สวัดดีครับ ผมเป็นคนลาวน่ะครับ ชื่อสองครับ (ถ้าคำไหนพิมไหมถูกก็ต้องขออภัยด้วย) พอดีมีโอกาศได้อ่านหลายกระทู้แล้ว
คราวนี้เป็นเรื่องของตัวเองบ้าง ไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี แต่ก็ยอมรับเลยนะครับว่าผมเป็นคนที่รักเพศเดียวกัน (แต่ผมไม่แสดงออก 70% ดูไม่ออกแน่ๆ)
เข้าเรื่องเลยนะครับ คือตอนนี้ผมอายุ 24 ปีแล้ว ทำงานแล้ว. เมื่อย้อนไป 3 ปีก่อน ผมก็ยังเรียนอยู่ครับ ปีสุดท้ายแล้ว ก็คือว่าก่อนที่จะขึ้นปีสุดท้ายทุกคนต้องไปผ่านการฝึกงาน แล้วผมเองก็ได้เป็นพนักงานฝึกหัดที่ทะนาคานเอกะชนแห่งหนึ่งเป็นเวลา 3 เดือน ชึ่งแต่ละเดือนก็ต้องได้หมูนเวียนไปอีกแผนกหนึ่ง ชึ่งเดือนแรกมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี พอเดือนที่สองผมก็ได้ย้ายแผนกมาฝึกที่แผนกการตลาด และ ได้มารู้จักกลับพี่คนหนึ่งชื่อพี่เบีย (Beer) เป็นผู้ช่วยหัวหน้าแผนกการตลาด ผมต้องได้เรียนรู้งานกลับพี่เขา ตอนนั้นพี่เขาอายุ 31 ปีแล้ว. พี่เขาสอนงานผมดีมาก คนอื่นก็นิสัยดีมาก ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ทุกวันศุกร์ที่แผนกเราหัวหน้าและทีมงานชอบจะไปทานข้าวกัน ดื่มกันบ้างตามภาษา ผมเป็นคนที่ค้อนข้างจะเข้ากับคนง่าย ผมคุยเก่งเพราะเป็นนักกิจกรรมของคณะ แต่แล้วผมก็สนิทกลับพี่เบียเร็วมาก ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะมีเขาเองก็มีภรรยาแล้ว แต่ยังลูกเพราะว่าพี่เบียและภรรยายังไม่พร้อม ยังสนุกกลับกานเที่ยวกันสองคน.
จุดเลี่มต้นของเรื่องนี้มีอยู่ว่า พอเดือนที่ 3 ที่ผมต้องย้ายแผนกฝึกงาน แต่ผลออกมาว่าผมต้องได้ฝึกงานที่แผนกการตลาดต่อ ผมเองก็ไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะฝึกงานที่แผนกนี้ก็ดีอยู่แล้ว พี่ๆ ทุกคนใจดี. แล้วก็มาถึงอาทิตย์สุดท้ายก่อนที่จะฝึกงานคบ 3 เดือน พอดีตรงกลับวัน Family’s Day ของ Bank นั้นพอดี ก็ได้ไปจัดกิจกรรมกันที่ต่างจังหวัง 3 วัน 2 คืน ไปกันวันศุกร์ตอนบ่าย 3 ถึงสถานที่ก็ประมาณ 6 โมงเย็น ทุกคนก็แยกย้ายกันไปที่ห้องใครห้องมัน ผมได้นอนกลับพี่ต้อม (พี่อีกคนที่อยู่แผนกการตลาด) เราก็เก็บของกันจนเสร็จแล้วก็ลงมาทำกิจกรรมรวมกัน ทานข้าวเย็นเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันขึ้นนอน. วันที่สองก็ตื่นแต่เช้าทำกิจกรรมต่างๆ นาๆ พอตอนเย็นก็มีกานตั้วแคมไฟ ทุกคนก็ดื่มกันอย่างสนุก ตอนนั้นก็เวลาประมาณตี 2 แล้ว ผมก็ขอตัวกลับห้องแล้วก็มีพี่เบียเดีนกลับด้วย พอถึงห้องผมก็เห็นพี่ต้อม และ พวกพี่ๆอีก 5-6 นั่งดื่ม และ เล่นไพ้กัน ไม่รู้ทำไงพี่ต้อมเลยบอกว่าไปนอนห้องพี่เบ๊ยไป