เริ่มที่เราเอาลูกแมวมาเลี้ยงสองตัว สองสี กะ สามสี อยากให้มันขับถ่ายเป็นที่เลยไปซื้อทรายแมวตามท้องตลาดทั่วไปในราคาร้อยกว่าบาทนี่แหละมาค่ะ ใส่กะละมังวันแรกทั้งสองตัวตอบรับดีมากค่ะ เห็นปุ๊บลงไปหย่อนระเบิดให้ปั๊บ อืมก็ดีนะดูดกลิ่นดีกลิ่นแอ๊ปเปิ้ลหอมชื่นจาย
ทว่าพอผ่านไปสามวันเท่านั้นโอ้กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยมากะลมเลยค่า กลิ่นของเสียผสมกะกลิ่นแอ๊ปเปิ้ลช่างทรมาณปอดเราสุดๆ เอาไปตากแดดยังไงกลิ่นก็ไม่หาย อึเหลวก็ไม่จับเป็นก้อนมีหนอนขึ้นด้วย อาทิตย์หนึ่งตักทิ้งทีแอบเหนื่อยและเหม็นจนแทบอ๊วก ใช้เดือนเดียวหมดถุงเรากะไปซื้อถุงใหม่ แต่โดนแม่ห้ามค่ะ บอกซื้อทำไมเปลือง ทรายแมวก็คือทรายนี่แหละ ว่าแล้วแม่เราก็ให้น้องชายขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อทรายจากร้านวัสดุก่อสร้างมา 20 บาท ได้ทรายมาประมาณ 5 กิโล
เราได้แต่อึ้ง คิดในใจว่ามันจะเวิร์กเหรอฟะ และแน่นอนมันเวิร์กค่ะ เพียงแค่ใส่ทรายในกะละมัง เจ้าสามสีก็ไปหย่อนระเบิดอย่างสบายใจเฉิบ ป้าเห็นเข้าก็บ่นค่ะ ไปซื้อทรายมาทำไมเปลืองมันต้องใช้ขี้เถ้าสิ คนสมัยก่อนใช้ขี้เถ้ากลบขี้หมาขี้แมว (ขี้เถ้าจากถ่านหุงต้มนั่นแหละค่ะ) แล้วป้าเราก็ให้ขี้เถ้ามาหนึ่งกระป๋องนมเด็ก
เราก็เออนะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วใส่ผสมลงไปเลยค่าทั้งทรายทั้งขี้เถ้า ผลที่ได้รับกลับดีเกินคาด กลิ่นไม่ค่อยมี ถึงมีก็น้อยมากๆ ถ้ามีกลิ่นฉี่เราเอาไปตากแดด ส่วนใหญ่กลิ่นก็หายนะคะ ส่วนของเสียจับกันเป็นก้อนแข็งๆ แห้งๆ สีเทา ตักทิ้งง่าย หนอนมะมีแมลงวันไม่ตอม สบายเราสิสองอาทิตย์ตักทิ้งทีก็ได้อะ
ข้อเสียคืออาจจะมีพวกฝุ่นทรายติดเท้าน้องแมวบ้างแต่ก็ไม่มากค่ะ เผอิญบ้านเราเป็นพื้นปูนเลยไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ สรุปทรายที่ซื้อมาก็ยังเหลืออีกบาน ใช้มาเป็นปีและทรายไม่เคยเปลี่ยนแต่เราเติมขี้เถ้าลงไปเรื่อยๆ แล้วก็ตากแดดทุกวันนะคะ ขี้เถ้าช่วยดับกลิ่นค่ะ ส่วนทรายเราว่ามันช่วยทำให้ขี้เถ้าไม่ฟุ้งกระจายค่ะ
สรุป...มันมีแค่ทรายกะขี้เถ้าเท่านั้นจริงๆ อิอิ
บางบ้านอาจไม่ได้ใช้เตาถ่านจึงไม่มีขี้เถ้า เราว่าไปขอจากแม่ค้าที่ขายอาหารปิ้งๆ ย่างๆ ก็น่าจะได้นะคะ เพราะยังไงขี้เถ้าพวกนั้นก็ต้องทิ้งขยะอยู่ดี อย่าให้เสียเปล่าค่ะ
