เมื่อเช้า ก็ไปส่งลูกชายไปโรงเรียนตามปกติครับ
มองขึ้นไปเห็นยอดดอยสุเทพ ดอยปุย อูย เมฆคลุมยอดดอยเต็มไปหมดเลย
อยากจะรู้ ว่าข้างบนมันจะเย็นขนาดไหน
ฝนตกโครมคราม ติดต่อกันมาสามสี่วัน ป่ามันจะชุ่มรึยัง
หมอกจะเยอะมั้ยน้อ
อย่าปล่อยให้ความสงสัย มันมาปกคลุมในหัวสมอง ไปหาคำตอบเลยดีกว่า
แทนที่จะเลี้ยวเข้าร้าน
ผมก็โทรไปบอกคุณ ผบทบ ว่า แม่จ๋า วันนี้ แวะไปถ่ายรูปบนดอยสุเทพก่อนนะ แล้วค่อยเข้าร้าน
เธอเฝ้าร้านไปก่อนนะ 555 (แอบหัวเราะในใจ)
แวะเติมอาหารเช้า ที่ร้านโบ๊ต อันเป็นร้านเก่าแก่แถวๆหน้า มช. กันก่อน
ชุดอาหารเช้า ไข่ดาวน้ำ แสนคลาสสิคครับ สิบยี่สิบปีผ่านไป หน้าตามันก็เหมือนเดิม
เติมอาหารเสร็จ ก็ไปกันต่อ
จากหน้า มช. ขับรถไป 20 นาที ก็จะถึงวัดดอยสุเทพแล้วครับ
นึกกลับไปถึงสมัยตอนอยู่คอนโด ที่ กทม 20 นาทีนี่ บางวัน ยังไปไม่ถึงปากซอยเลย
ฤดูนี้ รถโล่งมากๆครับ หมดฤดูท่องเที่ยวแล้ว นานๆถึงจะมีรถผ่านมาคันนึง
จุดชมวิว มีนักท่องเที่ยว 4 คน กับ หมาตัวนึง
มองจากบนดอย จะเห็นแนวกำแพงเมือง และคูเมืองเชียงใหม่ เป็นสี่เหลี่ยมอยู่ลางๆ
ตามในรูปครับ
ขึ้นมาเรื่อยๆ เห็นซอยนี่อยู่ข้างทาง เลยจอดรถลงไปส่องๆดู มันจะพาเราไปถึงไหนน้อ
ไม่กล้าเดินเข้าไปลึก กลัวทากเกาะติดขากลับมาบ้าน
ขับรถต่อขึ้นไปอีกนิด ก่อนถึงดอยสุเทพจะมีน้ำตกอยู่ข้างทางครับ
ชื่อน้ำตกห้วยรับเสด็จ แวะลงไปส่องๆดูว่าน้ำเยอะละยัง
ณ. จุดนี้ มันชุ่มฉ่ำ มากๆครับ
ทั้งทางกาย และทางใจ
หลังจากที่เดือนสองเดือนก่อน ทนร้อน เดินตากแดด เหงื่อแตกพลั่กๆ กันมาเป็นเดือนๆ
จะข้ามถนน ยังไม่อยากเดินข้าม
ในที่สุด ฤดูร้อน ที่มันร้อนกว่าทุกปีที่ผ่านมา ก็พ้นไป เข้าสู่ฤดูฝนสักที
หมอกหนามากๆ จนแทบจะมองไม่เห็นทางเลยครับ จำแทบไม่ได้ ว่านี่คือแถวหน้าวัดดอยสุเทพ
ระหว่างทางจากดอยสุเทพ ขึ้นไปดอยปุยนี่เงียบสนิท นานๆจะมีรถผ่านมาสักคัน
จอดแอบข้างทาง แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ชื่นชมบรรยากาศที่มันชุ่มฉ่ำๆไปเรื่อยๆ
ขึ้นมาอีกสักนิด ก็จะเป็นเขตป่าสนครับ
ผมชอบถนนช่วงนี้ที่สุดเลยครับ
บรรยากาศดี๊ดี ผ่านไปทีไร แวะถ่ายรูปทุกที
และแล้ว ก็มาถึงที่หมายครับ
ร้านกาแฟ สวนสองแสน
ที่ๆผมกะจะมานั่งจิบกาแฟ อาราบิคก้า ร้อนๆ รับลม ชมหมอก
