ทุกสัปดาห์ ทุกครั้งที่ซีรีส์ Love Sick Season 2 ได้เวลาฉาย หรือ ฉายจบไปแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยว่าน่าสนใจและน่าติดตามยิ่งกว่าประเด็นดราม่าในละคร มิติทางการแสดง ฉาก บทพูด ฯลฯ นั่นคือการหันมานั่งดูว่า
“วันนี้ละครจะทำอะไรหลุดมาให้โดนด่าอีก” เป็นเรื่องที่ต้องลุ้นเสมอประหนึ่งดูบอลคู่สำคัญประจำสัปดาห์ของทางผู้สร้างที่ต้องมานั่งเอามือประสานไว้ที่อก
“ภาวนาขอให้ไม่มีอะไรให้ต้องโดนด่าด้วยเถอะ” คงจะเป็นอย่างนี้ให้ได้ลุ้นเรื่อยๆ จนกว่าซีซั่นนี้จะฉายจบไป
แต่นั่นมันเป็นเรื่องของ Episode ก่อนๆ ที่ค่อนข้างสะเปะสะปะซะจนคนดูอยากจะลืมๆ ไป
มาสัปดาห์นี้ Love Sick กลับมา Top Form อีกครั้งในระดับที่เรียกได้ว่า Epic ที่สุดตั้งแต่ฉาย Season 2 มา ความฟิน ความฮา ความสนุก ความโรแมนติก ดราม่า เชือดเฉือน ถูกนำเสนอออกมาได้อย่างกลมกล่อม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป นี่แหล่ะสิ่งที่แฟนๆ หลายคนรอคอยมานานเกือบเดือนนับตั้งแต่เสาร์แรกที่ Season 2 Episode 1 เริ่มสตาร์ท
ไม่เสียแรงที่แฟนๆ ผู้รักในนิยาย นักแสดง และตัวซีรีส์เฝ้ารอคอย
และเนื่องจากสัปดาห์นี้ (EP 7-8) เป็น EP ที่มีเรื่องราว มีประเด็นให้เราได้เก็บรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ทั้งดีและไม่ดี ดังนั้นผมจะแบ่งรีวิวออกเป็นสองหัวข้อ คือ 1. ด้านเนื้อหา การแสดง บทบาท ตัวละคร สิ่งต่างๆ ใน Love Sick สัปดาห์นี้ และ 2. เรื่องราวในโลกข้างนอก ทีมงาน ช่อง การกระทำต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกชม/ด่า จะได้ถูกต้องเป็นจุดๆ ไป
1. รีวิวด้านเนื้อหา การแสดงฯ
1.1 EP7
หาก EP6 คืองานแก้มือที่ทีมงาน Love Sick Season 2 ทำออกมาเพื่อสื่อกับแฟนๆ ว่าพร้อมที่จะรับฟังปัญหาและพยายามปรับปรุงผลงานมาตลอดเพื่อนำ Love Sick Season 2 ที่เคยออกทะเลไปไกลกลับมาได้ จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ไปแล้วนั้น มาสัปดาห์นี้ EP7 ก็เรียกได้ว่าเป็นการ “เพิ่มมาตรฐาน” ให้กับตัวซีรีส์ยิ่งขึ้นไปอีก (และขึ้นไปสูงสุดๆ ใน EP8) ในแง่ของ “ความเป็นดราม่า” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของตัวละครคู่หลักหรือตัวละครคู่รอง เกือบทุกตัวละครให้การแสดงที่น่าสนใจและทำได้ดีมากเมื่อเทียบว่าพวกเขาคือนักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งผ่านงานแสดงมาไม่นาน
แน่นอนหากจะพูดถึงผู้ชนะที่โดดเด่นที่สุดประจำ EP7 เหรียญทองคงตกเป็นของบทยูริไปอย่างไม่ต้องสงสัย จากที่สัปดาห์ก่อนหลายๆ คนค่อนข้างปวดจิตกับการกระทำของเธอ มาสัปดาห์นี้มูลเหตุแห่งการกระทำรวมถึงนิสัยสุดน่ารำคาญต่างๆ ของเธอได้รับการเฉลยถึงที่มาที่ไป แรงจูงใจ ความอัดอั้นตันใจ จนกลายมาเป็นหนึ่งในฉากดราม่าที่น่าจดจำที่สุดของ Love Sick ในขณะนี้
