จะเรียกว่าเพื่อน ก็ไม่ถูกนะคะ คนรู้จักแล้วกัน ชื่อน้ำหวานค่ะ น้ำหวานบ้านอยู่แถวอพาร์ทเม้นท์ที่เราพักอยู่ รู้จักกันมา 5-6 ปี ตามเวลาที่เราอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์นี้
น้ำหวานสนิทกับแม่บ้านที่อพาร์ทเม้นท์ค่ะ ก็เลยรู้จักเรา เค้าบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับเรา เห็นเราท่าทางเรียบร้อย แต่เราไม่อยากเป็นเพื่อนน้ำหวานน่ะสิคะ ขอเกริ่นก่อนนะคะ เราจบ ป.ตรี มหาลัยของรัฐอันดับต้นของเมืองไทย อายุ 40 แล้ว ทำงานบัญชี บ. เอกชน เงินเดือน 20,000 เริ่มเรื่องเลยนะคะ น้ำหวานอายุ 30 แล้วค่ะ จบ ปวส. ตั้งแต่จบมาก็ไม่เคยทำงานค่ะ เพราะหางานทำไม่ได้ ความรู้ไม่มีความสามารถทำอะไรก็ไม่ได้ เกาะพ่อเกาะแม่กินไปวันๆ อันดับแรกที่ไม่ชอบคือพฤติกรรมเรื่องผู้ชายค่ะ น้ำหวานเล่าให้เราฟังว่า เค้าจะหนีแม่ออกมาตอน 4 ทุ่มเพื่อมาหาแฟนที่รอหน้าปากซอย แล้วก็ไม่นอนค้างบ้านแฟน ตอนเช้า ตี 5 แฟนจะขับมอไซค์มาส่งค่ะ เราไม่ชอบพฤติกรรมเหลวแหลกแบบนี้ น้ำหวานชอบมาบ่นให้เราฟังบ่อยๆ ค่ะ ว่า เนี่ย คบกันมา 5 ปี มีอะไรกันทุกวัน ยกเว้นวันที่มีประจำเดือน แต่ผู้ชายไม่ยอมมาขอสักที อายชาวบ้านแถวนี้ เค้าไม่ได้ใช้คำสุภาพแบบนี้หรอกนะคะ แบบพื้นบ้านมากๆ ค่ะ เราก็คิดนะ เออ อายชาวบ้าน แต่ก็กล้าทำเนอะ อายเค้าก็ไม่ต้องออกไปกับผู้ชายสิคะ แล้วก็ชอบบ่นผู้ชายไม่มาขอสักที ได้ฟรี ใครมันก็เอาทั้งนั้นแหละค่ะ ใครอาจบอกว่ามันเรื่องส่วนตัวเค้า แต่เราไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ รังเกียจเลยแหละค่ะ ไม่ได้บอกว่าคนทีอะไรกับแฟน ไม่ดีนะคะ แต่พฤติกรรมแบบนี้ไม่ไหว เราไม่อยากสุงสิงด้วย เป็นแฟนกันมีเรื่องให้ทำเยอะแยะ กินข้าว ดูหนัง เดินเล่น ไม่ใช่คบกันแล้วมีแต่เรื่องอย่างว่า คือน้ำหวานคบแฟนมา 5 ปี นอนจากหนีไปตอนกลางคืนแล้ว ไม่เคยมีกิจกรรมอะไรอย่างอื่นร่วมกันกับแฟนเลยค่ะ เจอหน้ากันทีไร ก็คุยแต่เรื่องนี้กับเราตลอด แล้วพอเรามีแฟน ซึ่งแค่ไปมาหาสู่กัน น้ำหวานรู้ ก็ชอบพูดกับเราบ่อยๆ ค่ะ ว่าเป็นแฟนกัน ไม่มีไรกัน แล้วจะเป็นแฟนไปทำไม จะหาว่าเราหัวโบราณก็ได้ แต่เราไม่มีค่านิยม มีไรกันก่อนแต่งค่ะ แต่ก็ไม่ได้ว่าผู้หญิงที่มีไรกับแฟนไม่ดี แต่พฤติกรรม ที่จ้องแต่จะมีไรกัน มองว่าการมีไรกันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วน้ำหวานนี่ตอนแรก หนีไปอยู่บ้านผู้ชายนะคะ งานการก็ไม่มีทำ งานบ้านก็ไม่ช่วย มาเล่าให้เราฟังค่ะ ว่าพ่อผู้ชาย ใช้ให้ ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน หนูไม่ทำ เค้าก็ด่าหนู ไล่หนูออกจากบ้าน เลยต้องกลับมาอยู่กับแม่ แล้วใช้วิธีไปหาแฟนตอนกลางคืนแทน คงขี้เกียจตัวเป็นขนแหละค่ะ นี่ไม่ไหวค่ะ เรื่องที่สองคือการแต่งตัวค่ะ อย่างที่บอกเราเป็นคนเรียบร้อย แต่น้ำหวานแต่งตัวได้สก๊อยมากค่ะ แต่งตัวมอซอ มะซอมมะซ่อ ใส่เสื้อแขนกุด กางเกงสั้นเสมอหู แล้วเค้าไม่ใช่คนสวยนะคะ เค้าแบบชาวบ้านมากๆ อ้วนๆ ดำๆ เห็นแล้วขัดใจค่ะ ไม่ได้แบ่งชนชั้น แต่คนเรามันแบบคนละสังคม คนละพื้นฐานชีวิตจริงๆ เรื่องที่สาม ก็เรื่องงานค่ะ เค้าหางานทำไม่ได้ ประกอบกับไม่ยอมทำงานด้วย เกาะพ่อแม่กันไปวันๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งเราออกมีปัญหาเรื่องงานเลยลาออก แม่บ้านเห็นเราอยู่อพาร์ทเม้นทุกวันก็ไม่เล่าให้น้ำหวานฟัง น้ำหวานก็มาถามเรา เราก็ไม่ใช่คนที่โกหกเก่งอะไร ก็เล่าความจริงให้ฟังทุกอย่าง เค้าก็บอกให้เราไม่สมัครงานโรงงานเย็บผ้านท้ายซอย คือไม่ใช่โรงงานใหญ่โตนะคะ เป็นตึกแถวแล้วก็จ้างคนงานมาเย็บผ้า ตำแหน่งที่เค้าให้เราไปสมัครก็คนงานแหละค่ะ เราโกรธมากนะคะ เราระดับไหน จบอะไรมา ให้ไปทำงานแบบนั้น แต่ก็ได้แต่พูดไปว่าไม่ไปหรอก เค้าก็ตะคอกเราค่ะ ว่า น่ารำคาญ ทำอะไรไม่เป็น โอย หล่อนทำเป็นมากเลยนะยะ ทำไมไม่ไปสมัครเองเลยล่ะ นอนเกาะพ่อแม่กินมาเกือบ 10 ปีทำไม หลังจากนั้นไม่นานก็มาให้เราไปสมัครงานบัญชี ร้านขายของแบบห้องแถวค่ะ เราก็เหมือนเดิมอีก ชั้นระดับไหน ให้ไปทำงานแบบนั้น แต่ก็ไม่พูดไร น้ำหวานกับพี่สาว ก็ยังพูดอีกว่า เค้าให้เงินเดือนตั้ง หมื่นนึงเลยนะ โอย แค่หมื่นเดียว แต่ก็คงมากสำหรับพวกเค้าแหละค่ะ เพราะคงไม่มีปัญญาหางานหลักหมื่นได้ เราก็หางานอยู่พักนึง ช่วงนั้นน้ำหวานก็ชอบพูดว่า สมน้ำหน้า ออกจากงานมาทำไม ขนาดหนูยังหางานทำไม่ได้ แล้วพี่จะหาได้ยังไง ฟังแล้วแบบของขึ้นอย่างแรง คือเค้าพูดบ่อยมาก พูดทุกครั้งที่เจอหน้า เหมือนเค้าไม่รู้ว่าเรากับเค้าเทียบกันไม่ได้ แล้วเหมือนว่าเค้าต่ำต้อย เค้าก็พยายามจะกดให้เราต่ำไปด้วย หลังจากนั้นไม่นานเราก็ได้งานใหม่ค่ะ เงินเดือน 2 หมื่น น้ำหวานรู้ ก็ชอบมาเลียบๆ เคียงๆ ถามค่ะ ว่าเค้ารับคนเพิ่มอีกป่าว พี่ฝากงานให้หนูหน่อย เราก็แบบ โห หล่อน จะทำงานบริษัทใหญ่โต ก็ได้แต่บอกไปว่า เค้าเอาคนทำคอมพิวเตอร์เป็น น้ำหวานก็พูดให้เราโกรธอีกแล้วค่ะ บอกว่า พี่ก็ทำไม่ค่อยเป็นไม่ใช่เหรอ เค้ายังรับพี่เลย โห