สวัสดีค่ะวันนี้มาขอแชร์ประสบการณ์จิบเบียร์ ณ ประเทศเยอรมณี ดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องเบียร์!!

เมื่อกันยายนปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปเยือนเยอรมัน แถมด้วยประเทศสวิส และออสเตรีย เป็นทริปแบ็คแพ็คไปยุโรปครั้งแรก เลเวลความตื่นเต้นล้นหลาม แต่แฟนกลับตื่นเต้นยิ่งกว่าเพราะช่วงเวลาที่ไปนั้นตรงกับเทศกาลเบียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก Oktoberfest festival ณ กรุงมิวนิค โดยส่วนตัวแล้วก็มารู้จักเทศกาลนี้ตอนที่ไปเที่ยวครั้งนี้เลยค่ะ

---

Oktoberfest  เป็นเทศกาลประจำปี จัดขึ้นเป็นเวลา 16 วัน ในเมืองมิวนิกประเทศเยอรมนี จัดขึ้นปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ถือเป็น 1 ในเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยอรมนีและเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของโลก กับผู้เข้าร่วมเทศกาล 6 ล้านคนทุกปี และมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของบาเยิร์นเทศกาลดั้งเดิมจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1810 โดยจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองงานอภิเษกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารลุดวิคกับเจ้าหญิงเทเรซ   ข้อมูลจากวิกิพีเดีย

---

นิยามอย่างง่ายของงานนี้คือการจับเอาโรงเบียร์ของเบียร์แต่ละยี่ห้อมาตั้งไว้ในสถานที่เดียวกัน ใครชอบยี่ห้อไหนก็เข้าโรงเบียร์นั้น ถ้าชอบทุกยี่ห้อก็มาทุกวันจัดให้ครบ เมากันตั้งแต่กลางวันยันกลางคืน

---

สถานที่จัดงานอยู่ที่ Theresienwiese เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ ประมาณ 3 เท่าของลานเบียร์เซ็นทรัลเวิลด์ วิธีไปไม่ยากเย็นอะไร เพียงแค่นั่งรถไฟใต้ดิน หรือที่เรียกว่า U-Bahn ลงที่สถานี Theresienwiese แล้วเดินตามผู้คนจำนวนมาก (แทบจะทั้งหมด) ดูไม่ยากว่าใครมางาน Oktoberfest เพราะเค้าเหล่านั้นจะแต่งตัวด้วยชุดประจำชาติ ลักษณะคล้ายชุดชาวนา ชาวไร่ สมัยก่อน ชุดผู้หญิงเรียกว่า dirndl ส่วนชุดผู้ชายไม่แน่ใจว่าเป็น Tracten รึป่าวนะคะ พอคนในงานส่วนใหญ่ใส่ชุดแบบนี้ บ้างก็ใส่หมวกแฟนซีที่มีขายในงาน ทำให้บรรยากาศยิ่งคึกคักขึ้นไปอีก

นอกจากโรงเบียร์หน้าตาสวยงามเกร๋ไกร๋ ยังมีเครื่องเล่นทั้งหวาดเสียวและเครื่องเล่นสายแบ๋วให้เล่นกันแก้เบื่อ มีซุ้มยิงปืน เล่นเกมส์เพื่อชิงตุ๊กตา เหมือนกับงานวัดบ้านเรา แต่เครื่องเล่นดูปลอดภัยและอลังการกว่า


บูทขายของส่วนใหญ่เป็นบูทขายของที่ระลึก จำพวกหมวก แก้ว mug เสื้อยืด และช็อกโกแล็ตแผ่นรูปหัวใจเพ้นลายด้วยน้ำตาลสีหลากหลายขนาดตามราคาถือเป็นสัญลักษณ์ของงานนี้เพราะไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหน จึงจัดมาหนึ่งแผ่นเป็นที่ระทึก



หากเดินอยู่เกิดหิวสามารถซื้ออาหารได้จากบูท อาหารก็เป็นเบอร์เกอร์ สเต็ก ไส้กรอก ขาหมู ตามประสาอาหารเยอรมัน ถ้าใครอยากประหยัดตังแนะนำให้ซื้อกินจากบูทเหล่านี้ เพราะราคาอาหารในโรงเบียร์หนักเอาการค่ะ



พอเข้าไปในโรงเบียร์ บรรยากาศคึกครื้นตลาดแตก โรงเบียร์แต่ละโรงขนาดใหญ่มากสามารถจุคนได้หลายร้อย แต่ย้ำว่าทุกโต๊ะนั้นเบียดเสียดไปด้วยผู้คน หากใครไม่มีโต๊ะและไม่มีเพื่อนก็เมคเฟรนกันตรงนั้นแล้วขอนั่งด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะไม่มีใครถือสาใคร งานนี้มาเมาอย่างเดียว ช่างเป็นอะไรที่ฟินมาก กินเบียร์ไปตบโต๊ะร้องเพลงตามเสียงดนตรีสดที่บรรเลงอย่างก้องกังวาล




อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ตกใจคือ ขนาดของแก้วเบียร์ที่นี่ เรียกว่า mug สามารถจุเบียร์ได้ 1 ลิตร คาดว่าคงเป็นขนาดที่พอดีมือของฝรั่ง แต่พอมาอยู่ในมือสาวไทยตัวเล็กๆถือว่าใหญ่เสมือนจะมุดหน้าลงไปได้ จัดไปแก้วเดียวก็เคลิ้มกันไปเลย
ราคาเบียร์ ตกอยู่ที่ mug ละ 9-10 ยูโร แพงกว่าราคาในโรงเบียร์ปกติที่ขาย mug ละประมาณ 5 ยูโร แต่คิดซะว่าราคาที่แพงขึ้นคือการซื้อบรรยากาศ เพราะไม่สามารถหาได้จากร้านปกติ



เรามางานนี้ 3วัน ได้มาเห็นบรรยากาศทั้งกลางวันกลางคืน และเกย์เดย์ ที่ทำเอาแทบอ้วกกับพฤติกรรมการแสดงความรักของชาวสีม่วงทีเปิดเผยไม่มีปิดบัง อย่างไรความรักก็เป็นสิ่งสวยงาม รอยจูบระหว่างชายกับชายก็ถือเป็นเรื่องดีกว่าการที่เค้าต่อยตีกัน เพียงแต่น่าขนลุกเท่านั้นเอง



เบียร์ยี่ห้อดังและเก่าแก่ของมิวนิคคือยี่ห้อ HOFBRAU แต่เบียร์ที่เป็นที่นิยมของชาวเยอรมันจริงๆแล้ว คือ LOWENBRAU ข้อมูลนี้ได้มาจากเพื่อนชาวเยอรมันที่เจอกันในโรงเบียร์คาดว่าน่าจะเชื่อถือได้



เอาเป็นว่าหากใครเป็น Beer Lover แนะนำว่าไม่ควรพลาดเทศกาลนี้ค่ะ ขนาดคนที่ไม่ได้รักการดื่มเบียร์มากมายยังฟินจนอยากจะกลับไปสัมผัสอีกสักครั้ง