หลังจากผมเลิกกับเเฟนได้ไม่นาน(เเปปเดียวจริงๆ) จังหวะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมโหวงเหวงที่สุดเลยก็ว่าได้ เเต่ตอนนั้นที่นึกขึ้นได้ก็คือต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเสียก่อน หน้าที่ของผมคือการอ่านหนังสือสอบ ดีหน่อยที่เเม้วันเลิกกับเเฟนผมยังอ่านหนังสือสอบได้ โดยเลือกที่จะอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องคนเดียวเสียมากกว่า อาจจะไม่ดีเท่ากับอ่านกับเพื่อนๆในเอกเดียวกันที่คอยสรุปเนื้อหาเเล้วเอาที่อาจารย์เน้นมาคุย เเต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ระหว่างวันว่างที่ไม่มีสอบ วันนึงผมก็เปิดเฟสบุ๊คหลังจากไม่ได้เปิดหลายวัน เข้าไปว่ามีเรื่องราวอะไรบ้าง จนมาสะดุดกับผู้หญิงคนนึง เขาเป็นผู้หญิงที่ผมเคยเจอในวิชาหนึ่งที่เรียนร่วมกันกับอีกคณะ เขาไม่ได้เป็นคนสวยอะไรมากมาย เเต่เขาดูเป็นคนตัวเล็กน่ารักดี ผมก็เเอดไป ตอนเเรกที่เห็นเขาผมไม่คิดอะไหรอกเพราะผมมีเเฟนเเล้ว ที่เเอดไปคือเเอดไปเพราะเคยเห็นไม่คิดจะติดต่อหรือสัมพันธ์ต่อไป เย็นวันนั้นเขาก็รับเเอดผม เเล้วก็ทักมาว่า "ขอบคุณที่เเอดมานะ"
ไอ้เราก็ตกใจอยู่นะ เเต่ก็พิมพ์ถามไปว่าจำได้ไหมว่าเคยเรียนวิชาเดียวกัน เขาก็บอกจำไม่ได้ ผมก็เลยชวนคุยไปเรื่อยๆก็ทำให้สบายใจได้ระดับนึง เเต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเเค่รู้สึกดีที่มีคนมาคุยด้วย เพราะตั้งเเต่มีเเฟนก็เลิกคุยกับสาวๆทั้งหลายเสียทันทีทันใด หรือสาวๆหนีหายก็ไม่รู้55
ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์หลังสอบเสร็จ วันหนึ่งหลังจากผมช่วยงานชมรมเสร็จประมาณ6โมงเย็น ผมซื้อขนมมานั่งกินเเล้วเล่นwifiใต้หอ เเล้วก็มีเเชทเด้งขึ้นมาตอนบ่าย3 ถามประมาณว่าตอนนี้อยู่ไหน ผมก็ตอบไปว่าอยู่หอเเล้ว ไม่นานเขาก็ตอบว่าเขาอยู่ห้าง จะมาไหม ไอ้เราก็เหนื่อยเหงื่อไหลทั่วตัวไม่อยากไปหรอกเเต่ก็ถามไปสักหน่อยเเล้วค่อยบอกปัดทีหลัง ก็ดันถามไปว่าไปกี่คนเขาก็บอกว่า4 ผมก็บอกความจริงไปว่าไม่มีชุดใส่(ผมเหลือเเต่ชุดบอลเพราะเเช่น้ำไว้ซัก เพราะไม่กี่วันผมต้องกลับบ้านไปช่วยที่บ้านขายของ) เขาก็บอกทำนองว่าป๊อดไม่กล้าละสิเเต่ทำนองหยอกเล่น