นี่เป็นแค่การระบาย ปลดปล่อยพลังในด้านมืด(ซึ่งทุกคนต้องมีอยู่แล้ว) ใครอ่านแล้วขออย่าเราเลยค่ะ ถ้าจะให้คำแนะนำล่ะโอเค
ทำไมเราถึงน้อยใจในวาสนาของตัวเอง...เพราะเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบคนอื่นไง มันอดไม่ได้ มีหลายคนที่เราชอบเปรียบเทียบกับตัวเอง แต่สำหรับกระทู้นี้ ขอยกตัวอย่างแค่คนเดียว คือญาติเราเอง
ญาติอายุมากกว่าเรา สมัยเรียนหนังสือ เราเรียนเก่งกว่าญาติมาก และขยันเรียนกว่าญาติมาก เราเคยคิดว่าถ้าเราตั้งใจเรียน พยายามเรียนให้เก่งๆ แล้วอนาคตเราจะมีงานดีๆ ทำ แต่พอเรียนจบชีวิตไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย ญาติเราเรียนจบแล้วไปฝึกงานที่ร้านขายนาฬิกาสองเดือน จากนั้นลาออกมาเปิดเว็บขายนาฬิกา โดยมีแฟนและป้าคอยช่วยเหลือบ้างในช่วงแรก สมัยนั้นการขายของออนไลน์ยังไม่ฮิตเท่าสมัยนี้ ญาติเราขายของทางเว็บมาได้หลายปี และไม่ต้องทำงานอย่างอื่นเลย ตอนนี้ร่ำรวยมาก สบายด้วย พอมีลูกค้าสั่งของ ญาติก็ไปสั่งซื้อนาฬิกาจากร้านที่ตัวเองเคยไปฝึกงานนั่นแหละ มันเป็นของเลี่ยงภาษี ราคาจึงถูก ดังนั้นญาติเราจึงไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้า และพอเอามาขายก็สามารถตั้งกำไรสูงๆ ได้ วันนึงขายได้เรือนเดียวก็พอแล้ว เพราะกำไรเยอะจริงๆ (แต่ญาติขายได้วันนึงหลายเรือน และขายได้เกือบทุกวัน คิดดูสิกำไรจะอื้อซ่าขนาดไหน) ยิ่งของราคาแพง ก็ยิ่งเอากำไรได้เยอะ แถมไม่ต้องสต๊อกสินค้าให้เสี่ยงกับการทุนจมด้วย
ส่วนเรา พอเรียนจบก็ไปฝึกงานที่ร้านนาฬิกาที่เดียวกับญาติ(แต่คนละช่วงเวลากัน) งานโหด เจ้านายก็โหด แต่เราก็อดทนทำได้นานกว่าญาติ พอลาออกแล้ว เราก็ลองมาเปิดเว็บขายนาฬิกาเหมือนญาติบ้าง ช่วงนั้นการขายของออนไลน์เป็นที่นิยมแพร่หลายแล้ว ปรากฏว่าเราขายไม่ได้เลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราขาดการวางแผนที่ดี ไม่ค่อยได้โปรโมทสินค้า และเราก็ลุยเองคนเดียวแบบไม่ค่อยมีความรู้ และไม่มีคนช่วย แถมเราก็ไม่ยอมรับสินค้าจากร้านที่เราไปฝึกงานมาขาย เพราะเราเกลียดเจ้าของร้าน(อดีตเจ้านาย)ฝังใจจนไม่อยากจะเจอหน้าอีก พอเราจะไปรับจากร้านอื่น เขาก็ขายแพงอีก และเราก็ไม่มีสินค้าในสต๊อกเลย เพราะนาฬิการาคามันแพง เรือนนึงเป็นพันๆ บาท จริงๆ เราจะร่วมมือกับญาติ ให้ญาติเป็นคนไปเอาสินค้าให้ก็ได้ แต่เราไม่ทำ เพราะเราหยิ่งเกินไป ชอบพึ่งตัวเอง และรู้สึกไม่สบายใจด้วย(เพราะเราขายสินค้าเหมือนกับญาติ กลัวญาติจะคิดว่าเราเป็นคู่แข่งที่เอาเปรียบเขา) สุดท้ายเราก็เหนื่อย เลิกขาย ปิดเว็บ และตอนนี้เราก็ยังเป็นลูกจ้างบริษัท กินเงินเดือนน้อยนิดต่อไป(น้อยนิดจริงๆ น้อยกว่าคนส่วนใหญ่ที่มาอวดเงินเดือนใน pantip หลายเท่า)
