SEMI-SOLO TRIP ตามโดเรม่อน นอน Airbnb (ฉบับหลงทาง ณ โตเกียว)

เคยคิดไปเที่ยวคนเดียวกันบ้างไหมคะ?
สำหรับตาลแล้ว การไปไหนมาไหนคนเดียวไม่เคยจะมีอยู่ในหัวเลย
เป็นคนที่กลัวการอยู่คนเดียวมากๆ ขนาดจะไปเข้าห้องน้ำยังต้องชวนเพื่อนไป มันคงเป็นเรื่องปกติของสาวๆเนอะ
พอเริ่มโตขึ้น เพื่อนก็เริ่มมีแฟน เริ่มไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน เวลาเราอยากจะไปไหนก็ต้องไปเอง
มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ตาลลองเที่ยวคนเดียวดูบ้างนั่นเอง

จริงๆแล้วทริปญี่ปุ่นนี้ไปแบบกะทันหันมากกกกกกก
เนื่องจากคุณเพื่อน(ปกตินางอยู่ที่เนเธอร์แลนด์) บอกว่าแฟนของนางจะมาเทรนที่โตเกียวแล้วนางจะมาด้วย
ด้วยความที่เราอยากเจอเพื่อน ไม่ได้เจอนางมาหลายปีมาก เกิดปิ๊งไอเดียอยากจะไป
แต่บังเอิ๊ญญญ ตาลสอบเสร็จช้ากว่าวันที่เพื่อนไป
ตาลก็เลยนัดเจอเพื่อนที่โตเกียว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการหลงทางที่ไกลที่สุดในชีวิต…. เต่าเอือม

ตอนไป check-in พี่แอร์กราวแอบแซว อายุเท่าไหร่คะเนี้ย ไปคนเดียวหรอคะ อายุถึงหรือป่าว 5555555
แถมพี่กราวถามอีกว่าอยากนั่งตรงไหน ตาลเลยรีเควสขอตรงไหนก็ได้ที่ไม่มีคนนั่งข้างๆ
พี่กราวก็จัดให้ค่ะ เป็นครั้งแรกที่บินคนเดียวด้วย ตื่นตุ้นนนนน
วิ่งจนถึงเกตล้าววว เห็นคนก่อนหน้าแวะถ่ายรูป งั้นเค้าถ่ายมั่งงง แช๊ะะะะะะ

ขอแอบเม้าท์นิสนุง กว่าจะได้ตั๋วคือนานมากกกก คนข้างหน้าขอเปลี่ยนที่โน่นนี่นั่น
สุดท้ายกว่าจะผ่านด่านสแกนก็ถึงเวลา boarding แล้วค่ะ
พอถึงตรงตม.ยิ่งแทบช็อคคคค คนเยอะมากถึงมากที่สุดในสามโลกหล้า
ในใจคิดว่าตกเครื่องแน่ๆถ้าคนจะเยอะขนาดนี้ แต่โชคยังดีเจอพี่เจ้าหน้าที่เดินมา
ตาลเลยสอบถามว่าจะทำยังไงดี หนูจะ boarding แล้วค่ะ หนูวิ่งไปไม่ทันแน่เลย อ้อนวอนสุดฤทธิ์
พี่เจ้าหน้าที่เลยพาเข้า fast track (ลืมถามชื่อพี่เจ้าหน้าที่มา ขอบคุณมากๆเลยค่ะ กราบงามๆ)
หลังจากนั้นวิ่งหาเกต ทุกคนมองประหนึ่งว่าอิบ้านี่วิ่งขโมยของอะไรมาหรือป่าว 555555

จากตอนแรกที่ขอนั่งคนเดียว กลายเป็นว่าคนข้างๆเป็นหนุ่มญี่ปุ่นหน้าตาดีมากกกก
แต่ไม่กล้าแอบถ่ายรูปเขาค่ะ นางแอบดูโหดอยู่เหมือนกัน เก็บความหล่อของเธอไว้ในใจเราแล้วกันนะ เม่าบัลเล่ต์

ในทริปนี้ตาลใช้มือถือ OPPO N3 ถ่ายทั้งทริปเลยค่ะ ภาพอาจจะไม่สวยเท่าไหร่นะคะ เนื่องจากไม่แต่งภาพค่ะ แค่ย่อรูป
แอบเห็นฟูจิซังลิบๆด้วยแหละ จริงๆภาพที่ได้เห็นกับตามันสวยกว่าในรูปเยอะเลยค่ะ
ใกล้ถึงแล้วสินะ…

