สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
ขอเพิ่มความเห็นหลังจากกระทู้นี้เริ่มเข้าโหมดดราม่า****
ข้อความเดิม ที่ไม่ได้ใส่ความรู้สึก เขียนตามที่เห็นเพราะเคยมาใช้บริการ ->
คูณน้องได้กรีนการ์ดถูกต้องตามกฎหมายครับ ผมเพิ่งไปอุดหนุนที่ร้านเธอมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่แปลกใจคือลูกค้าส่วนมากเป็นอเมริกัน ทั้งที่เคยได้ยินมาและเข้าใจมาตลอดว่าพวกอเมริกันไม่ค่อยชอบกินไก่ต้มซักเท่าไหร่ และมีบางคนที่เข้ามาทานข้าวมัน + เต้าหู้ด้วยนะ สาขาที่ผมไปทานเด็กเสริฟเป็นพวกฝรั่งทั้งหมด แล้วเปิดเพลงอีสานดังมากด้วย 55555
ข้อความเพิ่มเติม (ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ)->
ผมว่าอาหารไทยแท้ที่เมกาหาทานยาก ส่วนมากตามเมืองเล็กๆที่ผมได้มาเห็นยังสามารถหาอาหารอินเดียหรืออาหารเวียดนามทานได้ พ่อครัว/แม่ครัวคนไหนก้อได้ที่ทำอาหารไทยเก่งช่วยมาเปิดร้านที่นี่หน่อย มากันให้เยอะๆ เปิดมันทุกๆรัฐ ผมเบื่ออาหารไทยปลอมๆที่นี่จะตายห่าอยู่แล้ว อย่าเพิ่งมาทะเลาะกันว่าเข้าเมืองผิดกฎหมายมั้ย? ฝรั่งที่เคยมาเที่ยวเมืองไทยยังบ่นว่าเค้าอยากทานอาหารรสชาดเหมือนที่เคยมากินตามร้านข้างทางแต่มันหากินไม่ได้เล้ยยยย ถึงตัวเราจะเล็ก (ไม่ค่อยรวย ภาษาไม่แข็งแรง) แต่ช่วยทำ(หัว)ใจให้มันโตๆกว้างๆหน่อยประเทศจะได้เจริญ
ข้อความเดิม ที่ไม่ได้ใส่ความรู้สึก เขียนตามที่เห็นเพราะเคยมาใช้บริการ ->
คูณน้องได้กรีนการ์ดถูกต้องตามกฎหมายครับ ผมเพิ่งไปอุดหนุนที่ร้านเธอมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่แปลกใจคือลูกค้าส่วนมากเป็นอเมริกัน ทั้งที่เคยได้ยินมาและเข้าใจมาตลอดว่าพวกอเมริกันไม่ค่อยชอบกินไก่ต้มซักเท่าไหร่ และมีบางคนที่เข้ามาทานข้าวมัน + เต้าหู้ด้วยนะ สาขาที่ผมไปทานเด็กเสริฟเป็นพวกฝรั่งทั้งหมด แล้วเปิดเพลงอีสานดังมากด้วย 55555
ข้อความเพิ่มเติม (ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ)->
ผมว่าอาหารไทยแท้ที่เมกาหาทานยาก ส่วนมากตามเมืองเล็กๆที่ผมได้มาเห็นยังสามารถหาอาหารอินเดียหรืออาหารเวียดนามทานได้ พ่อครัว/แม่ครัวคนไหนก้อได้ที่ทำอาหารไทยเก่งช่วยมาเปิดร้านที่นี่หน่อย มากันให้เยอะๆ เปิดมันทุกๆรัฐ ผมเบื่ออาหารไทยปลอมๆที่นี่จะตายห่าอยู่แล้ว อย่าเพิ่งมาทะเลาะกันว่าเข้าเมืองผิดกฎหมายมั้ย? ฝรั่งที่เคยมาเที่ยวเมืองไทยยังบ่นว่าเค้าอยากทานอาหารรสชาดเหมือนที่เคยมากินตามร้านข้างทางแต่มันหากินไม่ได้เล้ยยยย ถึงตัวเราจะเล็ก (ไม่ค่อยรวย ภาษาไม่แข็งแรง) แต่ช่วยทำ(หัว)ใจให้มันโตๆกว้างๆหน่อยประเทศจะได้เจริญ
