ไปฝึกงาน (Internship) ครั้งแรกในชีวิต.. ที่ประเทศ นิวซีแลนด์ ค่ะ!!!

สวัสดีค่ะ .

วันนี้ จขกท. อยากมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง  เกี่ยวกับการใช้ชีวิตและการทำงานที่ต่างแดนค่ะ


ส่วนตัวเราเรียนทางด้านการโรงแรมมาค่ะ และปีสุดท้ายจะต้องทำเรื่องฝึกงาน

ก็มีหลายแผนก หลายโรงแรม ก็แล้วแต่เราจะเลือก ซึ่งปีสุดท้ายสามารถไปฝึกงานที่ต่างประเทศได้


ตอนนั้นมีแค่ แผนกครัว (Kitchen) กับแม่บ้าน (Housekeeping) มี2 แผนกนี้เท่านั้น ที่ต่างประเทศเค้าต้องการแรงงานมากๆ



ซึ่งตอนนั้นต้องดำเนินเรื่องผ่าน Agency ค่ะ ตัวนักศึกษาต้องดีลกับเอเจนซี่เองทั้งหมด โดยทางสถาบันจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ

หมายถึงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายอ่ะค่ะ นักศึกษาต้องทุ่มทุนสร้างเอง



เราก็มาคิดๆ ว่าจะฝึกงานที่ไทยหรือไปต่างประเทศดี?

แต่ในไทยก็เคยฝึกมาแล้วหนิ   ลองไปต่างประเทศดีกว่า แต่งานครัวและแม่บ้านเป็นอะไรที่เราไม่ชอบ ไม่ถนัด ทั้ง 2 อย่างเลย

ตอนเรียนก้อเบื่อ เบื่อมากกกกก.  ในที่สุด! ก็ตัดสินใจลงแผนกแม่บ้าน Housekeeping ค่ะ



เราก็โทรศัพท์ไปหาเอเจนซี่เลยค่ะ (ข้อมูลสอบถามเอาจากรุ่นพี่ร่วมสถาบันที่เคยไปฝึกมาก่อน)

เค้าก้อเหมือนจัดการให้เกือบหมดทุกอย่าง เพราะเงินคือพระเจ้าไงคะ



ค่าโครงการ 6 หมื่นบาทถ้วน ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ยังไม่รวมค่าวีซ่า ค่าประกัน เยอะอ่ะ ..


เค้าก้อถามเราไม่กี่อย่างหรอก แต่ถามลึกละเอียด เพราะเค้าจะต้องไปปรับ CV ของเราให้ดูหรูหรา เพื่อตบตาเอเจนซี่ฝั่งนิวซีแลนด์


และเค้าก็บอกให้รอค่ะ เพราะส่งเรื่องไปแล้ว รอลุ้นแล้วกันว่าจะได้เมืองไหน โรงแรมอะไร

เพราะตอนเอเจนซี่เค้าถามเราว่าอยากไปเมืองไหน ทำโรงแรมอะไร?   เราบอกไปว่าที่ไหนก็ได้ค่ะ สาวแว่น


ตอนนั้นใจเราจริงของเราคือ ขอให้ได้ไปอ่ะ จะฝึกที่ไหน อย่างไร ค่อยว่ากัน

อยากไปเมืองนอก ฝรั่งหล่อ ฟิน แอร๊ยยยยยยย >,<

รอค่ะ



รอ และ ก็ รอ ....


จนในที่สุด เอเจนซี่โทรมาบอกว่า Job Offer (สัญญาว่าจ้าง) มาเรียบร้อยแล้วนะคะ

เตรียมตัวตรวจร่างกาย แล้วรอทำวีซ่าเลยค่ะ ..เอเจนซี่จัดการให้หมดจริงๆ ค่ะ ทำวีซ่าให้โดยที่เราไม่ต้องหอบเอกสารไปสถานฑูตเอง


แล้วหลังจากนั้น รอประมาณ 2 สัปดา วีซ่าเราก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง



เราได้ไปฝึกงานในแผนก Housekeeping ที่โรงแรม iBis อยู่เมือง Wellington ค่ะ

ระยะเวลาในการฝึก 6 เดือนค่ะ.   แต่วีซ่าให้อยู่ได้ 7 เดือน




พอถึงวันเดินทาง พ่อกับแม่ ก้อมาส่งเราขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิค่ะ


แล้วก็พี่ที่เป็นเอเจนซี่ก้อมาค่ะ (ติดต่อกันมา 2 เดือนกว่า เพิ่งเคยจะเห็นตัวจริงกันก็วันนั้นแหละ)

นางเอาใบ ตม. พร้อมเอกสารที่พัก เบอร์โทรศัพท์ของเอเจนซี่ที่นิวซีแลนด์ แผนที่ คู่มือของประเทศนิวซีแลนด์


จนถึงวันนี้เรายังไม่เคยเปิดอ่านเลยค่ะ แฮ่ๆ อมยิ้ม16อมยิ้ม07อมยิ้ม07


แล้วก็ใบตัวอย่าง สำหรับที่ต้องกรอก  IRD ค่ะ (ย่อมาจาก Inland Revenue)   ถ้าเอาง่ายๆ ก็คือใบที่เราต้องเสียภาษีนั่นแหละค่ะ

