สามคนอลเวง ตอนครั้งแรกที่ฮ่องกง (วันที่ 1)
สมาชิกสาวสามคนที่กะเตงไปด้วยกันในทริปนี้ ได้แก่ คุณแม่วัย60 พี่สาววัยรุ่นปลายๆ และน้องสาววัยรุ่นกลางๆ ที่รักการกินและท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ทริปนี้พวกเราเน้นกินของอร่อย ชมวิวสวยๆ สัมผัสอากาศเย็นๆ ประมาณ 13-19องศา
วันแรกของการเดินทาง
(วัดกังหัน Che Kung Temple - Snoopy's World - Ladies Market - Fa Yuen Street - Symphony of Light)
เริ่มต้นวันเดินทางก็ตื่นเต้นเกือบตกเครื่องซะแล้ว....
ซื้อตั๋วบินไฟลท์เช้าสุดของสายการบินสีแดงแสนประหยัด เครื่องออก6.45 รีบออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้ากะว่าน่าจะทัน แต่ดั๊นเจอเส้นพระราม7ปิดทำถนนอยู่พักใหญ่ ลุ้นตัวโก่ง ดีนะที่เช็คอินไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวานและไม่มีของโหลด เลยยังทัน หู่ววว...ปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปสองชั่วโมงกว่า เครื่องบินก็ร่อนลงสู่เกาะฮ่องกงตรงเวลา10.30เป๊ะ ไม่ลืมแวะเอาแผนที่ตรงบูทประตูทางออกก่อนออกผจญภัย
อันดับแรก ก่อนขึ้นบัสเข้าเมืองกะว่าจะซื้อบัตรOctopus จะได้ใช้แตะขึ้นบัสเลย แต่ทว่า เป็นพวกที่มักจะหาอะไรไม่เจอ หลงและเอ๋อตลอด เริ่มเที่ยวก็เอาละ ไม่รู้เค้าซื้อบัตรOctopusกันที่ไหน เจอแต่เคาท์เตอร์ขายบัตรAirport Express เลยเดินตามป้าย Bus เพื่อไปขึ้นบัสกะว่าต้องมีขายบัตรตรงนั้นแน่ๆ เดินไปถึงท่ารถ เห็นแต่ช่องขายตั๋ว ก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วรถบัสสายA21เพื่อไปTsim Sha Tsui คนละ $33 ไว้ค่อยไปซื้อบัตรOctopusที่MTRในเมืองละกัน
อยากชมวิวสวยๆเลยวางกระเป๋าไว้ชั้นล่าง (เค้ามีบริเวณให้วาง) แล้วก็ขึ้นไปนั่งชั้นสอง ไม่ต้องกลัวของหายนะ เพราะเค้าติดกล้องวงจรปิดไว้ด้านล่างซึ่งเราสามารถดูได้จากทีวีที่อยู่ชั้นบน
จากสนามบินถึงย่านTsim Sha Tsui ใช้เวลาประมาณ1ชม. พอรถผ่านแถวย่านMongkok ก็รู้แล้วว่าใกล้ เตรียมมองป้ายไฟบอกสถานีเพื่อลงป้าย13 เพราะที่พักของเราอยู่บนตึก Mirador Mansion เท่าที่หาข้อมูลมาต้องลงป้าย13จะใกล้สุด แต่ตอนเห็นคำว่าNext stop no.13 ดันงงอีกว่าแล้วป้ายถัดไปนี่หมายถึงว่าถึงยัง สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ ลงเลยไปป้ายนึง 555 ต้องเดินย้อนอีกหน่อย ดีนะป้ายนึงค่อนข้างใกล้กัน