ความคิดเห็นที่ 25
อ่านในทู้อื่นๆ อีก 2 ทู้ที่มาอวยเธอ เห็นบางคอมเม้นท์แสดงอาการตาร้อนออกมาชัดเจน
คือ คนไทยนี่มันต้องกระจอก ไปไหนไม่รอด ทำอะไรไม่เป็นเหรอ ถึงจะเป็นที่พอใจกับคนไทยด้วยครับ
ยิ่งเธอมาจากไม่มีอะไรยิ่งแปลว่าเธอเก่งมาก
เก่งกว่าไอ่พวกพ่อแม่ส่งไปเรียนนอกได้ แต่ตัวเองก็ทำได้แค่เอาปริญญากลับมาข่มคนไทยด้วยกัน
แล้วก็แค่ทำได้แค่เป็นลูกจ้างไปวันๆ หรือแค่ทำให้กิจการพ่อแม่ทรงๆ ไปวันๆ เท่านั้น
คือ คนไทยนี่มันต้องกระจอก ไปไหนไม่รอด ทำอะไรไม่เป็นเหรอ ถึงจะเป็นที่พอใจกับคนไทยด้วยครับ
ยิ่งเธอมาจากไม่มีอะไรยิ่งแปลว่าเธอเก่งมาก
เก่งกว่าไอ่พวกพ่อแม่ส่งไปเรียนนอกได้ แต่ตัวเองก็ทำได้แค่เอาปริญญากลับมาข่มคนไทยด้วยกัน
แล้วก็แค่ทำได้แค่เป็นลูกจ้างไปวันๆ หรือแค่ทำให้กิจการพ่อแม่ทรงๆ ไปวันๆ เท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
เด็กไทย ไปขายข้าวมันไก่ที่อเมริกา มาดูหน้าตาข้าวมันไก่อเมริกา
วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18:59:51 น
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1432209315
หลังจากตัดสินใจเข้ามาขุดทองในดินแดนแห่งโอกาส สหรัฐอเมริกา “น้อง พูนสุขวัฒนา” กลายเป็นโรลโมเดลที่ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในสังคมสื่อสารออนไลน์ในประเทศไทย ด้วยเรื่องราวที่น่าประทับใจ จากจุดเริ่มต้นที่เหมือนจะมาจากศูนย์ แต่ด้วยความกล้า ความมุ่งมั่น วันนี้เธอกลายเป็นเจ้าของ แบรนด์ "Nong′s Khao Man Gai" อันโด่งดังในเมืองพอร์ตแลนด์ของรัฐโอเรกอน
เป็นก้าวย่างที่น่าสนใจ และพัฒนามาไกลมากขึ้น หลังจากที่เธอกลายเป็นที่รู้จักบนเวที Ted Talk เมื่อปีที่ผ่านมา
น้องเป็นชาวไทยที่เกิดในกรุงเทพมหานครฯ ได้รับการถ่ายทอดวิธีการทำอาหารแบบไทยจากแม่ตั้งแต่ยังเล็ก แต่เรื่องราวการเป็นเจ้าของกิจการของเธอนั้นไม่ได้สะดวกสบาย
บนเวทีเท็ดเอ็กซ์พอร์ตแลนด์ น้องเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของเธอว่ามันไม่ได้เรียบง่าย ปูมหลังในวัยเยาว์จากครอบครัวที่พ่อผู้ติดเครื่องดื่มมึนเมา มักใช้ทำลายคนในครอบครัวทั้งด้านร่างกายและจิตใจอยู่เสมอ เธอยอมรับว่าเธออับอายในเรื่องราวครอบครัวของเธอ
เธอเฝ้าภาวนาว่าวันหนึ่งจะสามารถใช้ชีวิตในที่อื่นที่ไกลออกไปจากสถานที่ที่เธอเติบโตขึ้นมาในที่สุดเธอก็ได้ทำตามฝันข้ามฟ้าไปยังสหรัฐอเมริกาอีกฝั่งของโลก
จนกระทั่งปี2546 "น้อง" ในวัย 23 ปี ตัดสินใจแพคกระเป๋า 2 ใบ และเงินติดตัว 70 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,350 บาท) มุ่งสู่อเมริกา ทั้งนี้ เธอเล่าติดตลกให้ผู้ชมฟังว่า อันที่จริงแล้วเธอมีเงินเริ่มต้น 300 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 10,000 บาท) แต่เธอใช้หมดไปกับการซื้อน้ำหอมแชแนลและแป้งพัฟที่เกาหลีใต้ ระหว่างแวะพักเครื่อง ซึ่งเธอยังใช้มันจนถึงทุกวันนี้!
สามสัปดาห์ให้หลังการย้ายไปสหรัฐฯ เธอได้ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ เธอทำงานทุกวันเช้าจรดเย็นเป็นเวลา 5 ปี ก่อนจะย้ายไปทำงานเป็นแม่ครัวในร้านอาหาร ป๊อก ป๊อก (Pok Pok)
ในปี 2552 น้องตัดสินใจซื้อรถเข็นจากเว็บไซต์เคร็กลิสต์ ด้วยเงิน 1,300 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 43,500 บาท) และใช้เงินทั้งหมดเพื่อเปิดกิจการข้าวมันไก่ เธอคัดเลือกวัตถุดิบอย่างหลากหลาย คิดค้นสูตรข้าวมันไก่และน้ำจิ้มในอพาร์ทเมนท์ของเธอ
ในปีแรกเธอพยายามที่จะทำให้ข้าวมันไก่ของเธอเป็นข้าวมันไก่ที่ดีที่สุด แต่เธอชี้ว่า การจะประสบความสำเร็จแค่ข้าวมันไก่ที่สมบูรณ์แบบนั้นไม่เพียงพอ ยังมีปัจจัยอื่นที่สำคัญ อย่างเช่น การบริหารธุรกิจและการเป็นผู้นำ จนวันหนึ่งทุกคนต่างเรียกเธอว่า “เชฟน้อง”
เชฟน้องเล่าต่อว่า เธอได้ใช้สิ่งที่แม่ของเธอสอน คือการ “ให้ผู้อื่นก่อนแล้วจึงค่อยรับกลับ เคารพลูกค้า และอย่าลืมที่จะยิ้ม” ก่อนจะยอมรับว่าตนเองผิดพลาดหลายครั้งในฐานะเจ้าของกิจการ “หากปราศจากทีมของฉัน ฉันก็เป็นเพียงคนธรรมดา”
เชฟน้องกล่าวทิ้งท้ายว่า “แม้สถานการณ์จะแย่แค่ไหน ขอให้เชื่อมั่นในตัวเองและลงมือทำ วันนึงเราเองอาจจะตกใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา”
ปัจจุบัน เชฟน้องได้ขยายสาขาร้านน้องข้าวมันไก่อีก 2 สาขา ในเมืองพอร์ตแลนด์ ร้านข้าวมันไก่ของเธอเป็นที่นิยมอย่างมากและได้รับการันตีจากเยลพ์ เว็บไซต์แนะนำร้านค้าและร้านอาหารชื่อดังในสหรัฐฯ นอกจากนี้ เธอยังมีผลิตน้ำจิ้มข้าวมันไก่บรรจุขวดขายในห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นของในพอร์ตแลนด์ด้วย