พี่เขานอนคนเดียว นอนห้องนี้กว่าผมนอนไม่หลับเพราะพวกพี่เขาเสียงดั่งมาก ผมก็เลยตามเลย หยิบเอาผ้าเช็ดตัวแล้วก็ชุดนอนเดีนตามที่เบียไปที่ห้อง ผมก็อาบน้ำก่อน พี่เบียอาบตามหลัง พออาบน้ำเช็ดพี่เบียก็ชวนคุยต่างๆ นาๆ แล้วพี่เขาถามผมว่า “ผมขอบผู้ขายใช้ไหม” ผมอึ้งไปสักพักแล้วก็ตอบพี่เขาไปว่า “ครับ ผมชอบผู้ชาย” พี่เขาก็ไม่พูดอะไรต่อ แล้วเราก็ปิดไฟนอน แต่ไม่ถึงนาทีพี่เขาก็มากะชิบที่ข้างหูว่า “พี่ชอบสองนะ” เท่านั้นแหละใจผมตั้นเร็วมาก แล้วเราก็มีอะไรกัน. ตื่นเช้ามาพี่เขาก็พูดว่า พี่ไม่ได้เมาน่ะเมื่อคืน พี่ทำไปเพราะความรู้ความรู้สึกจริงๆ น่ะ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่งตัวแล้วก็เดีนกลับไปที่ห้อง เก็บของเตียมตัวกลับ แล้ววันจันทร์ก็ไปฝึกงานตามปกติ วันศุกร์เป็นวันสุดท้ายของกานฝึกงาน หัวหน้าที่แผนกก็บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงส่งให้ เจอกันที่ร้านตอน 1 ทุ่ม. พอถึงร้านก็ดื่มกันปกติ จนถึงเที่ยงคืนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พั่เบียถามผมว่ากลับยฟงไง ผมก็บอกว่าเดียวเพื่อนมารับ พี่เขาบอกว่าเดียวไปส่งโทรบอกเพื่อนไม่ต้องมารับ ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรกลับได้ พี่เขาก็เอียมาว่าบอกเพื่อนไปว่าไม่ต้องมารับ เดียวคืนนี้ค้างที่บ้านพี่ ผมยอมรับน่ะครับว่ารู้สึกดีกลับพี่เขามาก พี่เขาใจดี มีความเป็นผู้ใหย่สูงมาก แล้วผมก็ไปค้างที่บ้านพี่เขา พอเช้าก็ไม่ไปส่งบอกว่าพรุ่งนี้ตอนบ่ายค่อยกลับ ผมก็โทรบอกที่บ้านว่านอนค้างที่บ้านเพื่อน. หลังจากที่ผมฝึกงานเสร็จผมและพี่เบียก็ติดต่อกับเป็นปกติ ก็เราคบกันครับ แต่ไม่ได้เจอกันบ่อย แค่พี่เขาโทรหาทุกวัน เป็นอย่างนี้มา 3 ปีแล้วครับ ยอมรับว่ามีความสุกดี.
แต่พอมาเดือนที่ผ่านมา ผมเพิ่งได้รู้ว่ามีเขาเลิกกลับภรรยาแล้ว เพราะภรรยาบอกว่าพี่เขามีเมยน้อย ผมได้ยินก็ไม่รู้ทำไง แต่ผมไม่ได้ถามพี่เบียเรื่องนี้เลย และ พี่เขาก็ไม่ได้บอกด้วย ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาผมไม่รู้ว่าคอบคัวมีเขามีปัญหาอะไรไหม เพราะไม่ได้เข้าไปวุ้นวายอะไรเลย และ ตอนนี้ผมกลับพี่เบียก็ยังติดต่อกันเป็นปกติ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเราคุยกันนอกจากเอนสะนิทผมเท่านั้น
แต่ที่มาตั้งกระทู้ก็แค่อยากรู้ความคิดเห็นว่า ผมผิดไหม ผมเป็นต้นเหตุหรือเปล่า แล้วผมต้องเลีกกลับพี่เขาไหม คือตอนนี้ผมรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้คอบคัว คอบคัวหนึ่งต้องเลีกลากัน.
