วยโปรแกรม Adobe Audition และคลิกเลือกทีละไฟล์เพื่อแก้ไขเสียง เมื่อเลือกไฟล์เพื่อแก้ไขแล้ว ให้ทำแถบดำครอบคลื่นเสียงทั้งไฟล์ จากนั้นนำเม้าไปชี้ที่เมนูด้านบนตรงคำว่า "Effects" จากนั้น เลือก "Time and Pitch" และเลือก "Stretch and Pitch (process) ..."
7. สังเกตด้านล่างจะพบแถบตั้งค่า Stretch: และ Pitch Shift: ให้ปรับเป็น 80% และ 0 ตามลำดับ คลิกปุ่ม Apply
8. ทำการบันทึกไฟล์เสียงที่แก้ไข และนำไปใช้ประกอบวิดีโอได้เลย