สวัสดีค่ะ เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์สมัครงานครั้งแรก ที่แรกสำหรับเด็กเพิ่งเรียนจบแบบเราให้ฟังค่ะ เพิ่งตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อประมาณต้นเดือน พ.ค. เราได้ยื่นสมัครงานในบริษัทแห่งหนึ่งที่เปิดรับงานในตำแหน่งที่เราต้องการอยู่หลายอัตรา แล้วพอวันที่ 13 พ.ค. เวลาห้าโมงเย็น ทางบริษัทโทรมาว่าให้ไปสัมภาษณ์ที่บริษัทในวันพรุ่งนี้ เราจะไม่มีปัญหาเลยถ้าที่พักเราอยู่ใกล้บริษัท แต่นี่คือต้องเดินทางครึ่งวัน แล้วเรายังไม่ได้เตรียมตัวอะไรสักอย่าง กระทันหันมากเลย แต่เราก็โอเค ยอมๆ แต่ก็จองเครื่องบินทั้งขาไป และขากลับ เพราะต้องกลับมาจัดการเรื่องตัวจบ
วันที่ 14 พ.ค. ลงเครื่องบินมาปุ๊ปป รีบไปบริษัท เดี๋ยวไม่ทันสัมภาษณ์ พอตอนสัมภาษณ์ เราก็ไปนั่งคุยกับเขา มีเรซูเม่ที่คิดว่าดีที่สุดในชีวิตยื่นให้เขา (ขอเรียกว่าพี่1) พี่1 เขาก็เป็นกันเองมากค่ะ เขาสรุปให้เราว่า "เราจะยังไม่ชัดเจนในตำแหน่งงานนี้เท่าไหร่ แต่ก็โอเค พี่ให้โอกาสเรามาทำงาน" เย้ เราลงมาหาพี่HR พี่เขานัดวันเริ่มทำงานเป็นวันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งเราไม่พร้อม แต่ก็โอเค ยอมๆ ได้งานแล้วอ่ะ ีใจมาก เหลือขั้นตอนเดียวคือตรวจร่างกาย แต่ต้องเป็น รพ ที่บริษัทคอนแทร็กไว้เท่านั้น จริงๆ กะตรวจวันนั้นเลย แต่ไม่ทันเครื่องบิน ก็เลยบอกพี่HR ว่า เดี๋ยวจะมาตรวจภายในเดือนนี้แหละ แล้วก็มาเริ่มงานกันเลย เย้
ปุ๊ป วันที่ 20 พ.ค. เราจองเครื่องบินไปกลับอีกแล้ว ด้วยเหตุทางบ้านนิดหน่อย เวลาประมานเก้าโมงเช้า เราไปตรวจร่างกายที่ รพ เอกชนแห่งหนึ่ง(อันนี้ไม่เสียค่าใช้จ่าย) ตรวจเสร็จนัดกับพี่สาวไว้ว่าจะไปดูหอด้วยกัน เอาที่ใกล้บริษัทที่สุด จะได้เดินเอา ไม่ต้องใช้รถ ไม่เปลืองเงินพ่อแม่ดี ก้อไปดูหอ แล้วก็มาโอเคกับหอสุดท้ายใกล้บริษัทมากเลยแกรรร ออกไปนอกระเบียงก็เห็นบริษัทเลย แฮปปี้มาก ก็จองเลย เสียไป 5,000 บาท เสร็จสรรพก็โทรบอกพี่HR ว่าหนูตรวจร่างกายเสร็จแล้วน้าาา พี่เขาก็บอก "ฮะ มาตรวจแล้วหรอ เอ่ออ น้อง ว่างเข้ามาที่บริษัทไหม พอดี พี่1 อยากให้ไปคุยกับพี่2 น่ะ พี่2เขาทำงานอีกทีมนึง พี่1 ว่าเราเรียนมาสายนี้ น่าจะตรงกับสายงานพี่2 มากกว่า" เราก็โอเค้ ได้เล้ยยยย สบายมาก เดินไปก้อได้ 555 แต่ไม่ได้เดินนะคะ ขับรถไปกับพี่สาว แต่โชคร้ายที่เราไม่ได้เตรียมตัวไปเพื่อสัมภาษณ์เลย