ไอ้เราก็นะตามนิสัยน่อยๆถ้าคนท้ามาถ้าไม่มีใครเสียหายเราก็ทำ ผมก็รีบกลับขึ้นห้อง มีทั้งข่าวดีเเละข่าวร้ายคือ พอมีชุดในตู้อยู่ประมาณ10ตัวเเต่7ตัวเป็นชุดที่ผมไม่ใส่เเล้ว(ใส่ไม่ได้ เพราะหลวมมาก ผมลดน้ำหนักจากตอนัธยมเกือบ10กิโล เเต่ที่ชัดเจนคือสัดส่วนเพราะผมออกกำลังกาย คุมอาหารเเละเล่นเวทจนได้เเฟนคนเเรกที่เป็นตัวเป็นตนที่มหาลัยนี่เหละครับ ) 2ตัวเป้นชุดนักศึกษา เเละตัวสุดท้ายผมซื้อมาเเค่เอาไว้ใส่ตอนไปเที่ยวกลางคืน เเต่ผมไม่เคยไปหรอก55 ก็เลยไม่เคยได้ใส่ เเละอีกอย่างจะไปดูหนังครั้งเเรกจะใส่เบดบอยไปเลยคงไม่ดี เเต่สุดท้ายก็จำใจยอมใส่อยู่ดี
ตอนไปถึงร้านที่เขานัดไว้ก็พบว่ามีเพื่อนเขาอีกสามคนเเต่งตัวสวยๆทั้งสามคนเลย เเต่มีเเค่เขาที่ใส่เรียบๆเสื้อยืดกางเกงยีนส์ มาถึงเขาก็ชวนหนังผมเลยเเนะนำตัวกับเพื่อนๆเขาก็ชวนคุยกัน ก็ถือว่าคุยกันได้ มีเเต่เขาที่ไม่ค่อยพูดกับผม หลัวจากพวกเขากินเสร็จก็ชวนกันไปดูหนังต่อข้างบน เเละมีเพื่อนคนนึงเขาขอกลับก่อน พอตอนเลือกหนังปรากฎว่ามีเพื่อนคนนึงนัดเเม่มารับตอนสามทุ่ม ก็เลยต้องรีบหาหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เขาได้เลือก ปรากฏว่าเป็นหนังผี ผมนี่ใจไม่ดีเลยเพราะเคยบอกไปว่าผมดูได้ทุกเเนวยกเว้นหนังผี เพื่อนเขาสองคนไม่อยากดูเท่าไหร่เเต่ก็ยอมดูจนได้ เพราะเลือกกันไม่ได้สักที ตอนดูหนังผมได้นั่งข้างเขา เพราะเพื่อนของเขาเกี่ยงไม่ยอมนั่งริม ผมเลยอาสานั่งริม เมื่อได้ดูก็รู้ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเพราะเป็นเเนวซอมบี้ซึ่งผมเเละเขาก็ดูบ่อยเเละชอบทั้งคู่ เกือบลืมไป ระหว่างโฆษณาเขาเอามือถือมาจิ้มก็เหลือบเห็นว่าเหมือนคุยเเชทค้างอยู่2-3คน เเต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเดี่ยวเขาจะรู้สึกไม่ดีเข้า ตอนดูๆฉษกเสียวๆเช่นผีหายไปเเล้วไม่โผล่ออกมาสักทีผมก็ถือโอกาสนั้นมองไปที่เขาบ้าง เเต่ก็เห็นไม่ชัดหรอกเพราะผมเขาก็บังบางส่วน เเต่ก็ใกล้ที่สุดเเล้ว เขาก็มีหันมายิ้มกับผมบ้างในฉากที่เขาเผลอตกใจ
หลังจากกลับมาจากมหาลัยเราก็เเยกกันสองกลุ่มเพราะผมกับเขาอยู่หอฝั่งเดียวกันเลยได้เดินไปด้วยกัน ไอ้เราก็ดีใจ เเต่ดันมาทุกข์ใจเข้าเมื่อเขาดันไม่ยอมชวนคุย เเถมดูเหมือนไม่สบาย เลยมีเเต่ผมชวนคุย อยู่ฝ่ายเดียว หลังจากส่งเขาขึ้นหอ ผมก็เลยกะจะไปนั่งเล่นคนเดียวริมอ่างน้ำใกล้หอ อ่างน้ำที่มหาลัยผมหมายถึงอ่างเห็บน้ำขนาดใหญ่ บรรยากาศดีมาก หลายคนชอบมาวิ่ง เดินเล่น ออกกำลังกาย หรือนั่งจีบกัน เเต่ด้วยผมไปดึกเดินได้ไม่นานก็มียามขับรถมาบอกว่าหมดเวลาเเล้ว ก็เลยต้องทำตามเดินกลับหอด้วเซ็งหน่อยๆ
วันต่อมาผมมีค่ายเลยต้องรีบตื่นเเต่เช้าหลังกลับค่ายก็นอนพักเสียนาน เเต่พอตื่นก็ไม่ลืมที่จะคุยเเชท เเต่ปรากฏว่าคุยไม่สนุกเหมือนเดิม ถามคตอบคำหรอไม่ค่อยชวนคุยเหมือนเคย ผมก็เลยสงสัยว่าเป็นเพราะอะไรกันเเน่ เพราะผมเเต่งตัวไปเเบบนั้นรือทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ผมเลยเริ่มประติดประต่อเรื่องราว โดยเข้าไปในเฟสของเขาเเละก็ทำการส่องเเละวิเคราะห์ยืนยันตามที่เคยคิดไว้เเต่เเรก คือ1 เขาเป็นคนน่ารักมีคนมากดไลค์บ้างเเต่ดูน้อยในหลายๆรูป 2.เนื่องจากเป็นคนน่ารักเเต่สเตตัสของเขามีคนไชค์ไม่ถึง10คน ซึ่งมีสิ่งที่โยงกับข้อที่หนึ่ง 3.สเตตัสของเขาพูดเเต่เรื่องความรักเป็นส่วนใหญ่ เเต่เเปลกใจที่เพื่อนที่มาเม้นมีผู้หญิงเเค่คนเดียวซึ่งอาจเป็นเพื่อนสนิทเขา เเละมีผู้ชายมาเม้นประปราย เเต่ก็ถือว่าเยอะอยู่ดี ผมก็หนึ่งในนั้น เเละดูเหมือนเขาจะตอบเม้นเพื่อนผู้ชายได้ดีเสียจนอยากเม้นต่อ 4.อันนี้มาจากข้อมูลที่ไปสืบมาด้วยตัวเอง เเละมีคนช่วยสืบ คือ ไม่มีใครบอกได้ว่าเขามีนิสัยอย่างไร เเม้เพื่อนในกลุ่มก็ชอบบอกว่าไม่สนิทกับเขา ตอนเเรกก็สงสัยนิดหน่อย เเต่พอถามเพื่อนหลายๆคนในกลุ่เขาก็เริ่มสงสัยเเล้ว ผมเลยขอช่วยเพื่อนที่ผมคิดว่าพึ่งพาได้ดีในเรื่องนี้ ถามว่ารู้จักเพื่อนในคณะเขากี่คน เขาก็บอกสามคน เลยขอให้เขาช่วยหน่อย เเต่ผมก็เลยลองเสี่ยงถามเพื่อนสนิทเขาคนนั้นไปว่าเขานิสัยยังไง
ในคืนนั้น หรือวันนี้นี่เหละ ผมก็ได้คำตอบนั่นคือ เขาบอกว่า คนในคณะของเขาบอกว่าเขาม่อ เพื่อนผมที่เป็นผู้หญิงใช้คำนี้นะครับ ผมอยากคุยกับเพื่อน เเต่เขาไม่สะดวกรับ รอคุยกับผมในวันพรุ่งนี้ ผมเลยเริ่มประติดประต่อเรื่องราวต่อไปนั่นคือ ในบ้างครั้งเขาตอบดีชวนคุยอย่างสบายใจ เเต่บางครั้งเขาพิมพ์ตอบผิดประเด็น หรือเเค่เพียงให้จบไป ผมโทรปรึกษากับเพื่อนสนิทว่า อย่างน้อยก็โชคดที่รู้เร็ว ไม่ใช่รู้เมื่อวันหลังจากขอเป็นเเฟน ตอนนี้ผมก็ยังรอคุยกับเพื่อนผมคนที่ไปสืบ ว่ามีอะไรต่อบ้าง หากมีอะไรคืบหน้า เราคงเจอกันอีกนะครับ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนครับ
*คิดจะหลอกเขาโดนหลอกเสียเอง ประโยคที่ผมชอบพูดเล่นกับเพื่อนก่อนมาเจอเขา
ผู้หญิงชวนผมไปดูหนังกับเพื่อนเขา พอดูจบเหมือนคนละคน เเละผมก็รู้สาเหตุตอนนี้(วันนี้)
ระหว่างวันว่างที่ไม่มีสอบ วันนึงผมก็เปิดเฟสบุ๊คหลังจากไม่ได้เปิดหลายวัน เข้าไปว่ามีเรื่องราวอะไรบ้าง จนมาสะดุดกับผู้หญิงคนนึง เขาเป็นผู้หญิงที่ผมเคยเจอในวิชาหนึ่งที่เรียนร่วมกันกับอีกคณะ เขาไม่ได้เป็นคนสวยอะไรมากมาย เเต่เขาดูเป็นคนตัวเล็กน่ารักดี ผมก็เเอดไป ตอนเเรกที่เห็นเขาผมไม่คิดอะไหรอกเพราะผมมีเเฟนเเล้ว ที่เเอดไปคือเเอดไปเพราะเคยเห็นไม่คิดจะติดต่อหรือสัมพันธ์ต่อไป เย็นวันนั้นเขาก็รับเเอดผม เเล้วก็ทักมาว่า "ขอบคุณที่เเอดมานะ"
ไอ้เราก็ตกใจอยู่นะ เเต่ก็พิมพ์ถามไปว่าจำได้ไหมว่าเคยเรียนวิชาเดียวกัน เขาก็บอกจำไม่ได้ ผมก็เลยชวนคุยไปเรื่อยๆก็ทำให้สบายใจได้ระดับนึง เเต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเเค่รู้สึกดีที่มีคนมาคุยด้วย เพราะตั้งเเต่มีเเฟนก็เลิกคุยกับสาวๆทั้งหลายเสียทันทีทันใด หรือสาวๆหนีหายก็ไม่รู้55
ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์หลังสอบเสร็จ วันหนึ่งหลังจากผมช่วยงานชมรมเสร็จประมาณ6โมงเย็น ผมซื้อขนมมานั่งกินเเล้วเล่นwifiใต้หอ เเล้วก็มีเเชทเด้งขึ้นมาตอนบ่าย3 ถามประมาณว่าตอนนี้อยู่ไหน ผมก็ตอบไปว่าอยู่หอเเล้ว ไม่นานเขาก็ตอบว่าเขาอยู่ห้าง จะมาไหม ไอ้เราก็เหนื่อยเหงื่อไหลทั่วตัวไม่อยากไปหรอกเเต่ก็ถามไปสักหน่อยเเล้วค่อยบอกปัดทีหลัง ก็ดันถามไปว่าไปกี่คนเขาก็บอกว่า4 ผมก็บอกความจริงไปว่าไม่มีชุดใส่(ผมเหลือเเต่ชุดบอลเพราะเเช่น้ำไว้ซัก เพราะไม่กี่วันผมต้องกลับบ้านไปช่วยที่บ้านขายของ) เขาก็บอกทำนองว่าป๊อดไม่กล้าละสิเเต่ทำนองหยอกเล่น ไอ้เราก็นะตามนิสัยน่อยๆถ้าคนท้ามาถ้าไม่มีใครเสียหายเราก็ทำ ผมก็รีบกลับขึ้นห้อง มีทั้งข่าวดีเเละข่าวร้ายคือ พอมีชุดในตู้อยู่ประมาณ10ตัวเเต่7ตัวเป็นชุดที่ผมไม่ใส่เเล้ว(ใส่ไม่ได้ เพราะหลวมมาก ผมลดน้ำหนักจากตอนัธยมเกือบ10กิโล เเต่ที่ชัดเจนคือสัดส่วนเพราะผมออกกำลังกาย คุมอาหารเเละเล่นเวทจนได้เเฟนคนเเรกที่เป็นตัวเป็นตนที่มหาลัยนี่เหละครับ ) 2ตัวเป้นชุดนักศึกษา เเละตัวสุดท้ายผมซื้อมาเเค่เอาไว้ใส่ตอนไปเที่ยวกลางคืน เเต่ผมไม่เคยไปหรอก55 ก็เลยไม่เคยได้ใส่ เเละอีกอย่างจะไปดูหนังครั้งเเรกจะใส่เบดบอยไปเลยคงไม่ดี เเต่สุดท้ายก็จำใจยอมใส่อยู่ดี
ตอนไปถึงร้านที่เขานัดไว้ก็พบว่ามีเพื่อนเขาอีกสามคนเเต่งตัวสวยๆทั้งสามคนเลย เเต่มีเเค่เขาที่ใส่เรียบๆเสื้อยืดกางเกงยีนส์ มาถึงเขาก็ชวนหนังผมเลยเเนะนำตัวกับเพื่อนๆเขาก็ชวนคุยกัน ก็ถือว่าคุยกันได้ มีเเต่เขาที่ไม่ค่อยพูดกับผม หลัวจากพวกเขากินเสร็จก็ชวนกันไปดูหนังต่อข้างบน เเละมีเพื่อนคนนึงเขาขอกลับก่อน พอตอนเลือกหนังปรากฎว่ามีเพื่อนคนนึงนัดเเม่มารับตอนสามทุ่ม ก็เลยต้องรีบหาหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เขาได้เลือก ปรากฏว่าเป็นหนังผี ผมนี่ใจไม่ดีเลยเพราะเคยบอกไปว่าผมดูได้ทุกเเนวยกเว้นหนังผี เพื่อนเขาสองคนไม่อยากดูเท่าไหร่เเต่ก็ยอมดูจนได้ เพราะเลือกกันไม่ได้สักที ตอนดูหนังผมได้นั่งข้างเขา เพราะเพื่อนของเขาเกี่ยงไม่ยอมนั่งริม ผมเลยอาสานั่งริม เมื่อได้ดูก็รู้ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเพราะเป็นเเนวซอมบี้ซึ่งผมเเละเขาก็ดูบ่อยเเละชอบทั้งคู่ เกือบลืมไป ระหว่างโฆษณาเขาเอามือถือมาจิ้มก็เหลือบเห็นว่าเหมือนคุยเเชทค้างอยู่2-3คน เเต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเดี่ยวเขาจะรู้สึกไม่ดีเข้า ตอนดูๆฉษกเสียวๆเช่นผีหายไปเเล้วไม่โผล่ออกมาสักทีผมก็ถือโอกาสนั้นมองไปที่เขาบ้าง เเต่ก็เห็นไม่ชัดหรอกเพราะผมเขาก็บังบางส่วน เเต่ก็ใกล้ที่สุดเเล้ว เขาก็มีหันมายิ้มกับผมบ้างในฉากที่เขาเผลอตกใจ
หลังจากกลับมาจากมหาลัยเราก็เเยกกันสองกลุ่มเพราะผมกับเขาอยู่หอฝั่งเดียวกันเลยได้เดินไปด้วยกัน ไอ้เราก็ดีใจ เเต่ดันมาทุกข์ใจเข้าเมื่อเขาดันไม่ยอมชวนคุย เเถมดูเหมือนไม่สบาย เลยมีเเต่ผมชวนคุย อยู่ฝ่ายเดียว หลังจากส่งเขาขึ้นหอ ผมก็เลยกะจะไปนั่งเล่นคนเดียวริมอ่างน้ำใกล้หอ อ่างน้ำที่มหาลัยผมหมายถึงอ่างเห็บน้ำขนาดใหญ่ บรรยากาศดีมาก หลายคนชอบมาวิ่ง เดินเล่น ออกกำลังกาย หรือนั่งจีบกัน เเต่ด้วยผมไปดึกเดินได้ไม่นานก็มียามขับรถมาบอกว่าหมดเวลาเเล้ว ก็เลยต้องทำตามเดินกลับหอด้วเซ็งหน่อยๆ
วันต่อมาผมมีค่ายเลยต้องรีบตื่นเเต่เช้าหลังกลับค่ายก็นอนพักเสียนาน เเต่พอตื่นก็ไม่ลืมที่จะคุยเเชท เเต่ปรากฏว่าคุยไม่สนุกเหมือนเดิม ถามคตอบคำหรอไม่ค่อยชวนคุยเหมือนเคย ผมก็เลยสงสัยว่าเป็นเพราะอะไรกันเเน่ เพราะผมเเต่งตัวไปเเบบนั้นรือทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ผมเลยเริ่มประติดประต่อเรื่องราว โดยเข้าไปในเฟสของเขาเเละก็ทำการส่องเเละวิเคราะห์ยืนยันตามที่เคยคิดไว้เเต่เเรก คือ1 เขาเป็นคนน่ารักมีคนมากดไลค์บ้างเเต่ดูน้อยในหลายๆรูป 2.เนื่องจากเป็นคนน่ารักเเต่สเตตัสของเขามีคนไชค์ไม่ถึง10คน ซึ่งมีสิ่งที่โยงกับข้อที่หนึ่ง 3.สเตตัสของเขาพูดเเต่เรื่องความรักเป็นส่วนใหญ่ เเต่เเปลกใจที่เพื่อนที่มาเม้นมีผู้หญิงเเค่คนเดียวซึ่งอาจเป็นเพื่อนสนิทเขา เเละมีผู้ชายมาเม้นประปราย เเต่ก็ถือว่าเยอะอยู่ดี ผมก็หนึ่งในนั้น เเละดูเหมือนเขาจะตอบเม้นเพื่อนผู้ชายได้ดีเสียจนอยากเม้นต่อ 4.อันนี้มาจากข้อมูลที่ไปสืบมาด้วยตัวเอง เเละมีคนช่วยสืบ คือ ไม่มีใครบอกได้ว่าเขามีนิสัยอย่างไร เเม้เพื่อนในกลุ่มก็ชอบบอกว่าไม่สนิทกับเขา ตอนเเรกก็สงสัยนิดหน่อย เเต่พอถามเพื่อนหลายๆคนในกลุ่เขาก็เริ่มสงสัยเเล้ว ผมเลยขอช่วยเพื่อนที่ผมคิดว่าพึ่งพาได้ดีในเรื่องนี้ ถามว่ารู้จักเพื่อนในคณะเขากี่คน เขาก็บอกสามคน เลยขอให้เขาช่วยหน่อย เเต่ผมก็เลยลองเสี่ยงถามเพื่อนสนิทเขาคนนั้นไปว่าเขานิสัยยังไง
ในคืนนั้น หรือวันนี้นี่เหละ ผมก็ได้คำตอบนั่นคือ เขาบอกว่า คนในคณะของเขาบอกว่าเขาม่อ เพื่อนผมที่เป็นผู้หญิงใช้คำนี้นะครับ ผมอยากคุยกับเพื่อน เเต่เขาไม่สะดวกรับ รอคุยกับผมในวันพรุ่งนี้ ผมเลยเริ่มประติดประต่อเรื่องราวต่อไปนั่นคือ ในบ้างครั้งเขาตอบดีชวนคุยอย่างสบายใจ เเต่บางครั้งเขาพิมพ์ตอบผิดประเด็น หรือเเค่เพียงให้จบไป ผมโทรปรึกษากับเพื่อนสนิทว่า อย่างน้อยก็โชคดที่รู้เร็ว ไม่ใช่รู้เมื่อวันหลังจากขอเป็นเเฟน ตอนนี้ผมก็ยังรอคุยกับเพื่อนผมคนที่ไปสืบ ว่ามีอะไรต่อบ้าง หากมีอะไรคืบหน้า เราคงเจอกันอีกนะครับ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนครับ
*คิดจะหลอกเขาโดนหลอกเสียเอง ประโยคที่ผมชอบพูดเล่นกับเพื่อนก่อนมาเจอเขา