โพคาฮอนทัส เจ้าหญิงแห่งอินเดียนแดง....
สืบเนื่องมาจากความรู้สึกที่ได้มีโอกาสไปชมละครเรื่องนี้ ในรูปแบบ รีดดิ้งเธียเตอร์ (การอ่านเพื่อนำเสนอบทละคร) ซึ่งเป็น thesis ของหนูนา เมื่อ
วันที่ 8 พฤษภาคม 2558 วันนี้เป็นวันดีจริงๆ นอกจากจะเป็นวันส่ง thesis ยังเป็นวันเกิดครบ 23 ปี ของหนูนาด้วย
พวกเรามาถึงดราม่า สตูดิโอ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประมาณ บ่ายสี่โมงกว่าๆ เวลานั้นมีพี่ๆน้องๆ nnfc มาถึงก่อนหน้านั้นบ้างแล้ว เราย้ายกันไปนั่งหน้าโรงละคร ได้ยินเสียงเพลงเล็ดลอดออกมาเป็นระยะๆ คงเพราะน้องๆ กำลังซ้อม อยู่แน่ๆเลย ด้านนอกน้องๆ อีกกลุ่มกำลังช่วยกันทาสี วาดฉากละครเรื่องนี้กัน..nnfc เริ่มทยอยมากันเรื่อยๆแล้ว ช่อดอกไม้ที่จะมอบแสดงความยินดีก็เริ่มทยอยมาเรื่อยๆ เช่นกัน ทุกคนดูตื่นเต้นกับงานนี้กันมาก ประหนึ่งว่าทำส่งอาจารย์เสียเอง 5555+ แถมเจ้ๆ ป้าๆ พี่ๆ ยังมีของกินรองท้องมาฝากเอฟชีด้วย
ระหว่างรอ ส่วนหนึ่งก็ทักทายกัน บางส่วนก็กินอย่างเดียว55 บางคนก็เปิด mv ตัวอย่างเพลงใหม่ของน้องฟังไปพลางๆ
ระหว่างนั้นเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักๆ วิ่งออกมาจากโรงละคร เอ้ะ!...หนูนานี่นาาา.!! ดูน้องยุ่งๆ รีบๆ วิ่งมาเอาอะไรซักอย่างเเล้วก็วิ่งกลับเข้าโรงละครไป (แค่นี้ป้าๆ ก็เป็นปลื้ม ส่งใจตามไปให้หนูในโรงละครด้วยละ)
สักพักคุณพ่อ คุณแม่ น้องไอซ์ ก็มาถึงโรงละคร ทุกคนเเวะเวียนไปทักทายครอบครัวน้องตามอัธยาศัย ฉากละครที่น้องๆวาดเสร็จพอดี พวกเราเลยขอประเดิมด้วยการถ่ายรูปรวมกับฉากซักหน่อย
หลังจากถ่ายกับฉากละครเเล้ว เพื่อนๆคณะน้องก็เริ่มทยอยเเจกบัตรคิวให้กับผู้ที่จองบัตรไว้ ส่วนคนที่ยังไม่ได้จองบัตรให้ลงชื่อไว้ก่อน (ดีจัง สรุปว่าทุกๆคนที่มา ได้ดู thesis น้องแน่ๆ เย้!!)