พอไปถึงที่บริษัท พี่HR ก็เดินเรื่องให้ไปสัมภาษณ์กับพี่2 ซึ่งพี่ทำสายงานที่เราไม่โอเคเท่าไหร่นะ เรียนมาน่ะแหละ เลยรู้ว่าตัวเองไม่ชอบสายนี้ (บอกพี่1 ว่าไม่ชอบสายนี้แล้วด้วย) พอคุยไป คุยมา ไม่โอเคจริงๆ ไม่เหมือนที่คุยกับพี่1 เลย พี่2 พูดว่า "อึดอัดไหม คุยกับพี่" เราบอกไม่ค่ะ พี่เขาก็ตอบว่า"พี่อึดอัดมากเลย คุยกับเราน่ะ" อืมม จุกนิดนึง แต่ก็พอทนไหว คุยต่อไป ตอบคำถามไม่ได้เลย เราไม่ชอบสายนี้จริงๆ สุดท้ายเราก็ถามว่า อันนี้ตกลงยังไงหรอคะพี่ พี่2 ตอบเสียงดังว่า "สรุปก็คือ พี่ไม่รับน้องไงงงง 5555555555555555" แน่ะ หัวเราะใส่อีก เราก้อปิดกระเป๋าเดินออกมา คิดว่าโอเคกับพี่1 สุดแล้วในที่นี้ ก้อถามพี่HR ว่ายังไง พี่เค้าก็คุยให้ หายไปนานเลย แล้วก็มาสรุปให้ฟังว่า "ระหว่างที่รอน้องตรวจร่างกาย ก็ไม่รู้ว่าน้องจะเข้าจังหวัดมาตรวจเมื่อไหร่ ก็เลยสัมภาษณ์คนอื่นตำแหน่งนี้ไปเรื่อย แล้วก็ตกลงโอเคกับคนนั้น แล้วจัดอันดับน้องไว้เป็นตัวสำรอง น้องก็ไม่ต้องมาทำงาน 1 มิย แล้วนะ คือก็อยู่ในช่วงตัดสินใจนี่แหละ แต่ถ้าน้องเจองานใหม่ก็ไปกับเค้าได้เลยนะ" .... อกหักดังเป๊าะ เราพยักหน้า เดินออกมากับพี่สาว ขับรถออกบริษัทแบบช็อกๆ
หลังจากหายช็อก พี่สาวเราก็ระเบิดลง โทรไปหาพี่ HR อีกรอบ ก็บอกไปว่า เราเสียอะไรไปบ้างเพื่อเตรียมตัวมาทำงานวันที่ 1 นี้ ทำไมตอนแรกเซย์เย้ส แล้วตอนหลังมาเซย์โน แล้วก็บอกให้พี่1 มาเคลียร์กับเราให้รู้เรื่อง ทำแบบนี้ได้ยังไง บลาๆ พี่HR ก็แจงให้ฟังว่า "เพิ่งประชุมกันเรื่องคนสมัครงานเมื่อตอนสองทุ่มของเมื่อวาน แล้วตอนเช้าวันนี้ผมก็ลืมโทรบอกน้อง พอตอนบ่ายน้องโทรมาว่าตรวจร่างกายไปซะแล้ว" ... อยากด่ามาก เลยค่ะ ไอ่ส ตอนเย็นก็ขึ้นเครื่องกลับบ้าน อยากร้องไห้ใส่คนข้างๆ มากค่ะ แต่กลัวเขาตกใจ เลยไม่ร้องดีกว่า
คือเป็นตัวสำรองก็เป็นอะไรที่ยอมรับได้ค่ะถ้าบอกก่อน แต่นี่เตรียมการเรียบร้อย ดีใจไปแล้ว บอกพ่อแม่ไปแล้ว แพลนไว้หมดแล้ว แต่มาบอกตอนสุดท้ายว่า ไม่ต้องมาทำงานแล้ว อื้อหืออออ เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น? ก็ขอให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนสมัครงานไปนะคะ ดูให้ดีก่อนว่าระบบเขาดีมั้ย ขนาดแค่เริ่มต้นมาสมัครงานยังแย่ขนาดนี้ ถ้าเข้าไปทำงานคงปวดหัวแย่เลย
ขอบคุณที่อ่านถึงตรงนี้ค่ะ