รู้ได้ไงยะ ว่าชั้นทำอะไรไม่เป็น ชั้นระดับมือโปรเลยนะ คือไม่ชอบค่ะ คนไม่มีการศึกษา คนชั้นต่ำ แล้วชอบมาเปรียบเทียบกับเรา พยายามกดให้เราต่ำเหมือนเค้า เรื่องที่สี่ก็เรื่องการศึกษาและสภาพความเป็นอยู่ค่ะ บ้านน้ำหวานจบแค่ ป.6 กันทั้งบ้าน ที่บ้านก็ไม่ได้ทำไร พ่อแม่แก่แล้วอยู่บ้านเฉยๆ พี่ชายก็ไม่รู้ทำไร แต่เค้าอยู่บ้านทั้งวัน ไม่เคยเห็นออกไปทำงานที่ไหน พี่สาวขายข้าวแกงค่ะ ขายเฉพาะช่วงเย็น ทำแกง แค่ 3 หม้อ บ้านเค้าจะเป็นบ้านไม้ ปลูกอยู่ในบริเวณเดียวกัน 3 หลัง บ้านพี่สาวที่ขายข้าวแกง อยู่ติดถนน บ้านอีกหลัง พี่ชาย 3 คน อยู่กับครอบครัว สภาพสลัมมากๆ ค่ะ หนึ่งครอบครัว พ่อแม่ลูก อยู่กัน ครอบครัวล่ะห้อง ส่วนอีกหลัง พ่อแม่อยู่ข้างล่าง น้ำหวานอยู่ข้างบนคนเดียว สบายหน่อย บ้านเค้าจะแบบรกๆ สกปรกมากๆ เลอะเทอะ สกปรก ข้าวของวางรกเกะกะมากๆ ครัวหลังบ้านเราเคยเข้าไป เป็นลานซีเมนต์ น้ำนอง ตะไคร่เกาะ เครื่องครัววางเกะกะ สกปรก ฝุ่นเต็ม เราไม่เคยซื้อกับข้าวร้านน้ำหวานเลยค่ะ กินไม่ลง เคยไปดูตอนพี่สาวเค้าทำด้วย น้ำหวานจะชอบชวนเราคุยแล้วให้เข้าบ้านค่ะ เห็นพี่สาวเค้าทำครัว ผักไม่เคยล้าง ออกมาจากถุงก็หั่นเลย อีกอย่างเค้าทำแต่พวกแกงป่าๆ ค่ะ กินไม่เป็น ผัดเผ็ดปลาดุก ผัดกบ ผัดเครื่องใน พูดจาก็กระโชกโฮกฮากตามประสาแม่ค้า ..ก..ู ..ึง ..ีเหี้..ย คุยกันแบบนี้ค่ะ รับไม่ได้ แต่เค้าไม่เคยใช้คำพูดแบบนี้กับเรานะคะ แต่เค้าคุยกันเอง แล้วน้ำหวานคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ก็คุยแบบนี้แหละค่ะ เพื่อนน้ำหวานแต่ละคน ท้องก่อนแต่งกันทุกคนค่ะ ชอบมาเล่าให้เราฟังบ่อยๆ น้ำหวานเหมือนจะมีปมเรื่องทำงาน ชอบพูดตะคอกแบบข่มเราบ่อยๆ ว่า ทำงานได้เงินเดือน 2 หมื่นแล้วไง ก็เป็นขี้ข้าเค้า ที่หนูไม่ได้ทำงานเพราะหนูไม่อยากทำเอง ทำงานอยู่บ้านสบายกว่า เป็นเจ้านายตัวเองด้วย แต่ที่เห็นนี่คือไม่ทำไรนะคะ นอนตื่นสาย นอนคลุกอยู่ในห้องดูทีวีทั้งวัน ที่รู้เพราะน้ำหวานชอบชวนเราไม่ดูทีวีที่ห้องค่ะ สายๆ ก็จะโทรมาแล้ว พอตกบ่ายสามก็ไปบ้านพี่สาว ก็ไม่ทำไรค่ะ พี่สาวเข้าครัวเริ่มทำกับข้าว น้ำหวานก็ไปนอนดูทีวีรอ พอพี่สาวทำเสร็จก็ช่วยกันยกไปหน้าบ้าน แล้วก็นั่งหน้าบ้าน แกง 3 หม้อ ขายกัน 3 คน พี่สาว น้ำหวาน หลานสาว พี่สาวตัก น้ำหวานมัดถุง หลานเก็บเงิน คือ บ้านนี้มันว่างงานกันมากค่ะ เลยต้องมาช่วยงานกันหมด วันๆ ไม่ทำไร แล้วมาบอกว่า พี่สาวให้หนูวันละ 300 เราไม่เชื่อหรอกค่ะ ลูกจ้างร้านข้าวตามสั่ง