สำหรับคนที่อ่านนิยายมาก่อนจะพบว่าบทสนทนาที่ยูริคุยกับโน่ถึงเรื่องที่ว่า “ทำไมโน่ไม่ปฏิเสธว่าไม่ใช่แฟนยูริ” เป็นประโยคสนทนาที่เรียบง่าย ธรรมดาๆ น่าจะเป็นการคุยกันชิวๆ เฉยๆ มากกว่า หากแต่พอมาเป็นบทซีรีส์แล้วนั้น มันช่างเป็นซีนที่เต็มไปด้วยความดราม่า เป็นการแสดงที่เน้นแค่ประโยคสนทนาระหว่างคนสองคน คนนึงคือผู้หญิงที่อัดอั้นตันใจมาตลอดกับผู้ชายที่เธอรัก (แต่ไม่ได้รักเธอ) ส่วนอีกคนคือผู้ชายแสนดีที่ไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกฝ่ายหญิงแม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะไม่ได้รักเธอเลยก็ตาม คำพูดต่างๆ ที่ออกมา ทั้งเสียดสี พูดเล่น พูดจริง ในคำพูดทุกคำที่ยูริพูด ผมกลับรู้สึกได้ว่า ลึกๆ แล้วเธอก็ยังหวังว่าโน่จะมาชอบเธอซักครั้ง แม้จะต้องหลอกตัวเองก็ตาม ….. โอ้วววววววว มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เชื่อว่าคนที่อินกับคำของยูริคงมีไม่น้อย คนที่เคยประสบเหตุโดนให้ความหวังแบบเจ็บๆ มาแล้ว ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตามคงจะเข้าใจความรู้สึกยูริดี ซีนนี้เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งซีนที่อาจส่งผลไปถึงซีนสำคัญในตอนท้าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่ยูริรู้ความจริงว่าโน่กับปุณณ์คบกัน และยิ่งช๊อกไปกว่านั้นเมื่อเห็นผู้ชายสองคนจูบกันเอง (ขอเลยนะครับคุณผู้กำกับ เมื่อถึงตอนนั้นกรุณาทำซีนนั้นออกมาให้ดีที่สุดเพราะมันจะเป็นอะไรที่บีบอารมณ์มาก) ที่สำคัญความรำคาญต่างๆ ที่ผมเคยมีต่อตัวละครอย่างยูรินั้นแทบจะหายไปหมดเลย กลายเป็นว่าผมรักตัวละครของยูริและเริ่มไม่ชอบนิสัยผู้ชายแบบของโน่แทน (จะโดน FC ถล่มไหมนะ เหอๆ)
มาดูเส้นเรื่องอื่นๆ กันบ้าง EP7 เราได้เห็นเส้นเรื่องอื่นถึง 2 เรื่องด้วยกัน คือเรื่องของ โม-กอล์ฟ-โมน และ หนึ่ง-จี๊ด-คม และที่เด็ดไปกว่านั้นคือการลากเส้นเรื่องของตัวละครทั้งหมดให้มาจบกันได้ (แม้จะดูรีบๆ ไปหน่อยก็ตาม) แต่กว่าที่จะมาจบสวยแบบตอนนี้ได้ก็โดนด่าโดยแฟนๆ ปุณณ์-โน่ไปเยอะเหมือนกันเนื่องจากใช้เวลาปูเรื่องยาวหลายสัปดาห์ การมาโผล่แทรกเป็นระยะๆ แบบไร้ที่มาที่ไป แต่สุดท้ายเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะชอบในการแสดงของพวกเขาและเธอที่ดูมีมิติและช่วยเพิ่มสีสันให้กับ Love Sick ไปอีกแบบหนึ่งเช่นกัน
สรุป
ชนะเลิศ: บทบาทและการแสดงที่ดีเยี่ยมของยูริ กับคำพูดที่สะเทือนใจประหนึ่งถูกมีดแทงอกเพราะแทงใจดำมาก
ขอชื่นชม: การหาทางลงให้กับเส้นเรื่องของตัวละครที่ถูกด่ามากที่สุด (เหอๆ) ในแบบที่โอเค พอรับได้และสมเหตุสมผล
เฉยๆ: การแสดงความไม่พอใจของปุณณ์ที่มีต่อโน่เมื่อเห็นกอดกับยูริในสระน้ำ โดยส่วนตัวผมมองว่ามันก็ดีที่มีซีนให้ปุณณ์มาเห็นอะไรแบบนั้นและรู้สึกสับสนเข้าใจผิด แต่สิ่งที่ดูรำคาญนิดๆ คืออีตอนประชดกันหน้าลิฟต์รวมถึงข่มกันเองบนโต๊ะอาหารนั่นแหล่ะ มันจะดีมากถ้าขยายความให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ง๊องแง๊งใส่กันให้มันจบฉากไป พอข้ามไปอีกฉากหนึ่ง อ้าวววว มันคุยกันดีแล้ะ … แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ?