หลังจากลงเครื่องผ่านตม.ญี่ปุ่นมาเรียบร้อย ตม.ที่นี่ใจดีมากค่ะ
ตอนแรกตาลคิดว่าเขาน่าจะโหดนะ แต่ที่ไหนได้ ดีกว่าที่ไทยซะอีก
ที่ไทยนี่ตาลสวัสดีเขาก็ทำเฉยๆ ไม่พูดอะไรด้วยเลย แต่ตม.ญี่ปุ่นกลับชวนคุย แล้วก็ผ่านมาได้สบายยยยย
#สำหรับคนที่ไปพัก Airbnb เหมือนตาล แนะนำให้วงเล็บไว้ตรงที่อยู่เลยนะคะ
ตาลเขียนที่อยู่ของโฮสไปเพียวๆ ตม.ก็เลยถามค่ะว่ามันคือที่ไหน พักกับใคร

ด้วยความที่เพื่อนตาลไปลง terminal 2 แต่การบินไทยมันไปลง terminal 1
คุณเพื่อนกลัวตาลหลงค่ะ นางเลยให้ตาลนั่งบัสไปลง terminal 2 แบบนาง ซึ่งจริงๆ terminal 1 ก็มีรถไฟเว่ยแกรรร !
เสียเวลาไปอี๊กกกก ตาลเองก็ผิดด้วยแหละ ตาลถามแล้วแต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
เนื่องจากมีเพียงแค่สกิลภาษาอังกฤษ สกิลญี่ปุ่นไม่มีเลยสักนิดนอกจากคำทักทาย เม่าโศก

ได้มาละตั๋วรถไฟ ไปกันเล้ยยยย

แล้วตาลก็เบลออีก จริงๆแล้วรถไฟญี่ปุ่นคล้ายๆ bts, mrt บ้านเราแหละ เพียงแต่ไม่มีที่กั้น
ไอเราก็ไม่รู้ ไปยืนจ้องๆมองๆอยู่ตั้งนานว่าเสียบตั๋วตรงไหน แถมมันเป็นกระดาษอีก งงเข้าไปใหญ่
สุดท้ายมีคุณลุงญี่ปุ่นมาสอนให้ค่ะ พอตาลเสียบกระดาษเข้าไปปุ๊บ ตาลลากกระเป๋าไปเลยจ้าาาา
คุณลุงเลยวิ่งตามเอาตั๋วมาคืน คืออายมากกกกกกก ก็หนูไม่รู้นี่หน่าาา

หลังจากที่มองๆป้ายอยู่นานว่าเรามารอรถไฟถูกที่หรือปล่าว
หันไปมองคนญี่ปุ่นรอบตัว พวกวัยรุ่นนางยัดหูฟังกันหมดเลยจ้า ก้มหน้างุดๆกดโทรศัพท์
ไอเราก็ไม่กล้าเข้าไปถามสิ หันหลังไปเจอคุณลุงคนเดิมอีกแล้วค่ะ คุณลุงบอกว่าตาลไปทางเดียวกับเขา รอตรงนี้แหละ

ขอปิดหน้านิดนึง สภาพวิ่งกระหอบกระหืด หน้าเพลียมากกกก
คุณลุงคนนี้ใจดีมากค่ะ เป็นเพื่อนคุยมาตลอดทาง
แม้ภาษาอังกฤษของคุณลุงไม่แข็งแรง และภาษาญี่ปุ่นของหนูก็ง่อยมาก แต่ก็พยายามคุยกัน
บอกเลยว่ามีหนังสือไปก็ไม่ค่อยจะช่วยนะ เปิดหาไม่เจอ 55555 อนาถชีวิตมาก
เน็ตก็ไม่มี ด้วยความที่คิดว่าเน็ตที่ญี่ปุ่นมันมีตลอด แต่จริงๆมันไม่ใช่อะ

ทริปนี้เป็นทริปที่ตาลไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยสักอย่าง เพราะเป็นช่วงสอบมิดเทอม
สอบเสร็จปุ๊บรีบกลับบ้านอาบน้ำแต่งตัว ลากกระเป๋ามาสนามบินเลยค่ะ
ตาลคิดว่าถ้าใครที่ไม่มีเวลาเตรียมตัวแบบตาล เช่าเน็ตไปเถอะคุณณณ ชีวิตจะได้สบาย
ทริปนี้ตาลคิดผิดมากๆที่ไม่เช่าเน็ต คืออยากจะประหยัด
แต่กลายเป็นว่าไปหลงทาง เสียค่ากิน ค่ารถไฟ อีกหลายอย่างกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

