สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับการทำคิ้ว ที่เป็นประสบการณ์มาบอกเล่าให้เพื่อนๆเพื่อไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับการทำคิ้ว ก่อนอื่นผมต้องแจ้งก่อนนะครับว่าก่อนหน้านี้ผมเคยลงโพสตามสื่อต่างๆเกี่ยวกับเรื่องราวของผมมาแล้ว ซึ่งในตอนนั้นผมรู้สึกโมโหมาก จึงอาจจะส่งผลกระทบต่อวงการทำคิ้ว แต่ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะดิสเครดิตวงการสักคิ้วแต่อย่างใด เพราะช่างสักที่ฝีมือดีก็มีมากมาย แต่เราอาจจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนทำ ดังนั้นผมอยากให้เรื่องราวของผมได้สะท้อนอีกแง่มุมนึงของการสักคิ้ว เผื่ออาจเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจทำคิ้วนะครับ ผมขอเข้าเรื่องที่ผมจะเล่าเลยนะครับ เพื่อนๆคงสงสัยว่าผมเป็นผู้ชายแต่ทำไมมาทำคิ้ว สาเหตุคือเนื่องจากผมมีปัญหาเกี่ยวกับคิ้วคือ ลักษณะคิ้วของผมจะมีรอยตัด คล้ายๆรอยบากๆตรงหัวคิ้ว ซึ่งจะค่อนข้างเห็นเด่นชัด เชื่อมโยงกับงานของผมต้องพบเจอลูกค้าบ่อยๆ เนื่องจากผมทำธุรกิจส่วนตัว บางครั้งทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจในการพบเจอลูกค้า หรือบุคคลอื่นๆรอบข้าง อีกทั้งส่วนใหญ่ก็มักจะมีคำถามตามมาว่าคิ้วผมไปโดนอะไรมา พอเริ่มทักเยอะๆเข้าผมจึงรู้สึกไม่มั่นใจ ประกอบกับในแง่ของฮวงจุ้ยสำหรับการทำธุรกิจก็จะบอกว่า คิ้วที่มีลักษณะตัด ถือว่าเป็นคิ้วไม่ดีผิดหลักฮวงจุ้ย (สำหรับในส่วนนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ) ดังนั้นผมจึงเริ่มมีความคิดที่อยากสักคิ้ว
***อันนี้คือรูปก่อนที่ผมจะสักคิ้วครับ จะมีรอยตัดยาวๆตรงหัวคิ้ว ถ้าเห็นคิ้วจริงจะชัดมากครับ***
https://drive.google.com/file/d/0B3r_1nCfCXtaNncyLTlMSFUxbUE/view?usp=sharing
และพอดีเมื่อปีที่แล้วช่วงต้นเดือนเมษายน ผมได้ไปรักษาผิวหน้าย่านอโศก และในตึกที่ผมเข้าไปรักษาผิวหน้า ก็คือจะมีร้านสักคิ้วมาเช่าอยู่ในตึกอีกที ผมเลยลองเข้าไปดูเพราะสนใจอยากสักคิ้ว แต่โดยส่วนตัวตอนนั้นผมไม่มีความรู้เรื่องการสักคิ้ว รู้แค่ว่าผู้ชายก็สามารถสักคิ้วได้เท่านั้น พอผมเข้าไปในร้าน ก็จะมีพนักงานขายแนะนำการสักคิ้ว ให้ดูเอกสารต่างๆเกี่ยวกับภาพ review ลูกค้า ดูใบรับรองของผู้สัก และยังบอกอีกด้วยว่าคนที่มาสักให้ ปกตินั้นไม่ได้สักให้ใครง่ายๆ ผมจะได้สักกับคนที่เก่งที่สุด ตอนที่ผมดูผลงานก็จะเห็นทำให้กับ พวกเซเล็ปไฮโซ และเจ้าของเค้าก็มีลงหนังสือออกแนวพวกนิตยสาร เล่มหนาๆ ผมจำชื่อไม่ได้ และสุดท้ายผมก็ตัดสินใจทำ ส่วนราคาที่ทำตอนนั้นอยู่ประมาณ 58,000 ยาทาคิ้วอีก 800 ทำกับระดับอาจารย์ ช่วงที่คุยประมาณเกือบชั่วโมง พนักงานบอกผมว่าสามารถสักได้เลย เพราะอาจารย์คิวว่างพอดี ตอนนั้นประกอบกับผมสนใจที่จะทำอยู่แล้วเลยตัดสินใจทำตอนนั้นเลย