ขวัญใจพ่อยกแม่ยก: ฉากเอิ้นนอนคุยโทรศัพท์เท่านั้น โอยยยยย น้องเงิน พี่ใจไม่ดีเลย เวลาน้องยิ้มทีนี่ฟินแบบวัวตายควายล้ม ว่ากันว่าถ้าบทโน่-ปุณณ์ของกัปตันและไวท์เป็นตัวละครในอุดมคติของสาว Y แล้วล่ะก็ ตัวละครเอิ้น (เงิน) ก็คือตัวละครในอุดมคติของผู้ชายที่เป็นเกย์เช่นกัน เนื่องด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น ความมีเสน่ห์ รวมถึง Sex Appeal ของเงินที่ล้นทะลักเกินเกินตาเพื่อนๆ
สอบตก: การแสดงของกอล์ฟที่ดูยังไงๆ ก็ห่างไกลจากคำว่าแบด จนนี่นึกว่าเพื่อนสาวของโมมาขอนอนห้องด้วย พอมันเป็นแบบนี้เลยทำให้ฉากจูบดูไม่อินเท่าไร
1.2 EP8
เมื่อ EP7 ได้มอบเรื่องราวดราม่าน่าจดจำรวมถึงสร้างทางเลือกให้กับเส้นเรื่องของคู่ชาย-หญิงอื่นๆ ไปแล้ว EP8 ก็คือด้านตรงข้ามกันที่เข้ามาทดแทนช่วงเวลาดราม่าด้วยความน่ารักสดใสของคู่ชาย-ชายอื่นๆ ที่เหล่าแฟนคลับรอคอยมานานแสนนาน (ร้องไห้หนักมาก) ไม่ว่าจะเป็นโมเม้น Morning Kiss ที่หลายคนเฝ้ารอ, การซ้อมดนตรีกันเป็นการส่วนตัวระหว่างโอมกับมิก
และที่ฟินที่สุดยิ่งกว่าคู่ไหนๆ ในปฐพี
เอิ้น-พีท (เงิน-ออกัส) กับการปรากฏตัวแบบแพ็คคู่สองต่อสอง (ที่รอมานาน) แต่สร้างพลังทำลายล้างมหาศาลให้แก่บรรดาผู้ชมจนคาดว่าตอนที่ออนแอร์สดอยู่นั้นน่าจะมีผู้หมดสติคาจอไปไม่ต่ำกว่าแสนคน (ผมก็เวอร์ไปนั่น)
เรียกได้ว่าเป็นคู่เรียกกระแส เรียกบารมีคืนมาจากบรรดาแฟนคลับที่เริ่มห่างหายและหมดศรัทธาใน Love Sick ให้ย้อนกลับมาประเมินซีรีส์นี้ใหม่อีกครั้ง
แล้วคู่พระเอก-นายเอกเราล่ะ
ต้องยอมรับว่าโมเม้นหวานๆ กุ๊กกิ๊กของโน่และปุณณ์หลังจากนี้เป็นต้นไปผมคิดว่ามันอาจจะหาได้ยากขึ้น ไม่ใช่เพราะผู้กำกับทำให้โน่และปุณณ์ไม่สดใสเหมือนซีซั่น 1 หากแต่เมื่อพิจารณาเนื้อเรื่องในนิยายต่อจากนี้ให้ละเอียดจะพบว่าความซับซ้อนทางอารมณ์และความรู้สึกจะกลายเป็นตีมหลักให้แก่พระเอก-นายเอกของเราแทน มันไม่ใช่การตีความให้ต่างไปจากนิยาย แต่เป็นการ “ขยายความ” ความรู้สึกของตัวละครให้ลึกลงไปอีกต่างหาก และผมก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ควรที่จะให้โน่และปุณณ์มีความ conflict ในความรู้สึกที่มีให้กันแทนที่จะมาหวานใส่กันเมื่อวันที่ได้กันใหม่ๆ
เมนโน่-ปุณณ์อย่าเพิ่งน้อยใจล่ะ ผมเชื่อว่าผู้กำกับ “น่าจะ” มีอะไรดีๆ รอเซอร์ไพรส์ให้กับคู่เอกของเราแน่นอน
สรุป
ชนะเลิศ: ฉากเอิ้นกับพีทเป็นคำตอบสุดท้ายและคำตอบเดียว
ขอชื่นชม: การเกลี่ยบทให้กับคู่อื่นๆ รวมถึงการแทรกประเด็นของเอมเข้ามาเรื่อยๆ
เฉยๆ: คู่โอมกับมิก โดยส่วนตัวคิดว่าคนที่เล่นเป็นโอมคนนี้แอคติ้งใหญ่เกินไป อาจต้องรอดูคู่นี้ในตอนต่อๆ ไป
ขวัญใจพ่อยกแม่ยก: เอิ้นกับพีทเท่านั้น