ถึงล้าวววว สถานี hikifune จริงๆแอบหลงลงสถานีผิดด้วยนะ เลยได้ใช้ wifi ติดต่อเพื่อนว่าใกล้ถึงแล้ว

พอเดินออกมานอกสถานีถึงกับงง ต้องไปทางไหนอะไรยังไงเนี้ยยยย
พอดีมีหนุ่มญี่ปุ่นกรุบกริบยัดหูฟังเดินมาพอดี ตาลรีบปรี่เข้าไปถาม
นางก็ดีนะ รีบถอดหูฟังมาคุย แต่... นางรัวเป็นภาษาญี่ปุ่นจ้าาาา
สักแปปก็มีคุณลุงขี่จักรยานผ่านมา เข้ามาช่วยอีกคนเหมือนว่าเขารู้จักกัน
กลายเป็นว่าตอนนี้สาวไทยมีแต่หนุ่มรุมล้อมช่วยเหลือ ฮาาาา (หลงแล้วยังไม่เจียมอีกนะแก !)
แต่พวกนางแร็ปภาษาญี่ปุ่นกันไม่ยั้งเลยจ้าาา เม่าตกใจ
คิดในใจ พูดอะไรกันวะเนี้ยยยย ฟังไม่รู้เรื่องว้อยยยย

สุดท้ายคุณลุงสละจักรยานให้หนุ่มคนนั้นไป และอาสาเดินไปส่ง
เราก็อาริกาโตะ โค้งไปสิบทีด้วยความซาบซึ้งใจ
ระหว่างเดินลากกระเป๋าไปตามทาง ก็รู้สึกว่าทำไมบ้านเมืองเขาเงียบมากกก
ตาลไปถึงวันอาทิตย์พอดีค่ะ ลากกระเป๋าทีนี่ดังลั่นซอย รู้สึกผิดเลยอะ
หันไปคุยกับคุณลุงดีกว่า เดินไปอีกไกลไหมคะลุง
คุณลุงหันมายิ้มอ่อน อ้อ กิโลกว่าๆเองแหละหนู กรี๊ดดดดดดด

ด้วยความเป็นหญิงไทยใจสู้ เดินก็เดินจ๊ะ กิโลนึงจิ๊บๆเนอะ ถ้าไม่ติดว่ากระเป๋ามันหนักเนี้ย
บางโมเมนต์ตาลก็หิ้วกระเป๋าแทนด้วย กลัวเป็นการรบกวนบ้านอื่นๆ คือมันเงียบมากจริงๆ
แถมไม่มีรถผ่านไม่สักคัน ไม่เจอคนเลยด้วย

เดินไปได้สักพักเหงื่อเริ่มออกและ คุณลุงก็เริ่มงงว่ามาถูกทางไหม
เจอป้อมตำรวจพอดี เราก็นึกว่าคุณลุงคงมาฝากเราไว้ตำรวจแหละมั้ง
ป้าววว ถามทางเฉยๆ โอ้ยยย ซาบซึ้งมากกกกกก
แอบรู้สึกผิดนะ เลยถามคุณลุงว่าวันหยุดไม่ไปไหนหรอ
แกตอบมาว่า บิซี่ๆ อ้าว งงเลยทีนี้ เราก็คิดว่า busy ไม่ว่างหรือปล่าว
ถ้าไม่ว่างแล้วลุงพาเดินมาทำไมเนี้ย แต่สกิลอังกฤษลุงเริ่มไม่ดีและ
คุยเริ่มไม่รู้เรื่อง งั้นเดินเงียบๆตามแกดีกว่า
(ระหว่างนี้ไม่มีรูปเลย กะจะเซฟแบตมือถือไว้คอยเอาแผนที่บ้านโฮสไว้ถามทางค่ะ)

ไฟนอลลี่... มาหยุดที่ซอยๆหนึ่ง ซึ่งบ้านคนญี่ปุ่นเขาทำแบบใช้ประโยชน์ได้เยอะ
ด้านล่างของบ้านเป็นเหมือนโรงซ้อมรถอะไรสักอย่าง เราก็ไม่รู้ว่าใช่ที่นี่ไหม
คุณลุงเริ่มรัวญี่ปุ่นใส่เราอีกละ แปลได้แค่ว่าคิดว่าบ้านมันอยู่แถวๆนี้นะ
ยืนงงกันอยู่สักพักใหญ่ คุณลุงเลยตัดสินใจพาเราไปส่งสถานีใกล้ๆ เพื่อให้เราไป Asakusa


หลังจากมาถึงสถานี Asakusa ตาลก็ออกมาถามเจ้าหน้าที่รถไฟว่าสามารถซื้อซิมเล่นเน็ตได้ที่ไหน
พวกนางพูดอังกฤษแทบไม่ได้เลยจ้าา บอกไว้เลย อย่าคาดหวังว่าจะได้ใช้ภาษาอังกฤษที่นี่มากนัก
พจมานต้องระเห็จออกมาด้านนอกสถานี ถึงแม้เวลาจะ 11 โมงแล้วแต่อากาศก็ยังหนาวๆอยู่เล็กน้อย
ตัดสินใจหาอะไรกินดีกว่า คิดว่าทริปญี่ปุ่นต้องกินซูชิใช่ไหมคะ แต่....