ตอนนี้เราก็ตัดสินใจจะเปิดเว็บขายของอีกครั้ง แต่เราจะไม่ขายนาฬิกาแล้ว เพราะเคยชอกช้ำในอดีต และเราก็ไม่สนใจเรื่องนาฬิกาแล้ว เราจะขายสินค้านำเข้าจากจีนแทน จะลุยเองคนเดียวเหมือนเดิม แต่ก็ยังมีเรื่องให้ชอกช้ำอยู่ดี เพราะสินค้าที่เราคิดจะขาย มันเป็นสินค้าแฟชั่น เน้นวัยรุ่นเป็นหลัก ราคาจึงถูก กำไรไม่เยอะ เพราะเราไม่กล้าเสี่ยงนำของแพงๆ มาสต๊อกไว้ กลัวทุนจม พอเทียบกับญาติแล้ว เราเสียเปรียบเขามากเลย
- ญาติไม่ต้องสต๊อกของ เพราะอยู่ใกล้แหล่งรับสินค้า แต่เราต้องสต๊อก เพราะอยู่ไกลแหล่งรับสินค้า
- นาฬิกาที่ญาติขาย เป็นของแท้ มูลค่าสูง วันนึงขายได้ชิ้นเดียวก็กำไรเยอะแล้ว ส่วนเราขายสินค้าแฟชั่น มูลค่าไม่สูง วันนึงต้องขายให้ได้หลายๆ ชิ้นจึงจะได้กำไรเท่ากับญาติ
- สินค้าของญาติ แม้จะเป็นของนำเข้า แต่ก็ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า เพราะรับมาจากคนขายในไทยอีกที แถมคนที่ขายก็สามารถเลี่ยงภาษีได้ด้วย ส่วนเราต้องเสียภาษีนำเข้า เพราะเป็นคนสั่งนำเข้ามาเอง
เรายอมรับเลยว่าเราอิจฉาญาติ ดูๆ แล้วญาติเราแทบจะไม่มีความเสี่ยงหรือต้องกังวลอะไรเลย แถมไม่ต้องทำงานเป็นลูกจ้างใคร ต่างกับเราที่ตอนนี้ยังเป็นลูกจ้าง เงินเดือนน้อยจนคิดอยากขายของทางเว็บเสริมด้วย เห้อ แล้วแบบนี้จะไม่ให้รู้สึกน้อยใจในวาสนาตัวเองได้ยังไงกัน
(ระบาย) บางครั้งก็น้อยใจในโชควาสนาของตัวเอง
ทำไมเราถึงน้อยใจในวาสนาของตัวเอง...เพราะเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบคนอื่นไง มันอดไม่ได้ มีหลายคนที่เราชอบเปรียบเทียบกับตัวเอง แต่สำหรับกระทู้นี้ ขอยกตัวอย่างแค่คนเดียว คือญาติเราเอง
ญาติอายุมากกว่าเรา สมัยเรียนหนังสือ เราเรียนเก่งกว่าญาติมาก และขยันเรียนกว่าญาติมาก เราเคยคิดว่าถ้าเราตั้งใจเรียน พยายามเรียนให้เก่งๆ แล้วอนาคตเราจะมีงานดีๆ ทำ แต่พอเรียนจบชีวิตไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย ญาติเราเรียนจบแล้วไปฝึกงานที่ร้านขายนาฬิกาสองเดือน จากนั้นลาออกมาเปิดเว็บขายนาฬิกา โดยมีแฟนและป้าคอยช่วยเหลือบ้างในช่วงแรก สมัยนั้นการขายของออนไลน์ยังไม่ฮิตเท่าสมัยนี้ ญาติเราขายของทางเว็บมาได้หลายปี และไม่ต้องทำงานอย่างอื่นเลย ตอนนี้ร่ำรวยมาก สบายด้วย พอมีลูกค้าสั่งของ ญาติก็ไปสั่งซื้อนาฬิกาจากร้านที่ตัวเองเคยไปฝึกงานนั่นแหละ มันเป็นของเลี่ยงภาษี ราคาจึงถูก ดังนั้นญาติเราจึงไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้า และพอเอามาขายก็สามารถตั้งกำไรสูงๆ ได้ วันนึงขายได้เรือนเดียวก็พอแล้ว เพราะกำไรเยอะจริงๆ (แต่ญาติขายได้วันนึงหลายเรือน และขายได้เกือบทุกวัน คิดดูสิกำไรจะอื้อซ่าขนาดไหน) ยิ่งของราคาแพง ก็ยิ่งเอากำไรได้เยอะ แถมไม่ต้องสต๊อกสินค้าให้เสี่ยงกับการทุนจมด้วย