ทำงานมือเป็นระวิงไม่หยุด ทำของ เตรียมของ เสริฟ ล้างจาน แต่นี้น้ำหวานไม่ทำไรเลย นั่งๆ นอนๆ แล้วพี่สาวเค้าขายได้วันละ ประมาณ 1200 ยังไม่หักต้นทุน จะเอาเงินทีไหนมาให้วันละ 300 คะ แล้วถ้าได้เยอะจริง ทำไมมาขอทำงานกับเราล่ะคะ อยากทำงานออฟฟิศ อยากได้เงินหมื่น แต่ไม่มีปัญญาค่ะ นี่หลานสาวลูกพี่สาว จบ ม. 3 ก็ไม่ได้เรียนแล้วค่ะ ออกมาจะปี แล้ว ก็ไม่ทำไร สก็อยเหมือนน้าค่ะ แขนกุด สั้นเสมอหูเหมือนกัน แค่หลานยังสาว หุ่นก็พอใช้ได้ ไม่แคล้วเหมือนน้าค่ะ แล้วที่ออกมาไม่ใช่ไม่มีเงินนะคะ แต่เค้าไม่เห็นค่าของการศึกษาค่ะ คือเค้าไม่รู้จะเรียนสูงๆ ไปทำไม คิดแต่ว่ามีงานขายของแล้ว ไม่ต้องเรียนหรอก พี่สาวน้ำหวานก็ชอบพูดกับเราเสมอค่ะ ว่า เรียนจบมาสูงๆ เคยทำกับข้าวให้พ่อแม่กินไหม หลานสาวก็ไม่ทำงาน นั่งนอนดูทีวีทั้งวันเหมือนน้ำหวานแหละค่ะ มาช่วยแค่ตอนเก็บตังลูกค้า เหมือนที่เขียนไว้ข้างบนค่ะ แล้วก็มีลูกค้าผู้ชายมาก้อล่อก้อติกหลานสาวนะคะ แม่ก็ไม่ว่า เรานั่งอยู่เราเห็นตลอดค่ะ คุยต่อปากต่อคำกับเค้า มีการยึดกุญแจรถมอไซค์ด้วย ให้คุยกันนานๆ ซึ้อแกงถุงเดียว ก็พูดหยอกล้อ อยากคุยนานๆ ให้ซื้อเยอะๆ คุยกับเค้าอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง พอผู้ชายจะไป พี่สาวพูดว่า ไว้วันหลังมาอุดหนุนใหม่นะ ร้านนี้มีสาวๆ ให้คุยด้วย คือแม่ก็โหย เห็นลูกสาวเหมือนเป็นสินค้าเลยนะคะ เอาไว้เรียกแขก เรื่องการกินอยู่อีก พี่สาวมีลูกอีกคน 4 ขวบ เท่าหลานเรา แต่ต่างกันฟ้ากับเหว หลานเราพูดอังกฤษ นับเลข 1-10 ได้แล้ว วันจันทร์ถึงวันเสาร์ก็พูดได้หมด กินดีอยู่ดี กินไข่ กินนม กินผัก กินหมู กินกุ้ง บ้านน้ำหวาน กินกันแต่ส้มตำปลาร้า กับน้ำแป๊บซี่ นี่แหละค่ะไม่ได้แบ่งชนชั้น แต่คนพวกนี้จะลืมตาอ้าปาก มีการศึกษาดีๆ งานการดีๆ ได้ยังไง ไม่ต้องมาโทษฟ้าโทษโชคชะตาเลยนะคะ ทำตัวเองทั้งนั้น
จริงก็ไม่เคยสุงสิงมาหลายครั้งแล้ว ก่อนเข้าอพาร์ทเม้นท์ เราต้องเดินผ่านร้านเค้า เค้าก็ชอบเรียกคุยค่ะ พอทำตัวห่างๆ ไป ไม่พูดไม่คุยด้วย น้ำหวานก็ชอบโทรมา พี่โกรธไรหนูป่าว ไม่แวะบ้านหนูเลย เราก็ใจอ่อนคุยด้วย แล้วก็เข้าหรอบเดิม ล่าสุดนี่เราก็ทนไม่ไหวอีกแล้วค่ะ เราจะเดินฝั่งตรงข้ามกับร้านน้ำหวานตั้งแต่หน้าปากซอยเลย จะไปเลี้ยวอีกทีก็ตอนเข้าอพาร์เม้นท์
เพื่อนๆ ว่าเราไม่คบกับน้ำหวานเพราะเหตุผลพวกนี้จะผิดไหมคะ โดยพื้นฐานเราเป็นคน บุคลิกอ่อนๆ ค่ะ ไม่พูดไม่เถียงใคร เงียบ ใจอ่อนด้วย เราไม่ชอบ จะใช้คำว่ารังเกียจเลยก็ได้ แต่ลึกๆ เราก็เหมือนเราผิดค่ะ เวลาที่ต้องเดินเลี่ยงบ้านเค้า
ไม่อยากคบคนคนนี้
น้ำหวานสนิทกับแม่บ้านที่อพาร์ทเม้นท์ค่ะ ก็เลยรู้จักเรา เค้าบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับเรา เห็นเราท่าทางเรียบร้อย แต่เราไม่อยากเป็นเพื่อนน้ำหวานน่ะสิคะ ขอเกริ่นก่อนนะคะ เราจบ ป.ตรี มหาลัยของรัฐอันดับต้นของเมืองไทย อายุ 40 แล้ว ทำงานบัญชี บ. เอกชน เงินเดือน 20,000 เริ่มเรื่องเลยนะคะ น้ำหวานอายุ 30 แล้วค่ะ จบ ปวส. ตั้งแต่จบมาก็ไม่เคยทำงานค่ะ เพราะหางานทำไม่ได้ ความรู้ไม่มีความสามารถทำอะไรก็ไม่ได้ เกาะพ่อเกาะแม่กินไปวันๆ อันดับแรกที่ไม่ชอบคือพฤติกรรมเรื่องผู้ชายค่ะ น้ำหวานเล่าให้เราฟังว่า เค้าจะหนีแม่ออกมาตอน 4 ทุ่มเพื่อมาหาแฟนที่รอหน้าปากซอย แล้วก็ไม่นอนค้างบ้านแฟน ตอนเช้า ตี 5 แฟนจะขับมอไซค์มาส่งค่ะ เราไม่ชอบพฤติกรรมเหลวแหลกแบบนี้ น้ำหวานชอบมาบ่นให้เราฟังบ่อยๆ ค่ะ ว่า เนี่ย คบกันมา 5 ปี มีอะไรกันทุกวัน ยกเว้นวันที่มีประจำเดือน แต่ผู้ชายไม่ยอมมาขอสักที อายชาวบ้านแถวนี้ เค้าไม่ได้ใช้คำสุภาพแบบนี้หรอกนะคะ แบบพื้นบ้านมากๆ ค่ะ เราก็คิดนะ เออ อายชาวบ้าน แต่ก็กล้าทำเนอะ อายเค้าก็ไม่ต้องออกไปกับผู้ชายสิคะ แล้วก็ชอบบ่นผู้ชายไม่มาขอสักที ได้ฟรี ใครมันก็เอาทั้งนั้นแหละค่ะ ใครอาจบอกว่ามันเรื่องส่วนตัวเค้า แต่เราไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ รังเกียจเลยแหละค่ะ ไม่ได้บอกว่าคนทีอะไรกับแฟน ไม่ดีนะคะ แต่พฤติกรรมแบบนี้ไม่ไหว เราไม่อยากสุงสิงด้วย เป็นแฟนกันมีเรื่องให้ทำเยอะแยะ กินข้าว ดูหนัง เดินเล่น ไม่ใช่คบกันแล้วมีแต่เรื่องอย่างว่า คือน้ำหวานคบแฟนมา 5 ปี นอนจากหนีไปตอนกลางคืนแล้ว ไม่เคยมีกิจกรรมอะไรอย่างอื่นร่วมกันกับแฟนเลยค่ะ เจอหน้ากันทีไร ก็คุยแต่เรื่องนี้กับเราตลอด แล้วพอเรามีแฟน ซึ่งแค่ไปมาหาสู่กัน น้ำหวานรู้ ก็ชอบพูดกับเราบ่อยๆ ค่ะ ว่าเป็นแฟนกัน ไม่มีไรกัน แล้วจะเป็นแฟนไปทำไม จะหาว่าเราหัวโบราณก็ได้ แต่เราไม่มีค่านิยม มีไรกันก่อนแต่งค่ะ แต่ก็ไม่ได้ว่าผู้หญิงที่มีไรกับแฟนไม่ดี แต่พฤติกรรม ที่จ้องแต่จะมีไรกัน มองว่าการมีไรกันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วน้ำหวานนี่ตอนแรก หนีไปอยู่บ้านผู้ชายนะคะ งานการก็ไม่มีทำ งานบ้านก็ไม่ช่วย มาเล่าให้เราฟังค่ะ ว่าพ่อผู้ชาย ใช้ให้ ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน หนูไม่ทำ เค้าก็ด่าหนู