หลังจากคุยกับพนักงานเสร็จ พบก็ได้พบกับคนที่สัก คนสักเป็นคนชาวต่างชาติ คือ ระดับอาจารย์ แต่งตัวดี อารมณ์เซเลปบิตี้ ใส่แว่นกันแดด ระหว่างคุยกัน มีสูทด้วยเต็มยศ หลังจากคุยไม่นาน อาจารย์ก็เอาเอาอะไรมาเขี่ยๆที่คิ้วและวาดให้ดู เค้าวาดให้ผมดูข้างหนึ่ง แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ว่าโอเคหรือเปล่า รู้แค่ว่ามีรอยที่วาดเลยออกมาจากคิ้วจริง ซึ่งก็ไม่รู้เช่นกันว่าอาจารย์จะสังเกตเห็นหรือไม่ พอเค้าออกแบบเสร็จข้างหนึ่งแล้วก็ให้ผมลุกขึ้นมา และถามว่า U OK มั๊ย ตอนที่ถามเค้าให้ผมเอามือปิดคิ้วทีละข้างสลับกันไปมา ผมก็มองดูแล้วว่าคิ้วมันเด่นขึ้นกว่าเดิม ผมก็เลยตอบว่าโอเค หลังจากนั้นเค้าเริ่มกันคิ้ว วาดลายเส้น แปะยาชา ซึ่งใช้เวลานานมาก เพราะเค้าทำไปด้วยและถ่ายรูปไปด้วยเก็บไว้ทุกชอต
หลังจากนั้นพอทำเสร็จเรียบร้อย ผลที่ออกมาคือ บวมช้ำ ทำเสร็จคิ้วดำมาก คำถามแรกที่ผมถามคือ ทำไมคิ้วใหญ่จัง เค้าเลยตอบผมว่าที่คิ้วใหญ่ เพราะว่าเนื้ออักเสบเลยดูใหญ่ ส่วนคิ้วที่เห็นว่าเป็นลายเส้นเลยจริงๆมีแค่ตรงต้นหัวคิ้วกับหางคิ้วนิดเดียว นอกนั้นทื่อๆเป็นปื้นๆ ไม่มีลายเส้นของคิ้วเลย ผมก็ถามไป เค้าก็ตอบมาว่า มันต้องรอผลัดเซลล์ผิวก่อน ผมก็โอเคงั้นค่อยรอดูผลหลังจากผลัดเซลล์ผิว พอทำเสร็จพนักงานก็บอกห้ามโดนน้ำ แต่อาการบวมพนักงานไม่ได้บอกก่อน ว่าจะบวม สรุปคิ้วที่ทำเสร็จทั้งสองข้างทรงคิ้วที่ออกมามีลักษณะเป็นบล็อคขนาดใหญ่ๆ เค้าก็บอกว่าคิ้วแบบนี้เป็นคิ้วอารมณ์ผู้นำยิ่งใหญ่เลยนะ อารมณ์คิ้วมังกร คิ้วผู้นำ หลังจากนั้นเค้าก็ให้ผมถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ตอนนั้นผมรู้สึกเหนื่อยมากเพราะ รวมเวลาที่ทำก็ประมาณ 3-4ชั่วโมง รวมคุยตอนต้นด้วยก็เกือบทั้งวัน พอหลังจากถ่ายรูปเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ก่อนกลับเค้าก็ถามผมว่าเป็นไงhappyมั๊ย ตอนนั้นผมดูไม่ออกเลย เพราะคิ้วดำใหญ่และบวมมาก เราก็ดูไม่ออก แต่ที่ผมไม่ชอบคือทำไมคิ้วล้นออกจากโครงคิ้วเยอะจัง ความหนาของคิ้วหนามากขนาดสองนิ้วเลย
หลังจากทำวันเสาร์คือวันที่ผมไปทำ วันจันทร์ผมไปทำงาน ผมใส่แว่นไปทำงาน ผมต้องใส่แว่นทั้งวัน เพื่อปิดไม่ให้ใครเห็นคิ้ว ต้องรอผลัดเซลล์ผิว แต่มีจังหวะนึงระหว่างวันผมก็เผลอถอดแว่นออก ลูกน้องเห็นก็สงสัยเลยถามผมว่า เฮียไปทำไรมา น้ำเสียงที่ทักก็รู้สึกว่าตกใจและแปลกๆกับคิ้วของผม ผมก็เริ่มแปลกใจเหมือนกัน แต่ผมก็รอจนผลัดเซลล์ผิว เพื่อดูผลอีกที แต่กลับยิ่งทุกข์หนัก เพราะพอผลัดเซลล์ผิวก็ยิ่งแล้วใหญ่ คิ้วยังหนาดำและใหญ่เหมือนเดิม ผมเลยตัดสินใจไปหาแม่ แม่ผมก็ตกใจบอกว่าน่าเกลียด แถมมีตำหนิผมด้วยว่าไปทำมาทำไม ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่โอเค คิ้วของผมที่ออกมาทั้งใหญ่ทั้งน่ากลัว ตอนนั้นผมเครียดมาก ไม่มั่นใจและก็จิตตก
***อันนี้เป็นรูปหลังทำเสร็จตอนผลัดเซลล์ผิวเรียบร้อยแล้ว ตลกและหนามาก***
https://drive.google.com/file/d/0B3r_1nCfCXtaV1REMEU2THJ1dFk/view?usp=sharing