ส่วนเรา พอเรียนจบก็ไปฝึกงานที่ร้านนาฬิกาที่เดียวกับญาติ(แต่คนละช่วงเวลากัน) งานโหด เจ้านายก็โหด แต่เราก็อดทนทำได้นานกว่าญาติ พอลาออกแล้ว เราก็ลองมาเปิดเว็บขายนาฬิกาเหมือนญาติบ้าง ช่วงนั้นการขายของออนไลน์เป็นที่นิยมแพร่หลายแล้ว ปรากฏว่าเราขายไม่ได้เลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราขาดการวางแผนที่ดี ไม่ค่อยได้โปรโมทสินค้า และเราก็ลุยเองคนเดียวแบบไม่ค่อยมีความรู้ และไม่มีคนช่วย แถมเราก็ไม่ยอมรับสินค้าจากร้านที่เราไปฝึกงานมาขาย เพราะเราเกลียดเจ้าของร้าน(อดีตเจ้านาย)ฝังใจจนไม่อยากจะเจอหน้าอีก พอเราจะไปรับจากร้านอื่น เขาก็ขายแพงอีก และเราก็ไม่มีสินค้าในสต๊อกเลย เพราะนาฬิการาคามันแพง เรือนนึงเป็นพันๆ บาท จริงๆ เราจะร่วมมือกับญาติ ให้ญาติเป็นคนไปเอาสินค้าให้ก็ได้ แต่เราไม่ทำ เพราะเราหยิ่งเกินไป ชอบพึ่งตัวเอง และรู้สึกไม่สบายใจด้วย(เพราะเราขายสินค้าเหมือนกับญาติ กลัวญาติจะคิดว่าเราเป็นคู่แข่งที่เอาเปรียบเขา) สุดท้ายเราก็เหนื่อย เลิกขาย ปิดเว็บ และตอนนี้เราก็ยังเป็นลูกจ้างบริษัท กินเงินเดือนน้อยนิดต่อไป(น้อยนิดจริงๆ น้อยกว่าคนส่วนใหญ่ที่มาอวดเงินเดือนใน pantip หลายเท่า)
ตอนนี้เราก็ตัดสินใจจะเปิดเว็บขายของอีกครั้ง แต่เราจะไม่ขายนาฬิกาแล้ว เพราะเคยชอกช้ำในอดีต และเราก็ไม่สนใจเรื่องนาฬิกาแล้ว เราจะขายสินค้านำเข้าจากจีนแทน จะลุยเองคนเดียวเหมือนเดิม แต่ก็ยังมีเรื่องให้ชอกช้ำอยู่ดี เพราะสินค้าที่เราคิดจะขาย มันเป็นสินค้าแฟชั่น เน้นวัยรุ่นเป็นหลัก ราคาจึงถูก กำไรไม่เยอะ เพราะเราไม่กล้าเสี่ยงนำของแพงๆ มาสต๊อกไว้ กลัวทุนจม พอเทียบกับญาติแล้ว เราเสียเปรียบเขามากเลย
- ญาติไม่ต้องสต๊อกของ เพราะอยู่ใกล้แหล่งรับสินค้า แต่เราต้องสต๊อก เพราะอยู่ไกลแหล่งรับสินค้า
- นาฬิกาที่ญาติขาย เป็นของแท้ มูลค่าสูง วันนึงขายได้ชิ้นเดียวก็กำไรเยอะแล้ว ส่วนเราขายสินค้าแฟชั่น มูลค่าไม่สูง วันนึงต้องขายให้ได้หลายๆ ชิ้นจึงจะได้กำไรเท่ากับญาติ
- สินค้าของญาติ แม้จะเป็นของนำเข้า แต่ก็ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า เพราะรับมาจากคนขายในไทยอีกที แถมคนที่ขายก็สามารถเลี่ยงภาษีได้ด้วย ส่วนเราต้องเสียภาษีนำเข้า เพราะเป็นคนสั่งนำเข้ามาเอง
เรายอมรับเลยว่าเราอิจฉาญาติ ดูๆ แล้วญาติเราแทบจะไม่มีความเสี่ยงหรือต้องกังวลอะไรเลย แถมไม่ต้องทำงานเป็นลูกจ้างใคร ต่างกับเราที่ตอนนี้ยังเป็นลูกจ้าง เงินเดือนน้อยจนคิดอยากขายของทางเว็บเสริมด้วย เห้อ แล้วแบบนี้จะไม่ให้รู้สึกน้อยใจในวาสนาตัวเองได้ยังไงกัน