เราจองที่พักไว้ที่ KG Garden Guesthouse ซึ่งที่อยู่ที่เขียนไว้ในใบจองอยู่ชั้น3 พอขึ้นไปเจอประตูล็อคอยู่ เลยใช้โทรศัพท์หน้าห้องโทรเข้าไปบอกเค้าว่ามาเช็คอิน ซักพักก็มีคนออกมาเปิดประตูให้ เราจองห้องพัก 3คน 3คืน ราคา$1680 ผ่าน Booking.com แต่ตอนจองระบบหักค่ามัดจำไปแล้ว 1คืน เค้าก็เลยให้จ่ายค่าห้องส่วนที่เหลือทั้งหมดตอนเช็คอิน เมื่อชำระค่าห้องเรียบร้อยพนักงานก็อธิบายว่าห้องของเราอยู่ชั้น 4 แล้วนำทางเราไป ตรงหน้าประตูมีเขียนชื่อว่า Park Hotel สงสัยเจ้าของคนเดียวกันแต่มีหลาย Guesthouse ห้องพักที่ตึก Mirador นี้เป็นแบบมีประตูหลักด้านหน้า ใช้วิธีกดรหัสถึงเข้าไปได้ พอเปิดประตูหลักเข้าไปภายในจะแบ่งเป็นห้องย่อยๆอีก แล้วให้คนเข้าพักถือกุญแจห้องของตัวเอง
หลังจากเข้าห้อง พนักงานก็แนะนำการเปิดปิดสวิทช์ต่างๆ พาสเวิร์ดwifi ฯลฯ จากนั้นจึงสั่งลาว่าถ้าจะเช็คเอาท์ให้ทิ้งกุญแจไว้ในห้อง ล็อกประตูแล้วออกไปได้เลย ได้เงินไปครบแล้วหนิ จะว่าไปมีระบบนี้ด้วยแฮะ แปลกๆดี พอพนักงานไปก็เริ่มสำรวจห้อง ห้องที่นี่เป็นขนาดกะทัดรัดมาก เราพักกันสามคนบวกกระเป๋าเดินทางค่อนข้างแน่น ไม่มีตู้เสื้อผ้าและตู้เย็นให้ ดีที่มีผ้าเช็ดตัวกับแปรงสีฟันยาสีฟันให้ แต่น้องลองใช้แปรงสีฟันแล้วบอกว่าแปรงแข็งมาก ขนาดแปรงเบาๆยังเจ็บเหงือก สุดท้ายเลยไม่มีใครกล้าใช้
มาทริปนี้ หาข้อมูลมาค่อนข้างเยอะ เขียนโปรแกรมเที่ยววางแผนไว้หมดแล้วว่าจะไปไหน กินอะไร ใช้เงินเท่าไหร่ ยังกะจัดทัวร์ เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่วางแผนมาขนาดนี้คนที่มีเซนส์เรื่องทิศทางอย่างเราคงไม่ ได้ไปไหน หลงจนหมดเวลาชัวร์ๆ 555 อย่างโปรแกรมวันแรกเนี่ยก็มีหลายที่ที่ต้องไป หลังจากสำรวจห้อง เก็บกระเป๋า ก็เลยเริ่มออกเดินทางตามแผนที่วางไว้
ที่แรกที่จะไปก็หนีไม่พ้นร้านอาหาร กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เที่ยงพอดี ได้ยินมาว่าให้พยายามเลี่ยงกินข้าวตอนเที่ยงเพราะคนจะเยอะมากๆ กินหลังบ่ายสองได้ก็จะดี แต่ ณ จุดนี้ หิวมากแล้ว เยอะก็ลุยยยยยย