สอบตก: ไม่มี EP นี้รอดทุกคน
2. รีวิวด้านทีมงาน
มาถึงประเด็นข้างนอกกันบ้าง ประเด็นหนักที่เป็นที่พูดถึงมากๆ ของสัปดาห์นี้คงจะเป็นการตัดฉากจูบอันเป็นที่คาดหวังมากๆ ของแฟนๆ ออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ประเด็นนี้คงจะไม่เกิดขึ้นหากคนดูทั้งประเทศไม่ได้โดนสปอยตัวอย่างตอนต่อไปมาตั้งแต่ตอนจบ EP6 สัปดาห์ที่แล้ว มันจะไม่เกิดปัญหาเลยถ้าทีมงานไม่ทิ้งความหวังให้กับคนดูว่าจะเห็นฉากจูบอันดูดดื่ม (หรือเปล่า) ของโน่กับปุณณ์ แต่เมื่อทีมงานให้ความหวังคนดูไว้แล้ว พอถึงวันฉายจริงๆ ฉากนั้นกลับหายไป ผลลัพธ์ที่ได้คือ “โดนคนดูด่าอีกแล้ว”
จุดนี้ยอมรับเลยว่าทีมงานทำพลาดมาก ยิ่งการเซ็นเซอร์ของช่อง MCOT ที่รู้ๆ กันอยู่ว่าค่อนข้างเคร่ง (เกิน) และบางครั้งก็ขึ้นๆ ลงๆ เดาใจไม่ได้ การปล่อยตัวอย่างตอนต่อไปมาหากรู้ว่า 50/50 ไม่แน่ว่าจะผ่านไหม ก็ไม่ควรเลือกฉากจูบมาเป็นตัวอย่าง เพราะการโดนตัดออกฟ้าผ่า (ไม่ว่าจะจากทางช่องเองหรือทางผู้แต่งหรือผู้กำกับเกิดอยากเอาออกเองก็ไม่อาจทราบได้) มันส่งผลให้ทีมงานโดนด่า (มากขึ้นไปอีก) กลายเป็นหลอกลวงผู้บริโภคไปเลย (ตรงนี้ผมไม่มีปัญหาครับ ฉากจูบจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้าจะไม่มีก็ไม่ควรเอามาสปอย) โชคยังดีที่ได้ EP 8 มาแก้เกมได้ทันทำให้กระแสในสัปดาห์นี้ปิดลงที่แดนบวก ไม่โดนแฟนๆ แหกมากนัก อย่างไรก็ตามถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ทางผู้เกี่ยวข้องควรจะเอาไว้เป็น case study
สำหรับประเด็นยิบย่อยอื่นๆ คงต้องรอดูกันต่อไป อยากฝากคนดูหลายๆ คนว่าเห็นใจทีมงานหน่อย อย่าไปแหกเขามาก เหนือสิ่งอื่นใดการที่เราตำหนิซีรีส์เรื่องนี้ (มากเกินพอดี) คือฟี๊ดแบ็คที่เราส่งไปจะเข้าหูนักแสดงโดยตรง ผมว่ามันอาจทำให้น้องๆ เฟลได้ ถึงจุดๆ นี้ก็เรียกได้ว่า Love Sick มาถูกทางแล้ว อยากให้ทีมงานรักษามาตรฐานอย่างนี้ต่อไป ลงบ้าง ขึ้นบ้างไม่เป็นไร (แต่ถ้าป่วยแบบ EP2 นี่ก็ไม่ไหว ผมนี่แหล่ะจะเป็นล็อกอินแรกที่จะเข้ามาด่า)
เจอกันใหม่สัปดาห์หน้า ..... ขออภัยที่มาช้า แหะๆ
[CR] [Review] Love Sick Season 2 Episode 7-8 : ถ้าผิดแล้วยอมรับผิด ก็สมควรให้อภัย
ทุกสัปดาห์ ทุกครั้งที่ซีรีส์ Love Sick Season 2 ได้เวลาฉาย หรือ ฉายจบไปแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยว่าน่าสนใจและน่าติดตามยิ่งกว่าประเด็นดราม่าในละคร มิติทางการแสดง ฉาก บทพูด ฯลฯ นั่นคือการหันมานั่งดูว่า “วันนี้ละครจะทำอะไรหลุดมาให้โดนด่าอีก” เป็นเรื่องที่ต้องลุ้นเสมอประหนึ่งดูบอลคู่สำคัญประจำสัปดาห์ของทางผู้สร้างที่ต้องมานั่งเอามือประสานไว้ที่อก “ภาวนาขอให้ไม่มีอะไรให้ต้องโดนด่าด้วยเถอะ” คงจะเป็นอย่างนี้ให้ได้ลุ้นเรื่อยๆ จนกว่าซีซั่นนี้จะฉายจบไป