ขณะที่กำลังรับบัตรกันวุ่นวาย เด็กผู้หญิงตัวเล็กหน้ารัก ก็วิ่งออกมาจากโรงละครอีกครั้ง พร้อมตะโกนบอกทุกคนด้วยเสียงใสๆ..แต่คล้ายจะเป็นหวัดว่า "ไปถ่ายรูปกับฉากหนูได้นะค้าาา ช่วยถ่ายรูป แล้วโปรโมทให้หนูด้วยนะค่าาาาา"พร้อมส่งรอยยิ้มหวาน ตาหยี ตามหลังประโยคมา
โอ้ยย...แค่นี้ป้าๆก็ใจสั่นแระ.. จะบอกว่าถ่ายกันเเล้วก็ไม่ทัน เด็กหญิงตัวน้อยก็วิ่งๆๆ กลับเข้าไปในโรงละคร
ได้เวลาซื้อดอกไม้แล้วสินะ...แม่ค้าดอกไม้น่ารักมากกกก...นั่งจัดช่อดอกไม้เองด้วย (แอบนอกเรื่อง55) คนเริ่มทยอยกันไปซื้อดอกไม้ แถมขอถ่ายรูปกันใหญ่ แป้ปเดียวดอกไม้ก็เกลี้ยงแผง งานนี้มีการเเย่งชิงช่อดอกทานตะวันกันเล็กน้อย แต่แม่ค้าไม่ขาย เลยอดกันหมดนะจ้ะ555
เวลาทุ่ม เลทนิดๆ...ทุกคนก็เริ่มทยอยกันเข้าไปนั่งในโรงละคร..บนเวทีดูมีมนต์ขลังจริงๆ มีเก้าอี้วางเรียงกันสองฝั่ง ฝั่งละสองแถว ด้านข้างมีเปียโนตัวใหญ่ตั้งอยู่ แสงบนเวทีดูสลัวๆ ชักตื่นเต้นกันเเล้ว หลายคนแอบคุยกันเบาๆ "เอ้ะ จะออกมาเป็นยังไงนะ" "อยากดูแล้วๆๆ" มีทำนองเพลงรักที่ใช้ในบทละครเรื่องนี้คลอให้ฟังระหว่างรอคนที่เริ่มทยอยเข้าสู่โรงละครตลอดเวลา...หันไปดูตรงประตู คนยังเดินเข้ามากันอย่างต่อเนื่อง ว้าววว....คือรู้สึกปลื้มแทนเจ้าตัวจัง คนให้ความสนใจเยอะขนาดนี้ เเถมเพื่อนๆในคณะก็มาช่วยกัน และมานั่งดูผลงานของน้องด้วย โรงละครแทบไม่มีที่เหลือให้นั่ง ผู้ชมที่เข้ามาหลังๆ ต้องนั่งพื้น ชิวๆ
เเค่ทำนองก็ขนลุกล่ะ...นึกว่านั่งอยู่รัชดาลัย อิอิ
เป็นเพลงประสานเสียง บอกเล่าถึงคนขาวที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล จนมาถึงเมืองเวอร์จีเนีย ซึ่งมีชนเผ่าอีนเดียนแดงอาศัยอยู่....การเปิดตัว จอนห์ สมิธ นี่เท่ห์มาก (ใครไม่เห็นภาพ ให้นึกภาพอโณทัย ในเลือดขัตติยานะ) เรื่องคร่าวๆ คือ สมิธ ได้รับมอบหมายมาดูเเลประชาชนคนขาว ชาวอังกฤษ ที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่เวอร์จิเนีย ชาวอังกฤษได้เข้ามาเผยแพร่อารยธรรมให้กับชาวอินเดียนแดง แต่ก็มีการสู้รบกันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากผลประโยชน์ (อยากรู้รายละเอียด ให้ลองหาหนังสือ ประวัติศาสตร์อเมริกา มาอ่านนะ คือลืมแล้ว
โพคาฮอนทัส แอบเข้ามาที่หมู่บ้านของคนขาว และโดนจับ สมิธเห็นเข้า สั่งให้ทหารปล่อยตัว เเละลองพูดคุยกับโพคาฮอนทัส แต่โพคาฮอนทัสไม่พูดด้วย สมิธ ค่อยๆ ยื่นขนมปังให้โพคาฮอนทัส โพคาฮอนทัสค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบขนมปัง แล้วก็หยิบข้าวโพดที่ติดตัวมาวางไว้ตรงที่สมิธวางขนมปัง..ก่อนที่จะวิ่งหนีไป นี่คือการพบกันครั้งแรก
การพบกันครั้งที่สอง เมื่อสมิธ ถูกเผ่าอินเดียนแดงจับ โพคาฮอนทัสก็ได้ช่วยเหลือ และได้รู้จักกัน จนเกิดเป็นความรัก..โอ้ยยย...ฉากรักนี่อินมากค่ะ เชื่อว่าทุกคนในโรงละครต้องยิ้มไม่หุบเหมือนกัน ทั้งฉากกุ้กกิ้ก ทั้งเพลงประกอบ ยิ่งฉากเต้นรำนี่ จะตาย!..นึกว่าอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หรือนึกว่าตัวเองเป็นโพคาฮอนทัสสินะ!..