เดินออกจากที่พักเลี้ยวขวาซ้ายไปไม่ไกล ตรงถนนHart Ave. ก็เจอร้าน Lung Kee บะหมี่เกี๊ยวที่มีคนแนะนำ ร้านนี้เป็นร้านห้องเดียวเล็กๆ มีแต่คนฮ่องกงทั้งร้าน เราสามคนก็ไปนั่งเงอะๆงะๆ ยังดีที่มีเมนูภาษาอังกฤษเขียนไว้ เมนูแอบเข้าใจยากนิดนึงกว่าจะสั่งได้ เอ่อ...เอาFishball Noodle 1 กับ เอ่อ...แล้วคนขายก็เสนอมาว่า Wantan? อ้อ เคๆ รู้ภาษาจีนนิดหน่อยมันคือเกี๊ยว เอาๆ
ได้มาสองชามตามที่สั่ง แต่เกี๊ยวดันเป็นเกี๊ยวน้ำไม่มีบะหมี่ พลาดซะแล้ว ): ถ้าจะเอาหมี่ด้วยต้องสั่งไงเนี่ย 555 มื้อแรกขำๆๆ ร้านนี้รสชาติโอเค ไม่ถึงกับอร่อยมาก แต่ชอบตรงน้ำซุปอร่อย กับเกี๊ยวกุ้งชิ้นโตเต็มคำ
หลังจากอิ่มแล้ว ที่ต่อไปที่จะไปคือ วัดกังหัน Chekung Temple
ก่อนอื่นแวะซื้อบัตร Octopus ก่อน ปกติบัตรนี้ราคา$150 เป็นค่ามัดจำ$50 ใช้ได้$100 แต่จากการคำนวนค่าเดินทางจะต้องใช้เกิน100นิดหน่อย ขี้เกียจมาคอยเติมก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ขอเพิ่มอีก$50ไปเลยเป็นใบละ$200
เราจะไปลงสถานี Tai Wai กัน ออกทางออก B เดินทะลุจุดจอดรถบัสไปตามทางลอด เห็นกำแพงแแดงๆก็แสดงว่าถึงละ
ได้มาซักที บัตรOctopus
กำแพงแดงๆนี่แหละ วัดกังหัน
วันธรรมดาคนไม่เยอะมาก
ซ้ายมือรูปปั้นนี้มีใบพัดเล็กๆอยู่ให้เราไปหมุนๆๆ
เมื่อทำบุญขอพรเสร็จ ก็เดินทางต่อไปที่สถานี Sha Tin เพื่อไปเที่ยวSnoopy's World สวนสนุกนี้อยู่ในห้าง New Town Plaza ตรงลานนอกห้างชั้น3 ที่นี่มีมุมสวยๆถ่ายรูปเต็มเลย เหมาะสำหรับคนรักสนูปปี้และผองเพื่อนมากมาย
ถ่ายรูปจนหนำ ก็เข้าไปเดินเล่นในห้างนิดหน่อย ยังไม่ได้ซิมโทรศัพท์เลย เดี๋ยวไปซื้อแถวMongkokละกัน (ผลัดไปเรื่อยๆ 555) เพราะต่อจากนี้ตั้งใจว่าจะไปแถวMongkok เดินเล่นตลาด Fa Yuen ดูรองเท้ากีฬาและหาของกินแถวนั้น น่าจะมีร้านมือถือเยอะ
ตั้งใจว่าจะซื้อซิมเติมเงิน One2free อุตส่าห์เดินไปเจอชอป one2free แต่พอถามพนักงานว่ามีซิมเติมเงินโทรต่างประเทศมั้ย เค้าบอกไม่มีแล้วชี้ไปร้านข้างๆ คือ China Mobile งงๆ แต่สรุปก็ได้ของChina Mobileมาในราคา$98 โทรได้$98 แถมโปรให้เล่นเนตฟรีด้วย2วัน เยี่ยมเลย!