แต่นั่นมันเป็นเรื่องของ Episode ก่อนๆ ที่ค่อนข้างสะเปะสะปะซะจนคนดูอยากจะลืมๆ ไป
มาสัปดาห์นี้ Love Sick กลับมา Top Form อีกครั้งในระดับที่เรียกได้ว่า Epic ที่สุดตั้งแต่ฉาย Season 2 มา ความฟิน ความฮา ความสนุก ความโรแมนติก ดราม่า เชือดเฉือน ถูกนำเสนอออกมาได้อย่างกลมกล่อม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป นี่แหล่ะสิ่งที่แฟนๆ หลายคนรอคอยมานานเกือบเดือนนับตั้งแต่เสาร์แรกที่ Season 2 Episode 1 เริ่มสตาร์ท
ไม่เสียแรงที่แฟนๆ ผู้รักในนิยาย นักแสดง และตัวซีรีส์เฝ้ารอคอย
และเนื่องจากสัปดาห์นี้ (EP 7-8) เป็น EP ที่มีเรื่องราว มีประเด็นให้เราได้เก็บรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ทั้งดีและไม่ดี ดังนั้นผมจะแบ่งรีวิวออกเป็นสองหัวข้อ คือ 1. ด้านเนื้อหา การแสดง บทบาท ตัวละคร สิ่งต่างๆ ใน Love Sick สัปดาห์นี้ และ 2. เรื่องราวในโลกข้างนอก ทีมงาน ช่อง การกระทำต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกชม/ด่า จะได้ถูกต้องเป็นจุดๆ ไป
1. รีวิวด้านเนื้อหา การแสดงฯ
1.1 EP7
หาก EP6 คืองานแก้มือที่ทีมงาน Love Sick Season 2 ทำออกมาเพื่อสื่อกับแฟนๆ ว่าพร้อมที่จะรับฟังปัญหาและพยายามปรับปรุงผลงานมาตลอดเพื่อนำ Love Sick Season 2 ที่เคยออกทะเลไปไกลกลับมาได้ จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ไปแล้วนั้น มาสัปดาห์นี้ EP7 ก็เรียกได้ว่าเป็นการ “เพิ่มมาตรฐาน” ให้กับตัวซีรีส์ยิ่งขึ้นไปอีก (และขึ้นไปสูงสุดๆ ใน EP8) ในแง่ของ “ความเป็นดราม่า” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของตัวละครคู่หลักหรือตัวละครคู่รอง เกือบทุกตัวละครให้การแสดงที่น่าสนใจและทำได้ดีมากเมื่อเทียบว่าพวกเขาคือนักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งผ่านงานแสดงมาไม่นาน
แน่นอนหากจะพูดถึงผู้ชนะที่โดดเด่นที่สุดประจำ EP7 เหรียญทองคงตกเป็นของบทยูริไปอย่างไม่ต้องสงสัย จากที่สัปดาห์ก่อนหลายๆ คนค่อนข้างปวดจิตกับการกระทำของเธอ มาสัปดาห์นี้มูลเหตุแห่งการกระทำรวมถึงนิสัยสุดน่ารำคาญต่างๆ ของเธอได้รับการเฉลยถึงที่มาที่ไป แรงจูงใจ ความอัดอั้นตันใจ จนกลายมาเป็นหนึ่งในฉากดราม่าที่น่าจดจำที่สุดของ Love Sick ในขณะนี้