หนูมานั่งกินเบอร์เกอร์ค่าาา เพราะคิดว่าน่าจะมี wifi ฟรี แต่มันไม่มี เสียตังฟรี แถมไม่อร่อยด้วยอะ

เริ่มเครียดแล้วค่ะ หลังจากที่เจอคนดีๆมาทั้งวัน ไม่มีเน็ต ไม่มี wifi ติดต่อเพื่อนไม่ได้เลย
เดินไปเจอ family mart ถามพนักงาน internet wifi อะไรก็ได้ มีบ้างไหม
ไม่มีใครตอบได้เลยค่า แถมคนที่เข้ามาก็บอกว่าพูดอังกฤษไม่ได้สักคน NO NO อย่างเดียว
ที่เสียใจมากคือ พนักงานไม่ช่วยเลย จะไล่เราอย่างเดียว เม่าฝนตก

แต่บุญยังไม่หมดละม้างงงงง เจอหนุ่มฝรั่งคนนึงเข้ามาในร้านค่าาา
เรารีบปรี่ไปถามทันทีคะ แต่เขาก็ทำท่ารังเกียจเราอีกแล้วอะ หรือเขาเห็นเราเป็นโจร?
ตาลเลยอธิบายไปว่าเราหลงกับเพื่อน ติดต่อเพื่อนไม่ได้จริงๆ บีบน้ำตาเต็มที่ ช่วยเถอะนะ พลีสสส
เขาเลยยอมให้เรายืม facebook ติดต่อเพื่อนค่ะ มีการบอกด้วยนะ ให้ยืมแค่ครั้งเดียวนะ เขารีบไปทำงาน

หลังจากนั้นเราเดินออกจาก family ไปนั่งที่ม้านั่งหน้าสถานีรถไฟ นั่งนานนนน จากลมเย็นๆจนแดดเปรี้ยง
เปิดไปเจอ wifi ชื่อร้าน with bunny เหมือนเห็นแว๊บๆว่าอยู่ไม่ไกล งั้นไปใช้ wifi ที่นั่นแล้วกัน

รูปหน้าร้านยืมมาจากอากู๋นะคะ เป็นร้านที่น่ารักมากก พนักงานดีมากกก
เขามีให้เลือกเป็นแพคเกจค่ะ ตาลเลือกแบบ 1000 เยน ถูกสุด สามารถดูและถ่ายรูปได้อย่างเดียว
ที่นี้มีห้องพักด้วยนะคะ ใครสนใจลองหาดูได้เลย ไม่แพงด้วย

ที่เขาให้ตาลอยู่เนี้ย มันอยู่ชั้น 4 ค่ะ ซึ่ง wifi มันไม่ค่อยดี แต่พนักงานก็พยายามเช็คให้
สุดท้ายยยย เราก็สามารถติดต่อกับเพื่อนได้ เย้ เม่าบัลเล่ต์
แต่เน็ตมันก็ติดๆหลุดๆ เราเลยเล่าให้พนักงานฟังว่าเรามาจากไทย เราหลงกับเพื่อน
เขาเลยให้เราไปนั่งข้างล่าง เน็ตมันแรงกว่า พอหย่อนตูดได้สักแปปเพื่อนก็เดินมาพอดี
ตอนนั้นเกือบๆบ่ายสองแล้วค่ะ คือนางเดินมาจากบ้านโฮสค่ะ นั่งรอนานมากกกกก
เห็นหน้านางแล้วดีใจน้ำตาแทบไหล นางรีบวิ่งเข้ามากอดแล้วโอ๋ๆทันที 55555555

ยังค่ะ ประสบการณ์หลงทางของตาลยังไม่หมดเพียงเท่านี้
ขอต่อคอมเม้นด้านล่างนะคะ ยังมีเซอร์ไพร์อีกมากมายในทริป
เป็นกระทู้รีวิวแรกของตาล ภาษาอาจจะไม่ราบรื่นดูน่าอ่านเท่าไหร่
แต่ขอฝากประสบการณ์กากๆไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ เม่าอดีต

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่