ปล. ไปคุยกับหอแล้ว ได้เงินคืนค่ะ โชคดีไป
โดน Cancel การรับเข้าทำงาน ทั้งที่ตกลงกันไปแล้ว
เรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อประมาณต้นเดือน พ.ค. เราได้ยื่นสมัครงานในบริษัทแห่งหนึ่งที่เปิดรับงานในตำแหน่งที่เราต้องการอยู่หลายอัตรา แล้วพอวันที่ 13 พ.ค. เวลาห้าโมงเย็น ทางบริษัทโทรมาว่าให้ไปสัมภาษณ์ที่บริษัทในวันพรุ่งนี้ เราจะไม่มีปัญหาเลยถ้าที่พักเราอยู่ใกล้บริษัท แต่นี่คือต้องเดินทางครึ่งวัน แล้วเรายังไม่ได้เตรียมตัวอะไรสักอย่าง กระทันหันมากเลย แต่เราก็โอเค ยอมๆ แต่ก็จองเครื่องบินทั้งขาไป และขากลับ เพราะต้องกลับมาจัดการเรื่องตัวจบ
วันที่ 14 พ.ค. ลงเครื่องบินมาปุ๊ปป รีบไปบริษัท เดี๋ยวไม่ทันสัมภาษณ์ พอตอนสัมภาษณ์ เราก็ไปนั่งคุยกับเขา มีเรซูเม่ที่คิดว่าดีที่สุดในชีวิตยื่นให้เขา (ขอเรียกว่าพี่1) พี่1 เขาก็เป็นกันเองมากค่ะ เขาสรุปให้เราว่า "เราจะยังไม่ชัดเจนในตำแหน่งงานนี้เท่าไหร่ แต่ก็โอเค พี่ให้โอกาสเรามาทำงาน" เย้ เราลงมาหาพี่HR พี่เขานัดวันเริ่มทำงานเป็นวันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งเราไม่พร้อม แต่ก็โอเค ยอมๆ ได้งานแล้วอ่ะ ีใจมาก เหลือขั้นตอนเดียวคือตรวจร่างกาย แต่ต้องเป็น รพ ที่บริษัทคอนแทร็กไว้เท่านั้น จริงๆ กะตรวจวันนั้นเลย แต่ไม่ทันเครื่องบิน ก็เลยบอกพี่HR ว่า เดี๋ยวจะมาตรวจภายในเดือนนี้แหละ แล้วก็มาเริ่มงานกันเลย เย้
ปุ๊ป วันที่ 20 พ.ค. เราจองเครื่องบินไปกลับอีกแล้ว ด้วยเหตุทางบ้านนิดหน่อย เวลาประมานเก้าโมงเช้า เราไปตรวจร่างกายที่ รพ เอกชนแห่งหนึ่ง(อันนี้ไม่เสียค่าใช้จ่าย) ตรวจเสร็จนัดกับพี่สาวไว้ว่าจะไปดูหอด้วยกัน เอาที่ใกล้บริษัทที่สุด จะได้เดินเอา ไม่ต้องใช้รถ ไม่เปลืองเงินพ่อแม่ดี ก้อไปดูหอ แล้วก็มาโอเคกับหอสุดท้ายใกล้บริษัทมากเลยแกรรร ออกไปนอกระเบียงก็เห็นบริษัทเลย แฮปปี้มาก ก็จองเลย เสียไป 5,000 บาท เสร็จสรรพก็โทรบอกพี่HR ว่าหนูตรวจร่างกายเสร็จแล้วน้าาา พี่เขาก็บอก "ฮะ มาตรวจแล้วหรอ เอ่ออ น้อง ว่างเข้ามาที่บริษัทไหม พอดี พี่1 อยากให้ไปคุยกับพี่2 น่ะ พี่2เขาทำงานอีกทีมนึง พี่1 ว่าเราเรียนมาสายนี้ น่าจะตรงกับสายงานพี่2 มากกว่า" เราก็โอเค้ ได้เล้ยยยย สบายมาก เดินไปก้อได้ 555 แต่ไม่ได้เดินนะคะ ขับรถไปกับพี่สาว แต่โชคร้ายที่เราไม่ได้เตรียมตัวไปเพื่อสัมภาษณ์เลย