สำหรับคนที่อ่านนิยายมาก่อนจะพบว่าบทสนทนาที่ยูริคุยกับโน่ถึงเรื่องที่ว่า “ทำไมโน่ไม่ปฏิเสธว่าไม่ใช่แฟนยูริ” เป็นประโยคสนทนาที่เรียบง่าย ธรรมดาๆ น่าจะเป็นการคุยกันชิวๆ เฉยๆ มากกว่า หากแต่พอมาเป็นบทซีรีส์แล้วนั้น มันช่างเป็นซีนที่เต็มไปด้วยความดราม่า เป็นการแสดงที่เน้นแค่ประโยคสนทนาระหว่างคนสองคน คนนึงคือผู้หญิงที่อัดอั้นตันใจมาตลอดกับผู้ชายที่เธอรัก (แต่ไม่ได้รักเธอ) ส่วนอีกคนคือผู้ชายแสนดีที่ไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกฝ่ายหญิงแม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะไม่ได้รักเธอเลยก็ตาม คำพูดต่างๆ ที่ออกมา ทั้งเสียดสี พูดเล่น พูดจริง ในคำพูดทุกคำที่ยูริพูด ผมกลับรู้สึกได้ว่า ลึกๆ แล้วเธอก็ยังหวังว่าโน่จะมาชอบเธอซักครั้ง แม้จะต้องหลอกตัวเองก็ตาม ….. โอ้วววววววว มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เชื่อว่าคนที่อินกับคำของยูริคงมีไม่น้อย คนที่เคยประสบเหตุโดนให้ความหวังแบบเจ็บๆ มาแล้ว ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตามคงจะเข้าใจความรู้สึกยูริดี ซีนนี้เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งซีนที่อาจส่งผลไปถึงซีนสำคัญในตอนท้าย[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ (ขอเลยนะครับคุณผู้กำกับ เมื่อถึงตอนนั้นกรุณาทำซีนนั้นออกมาให้ดีที่สุดเพราะมันจะเป็นอะไรที่บีบอารมณ์มาก) ที่สำคัญความรำคาญต่างๆ ที่ผมเคยมีต่อตัวละครอย่างยูรินั้นแทบจะหายไปหมดเลย กลายเป็นว่าผมรักตัวละครของยูริและเริ่มไม่ชอบนิสัยผู้ชายแบบของโน่แทน (จะโดน FC ถล่มไหมนะ เหอๆ)
มาดูเส้นเรื่องอื่นๆ กันบ้าง EP7 เราได้เห็นเส้นเรื่องอื่นถึง 2 เรื่องด้วยกัน คือเรื่องของ โม-กอล์ฟ-โมน และ หนึ่ง-จี๊ด-คม และที่เด็ดไปกว่านั้นคือการลากเส้นเรื่องของตัวละครทั้งหมดให้มาจบกันได้ (แม้จะดูรีบๆ ไปหน่อยก็ตาม) แต่กว่าที่จะมาจบสวยแบบตอนนี้ได้ก็โดนด่าโดยแฟนๆ ปุณณ์-โน่ไปเยอะเหมือนกันเนื่องจากใช้เวลาปูเรื่องยาวหลายสัปดาห์ การมาโผล่แทรกเป็นระยะๆ แบบไร้ที่มาที่ไป แต่สุดท้ายเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะชอบในการแสดงของพวกเขาและเธอที่ดูมีมิติและช่วยเพิ่มสีสันให้กับ Love Sick ไปอีกแบบหนึ่งเช่นกัน
สรุป
ชนะเลิศ: บทบาทและการแสดงที่ดีเยี่ยมของยูริ กับคำพูดที่สะเทือนใจประหนึ่งถูกมีดแทงอกเพราะแทงใจดำมาก
ขอชื่นชม: การหาทางลงให้กับเส้นเรื่องของตัวละครที่ถูกด่ามากที่สุด (เหอๆ) ในแบบที่โอเค พอรับได้และสมเหตุสมผล
เฉยๆ: การแสดงความไม่พอใจของปุณณ์ที่มีต่อโน่เมื่อเห็นกอดกับยูริในสระน้ำ โดยส่วนตัวผมมองว่ามันก็ดีที่มีซีนให้ปุณณ์มาเห็นอะไรแบบนั้นและรู้สึกสับสนเข้าใจผิด แต่สิ่งที่ดูรำคาญนิดๆ คืออีตอนประชดกันหน้าลิฟต์รวมถึงข่มกันเองบนโต๊ะอาหารนั่นแหล่ะ มันจะดีมากถ้าขยายความให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ง๊องแง๊งใส่กันให้มันจบฉากไป พอข้ามไปอีกฉากหนึ่ง อ้าวววว มันคุยกันดีแล้ะ … แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ?
ขวัญใจพ่อยกแม่ยก: ฉากเอิ้นนอนคุยโทรศัพท์เท่านั้น โอยยยยย น้องเงิน พี่ใจไม่ดีเลย เวลาน้องยิ้มทีนี่ฟินแบบวัวตายควายล้ม ว่ากันว่าถ้าบทโน่-ปุณณ์ของกัปตันและไวท์เป็นตัวละครในอุดมคติของสาว Y แล้วล่ะก็ ตัวละครเอิ้น (เงิน) ก็คือตัวละครในอุดมคติของผู้ชายที่เป็นเกย์เช่นกัน เนื่องด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น ความมีเสน่ห์ รวมถึง Sex Appeal ของเงินที่ล้นทะลักเกินเกินตาเพื่อนๆ
สอบตก: การแสดงของกอล์ฟที่ดูยังไงๆ ก็ห่างไกลจากคำว่าแบด จนนี่นึกว่าเพื่อนสาวของโมมาขอนอนห้องด้วย พอมันเป็นแบบนี้เลยทำให้ฉากจูบดูไม่อินเท่าไร
1.2 EP8
เมื่อ EP7 ได้มอบเรื่องราวดราม่าน่าจดจำรวมถึงสร้างทางเลือกให้กับเส้นเรื่องของคู่ชาย-หญิงอื่นๆ ไปแล้ว EP8 ก็คือด้านตรงข้ามกันที่เข้ามาทดแทนช่วงเวลาดราม่าด้วยความน่ารักสดใสของคู่ชาย-ชายอื่นๆ ที่เหล่าแฟนคลับรอคอยมานานแสนนาน (ร้องไห้หนักมาก) ไม่ว่าจะเป็นโมเม้น Morning Kiss ที่หลายคนเฝ้ารอ, การซ้อมดนตรีกันเป็นการส่วนตัวระหว่างโอมกับมิก
และที่ฟินที่สุดยิ่งกว่าคู่ไหนๆ ในปฐพี
เอิ้น-พีท (เงิน-ออกัส) กับการปรากฏตัวแบบแพ็คคู่สองต่อสอง (ที่รอมานาน) แต่สร้างพลังทำลายล้างมหาศาลให้แก่บรรดาผู้ชมจนคาดว่าตอนที่ออนแอร์สดอยู่นั้นน่าจะมีผู้หมดสติคาจอไปไม่ต่ำกว่าแสนคน (ผมก็เวอร์ไปนั่น)
เรียกได้ว่าเป็นคู่เรียกกระแส เรียกบารมีคืนมาจากบรรดาแฟนคลับที่เริ่มห่างหายและหมดศรัทธาใน Love Sick ให้ย้อนกลับมาประเมินซีรีส์นี้ใหม่อีกครั้ง
แล้วคู่พระเอก-นายเอกเราล่ะ
ต้องยอมรับว่าโมเม้นหวานๆ กุ๊กกิ๊กของโน่และปุณณ์หลังจากนี้เป็นต้นไปผมคิดว่ามันอาจจะหาได้ยากขึ้น ไม่ใช่เพราะผู้กำกับทำให้โน่และปุณณ์ไม่สดใสเหมือนซีซั่น 1 หากแต่เมื่อพิจารณาเนื้อเรื่องในนิยายต่อจากนี้ให้ละเอียดจะพบว่าความซับซ้อนทางอารมณ์และความรู้สึกจะกลายเป็นตีมหลักให้แก่พระเอก-นายเอกของเราแทน มันไม่ใช่การตีความให้ต่างไปจากนิยาย แต่เป็นการ “ขยายความ” ความรู้สึกของตัวละครให้ลึกลงไปอีกต่างหาก และผมก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ควรที่จะให้โน่และปุณณ์มีความ conflict ในความรู้สึกที่มีให้กันแทนที่จะมาหวานใส่กันเมื่อวันที่ได้กันใหม่ๆ
เมนโน่-ปุณณ์อย่าเพิ่งน้อยใจล่ะ ผมเชื่อว่าผู้กำกับ “น่าจะ” มีอะไรดีๆ รอเซอร์ไพรส์ให้กับคู่เอกของเราแน่นอน
สรุป
ชนะเลิศ: ฉากเอิ้นกับพีทเป็นคำตอบสุดท้ายและคำตอบเดียว