ช่วงอาทิตย์ที่สอง ผมจึงตัดสินใจขับรถมาถึงที่ร้านเพื่อเข้ามาสอบถามและให้ทางร้านเค้ารับผิดชอบ เค้าบอกจะเลเซอร์ขอบที่เกินให้ แต่ต้องรอพักผิวก่อน 2-3อาทิตย์ เค้าอธิบายโดยใช้เครื่องสำอางค์ผู้หญิงผมไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร มาปิดทับขอบและบอกจะเลเซอร์ ตามขอบที่ปิดทับออกให้ ผมก็บอกโอเค และเค้าก็บอกต่อว่าปกติเค้าจะเก็บค่าใช้จ่าย แต่เค้าเห็นว่าผมไม่โอเคกับคิ้วที่ออกมาอย่างมาก เลยไม่คิดค่าใช้จ่าย ระหว่างนั้นผมก็ศึกษาในอินเตอร์เน็ต ผมได้ข้อมูลมาว่า มันต้องพักผิวเป็นเดือนและต้องลบออกให้หมด ลบเฉพาะขอบอย่างเดียวไม่ได้ และข้อมูลที่ผมได้มาเพิ่มอีกคือ การลบคิ้วนั้น ต้องลบโดยหมอเท่านั้น ผมจึงสอบถามทางร้านต่อว่า คนที่จะลบให้ผมเป็นหมอหรือไม่ พนักงานเค้าบอกว่า เจ้าของมีใบรับรอง มีเครื่องราคาเป็นล้าน และคิ้วผมเพิ่งทำใหม่ลบง่าย ระหว่างนั้นเจ้าของก็ไปเวิร์คช็อปต่างประเทศ ลูกน้องก็ตอบไมได้ และให้ข้อมูลอะไรไม่ได้เลย พนักงานเค้าให้ผมเข้าไปดูเครื่องลบเลเซอร์ พอผมไปดู ผมได้เห็นแล้วเครื่องไม่เหมือนราคาเป็นล้านเลย ไม่เหมือนเครื่องใหญ่ๆที่เคยเจอ คนลบก็ไม่ใช่หมอ ผมจึงตัดสินใจว่าไม่ลบ และทางเค้าก็ไม่ได้คุยเรื่องจะรับผิดชอบอย่างอื่น เพิ่มเติมนอกจากจะลบคิ้วให้อย่างเดียว
หลังจากนั้นก็คือจุดเริ่มต้นที่ผมเริ่มโมโห เลยเริ่มตัดสินใจลงข้อมูลเพื่อเป็นอุทาหรณ์ กระจายลงFB ด้วยอารมณ์โมโหอย่างมาก ส่วนมากคนที่เข้ามาถาม จะถามว่าทำไมน่ากลัวจังไม่กล้าสัก นอกจากลงในFBแล้วผมก็ยังได้ส่งข้อมูลไปตามหน้าเว็บต่างๆ ตามร้านสถาบันที่สักคิ้ว ผมแท็กไปตามที่ต่างๆเยอะมาก เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ ตอนนั้นก็มีสถาบันคิ้วเข้ามาคุย ว่าถ้าลบเสร็จจะดูแลให้ คนที่เข้ามาคุยอยู่ในสถาบันสักก็เป็นลูกศิษย์ของร้านที่ผมไปสัก เค้าก็ถามว่าใช่อาจารย์คนนั้นจริงๆหรอ ส่วนที่ที่ผมไปสักพอเกิดเรื่องขึ้นอาจารย์ไม่มีโทรมาคุยกับผมเลย ให้ลูกน้องเป็นคนคุย ระหว่างนั้น ผมก็รอเวลาเพื่อไปลบกับคลินิกศัลยกรรม เพราะผมศึกษามาแล้วว่าการลบคิ้วต้องลบด้วยหมอเท่านั้น เป็นร้านที่ดูแลเกี่ยวกับด้านskin โดยเฉพาะคุณหมอก็บอกว่าน่าจะลบประมาณ 5 ครั้ง ราคาประมาณ 20,000 กว่า ก็ตัดสินใจทำ ครั้งที่ 1 ทำออกมาเยินมาก มันเป็นแผลเหมือนโดนไฟไหม้ มีเลือดซึม สีอมดำๆ บวมๆ ครั้งแรกน่ากลัวหน่อย วันสองวัน พอเริ่มตกสะเก็ด ก็เริ่มจาง พอเดือนนึงก็เริ่มจางลง
***รูปหลังเลเซอร์คิ้วครั้งแรก***
https://drive.google.com/file/d/0B3r_1nCfCXtaY053a2xFUXhkUjg/view?usp=sharing