เพราะไปฝึกงาน ก็เหมือนไปทำงาน เค้าว่าจ้างเราเหมือนพนักงานจริง จ่ายเงินให้โดยรัฐบาลนิวซีแลนด์ค่ะ


หลังจากไป check - in ที่นั่ง ก็รอเข้า Gate  ร่ำลาร้องไห้ กับ พ่อแม่ เสร็จ ตอนขึ้นบันไดเลื่อน โคดอยากวิ่งกลับลงมาเลย


ก็คนมันไม่เคยไปอยู่ต่างประเทศ  ไม่เคยจะห่างพ่อแม่ไกลขนาดนี้ แถมไปนานหลายเดือน แอบน้ำตาซึม แต่ไม่ร้องนะ อายยยย



พอเข้ามาตรง ตม. เสร็จ กว่าจะเดินถึง Gate เพื่อ ไปรอขึ้นเครื่อง  ต้องเดินไปอีก 3 กิโล ได้มั้ง อย่างไกลอ่ะ

เรานั่งเครื่องของ การบินไทยค่ะ บินตรงเลยจาก กรุงเทพ - อัคเลิ่น (Auckland)


ใช้เวลา 11 ชั่วโมงค่ะ .. ตูดแทบแหก   ผู้โดยสารเยอะมากกกกก เต็มเครื่องบินเลยค่ะ

เพราะเราเดินทาง ช่วง High Season  เราเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนอีก 3 คนค่ะ  กะเทย 1 ชะนี 2

รวมเราแล้วเป็น  4 คน.  ตอนนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองต้องเป็นจ่าฝูง เพราะเพื่อนเราพูดภาษาไม่ค่อยจะได้  

เรื่องฟังนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง  


ผ่านไป 11 ชั่วโมง . .


ถึงแล้ว อัคเลิ่นนนนน  นิวซีแลนด์




เราถึงประมาณช่วงเที่ยงวันตามเวลาท้องถิ่นค่ะ


และต้องรอต่อเครื่องจาก อัคเลิ่นน  ไป เวลลิงตัน  (Wellington)  ซึ่งนั่งของสายการบิน Air New Zealand ค่ะ (เครือเดียวกันกับการบินไทย)


ที่ต้องนั่งเครื่อง เพราะ Auckland อยู่เกาะเหนือ  แต่ Wellington อยู่ตรงกลางรอยต่อระหว่าง  เกาะเหนือ เกาะใต้เลยค่ะ  ประเทศนี้เหมือนแบ่งเป็น 2 เกาะอ่ะค่ะ


ยังไงของเค้าก้อไม่รู้ !?   ถ้าจะนั่งรถ Bus  ก็ได้แต่ใช้เวลา 6 ชม.  และตอนนั้นก็ไปไม่เป็นด้วยค่ะ ไม่รู้เรื่องอะไร งง ไปหมด




เพื่อนก้อช่วยอะไรไม่ได้เล๊ยยยยยย  เฮ้อออ!  ก้องงๆ งมๆ ในสนามบินกันอยู่พักใหญ่ค่ะ. แล้วมีป้าแก่ๆ คนนึงเดินเข้ามาถาม


May I help you?  Where you from?   .. ตอนแรกงงค่ะ เราไม่ชินสำเนียงจริงๆ ฟังยาก แถมป้าก็พูดไวจุงเบยอ่ะ


เราก็นิ่งไปสักพัก ละก็ตอบไปว่า มาจากประเทศไทยค่ะ?  How can I flying to Wellington?


นางก็มองหน้าเรา.  เราก็อึ้งดิ่ มองทำไมวะ? หรือว่างงที่เราถาม ฟังเราไม่ออกรึเปล่า? ดัดจริตสุดชีวิตแล้วนะ !!!!




ป้าคนนี้นางเป็น Information ประจำ Airport เคาเตอร์ของนางจะอลังการและยิ่งใหญ่มาก อยู่ตรงกลางสนามบินเลยค่ะ




นางก็ถามว่าเคยมานิวซีแลนด์รึเปล่า ?

เราก็ยิ้มแล้วบอกว่า This is my first time!



เค้าก็พยักหน้า แล้วบอกว่า ตามชั้นมาทางนี้ ตามมา.. ถึงหน้าประตูตรงรถจอด ปุ๊ป!  นางก็ชี้ไปที่รถบัสสีเขียวๆ

เทอ เห็นรถบัสคนนั้นมั้ย?  นั่นคือรถบัสฟรี !  (ฟรีแล้ว.. ยังไง? จะให้นั่งไปเวลลิงตันหรอเทอ โนวววว).  




