ตั้งเเต่สิก้าออกจากวงไปเรกา็ไม่ค่อยได้เห็นสัมภาษณ์เธอพูดถึงวงมากนัก
พอดีไปเจอบทความนี้มาจากเว็บ
http://www.springnews.co.th/entertain/210692 เลยเอามาให้อ่านกันค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เจสสิก้า จอง” ได้ให้สัมภาษณ์ ผ่านนิตยสาร
Marie Claire Korea แล้ว
เกี่ยวกับชีวิตหลังเธอถอนตัวจากวง
Girls’ Generation โดยเจสสิก้า พูดถึงครอบครัว ซึ่งเป็นพลังและแรงสนับสนุนสำคัญในยามที่ยากลำบาก
ซึ่งเจสสิก้า และน้องสาว
คริสตัล วง f(x) ได้ไปท่องเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว
ถือเป็นการท่องเที่ยวแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันครั้งแรกนับตั้งแต่เธอเดบิวต์
“ทุกสิ่งทุกอย่างมันต่างจากสมัยที่ฉันยังเป็น Girls’ Generation เลยค่ะ อย่างแรกเลยคือฉันมีอิสระมากขึ้น
ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับสมาชิกมันแสนวิเศษมากค่ะ แต่เมื่อฉันต้องทำงานคนเดียว มันก็ทำให้ฉันมีเวลามากขึ้น
เพื่อไปเรียนด้านแฟชั่น และก็มีแพลนที่จะเข้าโรงเรียนในด้านนี้ด้วยค่ะ แต่ยังไม่ได้กำหนดช่วงเวลาที่แน่นอน
ตอนนี้ฉันเลยเรียนมันด้วยตัวเองอย่างหนัก”
เมื่อพูดถึงอิสระในการทำงาน เจสสิก้าก็พูดว่า
“ถ้าฉันยังเป็นสมาชิก Girls’ Generation ฉันคงไม่มีทางได้ถ่ายแบบในลักษณะนี้ เพราะไอดอลมักจะต้องสดใส ร่าเริง ใสซื่ออยู่เสมอ
แต่ตอนนี้ฉันอายุ 27 ปีแล้ว ฉันเป็นแบบนั้นไปตลอดไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเห็นผู้คนคอมเม้นท์ว่า ฉันโชว์ผิวของฉันมากขึ้นหลังจากที่ถอนตัวจากวง
ซึ่งความจริงก็คือฉันไม่ได้เป็นเด็กสาวอีกต่อไปแล้วค่ะ ฉันรู้สึกดีที่ได้โชว์ความเป็นผู้ใหญ่ของตัวเอง ตั้งแต่ฉันเดบิวต์ตอนอายุ 19 จนถึง 25
ฉันรู้สึกอึดอัดกับข้อจำกัดต่างๆ และตอนนี้ฉันสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวฉันเอง มันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยที่มาถ่ายแบบครั้งนี้ด้วยตัวเอง”
ท้ายสุด เจสสิก้าได้พูดถึงชีวิตของเธอว่า
“ฉันไตร่ตรองเกี่ยวกับตัวเองอย่างหนัก มีช่วงเวลาที่ฉันกระวนกระวายเกี่ยวกับชีวิตวัย 30 ที่ใกล้เข้ามาทุกที
ก็ไม่แน่ใจว่าอะไรที่ทำให้ต้องรู้สึกแบบนั้นนะคะ แต่ฉันคิดว่าจากนี้ไปฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง นั่นก็เพราะว่าตอนนี้ฉันอยู่คนเดียวแล้วค่ะ
ฉันต้องเติมเต็มข้อบกพร่องของตัวเองให้ได้ เพราะว่าเมื่อก่อนมีสมาชิกช่วย ฉันพยายามจะเข้าไปคุยกับผู้คน
ทำให้เขารู้สึกสบายๆเมื่ออยู่กับฉัน แต่มันก็เหมือนมีกำแพงกั้น มันยากที่จะไปงานคนเดียวค่ะ
เพราะฉันต้องเดินเข้าไปทักทายผู้คนก่อน ฉันพยายามที่จะรื้อกำแพงนั้นทีละน้อยๆ”