มีอยู่ฉากหนึ่ง ที่โพคาฮอนทัส หยิบของในห้องของสมิธมาดู สมิธบอกว่า "รู้รึเปล่าว่าโทษของขโมยคือการตัดมือ"....อยู่ๆ ละครดั่งดวงหฤทัยก็ปริ้ดเข้ามาในหัว..น้องชอบเรื่องนี้นี่นาา..
อะแฮ่ม!..มาเข้าเรื่องกันต่อ ในที่สุดทั้งสองก็รักกัน .....
พักเบรก 20 นาที 5555 .....พวกเราก็ไปเข้าห้องน้ำ สักพักหนูนาก็เดินมาเข้าห้องน้ำ น้องถามว่า “เป็นยังไงบ้าง สนุกมั้ย” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “สนุกมาก” น้องเข้าห้องน้ำได้สักพัก ระหว่างที่พวกป้าๆ กำลังเสริมสวยอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ ไฟในห้องน้ำก็ดับพรึ่บ! สักพักหนูนาเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ถามว่า เกิดอะไรขึ้น! เสียงเพลงแฮปปี้เบริดเดย์ จากเพื่อนๆ ก็ดังขึ้น อ้อ...เซอร์ไพส์วันเกิดน้องนี่เอง ป้าๆ นี่พลอยโชคดี เพราะติดร่างแห อยู่ในห้องน้ำด้วย เลยได้ร้องเพลงร่วมกับเพื่อนน้อง เนียนๆ ไป 5555 เวลาผ่านไปเร็วมาก หลังจากน้องเป่าเทียน กอดเพื่อนเป็นที่เรียบร้อย ก็ต้องรีบกลับไปในโรงละคร เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงฉากต่อไป
ระหว่างเรื่องราวดำเนินไป เราก็แอบหันไปมองหญิงดารา เอ้ย! หนูนา บ้าง เป็นระยะๆ เห็นน้องตั้งใจดูละครมาก.....แอบหันไปมองผู้ชมด้านหน้า ด้านข้างบ้าง ทุกคนก็ตั้งใจดูละคร ถึงเป็นเพียงแค่การอ่าน แต่สามารถดึงผู้ชมให้เข้าไปอยู่ในโลกของตัวละครได้เลย เรายังนั่งเคลิ้มกับเพลงไพเราะๆ ตั้งเกือบยี่สิบเพลง (น่าจะถึงนะ)
ต่อๆๆ.....ความรักของทั้งสองคนเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามระหว่างคนขาว และ ชาวอินเดียนแดง การสู้รบทำให้สมิธได้รับบาดเจ็บ และถูกส่งตัวกลับอังกฤษ (แต่โพคาฮอนทัสไม่รู้นะ คิดว่า สมิธตายเเล้ว) โพคาฮอนทัสเสียใจมาก ตอนนี้เพื่อนของสมิธได้เป็นผู้ดูแลประชาชนคนขาวในเจมส์ทาวน์แทน สถานการณ์ยิ่งแย่กว่าเดิม โพคาฮอนทัสถูกจับเป็นประกันเพื่อประโยชน์ทางการเมือง และโดนทหารรุมข่มขืน ระหว่างนั้น จอนห์ โรฟ พ่อค้าที่เข้ามาค้าขายกับเมืองเจทส์ทาวน์ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญด้านการค้าอย่างมาก รู้สึกสงสารเเละรักโพคาฮอนทัส