เสร็จธุระก็เริ่มหิวละ มื้อนี้จะไปกินโจ๊กฮ่องกงที่ร้าน Seaview Congee ดูตามไกด์บุ๊คเค้าบอกแต่ว่าไปตามถนนArgyleแล้วจะเจอ ไม่รู้ต้องเดินไปทางทิศไหนเหมือนกัน ลองเดินๆไปข้างหน้าเรื่อยๆกะว่าถ้าไม่เจอก็กินร้านอื่นแทนละกัน แต่ดวงจะได้กิน เดินไปซักพักเจอจนได้
สั่งโจ๊กปลา โจ๊กไข่เยี่ยวม้า (ปกติไม่กินไข่เยี่ยวม้า แต่เห็นที่นี่ดังเลยสั่งมาลอง) น้ำเต้าหู้ และปาท่องโก๋มาอย่างละหนึ่ง เริ่มจากโจ๊กก่อนเลย เนื้อโจ๊กเนียนนุ่มมากๆๆ เหมือนกินพวกซุปข้นมากกว่า ข้าวบดเนียนจนไม่เป็นเม็ดเลย โจ๊กที่นี่เค้าใส่ถั่วลิสงด้วย เข้ากันดีนะ ส่วนไข่เยี่ยวม้าก็ชิ้นกำลังดีไม่มีกลิ่นคาวแถมเข้ากันกับโจ๊กหอมๆ น้ำเต้าหู้ถ้วยใหญ่เกือบเท่าโจ๊ก กลิ่นหอม ไม่ข้นไม่เหลวไป รสจืดธรรมชาติตามสไตล์จีนๆ อร่อยดี สุดท้ายเจ้าปาท่องโก๋จานนี้ดูจะเป็นมิตรกับทุกจานบนโต๊ะ กินกับอะไรก็เข้ากั๊นเข้ากัน กรอบอร่อย แถมไม่มันเหมือนบ้านเรา
หลังจากกินเสร็จก็ไปเดินตลาดกันต่อ เจอร้านนี้น่ากิน ร้านพวกนี้จะขายของทอด ลูกชิ้นแกง วอฟเฟิลฮ่องกง และเครื่องดื่มต่างๆครบเลย ว่าแล้วจัดมาชิมซะหน่อย
ลูกชิ้นปลาที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราที่เด้งๆ กินคำแรกรู้สึกเหมือนลูกชิ้นแป้งเยอะ แต่กินไปกินมาก็อร่อยดี เนื้อมันนุ่มๆ หอมเครื่องแกง ยิ่งกินกับปลาหมึกทอดแล้ว ดับเลี่ยนได้ดีเลยทีเดียว
ตลาดที่มาเดินคืนนี้คือ ตลาด Fa Yuen ที่นี่มีพวกรองเท้ากีฬาขายเต็มไปหมด เหมือนเดินซุปเปอร์สปอร์ต ราคาค่อนข้างถูกมีให้เลือกเยอะ แต่ปลอมไม่ปลอมไม่กล้ารับประกัน ถ้าอยากได้ของแท้แนะนำเดินเข้าชอปของยี่ห้อนั้นๆเลยดีกว่า ไปเจอรองเท้าไนกี้ที่เคยซื้อที่ไทยเกือบสี่พันขายอยู่สองพันกว่าบาท
เดินไปเดินมาเจอร้านนี้สะดุดตา "Hui Lau Shan" ร้านน้ำมะม่วงปั่น มานี่ต้องกินมะม่วง ซักหน่อยๆๆ
สั่งน้ำมะม่วง+เจลลี่มะม่วงอันที่ดูออริจินัลมา หอม อร่อย สดชื่น หวานกำลังดี เนื้อมะม่วงปั่นข้นๆรวมกับเจลลี่แล้วเคี้ยวสนุก ชอบๆๆ
"Sasa" ร้านนี้หันไปที่ไหนก็เจอ ขายเครื่องสำอางน้ำหอมราคาถูก มีตั้งแต่แบรนด์ดังๆแพงๆของฝรั่งเศส จนถึงของเกาหลี ญี่ปุ่นเต็มไปหมด เทียบราคาแล้วถูกกว่าเมืองไทยมาก แต่ถ้าเทียบกับร้านคู่แข่งอย่าง "Bonjour" ที่มีสาขาเยอะกว่าแล้ว ของที่นี่น้อยกว่าพอสมควร Bonjourเลยน่าเดินกว่า (ตามความเห็นส่วนตัว)
ได้เจ้าคิตตี้มา แม่ซื้อเพราะอยากได้ที่ห้อย
จบจากการชอปปิ้งเดินเล่นจนหนำ สถานที่ต่อไปที่จะไปคือ Avenue of stars เพื่อไปดู Symphony of Light ให้ทันในเวลา2ทุ่มตรง เราขึ้นMTRมาลงที่สถานี Tsim Sha Tsui แล้วเดินใต้ดินเชื่อมไปตามทางออก J ก็ถึงทันเวลาพอดี แต่ช้าไปหน่อยคนจับจองพื้นที่ริมน้ำเพื่อถ่ายรูปกันหมดแล้ว
ได้ดูการแสดงสวยๆบวกกับอากาศเย็นๆสบายๆ คืนนี้ฟินมาก ...