มาถึงตอนนี้แล้ว การใช้ชีวิตของผมลำบากมาก ตอนนั้นใช้ชีวิตเรียกว่าขาดแว่นกันแดดไม่ได้เลย ใส่แว่นกันแดด ทากันแดด แว่นกันแดดก็ต้องอันใหญ่ๆจะได้ปิดถึงคิ้วได้ พอเจอแดดผิวก็แสบ ตอนกลางคืนก็ยังต้องใส่แว่น เข้าฟิตเนตออกกำลังกายก็ไม่ได้เพราะเหงื่อไหลออกมาโดนบริเวณที่เลเซอร์ก็รู้สึกแสบ ช่วงทำใหม่ๆก็แสบ ถึงจุดนี้ในช่วงนั้นการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปมาก ออกไปไหนก็ลำบาก หลังจากนั้นพออีกเดือนนึง ผมก็ทำครั้งที่2 สรุปผมทำ 7 ครั้งเพราะ 5 ครั้งไม่หาย รวมแล้วรักษาเกือบปี หลังทำมีขนอ่อนๆ บางๆ เริ่มขึ้น และก็ผมไป ซื้อยาปลูกผมมาทาเป็นยาประเภท minoxidil และซื้อสกาแคร์มาใช้เพิ่มเติม
***รูปหลังเลเซอร์ที่เริ่มจางหายไปค่อนข้างเยอะ***
https://drive.google.com/file/d/0B3r_1nCfCXtaY2JnbmtlWGx5ZEk/view?usp=sharing
ระหว่างที่เลเซอร์ผมก็ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับทำคิ้วเพราะผมอยากแก้ใหม่อีกรอบ ผมหาข้อมูลเยอะมาก ผมไม่อยากเป็นเหมือนครั้งแรก หลังจากเรื่องที่เจอมาผมกลายเป็นกูรูคิ้วไปเลย รู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับคิ้วว่าต้องทำยังไง ระหว่างนั้นผมได้มาเจอคลินิกทำคิ้วที่หนึ่ง แถว BTS เอกมัย จากที่ผมดูข้อมูลมา ผมต้องการมาเจอเจ้าของเลยคืออาจารย์เอ ตั้งใจมาทำกับอาจารย์เอ แต่พอมาถึงอาจารย์เอแนะนำดีมากครับ คือทุกคนเข้าใจความรู้สึกใช่มั๊ยครับว่า คิ้วที่ผมไปทำมาในสภาพเยิน และคิ้วอยู่บนหน้าเรา ต้องพบปะผู้คนตลอด ผมรู้สึกเหมือนมีความหวังอีกครั้งครับ อาจารย์บอกกับผมว่าเคสผมไม่ยากเพราะเป็นคนมีคิ้วอยู่แล้ว เติมเพิ่มนิดหน่อยก็ดูดี และบอกผมว่าทีมงานอาจารย์สามารถทำให้ได้ แต่ก่อนที่ผมจะมาทำที่เอดีน่าผมได้พักมาแล้วสามเดือนหลังจากทำเลเซอร์เสร็จ พอผมเข้ามาปรึกษาอาจารย์เสร็จ วันรุ่งขึ้นผมก็เดินทางมาทำ ผมรู้สึกว่าที่นี่มืออาชีพมาก โดยมีคนออกแบบกับคนเพ้นท์แยกกัน ที่เลือกทำที่นี่เพราะตอนหาข้อมูลดูเห็นว่าเปิดมานานดูน่าเชื่อถือและมีเซเล็ปดารามาทำ ดูรูปผลงานต่างๆก็โอเค พอได้เข้ามาทำและได้รับคำแนะนำผมมองว่าที่นี่ไม่ได้คิดกับลูกค้าแบบธุรกิจเพราะถ้าทั่วไปคงแนะนำให้ทำแบบจ่ายแพงแต่อาจารย์แนะนำให้ทำกับทีมงานคือดูที่เคสลูกค้าจริงๆ ในความรู้สึกผมผมว่าที่นี่ดีที่สุดแล้ว ผมชอบคิ้วที่ทำมามาก ทุกคนเห็นไม่มีใครทัก ไม่รู้ว่าเราไปสักมามันเป็นธรรมชาติมาก ตอนนี้การใช้ชีวิตของผมกลับสู่ปกติทุกอย่าง ไม่กลับไปอยู่ให้สภาพที่หมดความมั่นใจ จิตตก ผมเลยอยากมาเล่าให้เป็นอุทาหรณ์ เผื่อเพื่อนๆสนใจทำคิ้ว จะได้หาข้อมูลให้รอบคอบก่อนที่จะไปทำเพราะหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาจะเกิดผลเสียหายตามมาหลายอย่าง อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายแบบไม่ควรเสีย และยังส่งผลกระทบทั้งทางร่างการและต่อสภาพจิตใจ เสียการใช้ชีวิตในแบบปกติ และผมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใคร สุดท้ายนี้ผมต้องขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามกันด้วยนะครับ.....สวัสดีครับ
***รูปหลังทำคิ้วใหม่เรียบร้อยแล้ว***
https://drive.google.com/file/d/0B3r_1nCfCXtaUkpjX0hqQ0JLQUk/view?usp=sharing
อุทาหรณ์สักคิ้ว...ทำชีวิตผมพัง!!!!