ไล่หนูออกจากบ้าน เลยต้องกลับมาอยู่กับแม่ แล้วใช้วิธีไปหาแฟนตอนกลางคืนแทน คงขี้เกียจตัวเป็นขนแหละค่ะ นี่ไม่ไหวค่ะ เรื่องที่สองคือการแต่งตัวค่ะ อย่างที่บอกเราเป็นคนเรียบร้อย แต่น้ำหวานแต่งตัวได้สก๊อยมากค่ะ แต่งตัวมอซอ มะซอมมะซ่อ ใส่เสื้อแขนกุด กางเกงสั้นเสมอหู แล้วเค้าไม่ใช่คนสวยนะคะ เค้าแบบชาวบ้านมากๆ อ้วนๆ ดำๆ เห็นแล้วขัดใจค่ะ ไม่ได้แบ่งชนชั้น แต่คนเรามันแบบคนละสังคม คนละพื้นฐานชีวิตจริงๆ เรื่องที่สาม ก็เรื่องงานค่ะ เค้าหางานทำไม่ได้ ประกอบกับไม่ยอมทำงานด้วย เกาะพ่อแม่กันไปวันๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งเราออกมีปัญหาเรื่องงานเลยลาออก แม่บ้านเห็นเราอยู่อพาร์ทเม้นทุกวันก็ไม่เล่าให้น้ำหวานฟัง น้ำหวานก็มาถามเรา เราก็ไม่ใช่คนที่โกหกเก่งอะไร ก็เล่าความจริงให้ฟังทุกอย่าง เค้าก็บอกให้เราไม่สมัครงานโรงงานเย็บผ้านท้ายซอย คือไม่ใช่โรงงานใหญ่โตนะคะ เป็นตึกแถวแล้วก็จ้างคนงานมาเย็บผ้า ตำแหน่งที่เค้าให้เราไปสมัครก็คนงานแหละค่ะ เราโกรธมากนะคะ เราระดับไหน จบอะไรมา ให้ไปทำงานแบบนั้น แต่ก็ได้แต่พูดไปว่าไม่ไปหรอก เค้าก็ตะคอกเราค่ะ ว่า น่ารำคาญ ทำอะไรไม่เป็น โอย หล่อนทำเป็นมากเลยนะยะ ทำไมไม่ไปสมัครเองเลยล่ะ นอนเกาะพ่อแม่กินมาเกือบ 10 ปีทำไม หลังจากนั้นไม่นานก็มาให้เราไปสมัครงานบัญชี ร้านขายของแบบห้องแถวค่ะ เราก็เหมือนเดิมอีก ชั้นระดับไหน ให้ไปทำงานแบบนั้น แต่ก็ไม่พูดไร น้ำหวานกับพี่สาว ก็ยังพูดอีกว่า เค้าให้เงินเดือนตั้ง หมื่นนึงเลยนะ โอย แค่หมื่นเดียว แต่ก็คงมากสำหรับพวกเค้าแหละค่ะ เพราะคงไม่มีปัญญาหางานหลักหมื่นได้ เราก็หางานอยู่พักนึง ช่วงนั้นน้ำหวานก็ชอบพูดว่า สมน้ำหน้า ออกจากงานมาทำไม ขนาดหนูยังหางานทำไม่ได้ แล้วพี่จะหาได้ยังไง ฟังแล้วแบบของขึ้นอย่างแรง คือเค้าพูดบ่อยมาก พูดทุกครั้งที่เจอหน้า เหมือนเค้าไม่รู้ว่าเรากับเค้าเทียบกันไม่ได้ แล้วเหมือนว่าเค้าต่ำต้อย เค้าก็พยายามจะกดให้เราต่ำไปด้วย หลังจากนั้นไม่นานเราก็ได้งานใหม่ค่ะ เงินเดือน 2 หมื่น น้ำหวานรู้ ก็ชอบมาเลียบๆ เคียงๆ ถามค่ะ ว่าเค้ารับคนเพิ่มอีกป่าว พี่ฝากงานให้หนูหน่อย เราก็แบบ โห หล่อน จะทำงานบริษัทใหญ่โต ก็ได้แต่บอกไปว่า เค้าเอาคนทำคอมพิวเตอร์เป็น น้ำหวานก็พูดให้เราโกรธอีกแล้วค่ะ บอกว่า พี่ก็ทำไม่ค่อยเป็นไม่ใช่เหรอ เค้ายังรับพี่เลย โห รู้ได้ไงยะ ว่าชั้นทำอะไรไม่เป็น ชั้นระดับมือโปรเลยนะ คือไม่ชอบค่ะ คนไม่มีการศึกษา คนชั้นต่ำ แล้วชอบมาเปรียบเทียบกับเรา พยายามกดให้เราต่ำเหมือนเค้า เรื่องที่สี่ก็เรื่องการศึกษาและสภาพความเป็นอยู่ค่ะ บ้านน้ำหวานจบแค่ ป.6 กันทั้งบ้าน ที่บ้านก็ไม่ได้ทำไร พ่อแม่แก่แล้วอยู่บ้านเฉยๆ พี่ชายก็ไม่รู้ทำไร แต่เค้าอยู่บ้านทั้งวัน ไม่เคยเห็นออกไปทำงานที่ไหน พี่สาวขายข้าวแกงค่ะ ขายเฉพาะช่วงเย็น ทำแกง แค่ 3 หม้อ บ้านเค้าจะเป็นบ้านไม้ ปลูกอยู่ในบริเวณเดียวกัน 3 หลัง บ้านพี่สาวที่ขายข้าวแกง อยู่ติดถนน บ้านอีกหลัง พี่ชาย 3 คน อยู่กับครอบครัว สภาพสลัมมากๆ ค่ะ หนึ่งครอบครัว พ่อแม่ลูก อยู่กัน ครอบครัวล่ะห้อง ส่วนอีกหลัง พ่อแม่อยู่ข้างล่าง น้ำหวานอยู่ข้างบนคนเดียว สบายหน่อย บ้านเค้าจะแบบรกๆ สกปรกมากๆ เลอะเทอะ สกปรก ข้าวของวางรกเกะกะมากๆ ครัวหลังบ้านเราเคยเข้าไป เป็นลานซีเมนต์ น้ำนอง ตะไคร่เกาะ เครื่องครัววางเกะกะ สกปรก ฝุ่นเต็ม เราไม่เคยซื้อกับข้าวร้านน้ำหวานเลยค่ะ กินไม่ลง เคยไปดูตอนพี่สาวเค้าทำด้วย น้ำหวานจะชอบชวนเราคุยแล้วให้เข้าบ้านค่ะ เห็นพี่สาวเค้าทำครัว ผักไม่เคยล้าง ออกมาจากถุงก็หั่นเลย อีกอย่างเค้าทำแต่พวกแกงป่าๆ ค่ะ กินไม่เป็น ผัดเผ็ดปลาดุก ผัดกบ ผัดเครื่องใน พูดจาก็กระโชกโฮกฮากตามประสาแม่ค้า ..ก..ู ..ึง ..ีเหี้..ย คุยกันแบบนี้ค่ะ รับไม่ได้ แต่เค้าไม่เคยใช้คำพูดแบบนี้กับเรานะคะ แต่เค้าคุยกันเอง แล้วน้ำหวานคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ก็คุยแบบนี้แหละค่ะ เพื่อนน้ำหวานแต่ละคน ท้องก่อนแต่งกันทุกคนค่ะ ชอบมาเล่าให้เราฟังบ่อยๆ น้ำหวานเหมือนจะมีปมเรื่องทำงาน ชอบพูดตะคอกแบบข่มเราบ่อยๆ ว่า ทำงานได้เงินเดือน 2 หมื่นแล้วไง ก็เป็นขี้ข้าเค้า ที่หนูไม่ได้ทำงานเพราะหนูไม่อยากทำเอง ทำงานอยู่บ้านสบายกว่า เป็นเจ้านายตัวเองด้วย แต่ที่เห็นนี่คือไม่ทำไรนะคะ นอนตื่นสาย นอนคลุกอยู่ในห้องดูทีวีทั้งวัน ที่รู้เพราะน้ำหวานชอบชวนเราไม่ดูทีวีที่ห้องค่ะ สายๆ ก็จะโทรมาแล้ว พอตกบ่ายสามก็ไปบ้านพี่สาว ก็ไม่ทำไรค่ะ พี่สาวเข้าครัวเริ่มทำกับข้าว น้ำหวานก็ไปนอนดูทีวีรอ พอพี่สาวทำเสร็จก็ช่วยกันยกไปหน้าบ้าน แล้วก็นั่งหน้าบ้าน แกง 3 หม้อ ขายกัน 3 คน พี่สาว น้ำหวาน หลานสาว พี่สาวตัก น้ำหวานมัดถุง หลานเก็บเงิน คือ บ้านนี้มันว่างงานกันมากค่ะ เลยต้องมาช่วยงานกันหมด วันๆ ไม่ทำไร แล้วมาบอกว่า พี่สาวให้หนูวันละ 300 เราไม่เชื่อหรอกค่ะ ลูกจ้างร้านข้าวตามสั่ง ทำงานมือเป็นระวิงไม่หยุด ทำของ เตรียมของ เสริฟ ล้างจาน แต่นี้น้ำหวานไม่ทำไรเลย นั่งๆ นอนๆ แล้วพี่สาวเค้าขายได้วันละ ประมาณ 1200 ยังไม่หักต้นทุน จะเอาเงินทีไหนมาให้วันละ 300 คะ แล้วถ้าได้เยอะจริง ทำไมมาขอทำงานกับเราล่ะคะ อยากทำงานออฟฟิศ อยากได้เงินหมื่น แต่ไม่มีปัญญาค่ะ นี่หลานสาวลูกพี่สาว จบ ม. 3 ก็ไม่ได้เรียนแล้วค่ะ ออกมาจะปี แล้ว ก็ไม่ทำไร สก็อยเหมือนน้าค่ะ แขนกุด สั้นเสมอหูเหมือนกัน แค่หลานยังสาว หุ่นก็พอใช้ได้ ไม่แคล้วเหมือนน้าค่ะ แล้วที่ออกมาไม่ใช่ไม่มีเงินนะคะ แต่เค้าไม่เห็นค่าของการศึกษาค่ะ คือเค้าไม่รู้จะเรียนสูงๆ ไปทำไม คิดแต่ว่ามีงานขายของแล้ว ไม่ต้องเรียนหรอก พี่สาวน้ำหวานก็ชอบพูดกับเราเสมอค่ะ ว่า เรียนจบมาสูงๆ เคยทำกับข้าวให้พ่อแม่กินไหม หลานสาวก็ไม่ทำงาน นั่งนอนดูทีวีทั้งวันเหมือนน้ำหวานแหละค่ะ มาช่วยแค่ตอนเก็บตังลูกค้า เหมือนที่เขียนไว้ข้างบนค่ะ แล้วก็มีลูกค้าผู้ชายมาก้อล่อก้อติกหลานสาวนะคะ แม่ก็ไม่ว่า เรานั่งอยู่เราเห็นตลอดค่ะ คุยต่อปากต่อคำกับเค้า มีการยึดกุญแจรถมอไซค์ด้วย ให้คุยกันนานๆ ซึ้อแกงถุงเดียว ก็พูดหยอกล้อ อยากคุยนานๆ ให้ซื้อเยอะๆ คุยกับเค้าอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง พอผู้ชายจะไป พี่สาวพูดว่า ไว้วันหลังมาอุดหนุนใหม่นะ ร้านนี้มีสาวๆ ให้คุยด้วย คือแม่ก็โหย เห็นลูกสาวเหมือนเป็นสินค้าเลยนะคะ เอาไว้เรียกแขก เรื่องการกินอยู่อีก พี่สาวมีลูกอีกคน 4 ขวบ เท่าหลานเรา แต่ต่างกันฟ้ากับเหว หลานเราพูดอังกฤษ นับเลข 1-10 ได้แล้ว วันจันทร์ถึงวันเสาร์ก็พูดได้หมด กินดีอยู่ดี กินไข่ กินนม กินผัก กินหมู กินกุ้ง บ้านน้ำหวาน กินกันแต่ส้มตำปลาร้า กับน้ำแป๊บซี่ นี่แหละค่ะไม่ได้แบ่งชนชั้น แต่คนพวกนี้จะลืมตาอ้าปาก มีการศึกษาดีๆ งานการดีๆ ได้ยังไง ไม่ต้องมาโทษฟ้าโทษโชคชะตาเลยนะคะ ทำตัวเองทั้งนั้น
จริงก็ไม่เคยสุงสิงมาหลายครั้งแล้ว ก่อนเข้าอพาร์ทเม้นท์ เราต้องเดินผ่านร้านเค้า เค้าก็ชอบเรียกคุยค่ะ พอทำตัวห่างๆ ไป ไม่พูดไม่คุยด้วย น้ำหวานก็ชอบโทรมา พี่โกรธไรหนูป่าว ไม่แวะบ้านหนูเลย เราก็ใจอ่อนคุยด้วย แล้วก็เข้าหรอบเดิม ล่าสุดนี่เราก็ทนไม่ไหวอีกแล้วค่ะ เราจะเดินฝั่งตรงข้ามกับร้านน้ำหวานตั้งแต่หน้าปากซอยเลย จะไปเลี้ยวอีกทีก็ตอนเข้าอพาร์เม้นท์
เพื่อนๆ ว่าเราไม่คบกับน้ำหวานเพราะเหตุผลพวกนี้จะผิดไหมคะ โดยพื้นฐานเราเป็นคน บุคลิกอ่อนๆ ค่ะ ไม่พูดไม่เถียงใคร เงียบ ใจอ่อนด้วย เราไม่ชอบ จะใช้คำว่ารังเกียจเลยก็ได้ แต่ลึกๆ เราก็เหมือนเราผิดค่ะ เวลาที่ต้องเดินเลี่ยงบ้านเค้า