ตอนเดินมาดูSymphony of Light เห็นป้ายลดล้างสต๊อกจะปิดห้างSogo สาขาTsim Sha Tsui ขากลับที่พักเลยขอแวะเข้าไปดูหน่อยเผื่อมีไรน่าสนใจ ลดทั้งห้างจริงๆ แต่ที่ลดเยอะๆมีเฉพาะในกะบะที่เอามากองๆ ตรงโซนกลางๆ ได้เสื้อหนาวมาตัวนึงในราคาถูกแสนถูก แล้วก็เดินเล่นที่ซุปเปอร์ซื้อน้ำซื้อขนมซะหน่อยก่อนกลับ
ไปต่อวันที่ 2 กันเลย
http://ppantip.com/topic/33685393
ทัวร์ชิลๆอากาศเย็นๆ HK-Macau (4วัน 3คืน)
สมาชิกสาวสามคนที่กะเตงไปด้วยกันในทริปนี้ ได้แก่ คุณแม่วัย60 พี่สาววัยรุ่นปลายๆ และน้องสาววัยรุ่นกลางๆ ที่รักการกินและท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ทริปนี้พวกเราเน้นกินของอร่อย ชมวิวสวยๆ สัมผัสอากาศเย็นๆ ประมาณ 13-19องศา
วันแรกของการเดินทาง
(วัดกังหัน Che Kung Temple - Snoopy's World - Ladies Market - Fa Yuen Street - Symphony of Light)
เริ่มต้นวันเดินทางก็ตื่นเต้นเกือบตกเครื่องซะแล้ว....
ซื้อตั๋วบินไฟลท์เช้าสุดของสายการบินสีแดงแสนประหยัด เครื่องออก6.45 รีบออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้ากะว่าน่าจะทัน แต่ดั๊นเจอเส้นพระราม7ปิดทำถนนอยู่พักใหญ่ ลุ้นตัวโก่ง ดีนะที่เช็คอินไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวานและไม่มีของโหลด เลยยังทัน หู่ววว...ปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปสองชั่วโมงกว่า เครื่องบินก็ร่อนลงสู่เกาะฮ่องกงตรงเวลา10.30เป๊ะ ไม่ลืมแวะเอาแผนที่ตรงบูทประตูทางออกก่อนออกผจญภัย
อันดับแรก ก่อนขึ้นบัสเข้าเมืองกะว่าจะซื้อบัตรOctopus จะได้ใช้แตะขึ้นบัสเลย แต่ทว่า เป็นพวกที่มักจะหาอะไรไม่เจอ หลงและเอ๋อตลอด เริ่มเที่ยวก็เอาละ ไม่รู้เค้าซื้อบัตรOctopusกันที่ไหน เจอแต่เคาท์เตอร์ขายบัตรAirport Express เลยเดินตามป้าย Bus เพื่อไปขึ้นบัสกะว่าต้องมีขายบัตรตรงนั้นแน่ๆ เดินไปถึงท่ารถ เห็นแต่ช่องขายตั๋ว ก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วรถบัสสายA21เพื่อไปTsim Sha Tsui คนละ $33 ไว้ค่อยไปซื้อบัตรOctopusที่MTRในเมืองละกัน
อยากชมวิวสวยๆเลยวางกระเป๋าไว้ชั้นล่าง (เค้ามีบริเวณให้วาง) แล้วก็ขึ้นไปนั่งชั้นสอง ไม่ต้องกลัวของหายนะ เพราะเค้าติดกล้องวงจรปิดไว้ด้านล่างซึ่งเราสามารถดูได้จากทีวีที่อยู่ชั้นบน