ขอชื่นชม: การเกลี่ยบทให้กับคู่อื่นๆ รวมถึงการแทรกประเด็นของเอมเข้ามาเรื่อยๆ
เฉยๆ: คู่โอมกับมิก โดยส่วนตัวคิดว่าคนที่เล่นเป็นโอมคนนี้แอคติ้งใหญ่เกินไป อาจต้องรอดูคู่นี้ในตอนต่อๆ ไป
ขวัญใจพ่อยกแม่ยก: เอิ้นกับพีทเท่านั้น
สอบตก: ไม่มี EP นี้รอดทุกคน
2. รีวิวด้านทีมงาน
มาถึงประเด็นข้างนอกกันบ้าง ประเด็นหนักที่เป็นที่พูดถึงมากๆ ของสัปดาห์นี้คงจะเป็นการตัดฉากจูบอันเป็นที่คาดหวังมากๆ ของแฟนๆ ออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ประเด็นนี้คงจะไม่เกิดขึ้นหากคนดูทั้งประเทศไม่ได้โดนสปอยตัวอย่างตอนต่อไปมาตั้งแต่ตอนจบ EP6 สัปดาห์ที่แล้ว มันจะไม่เกิดปัญหาเลยถ้าทีมงานไม่ทิ้งความหวังให้กับคนดูว่าจะเห็นฉากจูบอันดูดดื่ม (หรือเปล่า) ของโน่กับปุณณ์ แต่เมื่อทีมงานให้ความหวังคนดูไว้แล้ว พอถึงวันฉายจริงๆ ฉากนั้นกลับหายไป ผลลัพธ์ที่ได้คือ “โดนคนดูด่าอีกแล้ว”
จุดนี้ยอมรับเลยว่าทีมงานทำพลาดมาก ยิ่งการเซ็นเซอร์ของช่อง MCOT ที่รู้ๆ กันอยู่ว่าค่อนข้างเคร่ง (เกิน) และบางครั้งก็ขึ้นๆ ลงๆ เดาใจไม่ได้ การปล่อยตัวอย่างตอนต่อไปมาหากรู้ว่า 50/50 ไม่แน่ว่าจะผ่านไหม ก็ไม่ควรเลือกฉากจูบมาเป็นตัวอย่าง เพราะการโดนตัดออกฟ้าผ่า (ไม่ว่าจะจากทางช่องเองหรือทางผู้แต่งหรือผู้กำกับเกิดอยากเอาออกเองก็ไม่อาจทราบได้) มันส่งผลให้ทีมงานโดนด่า (มากขึ้นไปอีก) กลายเป็นหลอกลวงผู้บริโภคไปเลย (ตรงนี้ผมไม่มีปัญหาครับ ฉากจูบจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้าจะไม่มีก็ไม่ควรเอามาสปอย) โชคยังดีที่ได้ EP 8 มาแก้เกมได้ทันทำให้กระแสในสัปดาห์นี้ปิดลงที่แดนบวก ไม่โดนแฟนๆ แหกมากนัก อย่างไรก็ตามถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ทางผู้เกี่ยวข้องควรจะเอาไว้เป็น case study
สำหรับประเด็นยิบย่อยอื่นๆ คงต้องรอดูกันต่อไป อยากฝากคนดูหลายๆ คนว่าเห็นใจทีมงานหน่อย อย่าไปแหกเขามาก เหนือสิ่งอื่นใดการที่เราตำหนิซีรีส์เรื่องนี้ (มากเกินพอดี) คือฟี๊ดแบ็คที่เราส่งไปจะเข้าหูนักแสดงโดยตรง ผมว่ามันอาจทำให้น้องๆ เฟลได้ ถึงจุดๆ นี้ก็เรียกได้ว่า Love Sick มาถูกทางแล้ว อยากให้ทีมงานรักษามาตรฐานอย่างนี้ต่อไป ลงบ้าง ขึ้นบ้างไม่เป็นไร (แต่ถ้าป่วยแบบ EP2 นี่ก็ไม่ไหว ผมนี่แหล่ะจะเป็นล็อกอินแรกที่จะเข้ามาด่า)
เจอกันใหม่สัปดาห์หน้า ..... ขออภัยที่มาช้า แหะๆ