พอไปถึงที่บริษัท พี่HR ก็เดินเรื่องให้ไปสัมภาษณ์กับพี่2 ซึ่งพี่ทำสายงานที่เราไม่โอเคเท่าไหร่นะ เรียนมาน่ะแหละ เลยรู้ว่าตัวเองไม่ชอบสายนี้ (บอกพี่1 ว่าไม่ชอบสายนี้แล้วด้วย) พอคุยไป คุยมา ไม่โอเคจริงๆ ไม่เหมือนที่คุยกับพี่1 เลย พี่2 พูดว่า "อึดอัดไหม คุยกับพี่" เราบอกไม่ค่ะ พี่เขาก็ตอบว่า"พี่อึดอัดมากเลย คุยกับเราน่ะ" อืมม จุกนิดนึง แต่ก็พอทนไหว คุยต่อไป ตอบคำถามไม่ได้เลย เราไม่ชอบสายนี้จริงๆ สุดท้ายเราก็ถามว่า อันนี้ตกลงยังไงหรอคะพี่ พี่2 ตอบเสียงดังว่า "สรุปก็คือ พี่ไม่รับน้องไงงงง 5555555555555555" แน่ะ หัวเราะใส่อีก เราก้อปิดกระเป๋าเดินออกมา คิดว่าโอเคกับพี่1 สุดแล้วในที่นี้ ก้อถามพี่HR ว่ายังไง พี่เค้าก็คุยให้ หายไปนานเลย แล้วก็มาสรุปให้ฟังว่า "ระหว่างที่รอน้องตรวจร่างกาย ก็ไม่รู้ว่าน้องจะเข้าจังหวัดมาตรวจเมื่อไหร่ ก็เลยสัมภาษณ์คนอื่นตำแหน่งนี้ไปเรื่อย แล้วก็ตกลงโอเคกับคนนั้น แล้วจัดอันดับน้องไว้เป็นตัวสำรอง น้องก็ไม่ต้องมาทำงาน 1 มิย แล้วนะ คือก็อยู่ในช่วงตัดสินใจนี่แหละ แต่ถ้าน้องเจองานใหม่ก็ไปกับเค้าได้เลยนะ" .... อกหักดังเป๊าะ เราพยักหน้า เดินออกมากับพี่สาว ขับรถออกบริษัทแบบช็อกๆ
หลังจากหายช็อก พี่สาวเราก็ระเบิดลง โทรไปหาพี่ HR อีกรอบ ก็บอกไปว่า เราเสียอะไรไปบ้างเพื่อเตรียมตัวมาทำงานวันที่ 1 นี้ ทำไมตอนแรกเซย์เย้ส แล้วตอนหลังมาเซย์โน แล้วก็บอกให้พี่1 มาเคลียร์กับเราให้รู้เรื่อง ทำแบบนี้ได้ยังไง บลาๆ พี่HR ก็แจงให้ฟังว่า "เพิ่งประชุมกันเรื่องคนสมัครงานเมื่อตอนสองทุ่มของเมื่อวาน แล้วตอนเช้าวันนี้ผมก็ลืมโทรบอกน้อง พอตอนบ่ายน้องโทรมาว่าตรวจร่างกายไปซะแล้ว" ... อยากด่ามาก เลยค่ะ ไอ่ส ตอนเย็นก็ขึ้นเครื่องกลับบ้าน อยากร้องไห้ใส่คนข้างๆ มากค่ะ แต่กลัวเขาตกใจ เลยไม่ร้องดีกว่า
คือเป็นตัวสำรองก็เป็นอะไรที่ยอมรับได้ค่ะถ้าบอกก่อน แต่นี่เตรียมการเรียบร้อย ดีใจไปแล้ว บอกพ่อแม่ไปแล้ว แพลนไว้หมดแล้ว แต่มาบอกตอนสุดท้ายว่า ไม่ต้องมาทำงานแล้ว อื้อหืออออ เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น? ก็ขอให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนสมัครงานไปนะคะ ดูให้ดีก่อนว่าระบบเขาดีมั้ย ขนาดแค่เริ่มต้นมาสมัครงานยังแย่ขนาดนี้ ถ้าเข้าไปทำงานคงปวดหัวแย่เลย
ขอบคุณที่อ่านถึงตรงนี้ค่ะ
ปล. ไปคุยกับหอแล้ว ได้เงินคืนค่ะ โชคดีไป