จากสนามบินถึงย่านTsim Sha Tsui ใช้เวลาประมาณ1ชม. พอรถผ่านแถวย่านMongkok ก็รู้แล้วว่าใกล้ เตรียมมองป้ายไฟบอกสถานีเพื่อลงป้าย13 เพราะที่พักของเราอยู่บนตึก Mirador Mansion เท่าที่หาข้อมูลมาต้องลงป้าย13จะใกล้สุด แต่ตอนเห็นคำว่าNext stop no.13 ดันงงอีกว่าแล้วป้ายถัดไปนี่หมายถึงว่าถึงยัง สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ ลงเลยไปป้ายนึง 555 ต้องเดินย้อนอีกหน่อย ดีนะป้ายนึงค่อนข้างใกล้กัน
เราจองที่พักไว้ที่ KG Garden Guesthouse ซึ่งที่อยู่ที่เขียนไว้ในใบจองอยู่ชั้น3 พอขึ้นไปเจอประตูล็อคอยู่ เลยใช้โทรศัพท์หน้าห้องโทรเข้าไปบอกเค้าว่ามาเช็คอิน ซักพักก็มีคนออกมาเปิดประตูให้ เราจองห้องพัก 3คน 3คืน ราคา$1680 ผ่าน Booking.com แต่ตอนจองระบบหักค่ามัดจำไปแล้ว 1คืน เค้าก็เลยให้จ่ายค่าห้องส่วนที่เหลือทั้งหมดตอนเช็คอิน เมื่อชำระค่าห้องเรียบร้อยพนักงานก็อธิบายว่าห้องของเราอยู่ชั้น 4 แล้วนำทางเราไป ตรงหน้าประตูมีเขียนชื่อว่า Park Hotel สงสัยเจ้าของคนเดียวกันแต่มีหลาย Guesthouse ห้องพักที่ตึก Mirador นี้เป็นแบบมีประตูหลักด้านหน้า ใช้วิธีกดรหัสถึงเข้าไปได้ พอเปิดประตูหลักเข้าไปภายในจะแบ่งเป็นห้องย่อยๆอีก แล้วให้คนเข้าพักถือกุญแจห้องของตัวเอง
หลังจากเข้าห้อง พนักงานก็แนะนำการเปิดปิดสวิทช์ต่างๆ พาสเวิร์ดwifi ฯลฯ จากนั้นจึงสั่งลาว่าถ้าจะเช็คเอาท์ให้ทิ้งกุญแจไว้ในห้อง ล็อกประตูแล้วออกไปได้เลย ได้เงินไปครบแล้วหนิ จะว่าไปมีระบบนี้ด้วยแฮะ แปลกๆดี พอพนักงานไปก็เริ่มสำรวจห้อง ห้องที่นี่เป็นขนาดกะทัดรัดมาก เราพักกันสามคนบวกกระเป๋าเดินทางค่อนข้างแน่น ไม่มีตู้เสื้อผ้าและตู้เย็นให้ ดีที่มีผ้าเช็ดตัวกับแปรงสีฟันยาสีฟันให้ แต่น้องลองใช้แปรงสีฟันแล้วบอกว่าแปรงแข็งมาก ขนาดแปรงเบาๆยังเจ็บเหงือก สุดท้ายเลยไม่มีใครกล้าใช้
มาทริปนี้ หาข้อมูลมาค่อนข้างเยอะ เขียนโปรแกรมเที่ยววางแผนไว้หมดแล้วว่าจะไปไหน กินอะไร ใช้เงินเท่าไหร่ ยังกะจัดทัวร์ เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่วางแผนมาขนาดนี้คนที่มีเซนส์เรื่องทิศทางอย่างเราคงไม่ ได้ไปไหน หลงจนหมดเวลาชัวร์ๆ 555 อย่างโปรแกรมวันแรกเนี่ยก็มีหลายที่ที่ต้องไป หลังจากสำรวจห้อง เก็บกระเป๋า ก็เลยเริ่มออกเดินทางตามแผนที่วางไว้
