คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
อยู่ชั้นไหนครับเนี่ย ม.ไหนเหรอ ผมว่าค่อนข้างยากนะ ให้เขียนในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้นี่ แล้วเป็นเรื่องรูปธรรมทีเดียว เหมือนข้อสอบที่อ่านแล้วยังไม่รู้ว่าถามอะไรเลย แล้วชั้นจะตอบยังไงล่ะเนี่ย ..ว่าแล้วก็ต้องใช้วิชาทางน้ำ ..ดำน้ำ ปั้นน้ำเป็นตัว เข้าสู้ ได้คะแนนความพยายามนิดนึงก็ยังดี
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดที่จะอธิบายในสิ่งที่ไม่รู้ออกมาได้ คือ เราต้องแสวงหาความรู้จริง แล้วเราได้เข้าใจจริง ในสิ่งนั้นๆ ครับ ทางพระเรียกว่า สิกขา.. ศึกษา
ลองนึกตามที่ผมจะถามต่อไปนี้น้า...
1. หนูกำลังจะดูละคร ..คุณแย้ม ตอนจบ แล้วพ่อกับแม่ที่นั่งดูTV ด้วยกันอยู่ เกิดคุยกันไปคุยกันมา แล้วทะเลาะกันเสียงดัง จนพ่อลุกขึ้นมาปิดTV
บอกว่าไม่ต้องดูมันละ ... ใจหนูเป็นสุขสงบสันติ มั๊ยครับ ?
2. หนูต้องจับสลากเข้าเรียนต่อโดยใช้สิทธิ์บ้านอยู่ใกล้เคียงสถานศึกษา พ่อกับแม่พาหนูตะลอนๆไปบนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่นั่น ที่นี่ ขอให้หนูจับสลากได้
เถอะ ..เจ้าประคุ้น ... กระทั่งวันจับสลากจริงมาถึง ...หนูจับได้ใบแดง เอ๊ย จับสลากได้ ...เย้ !! ..ใจหนูเป็นสุขสงบสันติ มั๊ยครับ ?
3. เพื่อนมาตั้ง fanpage ว่ากล่าวให้ร้ายหนู หลายเรื่องที่ post เป็นเรื่องไม่จริงทั้งหมด จริงครึ่งนึงมั่ง แต่งมั่ง เติมเองมั่ง เข้าใจไปเองมั่ง ..ใจหนู
เป็นสุขสงบสันติ มั๊ยครับ ?
3 ตัวอย่างนะ ผมแน่ใจว่าหนูตอบว่าใจหนูไม่สงบล่ะ เพราะเกิดเรื่องมากระทบกับหนู ทำให้หนูเสียใจ ไม่ชอบใจ หรือ แม้กระทั่งดีใจ ก็ด้วย ..ใจเลยอยู่เฉยๆ สงบๆ ไม่ได้
ดังนั้น ใจเราจะสงบได้ก็ต่อเมื่อไม่มีทั้งเรื่องร้ายๆ และ เรื่องดีๆ เกิดขึ้น >> กับเรา หรือ กับคนที่เรารัก ใช่มั๊ยครับ ?
แต่เราเองจะไปห้ามคนอื่นไม่ให้ทำเรื่องที่จะส่งผลร้าย หรือ ส่งผลดี กับเราได้ไหมครับ ? ...ไม่ได้ใช่มะ หรือ ได้ก็ไม่ทั้งหมด
แล้วถ้าใจเราลุกรนไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น คือ เราไปรับอารมณ์นั้น >> ก็จะพลอยทำให้เราทำอะไรๆไปตามอารมณ์ ไม่มีสติปัญญายั้งคิดให้ดีก่อนจะทำ ..อย่างนั้นรึปล่าวครับ ?
ฉะนั้น เราเลยต้องฝึกให้ใจสงบ มีสันติอยู่ในใจเสมอ เพื่อที่จะไม่หุนหันพลันแล่นทำอะไรไปตามอารมณ์ เพราะจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ฝึกใจโดยไม่ให้ใจแล่นออกไป และไปมีอารมณ์ผสมร่วมกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยพยายามมองให้เห็นเรื่องที่เกิด คนที่เกี่ยว ..ตามจริง ว่าเพราะเหตุอะไรเรื่องเหล่านี้จึงเกิด ถ้าเราจะจัดการเรื่องที่เกิด คนที่เกี่ยวนี้ ก็ต้องไปจัดการที่สาเหตุเกิดนั้น ..ซึ่งก็คือใช้ปัญญา พิจารณาให้เห็นตลอดสายของเรื่องจริงๆ เพื่อเข้าจัดการต่อไปเท่าที่ทำได้
ต้องหัดความคิดให้คิดถูกทางกับคิดบวก และให้ใจอยู่กับตัวเราเอง..ไม่ถูกอะไรๆ "จูงใจ" ออกไป ครับ ...ลองมองดูรอบๆตัว ก็จะเห็นว่า ถึงจะเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีเลยที่จะมีใครเหมือนใครเด้ะๆ ความรู้สติปัญญาไม่เหมือนกัน โอกาสไม่เหมือนกัน นิสัยใจคอไม่เหมือนกัน ฯ..แต่ละคนจึงคิดอะไร และ ทำอะไร ได้ เท่าที่ความคิดความสามารถตัวเองจะทำได้และไปถึง ..อะไรที่เขาทำแล้วเกิดพลั้งพลาดมากระทบเราเข้า อภัยได้ก็อภัยให้เขาไป ไม่ต้องแก้แค้นคิดเอาคืน เพราะนั่นจะทำให้ใจเราไม่มีวันเป็นสุข ไปผูกใจไว้กับคนอื่นและกับเรื่องที่พ้นผ่านไปแล้ว ถ้าใครเขาว่าอะไรเรา แล้วมันจริง ก็คือ เราได้คำชี้แนะจาก commentator ..จากกระจกที่เที่ยงตรงที่ส่องดูตัวเรา เราก็รับเอามาปรับปรุงตัว แต่ถ้าใครเขาว่าอะไรเรา แล้วมันไม่จริง คนพูดก็เป็นผู้อยู่กับสิ่งหลอกลวงเอง วันๆก็อยู่แต่กับของปลอมๆ เมคๆ ที่เจ้าตัวสร้างขึ้น หรือรับเอามาสะสม แล้วก็เป็นเรื่องของคนอื่นทั้งนั้น ...อย่างนี้ตัวเขาเองจะได้สันติสุขในจิตใจ และ ความก้าวหน้าของตัวเองมาจากไหน ?
จะสร้างสันติสุขในจิตใจ ก็ต้องให้ใจอยู่กับตัวเราเองเสมอ และหากมีเหตุเกิดขึ้น ก็ใช้สติปัญญาไปพิจารณาเหตุการณ์เรื่องราวตามจริง ไม่ใช้อารมณ์ ไม่เก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องมาใส่ไว้ในใจ พร้อมกับมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเสมอ จนที่สุดก็ต้องให้อภัยและปล่อยวาง ..ช่างมัน เมื่อเราทำอะไรๆหลังจากใช้สติปัญญาคิดดีแล้วเต็มที่แล้ว ทุกอย่างก็ดีที่สุดแล้วครับ รักษาใจให้อยู่กับตัวและให้สงบให้ดีต่อไป ไม่เอาอะไรๆมานึกคิดให้ฟุ้งให้กังวลอีก ...ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จได้ .. ด้วยใจ ครับ
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดที่จะอธิบายในสิ่งที่ไม่รู้ออกมาได้ คือ เราต้องแสวงหาความรู้จริง แล้วเราได้เข้าใจจริง ในสิ่งนั้นๆ ครับ ทางพระเรียกว่า สิกขา.. ศึกษา
ลองนึกตามที่ผมจะถามต่อไปนี้น้า...
1. หนูกำลังจะดูละคร ..คุณแย้ม ตอนจบ แล้วพ่อกับแม่ที่นั่งดูTV ด้วยกันอยู่ เกิดคุยกันไปคุยกันมา แล้วทะเลาะกันเสียงดัง จนพ่อลุกขึ้นมาปิดTV
บอกว่าไม่ต้องดูมันละ ... ใจหนูเป็นสุขสงบสันติ มั๊ยครับ ?
2. หนูต้องจับสลากเข้าเรียนต่อโดยใช้สิทธิ์บ้านอยู่ใกล้เคียงสถานศึกษา พ่อกับแม่พาหนูตะลอนๆไปบนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่นั่น ที่นี่ ขอให้หนูจับสลากได้
เถอะ ..เจ้าประคุ้น ... กระทั่งวันจับสลากจริงมาถึง ...หนูจับได้ใบแดง เอ๊ย จับสลากได้ ...เย้ !! ..ใจหนูเป็นสุขสงบสันติ มั๊ยครับ ?
3. เพื่อนมาตั้ง fanpage ว่ากล่าวให้ร้ายหนู หลายเรื่องที่ post เป็นเรื่องไม่จริงทั้งหมด จริงครึ่งนึงมั่ง แต่งมั่ง เติมเองมั่ง เข้าใจไปเองมั่ง ..ใจหนู
เป็นสุขสงบสันติ มั๊ยครับ ?
3 ตัวอย่างนะ ผมแน่ใจว่าหนูตอบว่าใจหนูไม่สงบล่ะ เพราะเกิดเรื่องมากระทบกับหนู ทำให้หนูเสียใจ ไม่ชอบใจ หรือ แม้กระทั่งดีใจ ก็ด้วย ..ใจเลยอยู่เฉยๆ สงบๆ ไม่ได้
ดังนั้น ใจเราจะสงบได้ก็ต่อเมื่อไม่มีทั้งเรื่องร้ายๆ และ เรื่องดีๆ เกิดขึ้น >> กับเรา หรือ กับคนที่เรารัก ใช่มั๊ยครับ ?
แต่เราเองจะไปห้ามคนอื่นไม่ให้ทำเรื่องที่จะส่งผลร้าย หรือ ส่งผลดี กับเราได้ไหมครับ ? ...ไม่ได้ใช่มะ หรือ ได้ก็ไม่ทั้งหมด
แล้วถ้าใจเราลุกรนไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น คือ เราไปรับอารมณ์นั้น >> ก็จะพลอยทำให้เราทำอะไรๆไปตามอารมณ์ ไม่มีสติปัญญายั้งคิดให้ดีก่อนจะทำ ..อย่างนั้นรึปล่าวครับ ?
ฉะนั้น เราเลยต้องฝึกให้ใจสงบ มีสันติอยู่ในใจเสมอ เพื่อที่จะไม่หุนหันพลันแล่นทำอะไรไปตามอารมณ์ เพราะจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ฝึกใจโดยไม่ให้ใจแล่นออกไป และไปมีอารมณ์ผสมร่วมกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยพยายามมองให้เห็นเรื่องที่เกิด คนที่เกี่ยว ..ตามจริง ว่าเพราะเหตุอะไรเรื่องเหล่านี้จึงเกิด ถ้าเราจะจัดการเรื่องที่เกิด คนที่เกี่ยวนี้ ก็ต้องไปจัดการที่สาเหตุเกิดนั้น ..ซึ่งก็คือใช้ปัญญา พิจารณาให้เห็นตลอดสายของเรื่องจริงๆ เพื่อเข้าจัดการต่อไปเท่าที่ทำได้
ต้องหัดความคิดให้คิดถูกทางกับคิดบวก และให้ใจอยู่กับตัวเราเอง..ไม่ถูกอะไรๆ "จูงใจ" ออกไป ครับ ...ลองมองดูรอบๆตัว ก็จะเห็นว่า ถึงจะเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีเลยที่จะมีใครเหมือนใครเด้ะๆ ความรู้สติปัญญาไม่เหมือนกัน โอกาสไม่เหมือนกัน นิสัยใจคอไม่เหมือนกัน ฯ..แต่ละคนจึงคิดอะไร และ ทำอะไร ได้ เท่าที่ความคิดความสามารถตัวเองจะทำได้และไปถึง ..อะไรที่เขาทำแล้วเกิดพลั้งพลาดมากระทบเราเข้า อภัยได้ก็อภัยให้เขาไป ไม่ต้องแก้แค้นคิดเอาคืน เพราะนั่นจะทำให้ใจเราไม่มีวันเป็นสุข ไปผูกใจไว้กับคนอื่นและกับเรื่องที่พ้นผ่านไปแล้ว ถ้าใครเขาว่าอะไรเรา แล้วมันจริง ก็คือ เราได้คำชี้แนะจาก commentator ..จากกระจกที่เที่ยงตรงที่ส่องดูตัวเรา เราก็รับเอามาปรับปรุงตัว แต่ถ้าใครเขาว่าอะไรเรา แล้วมันไม่จริง คนพูดก็เป็นผู้อยู่กับสิ่งหลอกลวงเอง วันๆก็อยู่แต่กับของปลอมๆ เมคๆ ที่เจ้าตัวสร้างขึ้น หรือรับเอามาสะสม แล้วก็เป็นเรื่องของคนอื่นทั้งนั้น ...อย่างนี้ตัวเขาเองจะได้สันติสุขในจิตใจ และ ความก้าวหน้าของตัวเองมาจากไหน ?
จะสร้างสันติสุขในจิตใจ ก็ต้องให้ใจอยู่กับตัวเราเองเสมอ และหากมีเหตุเกิดขึ้น ก็ใช้สติปัญญาไปพิจารณาเหตุการณ์เรื่องราวตามจริง ไม่ใช้อารมณ์ ไม่เก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องมาใส่ไว้ในใจ พร้อมกับมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเสมอ จนที่สุดก็ต้องให้อภัยและปล่อยวาง ..ช่างมัน เมื่อเราทำอะไรๆหลังจากใช้สติปัญญาคิดดีแล้วเต็มที่แล้ว ทุกอย่างก็ดีที่สุดแล้วครับ รักษาใจให้อยู่กับตัวและให้สงบให้ดีต่อไป ไม่เอาอะไรๆมานึกคิดให้ฟุ้งให้กังวลอีก ...ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จได้ .. ด้วยใจ ครับ
แสดงความคิดเห็น
วิธีสร้างสันติสุขในจิตใจ
จะเอาไปเขียนเรียงความน่ะค่ะ นึกไม่ออก ตีความไม่ถูกด้วยTOT