จึงขอเธอแต่งงาน โดยโพคาฮอนทัส เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น"รีเบคก้า" และย้ายตามสามีไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ถึงแม้ว่ารีเบคก้าจะเข้ามาอยู่ที่อังกฤษและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แต่ก็ไม่เคยลืมว่าตนคือคนอินเดียนแดง และคอยลอบส่งข่าวให้อินเดียนแดงตลอดมา จนกระทั่งในงานเต้นรำหน้ากากที่กษัตริย์อังกฤษจัดขึ้น รีเบคก้าได้พบกับจอนห์ สมิธอีกครั้ง สมิธ เปลี่ยนไปมาก ทำให้รีเบคก้าตัดสินใจตัดใจทิ้งความรักครั้งแรกของเธอ
สุดท้าย..รีเบคก้าได้พูดกับกษัตริย์อังกฤษถึงผลที่จะตามมา ที่อังกฤษเข้ามายึดอำนาจชาวอินเดียนแดง และไม่ยินยอมที่จะให้ดินแดนของตนกับอังกฤษ..และขอสาบานว่าชาวอินเดียนแดงจะต่อสู้ และถึงแม้อังกฤษจะยึดดินแดนได้ แต่ก็ไม่มีวันที่จะยึดจิตวิญญาณของชาวอินเดียนแดงได้ ก่อนที่จะหยิบมีดมาแทงตัวตายต่อหน้ากษัตริย์อังกฤษ......รู้สึกชื่นชมกับความรักของโพคาฮอนทัส ที่มีต่อดินแดนของตัวเองมาก...นี่ฉากจบน้ำตาจะไหลตาม
เมื่อละครจบลง ก็เป็นการเปิดตัวผู้เขียนบทละคร .....ถึงตอนที่ nnfc รอคอยจริงจังสินะ55 หนูนาวิ่งลงมาจากด้านบน ขึ้นมาบนเวทีละคร และกล่าวขอบคุณทุกๆคนที่มีส่วนร่วมของผลงานนี้
สักพักทีมงานทุกคน ก็ร้องเพลงวันเกิดให้หนูนา แล้วก็รุมกันเข้ามากอดน้อง.....(เป็นภาพที่ประทับใจมาก)
ผู้ชมเริ่มทยอยกันไปถ่ายรูปกับนักแสดง และผู้เขียนบทละคร ช่อดอกไม้หลากหลายสีสัน หลายช่อ กำลังลำเลียงส่งถึงมือผู้เขียนบทละครอย่างไม่ขาดสาย (เวอร์) คุณพ่อคุณแม่ และน้องไอซ์ ก็หอบดอกไม้ช่อโตมาร่วมแสดงความยินดีด้วย หนูนาถ่ายรูปกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน (คงเห็นแล้วจากโซเซี่ยวต่างๆ น่ารักมาก)
หลังจากนั้น เมื่อหนูนาออกมาจากโรงละคร ก็มาถ่ายรูปกับ nnfc ที่ฉากละคร สักพัก nnfc ก็ถือเค้ก ร้องเพลงวันเกิดให้น้อง..เสียงดังลั่น จนผู้ชมและทีมงานคนอื่นหันมากมอง ใครนะ! เอามงกุฎดอกไม้สีฟ้ามาให้น้อง เหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยเลย
ห้าทุ่มกว่าแล้ว...ถึงแม้น้องจะแทบไม่ได้นอนเลยตลอดหลายคืนที่ผ่านมา แต่ก็รับรู้ได้ว่า ใจน้องมีความสดชื่นมาก ตอนนี้สิ่งที่น้องตั้งใจทำก็ออกมาสำเร็จแล้ว.....พี่ๆก็ดีใจไปกับน้องด้วย
สิ่งที่เขียน กลั่นออกมาจากการเห็น และความรู้สึกของผู้เขียน อาจผิด หรือถูกบ้าง ขออภัย ไว้ ณ ที่นี้....อยากแบ่งปันบอกเล่าให้กับ ชาวnnfc และผู้ที่ไม่ได้ไปดู ได้เห็นภาพตาม และร่วมมีความสุข ความประทับใจไปด้วยกันค่ะ
บอกเล่าเรื่องราว "โพคาฮอนทัส" Thesis ของหนูนา
สืบเนื่องมาจากความรู้สึกที่ได้มีโอกาสไปชมละครเรื่องนี้ ในรูปแบบ รีดดิ้งเธียเตอร์ (การอ่านเพื่อนำเสนอบทละคร) ซึ่งเป็น thesis ของหนูนา เมื่อ
วันที่ 8 พฤษภาคม 2558 วันนี้เป็นวันดีจริงๆ นอกจากจะเป็นวันส่ง thesis ยังเป็นวันเกิดครบ 23 ปี ของหนูนาด้วย
พวกเรามาถึงดราม่า สตูดิโอ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประมาณ บ่ายสี่โมงกว่าๆ เวลานั้นมีพี่ๆน้องๆ nnfc มาถึงก่อนหน้านั้นบ้างแล้ว เราย้ายกันไปนั่งหน้าโรงละคร ได้ยินเสียงเพลงเล็ดลอดออกมาเป็นระยะๆ คงเพราะน้องๆ กำลังซ้อม อยู่แน่ๆเลย ด้านนอกน้องๆ อีกกลุ่มกำลังช่วยกันทาสี วาดฉากละครเรื่องนี้กัน..nnfc เริ่มทยอยมากันเรื่อยๆแล้ว ช่อดอกไม้ที่จะมอบแสดงความยินดีก็เริ่มทยอยมาเรื่อยๆ เช่นกัน ทุกคนดูตื่นเต้นกับงานนี้กันมาก ประหนึ่งว่าทำส่งอาจารย์เสียเอง 5555+ แถมเจ้ๆ ป้าๆ พี่ๆ ยังมีของกินรองท้องมาฝากเอฟชีด้วย
ระหว่างรอ ส่วนหนึ่งก็ทักทายกัน บางส่วนก็กินอย่างเดียว55 บางคนก็เปิด mv ตัวอย่างเพลงใหม่ของน้องฟังไปพลางๆ
ระหว่างนั้นเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักๆ วิ่งออกมาจากโรงละคร เอ้ะ!...หนูนานี่นาาา.!! ดูน้องยุ่งๆ รีบๆ วิ่งมาเอาอะไรซักอย่างเเล้วก็วิ่งกลับเข้าโรงละครไป (แค่นี้ป้าๆ ก็เป็นปลื้ม ส่งใจตามไปให้หนูในโรงละครด้วยละ)
สักพักคุณพ่อ คุณแม่ น้องไอซ์ ก็มาถึงโรงละคร ทุกคนเเวะเวียนไปทักทายครอบครัวน้องตามอัธยาศัย ฉากละครที่น้องๆวาดเสร็จพอดี พวกเราเลยขอประเดิมด้วยการถ่ายรูปรวมกับฉากซักหน่อย
หลังจากถ่ายกับฉากละครเเล้ว เพื่อนๆคณะน้องก็เริ่มทยอยเเจกบัตรคิวให้กับผู้ที่จองบัตรไว้ ส่วนคนที่ยังไม่ได้จองบัตรให้ลงชื่อไว้ก่อน (ดีจัง สรุปว่าทุกๆคนที่มา ได้ดู thesis น้องแน่ๆ เย้!!)