ที่แรกที่จะไปก็หนีไม่พ้นร้านอาหาร กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เที่ยงพอดี ได้ยินมาว่าให้พยายามเลี่ยงกินข้าวตอนเที่ยงเพราะคนจะเยอะมากๆ กินหลังบ่ายสองได้ก็จะดี แต่ ณ จุดนี้ หิวมากแล้ว เยอะก็ลุยยยยยย
เดินออกจากที่พักเลี้ยวขวาซ้ายไปไม่ไกล ตรงถนนHart Ave. ก็เจอร้าน Lung Kee บะหมี่เกี๊ยวที่มีคนแนะนำ ร้านนี้เป็นร้านห้องเดียวเล็กๆ มีแต่คนฮ่องกงทั้งร้าน เราสามคนก็ไปนั่งเงอะๆงะๆ ยังดีที่มีเมนูภาษาอังกฤษเขียนไว้ เมนูแอบเข้าใจยากนิดนึงกว่าจะสั่งได้ เอ่อ...เอาFishball Noodle 1 กับ เอ่อ...แล้วคนขายก็เสนอมาว่า Wantan? อ้อ เคๆ รู้ภาษาจีนนิดหน่อยมันคือเกี๊ยว เอาๆ
ได้มาสองชามตามที่สั่ง แต่เกี๊ยวดันเป็นเกี๊ยวน้ำไม่มีบะหมี่ พลาดซะแล้ว ): ถ้าจะเอาหมี่ด้วยต้องสั่งไงเนี่ย 555 มื้อแรกขำๆๆ ร้านนี้รสชาติโอเค ไม่ถึงกับอร่อยมาก แต่ชอบตรงน้ำซุปอร่อย กับเกี๊ยวกุ้งชิ้นโตเต็มคำ
หลังจากอิ่มแล้ว ที่ต่อไปที่จะไปคือ วัดกังหัน Chekung Temple
ก่อนอื่นแวะซื้อบัตร Octopus ก่อน ปกติบัตรนี้ราคา$150 เป็นค่ามัดจำ$50 ใช้ได้$100 แต่จากการคำนวนค่าเดินทางจะต้องใช้เกิน100นิดหน่อย ขี้เกียจมาคอยเติมก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ขอเพิ่มอีก$50ไปเลยเป็นใบละ$200
เราจะไปลงสถานี Tai Wai กัน ออกทางออก B เดินทะลุจุดจอดรถบัสไปตามทางลอด เห็นกำแพงแแดงๆก็แสดงว่าถึงละ
ได้มาซักที บัตรOctopus
กำแพงแดงๆนี่แหละ วัดกังหัน
วันธรรมดาคนไม่เยอะมาก
ซ้ายมือรูปปั้นนี้มีใบพัดเล็กๆอยู่ให้เราไปหมุนๆๆ
เมื่อทำบุญขอพรเสร็จ ก็เดินทางต่อไปที่สถานี Sha Tin เพื่อไปเที่ยวSnoopy's World สวนสนุกนี้อยู่ในห้าง New Town Plaza ตรงลานนอกห้างชั้น3 ที่นี่มีมุมสวยๆถ่ายรูปเต็มเลย เหมาะสำหรับคนรักสนูปปี้และผองเพื่อนมากมาย
ถ่ายรูปจนหนำ ก็เข้าไปเดินเล่นในห้างนิดหน่อย ยังไม่ได้ซิมโทรศัพท์เลย เดี๋ยวไปซื้อแถวMongkokละกัน (ผลัดไปเรื่อยๆ 555) เพราะต่อจากนี้ตั้งใจว่าจะไปแถวMongkok เดินเล่นตลาด Fa Yuen ดูรองเท้ากีฬาและหาของกินแถวนั้น น่าจะมีร้านมือถือเยอะ
ตั้งใจว่าจะซื้อซิมเติมเงิน One2free อุตส่าห์เดินไปเจอชอป one2free แต่พอถามพนักงานว่ามีซิมเติมเงินโทรต่างประเทศมั้ย เค้าบอกไม่มีแล้วชี้ไปร้านข้างๆ คือ China Mobile งงๆ แต่สรุปก็ได้ของChina Mobileมาในราคา$98 โทรได้$98 แถมโปรให้เล่นเนตฟรีด้วย2วัน เยี่ยมเลย!