***อันนี้คือรูปก่อนที่ผมจะสักคิ้วครับ จะมีรอยตัดยาวๆตรงหัวคิ้ว ถ้าเห็นคิ้วจริงจะชัดมากครับ***
https://drive.google.com/file/d/0B3r_1nCfCXtaNncyLTlMSFUxbUE/view?usp=sharing
และพอดีเมื่อปีที่แล้วช่วงต้นเดือนเมษายน ผมได้ไปรักษาผิวหน้าย่านอโศก และในตึกที่ผมเข้าไปรักษาผิวหน้า ก็คือจะมีร้านสักคิ้วมาเช่าอยู่ในตึกอีกที ผมเลยลองเข้าไปดูเพราะสนใจอยากสักคิ้ว แต่โดยส่วนตัวตอนนั้นผมไม่มีความรู้เรื่องการสักคิ้ว รู้แค่ว่าผู้ชายก็สามารถสักคิ้วได้เท่านั้น พอผมเข้าไปในร้าน ก็จะมีพนักงานขายแนะนำการสักคิ้ว ให้ดูเอกสารต่างๆเกี่ยวกับภาพ review ลูกค้า ดูใบรับรองของผู้สัก และยังบอกอีกด้วยว่าคนที่มาสักให้ ปกตินั้นไม่ได้สักให้ใครง่ายๆ ผมจะได้สักกับคนที่เก่งที่สุด ตอนที่ผมดูผลงานก็จะเห็นทำให้กับ พวกเซเล็ปไฮโซ และเจ้าของเค้าก็มีลงหนังสือออกแนวพวกนิตยสาร เล่มหนาๆ ผมจำชื่อไม่ได้ และสุดท้ายผมก็ตัดสินใจทำ ส่วนราคาที่ทำตอนนั้นอยู่ประมาณ 58,000 ยาทาคิ้วอีก 800 ทำกับระดับอาจารย์ ช่วงที่คุยประมาณเกือบชั่วโมง พนักงานบอกผมว่าสามารถสักได้เลย เพราะอาจารย์คิวว่างพอดี ตอนนั้นประกอบกับผมสนใจที่จะทำอยู่แล้วเลยตัดสินใจทำตอนนั้นเลย
หลังจากคุยกับพนักงานเสร็จ พบก็ได้พบกับคนที่สัก คนสักเป็นคนชาวต่างชาติ คือ ระดับอาจารย์ แต่งตัวดี อารมณ์เซเลปบิตี้ ใส่แว่นกันแดด ระหว่างคุยกัน มีสูทด้วยเต็มยศ หลังจากคุยไม่นาน อาจารย์ก็เอาเอาอะไรมาเขี่ยๆที่คิ้วและวาดให้ดู เค้าวาดให้ผมดูข้างหนึ่ง แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ว่าโอเคหรือเปล่า รู้แค่ว่ามีรอยที่วาดเลยออกมาจากคิ้วจริง ซึ่งก็ไม่รู้เช่นกันว่าอาจารย์จะสังเกตเห็นหรือไม่ พอเค้าออกแบบเสร็จข้างหนึ่งแล้วก็ให้ผมลุกขึ้นมา และถามว่า U OK มั๊ย ตอนที่ถามเค้าให้ผมเอามือปิดคิ้วทีละข้างสลับกันไปมา ผมก็มองดูแล้วว่าคิ้วมันเด่นขึ้นกว่าเดิม ผมก็เลยตอบว่าโอเค หลังจากนั้นเค้าเริ่มกันคิ้ว วาดลายเส้น แปะยาชา ซึ่งใช้เวลานานมาก เพราะเค้าทำไปด้วยและถ่ายรูปไปด้วยเก็บไว้ทุกชอต
หลังจากนั้นพอทำเสร็จเรียบร้อย ผลที่ออกมาคือ บวมช้ำ ทำเสร็จคิ้วดำมาก คำถามแรกที่ผมถามคือ ทำไมคิ้วใหญ่จัง เค้าเลยตอบผมว่าที่คิ้วใหญ่ เพราะว่าเนื้ออักเสบเลยดูใหญ่ ส่วนคิ้วที่เห็นว่าเป็นลายเส้นเลยจริงๆมีแค่ตรงต้นหัวคิ้วกับหางคิ้วนิดเดียว นอกนั้นทื่อๆเป็นปื้นๆ ไม่มีลายเส้นของคิ้วเลย ผมก็ถามไป เค้าก็ตอบมาว่า มันต้องรอผลัดเซลล์ผิวก่อน ผมก็โอเคงั้นค่อยรอดูผลหลังจากผลัดเซลล์ผิว พอทำเสร็จพนักงานก็บอกห้ามโดนน้ำ แต่อาการบวมพนักงานไม่ได้บอกก่อน ว่าจะบวม สรุปคิ้วที่ทำเสร็จทั้งสองข้างทรงคิ้วที่ออกมามีลักษณะเป็นบล็อคขนาดใหญ่ๆ เค้าก็บอกว่าคิ้วแบบนี้เป็นคิ้วอารมณ์ผู้นำยิ่งใหญ่เลยนะ อารมณ์คิ้วมังกร คิ้วผู้นำ หลังจากนั้นเค้าก็ให้ผมถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ตอนนั้นผมรู้สึกเหนื่อยมากเพราะ รวมเวลาที่ทำก็ประมาณ 3-4ชั่วโมง รวมคุยตอนต้นด้วยก็เกือบทั้งวัน พอหลังจากถ่ายรูปเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ก่อนกลับเค้าก็ถามผมว่าเป็นไงhappyมั๊ย ตอนนั้นผมดูไม่ออกเลย เพราะคิ้วดำใหญ่และบวมมาก เราก็ดูไม่ออก แต่ที่ผมไม่ชอบคือทำไมคิ้วล้นออกจากโครงคิ้วเยอะจัง ความหนาของคิ้วหนามากขนาดสองนิ้วเลย
หลังจากทำวันเสาร์คือวันที่ผมไปทำ วันจันทร์ผมไปทำงาน ผมใส่แว่นไปทำงาน ผมต้องใส่แว่นทั้งวัน เพื่อปิดไม่ให้ใครเห็นคิ้ว ต้องรอผลัดเซลล์ผิว แต่มีจังหวะนึงระหว่างวันผมก็เผลอถอดแว่นออก ลูกน้องเห็นก็สงสัยเลยถามผมว่า เฮียไปทำไรมา น้ำเสียงที่ทักก็รู้สึกว่าตกใจและแปลกๆกับคิ้วของผม ผมก็เริ่มแปลกใจเหมือนกัน แต่ผมก็รอจนผลัดเซลล์ผิว เพื่อดูผลอีกที แต่กลับยิ่งทุกข์หนัก เพราะพอผลัดเซลล์ผิวก็ยิ่งแล้วใหญ่ คิ้วยังหนาดำและใหญ่เหมือนเดิม ผมเลยตัดสินใจไปหาแม่ แม่ผมก็ตกใจบอกว่าน่าเกลียด แถมมีตำหนิผมด้วยว่าไปทำมาทำไม ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่โอเค คิ้วของผมที่ออกมาทั้งใหญ่ทั้งน่ากลัว ตอนนั้นผมเครียดมาก ไม่มั่นใจและก็จิตตก
***อันนี้เป็นรูปหลังทำเสร็จตอนผลัดเซลล์ผิวเรียบร้อยแล้ว ตลกและหนามาก***
https://drive.google.com/file/d/0B3r_1nCfCXtaV1REMEU2THJ1dFk/view?usp=sharing
ช่วงอาทิตย์ที่สอง ผมจึงตัดสินใจขับรถมาถึงที่ร้านเพื่อเข้ามาสอบถามและให้ทางร้านเค้ารับผิดชอบ เค้าบอกจะเลเซอร์ขอบที่เกินให้ แต่ต้องรอพักผิวก่อน 2-3อาทิตย์ เค้าอธิบายโดยใช้เครื่องสำอางค์ผู้หญิงผมไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร มาปิดทับขอบและบอกจะเลเซอร์ ตามขอบที่ปิดทับออกให้ ผมก็บอกโอเค และเค้าก็บอกต่อว่าปกติเค้าจะเก็บค่าใช้จ่าย แต่เค้าเห็นว่าผมไม่โอเคกับคิ้วที่ออกมาอย่างมาก เลยไม่คิดค่าใช้จ่าย ระหว่างนั้นผมก็ศึกษาในอินเตอร์เน็ต ผมได้ข้อมูลมาว่า มันต้องพักผิวเป็นเดือนและต้องลบออกให้หมด ลบเฉพาะขอบอย่างเดียวไม่ได้ และข้อมูลที่ผมได้มาเพิ่มอีกคือ การลบคิ้วนั้น ต้องลบโดยหมอเท่านั้น ผมจึงสอบถามทางร้านต่อว่า คนที่จะลบให้ผมเป็นหมอหรือไม่ พนักงานเค้าบอกว่า เจ้าของมีใบรับรอง มีเครื่องราคาเป็นล้าน และคิ้วผมเพิ่งทำใหม่ลบง่าย ระหว่างนั้นเจ้าของก็ไปเวิร์คช็อปต่างประเทศ ลูกน้องก็ตอบไมได้ และให้ข้อมูลอะไรไม่ได้เลย พนักงานเค้าให้ผมเข้าไปดูเครื่องลบเลเซอร์ พอผมไปดู ผมได้เห็นแล้วเครื่องไม่เหมือนราคาเป็นล้านเลย ไม่เหมือนเครื่องใหญ่ๆที่เคยเจอ คนลบก็ไม่ใช่หมอ ผมจึงตัดสินใจว่าไม่ลบ และทางเค้าก็ไม่ได้คุยเรื่องจะรับผิดชอบอย่างอื่น เพิ่มเติมนอกจากจะลบคิ้วให้อย่างเดียว
หลังจากนั้นก็คือจุดเริ่มต้นที่ผมเริ่มโมโห เลยเริ่มตัดสินใจลงข้อมูลเพื่อเป็นอุทาหรณ์ กระจายลงFB ด้วยอารมณ์โมโหอย่างมาก ส่วนมากคนที่เข้ามาถาม จะถามว่าทำไมน่ากลัวจังไม่กล้าสัก นอกจากลงในFBแล้วผมก็ยังได้ส่งข้อมูลไปตามหน้าเว็บต่างๆ ตามร้านสถาบันที่สักคิ้ว ผมแท็กไปตามที่ต่างๆเยอะมาก เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ ตอนนั้นก็มีสถาบันคิ้วเข้ามาคุย ว่าถ้าลบเสร็จจะดูแลให้ คนที่เข้ามาคุยอยู่ในสถาบันสักก็เป็นลูกศิษย์ของร้านที่ผมไปสัก เค้าก็ถามว่าใช่อาจารย์คนนั้นจริงๆหรอ ส่วนที่ที่ผมไปสักพอเกิดเรื่องขึ้นอาจารย์ไม่มีโทรมาคุยกับผมเลย ให้ลูกน้องเป็นคนคุย ระหว่างนั้น ผมก็รอเวลาเพื่อไปลบกับคลินิกศัลยกรรม เพราะผมศึกษามาแล้วว่าการลบคิ้วต้องลบด้วยหมอเท่านั้น เป็นร้านที่ดูแลเกี่ยวกับด้านskin โดยเฉพาะคุณหมอก็บอกว่าน่าจะลบประมาณ 5 ครั้ง ราคาประมาณ 20,000 กว่า ก็ตัดสินใจทำ ครั้งที่ 1 ทำออกมาเยินมาก มันเป็นแผลเหมือนโดนไฟไหม้ มีเลือดซึม สีอมดำๆ บวมๆ ครั้งแรกน่ากลัวหน่อย วันสองวัน พอเริ่มตกสะเก็ด ก็เริ่มจาง พอเดือนนึงก็เริ่มจางลง
***รูปหลังเลเซอร์คิ้วครั้งแรก***
https://drive.google.com/file/d/0B3r_1nCfCXtaY053a2xFUXhkUjg/view?usp=sharing
มาถึงตอนนี้แล้ว การใช้ชีวิตของผมลำบากมาก ตอนนั้นใช้ชีวิตเรียกว่าขาดแว่นกันแดดไม่ได้เลย ใส่แว่นกันแดด ทากันแดด แว่นกันแดดก็ต้องอันใหญ่ๆจะได้ปิดถึงคิ้วได้ พอเจอแดดผิวก็แสบ ตอนกลางคืนก็ยังต้องใส่แว่น เข้าฟิตเนตออกกำลังกายก็ไม่ได้เพราะเหงื่อไหลออกมาโดนบริเวณที่เลเซอร์ก็รู้สึกแสบ ช่วงทำใหม่ๆก็แสบ ถึงจุดนี้ในช่วงนั้นการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปมาก ออกไปไหนก็ลำบาก หลังจากนั้นพออีกเดือนนึง ผมก็ทำครั้งที่2 สรุปผมทำ 7 ครั้งเพราะ 5 ครั้งไม่หาย รวมแล้วรักษาเกือบปี หลังทำมีขนอ่อนๆ บางๆ เริ่มขึ้น และก็ผมไป ซื้อยาปลูกผมมาทาเป็นยาประเภท minoxidil และซื้อสกาแคร์มาใช้เพิ่มเติม
***รูปหลังเลเซอร์ที่เริ่มจางหายไปค่อนข้างเยอะ***
https://drive.google.com/file/d/0B3r_1nCfCXtaY2JnbmtlWGx5ZEk/view?usp=sharing
ระหว่างที่เลเซอร์ผมก็ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับทำคิ้วเพราะผมอยากแก้ใหม่อีกรอบ ผมหาข้อมูลเยอะมาก ผมไม่อยากเป็นเหมือนครั้งแรก หลังจากเรื่องที่เจอมาผมกลายเป็นกูรูคิ้วไปเลย รู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับคิ้วว่าต้องทำยังไง ระหว่างนั้นผมได้มาเจอคลินิกทำคิ้วที่หนึ่ง แถว BTS เอกมัย จากที่ผมดูข้อมูลมา ผมต้องการมาเจอเจ้าของเลยคืออาจารย์เอ ตั้งใจมาทำกับอาจารย์เอ แต่พอมาถึงอาจารย์เอแนะนำดีมากครับ คือทุกคนเข้าใจความรู้สึกใช่มั๊ยครับว่า คิ้วที่ผมไปทำมาในสภาพเยิน และคิ้วอยู่บนหน้าเรา ต้องพบปะผู้คนตลอด ผมรู้สึกเหมือนมีความหวังอีกครั้งครับ อาจารย์บอกกับผมว่าเคสผมไม่ยากเพราะเป็นคนมีคิ้วอยู่แล้ว เติมเพิ่มนิดหน่อยก็ดูดี และบอกผมว่าทีมงานอาจารย์สามารถทำให้ได้ แต่ก่อนที่ผมจะมาทำที่เอดีน่าผมได้พักมาแล้วสามเดือนหลังจากทำเลเซอร์เสร็จ พอผมเข้ามาปรึกษาอาจารย์เสร็จ วันรุ่งขึ้นผมก็เดินทางมาทำ ผมรู้สึกว่าที่นี่มืออาชีพมาก โดยมีคนออกแบบกับคนเพ้นท์แยกกัน ที่เลือกทำที่นี่เพราะตอนหาข้อมูลดูเห็นว่าเปิดมานานดูน่าเชื่อถือและมีเซเล็ปดารามาทำ ดูรูปผลงานต่างๆก็โอเค พอได้เข้ามาทำและได้รับคำแนะนำผมมองว่าที่นี่ไม่ได้คิดกับลูกค้าแบบธุรกิจเพราะถ้าทั่วไปคงแนะนำให้ทำแบบจ่ายแพงแต่อาจารย์แนะนำให้ทำกับทีมงานคือดูที่เคสลูกค้าจริงๆ ในความรู้สึกผมผมว่าที่นี่ดีที่สุดแล้ว ผมชอบคิ้วที่ทำมามาก ทุกคนเห็นไม่มีใครทัก ไม่รู้ว่าเราไปสักมามันเป็นธรรมชาติมาก ตอนนี้การใช้ชีวิตของผมกลับสู่ปกติทุกอย่าง ไม่กลับไปอยู่ให้สภาพที่หมดความมั่นใจ จิตตก ผมเลยอยากมาเล่าให้เป็นอุทาหรณ์ เผื่อเพื่อนๆสนใจทำคิ้ว จะได้หาข้อมูลให้รอบคอบก่อนที่จะไปทำเพราะหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาจะเกิดผลเสียหายตามมาหลายอย่าง อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายแบบไม่ควรเสีย และยังส่งผลกระทบทั้งทางร่างการและต่อสภาพจิตใจ เสียการใช้ชีวิตในแบบปกติ และผมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใคร สุดท้ายนี้ผมต้องขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามกันด้วยนะครับ.....สวัสดีครับ
***รูปหลังทำคิ้วใหม่เรียบร้อยแล้ว***
https://drive.google.com/file/d/0B3r_1nCfCXtaUkpjX0hqQ0JLQUk/view?usp=sharing