[K-POP] เจสสิก้า อดีตสมาชิก SNSD เปิดใจ ชีวิตที่ต้องทำงานเพียงลำพัง
พอดีไปเจอบทความนี้มาจากเว็บ http://www.springnews.co.th/entertain/210692 เลยเอามาให้อ่านกันค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เจสสิก้า จอง” ได้ให้สัมภาษณ์ ผ่านนิตยสาร Marie Claire Korea แล้ว
เกี่ยวกับชีวิตหลังเธอถอนตัวจากวง Girls’ Generation โดยเจสสิก้า พูดถึงครอบครัว ซึ่งเป็นพลังและแรงสนับสนุนสำคัญในยามที่ยากลำบาก
ซึ่งเจสสิก้า และน้องสาว คริสตัล วง f(x) ได้ไปท่องเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว
ถือเป็นการท่องเที่ยวแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันครั้งแรกนับตั้งแต่เธอเดบิวต์
“ทุกสิ่งทุกอย่างมันต่างจากสมัยที่ฉันยังเป็น Girls’ Generation เลยค่ะ อย่างแรกเลยคือฉันมีอิสระมากขึ้น
ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับสมาชิกมันแสนวิเศษมากค่ะ แต่เมื่อฉันต้องทำงานคนเดียว มันก็ทำให้ฉันมีเวลามากขึ้น
เพื่อไปเรียนด้านแฟชั่น และก็มีแพลนที่จะเข้าโรงเรียนในด้านนี้ด้วยค่ะ แต่ยังไม่ได้กำหนดช่วงเวลาที่แน่นอน
ตอนนี้ฉันเลยเรียนมันด้วยตัวเองอย่างหนัก”
เมื่อพูดถึงอิสระในการทำงาน เจสสิก้าก็พูดว่า
“ถ้าฉันยังเป็นสมาชิก Girls’ Generation ฉันคงไม่มีทางได้ถ่ายแบบในลักษณะนี้ เพราะไอดอลมักจะต้องสดใส ร่าเริง ใสซื่ออยู่เสมอ
แต่ตอนนี้ฉันอายุ 27 ปีแล้ว ฉันเป็นแบบนั้นไปตลอดไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเห็นผู้คนคอมเม้นท์ว่า ฉันโชว์ผิวของฉันมากขึ้นหลังจากที่ถอนตัวจากวง
ซึ่งความจริงก็คือฉันไม่ได้เป็นเด็กสาวอีกต่อไปแล้วค่ะ ฉันรู้สึกดีที่ได้โชว์ความเป็นผู้ใหญ่ของตัวเอง ตั้งแต่ฉันเดบิวต์ตอนอายุ 19 จนถึง 25
ฉันรู้สึกอึดอัดกับข้อจำกัดต่างๆ และตอนนี้ฉันสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวฉันเอง มันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยที่มาถ่ายแบบครั้งนี้ด้วยตัวเอง”
ท้ายสุด เจสสิก้าได้พูดถึงชีวิตของเธอว่า
“ฉันไตร่ตรองเกี่ยวกับตัวเองอย่างหนัก มีช่วงเวลาที่ฉันกระวนกระวายเกี่ยวกับชีวิตวัย 30 ที่ใกล้เข้ามาทุกที
ก็ไม่แน่ใจว่าอะไรที่ทำให้ต้องรู้สึกแบบนั้นนะคะ แต่ฉันคิดว่าจากนี้ไปฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง นั่นก็เพราะว่าตอนนี้ฉันอยู่คนเดียวแล้วค่ะ
ฉันต้องเติมเต็มข้อบกพร่องของตัวเองให้ได้ เพราะว่าเมื่อก่อนมีสมาชิกช่วย ฉันพยายามจะเข้าไปคุยกับผู้คน
ทำให้เขารู้สึกสบายๆเมื่ออยู่กับฉัน แต่มันก็เหมือนมีกำแพงกั้น มันยากที่จะไปงานคนเดียวค่ะ
เพราะฉันต้องเดินเข้าไปทักทายผู้คนก่อน ฉันพยายามที่จะรื้อกำแพงนั้นทีละน้อยๆ”