มันคือรถบัสรับผู้โดยสารจาก International flight  ไปส่งที่รองรับผู้โดยสาร Domestic flight


อ่อ! ง่ายๆ คือสนามบินมันแยกกัน อยู่ในรั้วเดียวกันนั่นแหละค่ะ  แต่แยกว่าอันไหนบินออกนอกประเทศ  อันไหนบินในประเทศ


ซึ่งจะมีอิรถบัสสีเขียวนี่แหละ มารับ มาส่งฟรี.   วันๆ ทั้งวัน ขับวนอยู่แต่ในสนามบินอ่ะ

แต่ละรอบก็ไม่นานมากค่ะ คันละ 10 - 15 นาที. รถบัส ก็จะมาจอดต่อคิวกันละ  บางคันมีผู้โดยสารมีแค่คนเดียวเค้าก็ต้องขับไปส่งค่ะ


รถจะรอผู้โดยสารคันละ ไม่เกิน 10 นาที. ซึ่งก่อนรถบัสจะมาจอด ก้อมีคนมาต่อแถวเข้าคิวรอแล้วค่ะ

เพราะสัมภาระแต่ละคน มันเยอะและรุงรังไปหมด


เฉพาะของเรา กระเป๋าใหญ่ก็ปาไป 30 กก. แล้ว ไหนจะกระเป๋าใบเล็กอีก 2 ใบ กระเป๋าถือ เยอะค่ะ...


พอไปถึงฝั่งของ Domestic Flight เราก็มาทำการ Check-in ค่ะ. เพราะเอเจนซี่เค้าซื้อไว้ให้เราแล้ว

ตอนนั้นรีบมาก เพราะมันต้องเชคอินตั๋วก่อนบ่าย 2. โมง.   ไม่งั้นต้องซื้อตั๋วใหม่ค่ะ


ขึ้นเครื่องอีกที รอบสุดท้ายเลยค่ะ รอบ 3 ทุ่ม. รอ. รอ. รออีกแล้ว

คือตอนนั้นง่วง และเพลียมาก ตั้งแต่นั่งจากบ้านเราไปก็ 11 ชม. แล้วหงะ   เริ่มจะหิวค่ะ  เลยหาดูอะไรกินในสนามบิน


มันมีแต่ขนมปัง ฟาสฟู้ด และอะไรกระจุกกระจิก ชนิดว่ากินไม่อิ่มท้อง  ข้าวอ่ะ? อาหารไทย! อยากกินข้าว

และสนามบินก็เล็กมากกกก. เลยเข้ามินิมาร์ทซื้อน้ำเปล่า ขนมปัง กับช็อคโกแลต (เราเป็นคนชอบกินช็อคโกแลตมากค่ะ)


น้ำเปล่าขวดเล็ก ราคา 3.29 เหรียญ .. รีบหยิบโทรศัพท์ กดเครื่องคิดเลขคำนวนด่วนๆ.  (3.29 x 25) = 82.25 บาท



ต๊ายยยยย! บ้านตูขายขวดละ 10 บาท. 12 บาท.  นี่ตรูแดรกน้ำเปล่าขวดละ 80 บาท เลยหรอ????  


เอาจิงๆ นะคะ การซื้อของที่เมืองนอก อย่าคูณเป็นเงินไทยเลยค่ะ.   จิตใจมันห่อเหี่ยว ยังไงก้อไม่รู้




เสร็จปุ๊ป ก็ไปซื้อ Sim Card ค่ะ. ร้านโทรศัพท์ที่สนามบินทำให้หมดเลย เรียบร้อย ไวด้วย

คงจ้องลูกค้าต่างชาติอยู่แล้ว Sim Card ที่โน่นขาย ประมาณ 20 เหรียญ มั้งคะ  แล้วแต่เครือข่ายด้วย เราใช้ของ Telecom NZ

ชอบที่ Text ฟรี 5,000 ข้อความ ต่อเดือนนี่แหละ  อินเตอร์เน็ตที่โน่น 3G ก็คือ 3G จริงๆ ค่ะ


เค้ามี Wi-Fi สาธารณะให้เล่นฟรีด้วยนะคะ ได้ครั้งละ 30 นาที มันจะตัด  แต่เราออก แล้ว log in ใหม่ได้เรื่อยๆ ค่ะ

เน็ตสาธารณะบ้านเค้า  แรงและเร็วกว่า 4G จอมปลอมบ้านเราอีกมากโขขขขข!


2 ทุ่ม แล้วก็พากันไปรอที่ Gate แล้วค่ะ


แต่ที่เรางงก็คือ เอ๊ะ! 2 ทุ่ม แต่แดดยังจ้า ฟ้ายังสว่างอยู่เลย

ช่วงจะเข้า Summer ที่บ้านเค้า พระอาทิตย์จะตกดินช้าค่ะ กว่าจะมืดก้อ 4 ทุ่มโน่นเลยค่ะ





อันนี้เป็นรูปท้องฟ้าตอน 1 ทุ่ม ที่ Auckland New Zealand ค่ะ ถ่ายที่ Airport เลย..




ปล. ยัง ยังไม่หมดแค่นี้ ..ยังมีอะไรเด็ดๆ ฮาๆ โหดๆ อีกเยอะเลยค่ะ

เดี๋ยวกลับมาต่อนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่