ขอบคุณที่อ่านกันน่ะครับ ขอบคุณที่ให้พื้นที่ในกานบอกเล่าเรื่องบางเรื่องที่ผมเองไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง
พี่ชายที่แสนดี ที่มีภรรยาแล้ว.?
คราวนี้เป็นเรื่องของตัวเองบ้าง ไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี แต่ก็ยอมรับเลยนะครับว่าผมเป็นคนที่รักเพศเดียวกัน (แต่ผมไม่แสดงออก 70% ดูไม่ออกแน่ๆ)
เข้าเรื่องเลยนะครับ คือตอนนี้ผมอายุ 24 ปีแล้ว ทำงานแล้ว. เมื่อย้อนไป 3 ปีก่อน ผมก็ยังเรียนอยู่ครับ ปีสุดท้ายแล้ว ก็คือว่าก่อนที่จะขึ้นปีสุดท้ายทุกคนต้องไปผ่านการฝึกงาน แล้วผมเองก็ได้เป็นพนักงานฝึกหัดที่ทะนาคานเอกะชนแห่งหนึ่งเป็นเวลา 3 เดือน ชึ่งแต่ละเดือนก็ต้องได้หมูนเวียนไปอีกแผนกหนึ่ง ชึ่งเดือนแรกมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี พอเดือนที่สองผมก็ได้ย้ายแผนกมาฝึกที่แผนกการตลาด และ ได้มารู้จักกลับพี่คนหนึ่งชื่อพี่เบีย (Beer) เป็นผู้ช่วยหัวหน้าแผนกการตลาด ผมต้องได้เรียนรู้งานกลับพี่เขา ตอนนั้นพี่เขาอายุ 31 ปีแล้ว. พี่เขาสอนงานผมดีมาก คนอื่นก็นิสัยดีมาก ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ทุกวันศุกร์ที่แผนกเราหัวหน้าและทีมงานชอบจะไปทานข้าวกัน ดื่มกันบ้างตามภาษา ผมเป็นคนที่ค้อนข้างจะเข้ากับคนง่าย ผมคุยเก่งเพราะเป็นนักกิจกรรมของคณะ แต่แล้วผมก็สนิทกลับพี่เบียเร็วมาก ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะมีเขาเองก็มีภรรยาแล้ว แต่ยังลูกเพราะว่าพี่เบียและภรรยายังไม่พร้อม ยังสนุกกลับกานเที่ยวกันสองคน.
จุดเลี่มต้นของเรื่องนี้มีอยู่ว่า พอเดือนที่ 3 ที่ผมต้องย้ายแผนกฝึกงาน แต่ผลออกมาว่าผมต้องได้ฝึกงานที่แผนกการตลาดต่อ ผมเองก็ไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะฝึกงานที่แผนกนี้ก็ดีอยู่แล้ว พี่ๆ ทุกคนใจดี. แล้วก็มาถึงอาทิตย์สุดท้ายก่อนที่จะฝึกงานคบ 3 เดือน พอดีตรงกลับวัน Family’s Day ของ Bank นั้นพอดี ก็ได้ไปจัดกิจกรรมกันที่ต่างจังหวัง 3 วัน 2 คืน ไปกันวันศุกร์ตอนบ่าย 3 ถึงสถานที่ก็ประมาณ 6 โมงเย็น ทุกคนก็แยกย้ายกันไปที่ห้องใครห้องมัน ผมได้นอนกลับพี่ต้อม (พี่อีกคนที่อยู่แผนกการตลาด) เราก็เก็บของกันจนเสร็จแล้วก็ลงมาทำกิจกรรมรวมกัน ทานข้าวเย็นเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันขึ้นนอน. วันที่สองก็ตื่นแต่เช้าทำกิจกรรมต่างๆ นาๆ พอตอนเย็นก็มีกานตั้วแคมไฟ ทุกคนก็ดื่มกันอย่างสนุก ตอนนั้นก็เวลาประมาณตี 2 แล้ว ผมก็ขอตัวกลับห้องแล้วก็มีพี่เบียเดีนกลับด้วย พอถึงห้องผมก็เห็นพี่ต้อม และ พวกพี่ๆอีก 5-6 นั่งดื่ม และ เล่นไพ้กัน ไม่รู้ทำไงพี่ต้อมเลยบอกว่าไปนอนห้องพี่เบ๊ยไป พี่เขานอนคนเดียว