ให้หมอกมันลอยมาชนหน้า ทีละอณูๆ
ปรากฏว่า ร้านเค้าปิดฮ่ะ ! ขอนั่งเศร้าแป๊บนึง
ไม่เป็นไร เรามี plan B
บนดอยนี่ ไม่ได้มีร้านกาแฟร้านเดียว
ขับรถต่อไป ถึงหมู่บ้านดอยปุย กินกาแฟชาวบ้านแถวนั้นแทนละกัน
ลานจอดรถค่อนข้างโล่งสนิทเลยครับ มีรถตู้อยู่คันนึง ที่เหลือเป็นรถชาวบ้าน ชาวเขา
ถึงแล้วครับ ร้านกาแฟไร้นาม ณ.หมู่บ้านม้งดอยปุย
อุณหภูมิเช้านี้ 20 องศา เย็นกว่าเปิดแอร์
journey is more important than destination
จุดหมายปลายทางของผมแม้จะเป็นกาแฟบ้านๆแก้วเดียว
แต่การได้เสพบรรยากาศสวยๆงามๆมาตลอดทางนี่ มันทำให้รู้สึกว่า ชีวิตดี๊ดี ครับ
กาแฟสด ถ้วยละ 40 บาท แถมโรยอะไรมาไม่รู้ คล้ายๆคอฟฟี่เมต หน้าตาไม่ต่างกับกาแฟที่ทำงาน
แต่บรรยากาศ นี่ มูลค่าเป็นพันเป็นหมื่น หมอกปลิวๆ ลมเย็นๆลอยมาปะทะหน้าตลอด
มันทำให้กาแฟอร่อยขึ้น เป็นร้อยเป็นพันเท่าอ่ะครับ
ทำงานต่อได้ มีแรงเพียบแล้ว
ขอจบกระทู้ไว้เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาอ่าน
ขอให้ทุกท่าน มีความสุขกับฤดูฝน ที่กำลังจะมา
++ ส่งลูกไปโรงเรียนเสร็จ ก็โดดงาน แวะไปหากาแฟกินบนดอยปุย++ ชีวิตดี๊ดี
เมื่อเช้า ก็ไปส่งลูกชายไปโรงเรียนตามปกติครับ
มองขึ้นไปเห็นยอดดอยสุเทพ ดอยปุย อูย เมฆคลุมยอดดอยเต็มไปหมดเลย
อยากจะรู้ ว่าข้างบนมันจะเย็นขนาดไหน
ฝนตกโครมคราม ติดต่อกันมาสามสี่วัน ป่ามันจะชุ่มรึยัง
หมอกจะเยอะมั้ยน้อ
อย่าปล่อยให้ความสงสัย มันมาปกคลุมในหัวสมอง ไปหาคำตอบเลยดีกว่า
แทนที่จะเลี้ยวเข้าร้าน
ผมก็โทรไปบอกคุณ ผบทบ ว่า แม่จ๋า วันนี้ แวะไปถ่ายรูปบนดอยสุเทพก่อนนะ แล้วค่อยเข้าร้าน
เธอเฝ้าร้านไปก่อนนะ 555 (แอบหัวเราะในใจ)
แวะเติมอาหารเช้า ที่ร้านโบ๊ต อันเป็นร้านเก่าแก่แถวๆหน้า มช. กันก่อน
ชุดอาหารเช้า ไข่ดาวน้ำ แสนคลาสสิคครับ สิบยี่สิบปีผ่านไป หน้าตามันก็เหมือนเดิม
เติมอาหารเสร็จ ก็ไปกันต่อ
จากหน้า มช. ขับรถไป 20 นาที ก็จะถึงวัดดอยสุเทพแล้วครับ
นึกกลับไปถึงสมัยตอนอยู่คอนโด ที่ กทม 20 นาทีนี่ บางวัน ยังไปไม่ถึงปากซอยเลย
ฤดูนี้ รถโล่งมากๆครับ หมดฤดูท่องเที่ยวแล้ว นานๆถึงจะมีรถผ่านมาคันนึง
จุดชมวิว มีนักท่องเที่ยว 4 คน กับ หมาตัวนึง
มองจากบนดอย จะเห็นแนวกำแพงเมือง และคูเมืองเชียงใหม่ เป็นสี่เหลี่ยมอยู่ลางๆ
ตามในรูปครับ
ขึ้นมาเรื่อยๆ เห็นซอยนี่อยู่ข้างทาง เลยจอดรถลงไปส่องๆดู มันจะพาเราไปถึงไหนน้อ
ไม่กล้าเดินเข้าไปลึก กลัวทากเกาะติดขากลับมาบ้าน
ขับรถต่อขึ้นไปอีกนิด ก่อนถึงดอยสุเทพจะมีน้ำตกอยู่ข้างทางครับ
ชื่อน้ำตกห้วยรับเสด็จ แวะลงไปส่องๆดูว่าน้ำเยอะละยัง
ณ. จุดนี้ มันชุ่มฉ่ำ มากๆครับ
ทั้งทางกาย และทางใจ
หลังจากที่เดือนสองเดือนก่อน ทนร้อน เดินตากแดด เหงื่อแตกพลั่กๆ กันมาเป็นเดือนๆ
จะข้ามถนน ยังไม่อยากเดินข้าม
ในที่สุด ฤดูร้อน ที่มันร้อนกว่าทุกปีที่ผ่านมา ก็พ้นไป เข้าสู่ฤดูฝนสักที
หมอกหนามากๆ จนแทบจะมองไม่เห็นทางเลยครับ จำแทบไม่ได้ ว่านี่คือแถวหน้าวัดดอยสุเทพ
ระหว่างทางจากดอยสุเทพ ขึ้นไปดอยปุยนี่เงียบสนิท นานๆจะมีรถผ่านมาสักคัน
จอดแอบข้างทาง แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ชื่นชมบรรยากาศที่มันชุ่มฉ่ำๆไปเรื่อยๆ
ขึ้นมาอีกสักนิด ก็จะเป็นเขตป่าสนครับ
ผมชอบถนนช่วงนี้ที่สุดเลยครับ
บรรยากาศดี๊ดี ผ่านไปทีไร แวะถ่ายรูปทุกที
และแล้ว ก็มาถึงที่หมายครับ
ร้านกาแฟ สวนสองแสน
ที่ๆผมกะจะมานั่งจิบกาแฟ อาราบิคก้า ร้อนๆ รับลม ชมหมอก
ให้หมอกมันลอยมาชนหน้า ทีละอณูๆ
ปรากฏว่า ร้านเค้าปิดฮ่ะ ! ขอนั่งเศร้าแป๊บนึง
ไม่เป็นไร เรามี plan B
บนดอยนี่ ไม่ได้มีร้านกาแฟร้านเดียว
ขับรถต่อไป ถึงหมู่บ้านดอยปุย กินกาแฟชาวบ้านแถวนั้นแทนละกัน
ลานจอดรถค่อนข้างโล่งสนิทเลยครับ มีรถตู้อยู่คันนึง ที่เหลือเป็นรถชาวบ้าน ชาวเขา
ถึงแล้วครับ ร้านกาแฟไร้นาม ณ.หมู่บ้านม้งดอยปุย
อุณหภูมิเช้านี้ 20 องศา เย็นกว่าเปิดแอร์
journey is more important than destination
จุดหมายปลายทางของผมแม้จะเป็นกาแฟบ้านๆแก้วเดียว
แต่การได้เสพบรรยากาศสวยๆงามๆมาตลอดทางนี่ มันทำให้รู้สึกว่า ชีวิตดี๊ดี ครับ
กาแฟสด ถ้วยละ 40 บาท แถมโรยอะไรมาไม่รู้ คล้ายๆคอฟฟี่เมต หน้าตาไม่ต่างกับกาแฟที่ทำงาน
แต่บรรยากาศ นี่ มูลค่าเป็นพันเป็นหมื่น หมอกปลิวๆ ลมเย็นๆลอยมาปะทะหน้าตลอด
มันทำให้กาแฟอร่อยขึ้น เป็นร้อยเป็นพันเท่าอ่ะครับ
ทำงานต่อได้ มีแรงเพียบแล้ว
ขอจบกระทู้ไว้เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาอ่าน
ขอให้ทุกท่าน มีความสุขกับฤดูฝน ที่กำลังจะมา