ปูลู. รูปประกอบไม่มีนะคะ...ฮุฮุ แบบเป็นคนโลว์เทคอะ
ทำทรายแมวแบบบ้านๆ ในราคา 20 บาทจ้า
ทว่าพอผ่านไปสามวันเท่านั้นโอ้กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยมากะลมเลยค่า กลิ่นของเสียผสมกะกลิ่นแอ๊ปเปิ้ลช่างทรมาณปอดเราสุดๆ เอาไปตากแดดยังไงกลิ่นก็ไม่หาย อึเหลวก็ไม่จับเป็นก้อนมีหนอนขึ้นด้วย อาทิตย์หนึ่งตักทิ้งทีแอบเหนื่อยและเหม็นจนแทบอ๊วก ใช้เดือนเดียวหมดถุงเรากะไปซื้อถุงใหม่ แต่โดนแม่ห้ามค่ะ บอกซื้อทำไมเปลือง ทรายแมวก็คือทรายนี่แหละ ว่าแล้วแม่เราก็ให้น้องชายขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อทรายจากร้านวัสดุก่อสร้างมา 20 บาท ได้ทรายมาประมาณ 5 กิโล
เราได้แต่อึ้ง คิดในใจว่ามันจะเวิร์กเหรอฟะ และแน่นอนมันเวิร์กค่ะ เพียงแค่ใส่ทรายในกะละมัง เจ้าสามสีก็ไปหย่อนระเบิดอย่างสบายใจเฉิบ ป้าเห็นเข้าก็บ่นค่ะ ไปซื้อทรายมาทำไมเปลืองมันต้องใช้ขี้เถ้าสิ คนสมัยก่อนใช้ขี้เถ้ากลบขี้หมาขี้แมว (ขี้เถ้าจากถ่านหุงต้มนั่นแหละค่ะ) แล้วป้าเราก็ให้ขี้เถ้ามาหนึ่งกระป๋องนมเด็ก
เราก็เออนะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วใส่ผสมลงไปเลยค่าทั้งทรายทั้งขี้เถ้า ผลที่ได้รับกลับดีเกินคาด กลิ่นไม่ค่อยมี ถึงมีก็น้อยมากๆ ถ้ามีกลิ่นฉี่เราเอาไปตากแดด ส่วนใหญ่กลิ่นก็หายนะคะ ส่วนของเสียจับกันเป็นก้อนแข็งๆ แห้งๆ สีเทา ตักทิ้งง่าย หนอนมะมีแมลงวันไม่ตอม สบายเราสิสองอาทิตย์ตักทิ้งทีก็ได้อะ
ข้อเสียคืออาจจะมีพวกฝุ่นทรายติดเท้าน้องแมวบ้างแต่ก็ไม่มากค่ะ เผอิญบ้านเราเป็นพื้นปูนเลยไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ สรุปทรายที่ซื้อมาก็ยังเหลืออีกบาน ใช้มาเป็นปีและทรายไม่เคยเปลี่ยนแต่เราเติมขี้เถ้าลงไปเรื่อยๆ แล้วก็ตากแดดทุกวันนะคะ ขี้เถ้าช่วยดับกลิ่นค่ะ ส่วนทรายเราว่ามันช่วยทำให้ขี้เถ้าไม่ฟุ้งกระจายค่ะ
สรุป...มันมีแค่ทรายกะขี้เถ้าเท่านั้นจริงๆ อิอิ
บางบ้านอาจไม่ได้ใช้เตาถ่านจึงไม่มีขี้เถ้า เราว่าไปขอจากแม่ค้าที่ขายอาหารปิ้งๆ ย่างๆ ก็น่าจะได้นะคะ เพราะยังไงขี้เถ้าพวกนั้นก็ต้องทิ้งขยะอยู่ดี อย่าให้เสียเปล่าค่ะ
ปูลู. รูปประกอบไม่มีนะคะ...ฮุฮุ แบบเป็นคนโลว์เทคอะ