ขณะที่กำลังรับบัตรกันวุ่นวาย เด็กผู้หญิงตัวเล็กหน้ารัก ก็วิ่งออกมาจากโรงละครอีกครั้ง พร้อมตะโกนบอกทุกคนด้วยเสียงใสๆ..แต่คล้ายจะเป็นหวัดว่า "ไปถ่ายรูปกับฉากหนูได้นะค้าาา ช่วยถ่ายรูป แล้วโปรโมทให้หนูด้วยนะค่าาาาา"พร้อมส่งรอยยิ้มหวาน ตาหยี ตามหลังประโยคมา
โอ้ยย...แค่นี้ป้าๆก็ใจสั่นแระ.. จะบอกว่าถ่ายกันเเล้วก็ไม่ทัน เด็กหญิงตัวน้อยก็วิ่งๆๆ กลับเข้าไปในโรงละคร
ได้เวลาซื้อดอกไม้แล้วสินะ...แม่ค้าดอกไม้น่ารักมากกกก...นั่งจัดช่อดอกไม้เองด้วย (แอบนอกเรื่อง55) คนเริ่มทยอยกันไปซื้อดอกไม้ แถมขอถ่ายรูปกันใหญ่ แป้ปเดียวดอกไม้ก็เกลี้ยงแผง งานนี้มีการเเย่งชิงช่อดอกทานตะวันกันเล็กน้อย แต่แม่ค้าไม่ขาย เลยอดกันหมดนะจ้ะ555
เวลาทุ่ม เลทนิดๆ...ทุกคนก็เริ่มทยอยกันเข้าไปนั่งในโรงละคร..บนเวทีดูมีมนต์ขลังจริงๆ มีเก้าอี้วางเรียงกันสองฝั่ง ฝั่งละสองแถว ด้านข้างมีเปียโนตัวใหญ่ตั้งอยู่ แสงบนเวทีดูสลัวๆ ชักตื่นเต้นกันเเล้ว หลายคนแอบคุยกันเบาๆ "เอ้ะ จะออกมาเป็นยังไงนะ" "อยากดูแล้วๆๆ" มีทำนองเพลงรักที่ใช้ในบทละครเรื่องนี้คลอให้ฟังระหว่างรอคนที่เริ่มทยอยเข้าสู่โรงละครตลอดเวลา...หันไปดูตรงประตู คนยังเดินเข้ามากันอย่างต่อเนื่อง ว้าววว....คือรู้สึกปลื้มแทนเจ้าตัวจัง คนให้ความสนใจเยอะขนาดนี้ เเถมเพื่อนๆในคณะก็มาช่วยกัน และมานั่งดูผลงานของน้องด้วย โรงละครแทบไม่มีที่เหลือให้นั่ง ผู้ชมที่เข้ามาหลังๆ ต้องนั่งพื้น ชิวๆ
เเค่ทำนองก็ขนลุกล่ะ...นึกว่านั่งอยู่รัชดาลัย อิอิ
เป็นเพลงประสานเสียง บอกเล่าถึงคนขาวที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล จนมาถึงเมืองเวอร์จีเนีย ซึ่งมีชนเผ่าอีนเดียนแดงอาศัยอยู่....การเปิดตัว จอนห์ สมิธ นี่เท่ห์มาก (ใครไม่เห็นภาพ ให้นึกภาพอโณทัย ในเลือดขัตติยานะ) เรื่องคร่าวๆ คือ สมิธ ได้รับมอบหมายมาดูเเลประชาชนคนขาว ชาวอังกฤษ ที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่เวอร์จิเนีย ชาวอังกฤษได้เข้ามาเผยแพร่อารยธรรมให้กับชาวอินเดียนแดง แต่ก็มีการสู้รบกันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากผลประโยชน์ (อยากรู้รายละเอียด ให้ลองหาหนังสือ ประวัติศาสตร์อเมริกา มาอ่านนะ คือลืมแล้ว
โพคาฮอนทัส แอบเข้ามาที่หมู่บ้านของคนขาว และโดนจับ สมิธเห็นเข้า สั่งให้ทหารปล่อยตัว เเละลองพูดคุยกับโพคาฮอนทัส แต่โพคาฮอนทัสไม่พูดด้วย สมิธ ค่อยๆ ยื่นขนมปังให้โพคาฮอนทัส โพคาฮอนทัสค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบขนมปัง แล้วก็หยิบข้าวโพดที่ติดตัวมาวางไว้ตรงที่สมิธวางขนมปัง..ก่อนที่จะวิ่งหนีไป นี่คือการพบกันครั้งแรก
การพบกันครั้งที่สอง เมื่อสมิธ ถูกเผ่าอินเดียนแดงจับ โพคาฮอนทัสก็ได้ช่วยเหลือ และได้รู้จักกัน จนเกิดเป็นความรัก..โอ้ยยย...ฉากรักนี่อินมากค่ะ เชื่อว่าทุกคนในโรงละครต้องยิ้มไม่หุบเหมือนกัน ทั้งฉากกุ้กกิ้ก ทั้งเพลงประกอบ ยิ่งฉากเต้นรำนี่ จะตาย!..นึกว่าอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หรือนึกว่าตัวเองเป็นโพคาฮอนทัสสินะ!..
มีอยู่ฉากหนึ่ง ที่โพคาฮอนทัส หยิบของในห้องของสมิธมาดู สมิธบอกว่า "รู้รึเปล่าว่าโทษของขโมยคือการตัดมือ"....อยู่ๆ ละครดั่งดวงหฤทัยก็ปริ้ดเข้ามาในหัว..น้องชอบเรื่องนี้นี่นาา..
อะแฮ่ม!..มาเข้าเรื่องกันต่อ ในที่สุดทั้งสองก็รักกัน .....
พักเบรก 20 นาที 5555 .....พวกเราก็ไปเข้าห้องน้ำ สักพักหนูนาก็เดินมาเข้าห้องน้ำ น้องถามว่า “เป็นยังไงบ้าง สนุกมั้ย” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “สนุกมาก” น้องเข้าห้องน้ำได้สักพัก ระหว่างที่พวกป้าๆ กำลังเสริมสวยอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ ไฟในห้องน้ำก็ดับพรึ่บ! สักพักหนูนาเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ถามว่า เกิดอะไรขึ้น! เสียงเพลงแฮปปี้เบริดเดย์ จากเพื่อนๆ ก็ดังขึ้น อ้อ...เซอร์ไพส์วันเกิดน้องนี่เอง ป้าๆ นี่พลอยโชคดี เพราะติดร่างแห อยู่ในห้องน้ำด้วย เลยได้ร้องเพลงร่วมกับเพื่อนน้อง เนียนๆ ไป 5555 เวลาผ่านไปเร็วมาก หลังจากน้องเป่าเทียน กอดเพื่อนเป็นที่เรียบร้อย ก็ต้องรีบกลับไปในโรงละคร เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงฉากต่อไป
ระหว่างเรื่องราวดำเนินไป เราก็แอบหันไปมองหญิงดารา เอ้ย! หนูนา บ้าง เป็นระยะๆ เห็นน้องตั้งใจดูละครมาก.....แอบหันไปมองผู้ชมด้านหน้า ด้านข้างบ้าง ทุกคนก็ตั้งใจดูละคร ถึงเป็นเพียงแค่การอ่าน แต่สามารถดึงผู้ชมให้เข้าไปอยู่ในโลกของตัวละครได้เลย เรายังนั่งเคลิ้มกับเพลงไพเราะๆ ตั้งเกือบยี่สิบเพลง (น่าจะถึงนะ)
ต่อๆๆ.....ความรักของทั้งสองคนเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามระหว่างคนขาว และ ชาวอินเดียนแดง การสู้รบทำให้สมิธได้รับบาดเจ็บ และถูกส่งตัวกลับอังกฤษ (แต่โพคาฮอนทัสไม่รู้นะ คิดว่า สมิธตายเเล้ว) โพคาฮอนทัสเสียใจมาก ตอนนี้เพื่อนของสมิธได้เป็นผู้ดูแลประชาชนคนขาวในเจมส์ทาวน์แทน สถานการณ์ยิ่งแย่กว่าเดิม โพคาฮอนทัสถูกจับเป็นประกันเพื่อประโยชน์ทางการเมือง และโดนทหารรุมข่มขืน ระหว่างนั้น จอนห์ โรฟ พ่อค้าที่เข้ามาค้าขายกับเมืองเจทส์ทาวน์ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญด้านการค้าอย่างมาก รู้สึกสงสารเเละรักโพคาฮอนทัส จึงขอเธอแต่งงาน โดยโพคาฮอนทัส เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น"รีเบคก้า" และย้ายตามสามีไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ถึงแม้ว่ารีเบคก้าจะเข้ามาอยู่ที่อังกฤษและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แต่ก็ไม่เคยลืมว่าตนคือคนอินเดียนแดง และคอยลอบส่งข่าวให้อินเดียนแดงตลอดมา จนกระทั่งในงานเต้นรำหน้ากากที่กษัตริย์อังกฤษจัดขึ้น รีเบคก้าได้พบกับจอนห์ สมิธอีกครั้ง สมิธ เปลี่ยนไปมาก ทำให้รีเบคก้าตัดสินใจตัดใจทิ้งความรักครั้งแรกของเธอ
สุดท้าย..รีเบคก้าได้พูดกับกษัตริย์อังกฤษถึงผลที่จะตามมา ที่อังกฤษเข้ามายึดอำนาจชาวอินเดียนแดง และไม่ยินยอมที่จะให้ดินแดนของตนกับอังกฤษ..และขอสาบานว่าชาวอินเดียนแดงจะต่อสู้ และถึงแม้อังกฤษจะยึดดินแดนได้ แต่ก็ไม่มีวันที่จะยึดจิตวิญญาณของชาวอินเดียนแดงได้ ก่อนที่จะหยิบมีดมาแทงตัวตายต่อหน้ากษัตริย์อังกฤษ......รู้สึกชื่นชมกับความรักของโพคาฮอนทัส ที่มีต่อดินแดนของตัวเองมาก...นี่ฉากจบน้ำตาจะไหลตาม
เมื่อละครจบลง ก็เป็นการเปิดตัวผู้เขียนบทละคร .....ถึงตอนที่ nnfc รอคอยจริงจังสินะ55 หนูนาวิ่งลงมาจากด้านบน ขึ้นมาบนเวทีละคร และกล่าวขอบคุณทุกๆคนที่มีส่วนร่วมของผลงานนี้
สักพักทีมงานทุกคน ก็ร้องเพลงวันเกิดให้หนูนา แล้วก็รุมกันเข้ามากอดน้อง.....(เป็นภาพที่ประทับใจมาก)
ผู้ชมเริ่มทยอยกันไปถ่ายรูปกับนักแสดง และผู้เขียนบทละคร ช่อดอกไม้หลากหลายสีสัน หลายช่อ กำลังลำเลียงส่งถึงมือผู้เขียนบทละครอย่างไม่ขาดสาย (เวอร์) คุณพ่อคุณแม่ และน้องไอซ์ ก็หอบดอกไม้ช่อโตมาร่วมแสดงความยินดีด้วย หนูนาถ่ายรูปกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน (คงเห็นแล้วจากโซเซี่ยวต่างๆ น่ารักมาก)
หลังจากนั้น เมื่อหนูนาออกมาจากโรงละคร ก็มาถ่ายรูปกับ nnfc ที่ฉากละคร สักพัก nnfc ก็ถือเค้ก ร้องเพลงวันเกิดให้น้อง..เสียงดังลั่น จนผู้ชมและทีมงานคนอื่นหันมากมอง ใครนะ! เอามงกุฎดอกไม้สีฟ้ามาให้น้อง เหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยเลย
ห้าทุ่มกว่าแล้ว...ถึงแม้น้องจะแทบไม่ได้นอนเลยตลอดหลายคืนที่ผ่านมา แต่ก็รับรู้ได้ว่า ใจน้องมีความสดชื่นมาก ตอนนี้สิ่งที่น้องตั้งใจทำก็ออกมาสำเร็จแล้ว.....พี่ๆก็ดีใจไปกับน้องด้วย
สิ่งที่เขียน กลั่นออกมาจากการเห็น และความรู้สึกของผู้เขียน อาจผิด หรือถูกบ้าง ขออภัย ไว้ ณ ที่นี้....อยากแบ่งปันบอกเล่าให้กับ ชาวnnfc และผู้ที่ไม่ได้ไปดู ได้เห็นภาพตาม และร่วมมีความสุข ความประทับใจไปด้วยกันค่ะ