นอนห้องนี้กว่าผมนอนไม่หลับเพราะพวกพี่เขาเสียงดั่งมาก ผมก็เลยตามเลย หยิบเอาผ้าเช็ดตัวแล้วก็ชุดนอนเดีนตามที่เบียไปที่ห้อง ผมก็อาบน้ำก่อน พี่เบียอาบตามหลัง พออาบน้ำเช็ดพี่เบียก็ชวนคุยต่างๆ นาๆ แล้วพี่เขาถามผมว่า “ผมขอบผู้ขายใช้ไหม” ผมอึ้งไปสักพักแล้วก็ตอบพี่เขาไปว่า “ครับ ผมชอบผู้ชาย” พี่เขาก็ไม่พูดอะไรต่อ แล้วเราก็ปิดไฟนอน แต่ไม่ถึงนาทีพี่เขาก็มากะชิบที่ข้างหูว่า “พี่ชอบสองนะ” เท่านั้นแหละใจผมตั้นเร็วมาก แล้วเราก็มีอะไรกัน. ตื่นเช้ามาพี่เขาก็พูดว่า พี่ไม่ได้เมาน่ะเมื่อคืน พี่ทำไปเพราะความรู้ความรู้สึกจริงๆ น่ะ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่งตัวแล้วก็เดีนกลับไปที่ห้อง เก็บของเตียมตัวกลับ แล้ววันจันทร์ก็ไปฝึกงานตามปกติ วันศุกร์เป็นวันสุดท้ายของกานฝึกงาน หัวหน้าที่แผนกก็บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงส่งให้ เจอกันที่ร้านตอน 1 ทุ่ม. พอถึงร้านก็ดื่มกันปกติ จนถึงเที่ยงคืนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พั่เบียถามผมว่ากลับยฟงไง ผมก็บอกว่าเดียวเพื่อนมารับ พี่เขาบอกว่าเดียวไปส่งโทรบอกเพื่อนไม่ต้องมารับ ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรกลับได้ พี่เขาก็เอียมาว่าบอกเพื่อนไปว่าไม่ต้องมารับ เดียวคืนนี้ค้างที่บ้านพี่ ผมยอมรับน่ะครับว่ารู้สึกดีกลับพี่เขามาก พี่เขาใจดี มีความเป็นผู้ใหย่สูงมาก แล้วผมก็ไปค้างที่บ้านพี่เขา พอเช้าก็ไม่ไปส่งบอกว่าพรุ่งนี้ตอนบ่ายค่อยกลับ ผมก็โทรบอกที่บ้านว่านอนค้างที่บ้านเพื่อน. หลังจากที่ผมฝึกงานเสร็จผมและพี่เบียก็ติดต่อกับเป็นปกติ ก็เราคบกันครับ แต่ไม่ได้เจอกันบ่อย แค่พี่เขาโทรหาทุกวัน เป็นอย่างนี้มา 3 ปีแล้วครับ ยอมรับว่ามีความสุกดี.
แต่พอมาเดือนที่ผ่านมา ผมเพิ่งได้รู้ว่ามีเขาเลิกกลับภรรยาแล้ว เพราะภรรยาบอกว่าพี่เขามีเมยน้อย ผมได้ยินก็ไม่รู้ทำไง แต่ผมไม่ได้ถามพี่เบียเรื่องนี้เลย และ พี่เขาก็ไม่ได้บอกด้วย ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาผมไม่รู้ว่าคอบคัวมีเขามีปัญหาอะไรไหม เพราะไม่ได้เข้าไปวุ้นวายอะไรเลย และ ตอนนี้ผมกลับพี่เบียก็ยังติดต่อกันเป็นปกติ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเราคุยกันนอกจากเอนสะนิทผมเท่านั้น
แต่ที่มาตั้งกระทู้ก็แค่อยากรู้ความคิดเห็นว่า ผมผิดไหม ผมเป็นต้นเหตุหรือเปล่า แล้วผมต้องเลีกกลับพี่เขาไหม คือตอนนี้ผมรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้คอบคัว คอบคัวหนึ่งต้องเลีกลากัน.
ขอบคุณที่อ่านกันน่ะครับ ขอบคุณที่ให้พื้นที่ในกานบอกเล่าเรื่องบางเรื่องที่ผมเองไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง