มอง Steven Gerrard ผ่านสติกเกอร์นักเตะ 17 ปี กับทรงผมที่เราคุ้นเคย



มอง Steven Gerrard ผ่านสติกเกอร์ภาพนักเตะตั้งแต่ปี 1998-2015 เด็กหนุ่มที่ก้าวขึ้นไปเป็นตำนานของสโมสร  17ปีที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นตามลำดับ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือทรงผมที่พวกเราคุ้นเคยกันดี
ที่มา: http://www.bbc.com/sport/0/football/32739180

First senior steps - 1998-99
Gerrardได้เปลี่ยนตัวลงไปสัมผัสเกมส์senior ครั้งแรกแทน Vegard Heggem ในขณะที่ทีมนำBlackburn อยู่ 2-0 ในวันที่ 29 พฤศจิกายน  2541 คงไม่มีแฟนลิเวอร์พูลคนไหนคิดว่าเด็กหนุ่มอายุ 18 ปีคนนี้ จะก้าวขึ้นมาเป็นตำนานของหงส์แดงในเวลาต่อมา

The breakthrough - 1999-2000
ตำนานอาร์เซน่อลอย่าง Thierry Henry ถึงกับถาม Patrick Vieira ระหว่างเดินเข้าอุโมงค์หลังความพ่ายแพ้ที่แอนฟิลด์ว่า “ไอ้หนุ่มในแดนกลางคนนั้นคือใครเหรอ” ในฤดูกาลนี้ Gerrard ได้รับใบแดงแรกจากเกมส์กับEverton และยิงประตูแรกของเขาจากเกมส์กับ Sheffield Wednesday

Goals and trophies arrive - 2000-2001
Gerrard ได้รับหมายเลขเสื้อเบอร์ 17 หลังจากที่ใส่หมายเลข 28 มาก่อนหน้านั้น ในปีนั้นเขาได้รับการเสนอชื่อเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งแห่งปีของสมาคม ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในทีมยอดเยี่ยมประจำปี    ในปีนั้นลิเวอร์พูลได้ 3 แชมป์ จากFA Cup ลีกคัพ และยูฟ่าคัพ

International calibre - 2001-02
เด็กหนุ่มจากWhiston คนนี้ได้พาทีมชนะยูฟ่าซุปเปอร์คัพ และเข้าเป็นที่ 2 ในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก    ในขณะที่ผลงานในทีมชาติก็สดใส Gerrard ยิงประตูที่สองในชัยชนะที่อังกฤษถล่มเยอรมันไป 5-1

The armband - 2002-03
Gerrard ได้รับปลอกแขนกัปตันต่อจาก Sami Hyypia ในปีนี้ Gerard Houllier กล่าวไว้ว่า” Gerrard อายุ 23 ปีแล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่ และมีความเป็นผู้นำเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้”

First sign of doubt - 2003-04
“เป็นครั้งแรกที่ผมคิดถึงการย้ายทีม” Gerrard กล่าวไว้ในช่วงท้ายฤดูกาล ตอนนั้น Rafael Benitez เพิ่งได้รับตำแหน่ง ผจก ทีม และเชลซีพยายามดึงตัวเขาไป Stamford Bridge

One night in Istanbul - 2004-05
Gerrard ได้มีโอกาสชูถ้วยที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาในคืนมหัศจรรย์ที่อิสตันบูล ลิเวอร์พูลได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก  หลังจากที่หนึ่งปีก่อนหน้านี้เขาเกือบที่จะย้ายทีมแล้วด้วยซ้ำ

The Gerrard final - 2005-06
คงไม่มีใครลืมลูกยิงจากระยะกว่า 30 หลา ของ Gerrard ในช่วงต่อเวลาของรอบชิงเอฟเอคัฟกับ West Ham ได้ Gerrard ในวัย 25 ได้รับการโหวตให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี นับเป็นนักเตะจากลิเวอร์พูลคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ต่อจาก John Barnes ในปี 2531

Champions League defeat - 2006-07
Gerrard ต้องพบกับความผิดหวังในรอบชิงแชมเปี้ยนลีกกับเอซีมิลาน  หลังจากที่ทั้งสองทีมต้องโคจรมาพบกันอีกครั้ง ในปีนี้ลิเวอร์พูลจบที่ลำดับที่สามในลีก และ Gerrard ก็ได้รับเลือกให้อยู่ในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีเป็นครั้งที่ห้า

Partnering Fernando - 2007-08
เจ้าของเสื้อหมายเลข 8 Gerrard จับคู่กับ Fernando Torresได้อย่างลงตัวในการถล่มประตูคู่แข่ง นอกจากนี้ทั้งคู่ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีอีกด้วย ในปีนั้น Gerrard ยังได้รับเครื่องราชฯจากราชวงศ์อังกฤษอีกด้วย

A title chance - 2008-09
อีกฤดูกาลที่น่าจดจำของ Gerrard ลูกยิง hat-trick กับ Aston Villa ในเดือนมีนาคม 2552 และลิเวอร์พูลก็เข้าใกล้แชมป์ลีกสูงสุดเป็นอย่างมาก โดยแพ้แมนยูไป 4 คะแนนในฤดูกาลนั้น แต่ Gerrard ได้รับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีจากสมาคมผู้สื่อข่าว

Back to reality - 2009-10
ฤดูกาลที่ย่ำแย่ของลิเวอร์พูล รวมทั้ง Benitez ก็โดนปลดเมื่อจบฤดูกาล แต่กัปตันอายุ 29 ปีคนนี้ก็เป็น 1 ใน 13 นักเตะของสโมสรที่ลงเล่นให้กับทีมครบ 500 นัด

England captain to the operating table - 2010-11
Gerrard มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดและต้องพักจนจบฤดูกาลก่อนเพื่อนร่วมทีม ในขณะที่ลิเวอร์พูลมีการเปลี่ยน ผจก ทีม จาก Roy Hodgson เป็น Kenny Dalglish

Hands back on trophies - 2011-12
หลังจากปฎิเสธการย้ายทีมไปบาเยิร์นในช่วงฤดูร้อน Gerrard ได้มีโอกาสชูถ้วยแชมป์ลีกคัฟอีกครั้ง และยังยิง Hat-trick ใส่คู่ปรับ Everton ในนัดที่ 400 ของเขาในพรีเมียร์ลีก

The foundation of a rebuild - 2012-13
ผจก ทีมคนใหม่ Brandon Rodgers สร้างทีมขึ้นมาใหม่โดยมี Gerrard เป็นศูนย์กลางของทีม ลงเล่น 36 นัด โดยลิเวอร์พูลจบที่ลำดับที่ 7 ในฤดูกาลนั้น

A title run, a costly slip - 2013-14
“มันเป็นช่วงสามเดือนที่เลวร้ายที่สุดในชีวืตค้าแข้งของผมแล้ว” Gerrard พูดถึงเหตุการณ์ที่เขาลื่นล้มและนำไปสู่ประตูของ Demba Ba ในที่สุด Manchester City ก็แซงเข้าป้ายคว้าตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ทำลายความหวังแชมป์ครั้งแรกของลิเวอร์พูลในรอบ 24 ปีลงไปอย่างเจ็บปวด

The final chapter - 2014-15
นัดแดงเดือดที่สุดแสนเจ็บปวด Gerrard โดนใบแดงไล่ออกหลังจากที่เปลี่ยนตัวลงสนามได้เพียง 38 วินาที   อย่างไรก็ตาม Gerrard ยังกลับมาทำประตูในช่วงท้ายของเกมส์ช่วยให้ทีมชนะ QPR  นับเป็นฤดูกาลสุดท้ายของสุดยอดนักเตะที่แฟนลิเวอร์พูลจะไม่มีวันลืมเลือน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่