เสร็จธุระก็เริ่มหิวละ มื้อนี้จะไปกินโจ๊กฮ่องกงที่ร้าน Seaview Congee ดูตามไกด์บุ๊คเค้าบอกแต่ว่าไปตามถนนArgyleแล้วจะเจอ ไม่รู้ต้องเดินไปทางทิศไหนเหมือนกัน ลองเดินๆไปข้างหน้าเรื่อยๆกะว่าถ้าไม่เจอก็กินร้านอื่นแทนละกัน แต่ดวงจะได้กิน เดินไปซักพักเจอจนได้
สั่งโจ๊กปลา โจ๊กไข่เยี่ยวม้า (ปกติไม่กินไข่เยี่ยวม้า แต่เห็นที่นี่ดังเลยสั่งมาลอง) น้ำเต้าหู้ และปาท่องโก๋มาอย่างละหนึ่ง เริ่มจากโจ๊กก่อนเลย เนื้อโจ๊กเนียนนุ่มมากๆๆ เหมือนกินพวกซุปข้นมากกว่า ข้าวบดเนียนจนไม่เป็นเม็ดเลย โจ๊กที่นี่เค้าใส่ถั่วลิสงด้วย เข้ากันดีนะ ส่วนไข่เยี่ยวม้าก็ชิ้นกำลังดีไม่มีกลิ่นคาวแถมเข้ากันกับโจ๊กหอมๆ น้ำเต้าหู้ถ้วยใหญ่เกือบเท่าโจ๊ก กลิ่นหอม ไม่ข้นไม่เหลวไป รสจืดธรรมชาติตามสไตล์จีนๆ อร่อยดี สุดท้ายเจ้าปาท่องโก๋จานนี้ดูจะเป็นมิตรกับทุกจานบนโต๊ะ กินกับอะไรก็เข้ากั๊นเข้ากัน กรอบอร่อย แถมไม่มันเหมือนบ้านเรา
หน้าร้าน น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ชัดเจน
พระเอกประจำมื้อนี้
หลังจากกินเสร็จก็ไปเดินตลาดกันต่อ เจอร้านนี้น่ากิน ร้านพวกนี้จะขายของทอด ลูกชิ้นแกง วอฟเฟิลฮ่องกง และเครื่องดื่มต่างๆครบเลย ว่าแล้วจัดมาชิมซะหน่อย
ลูกชิ้นปลาที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราที่เด้งๆ กินคำแรกรู้สึกเหมือนลูกชิ้นแป้งเยอะ แต่กินไปกินมาก็อร่อยดี เนื้อมันนุ่มๆ หอมเครื่องแกง ยิ่งกินกับปลาหมึกทอดแล้ว ดับเลี่ยนได้ดีเลยทีเดียว
ตลาดที่มาเดินคืนนี้คือ ตลาด Fa Yuen ที่นี่มีพวกรองเท้ากีฬาขายเต็มไปหมด เหมือนเดินซุปเปอร์สปอร์ต ราคาค่อนข้างถูกมีให้เลือกเยอะ แต่ปลอมไม่ปลอมไม่กล้ารับประกัน ถ้าอยากได้ของแท้แนะนำเดินเข้าชอปของยี่ห้อนั้นๆเลยดีกว่า ไปเจอรองเท้าไนกี้ที่เคยซื้อที่ไทยเกือบสี่พันขายอยู่สองพันกว่าบาท
เดินไปเดินมาเจอร้านนี้สะดุดตา "Hui Lau Shan" ร้านน้ำมะม่วงปั่น มานี่ต้องกินมะม่วง ซักหน่อยๆๆ
"Sasa" ร้านนี้หันไปที่ไหนก็เจอ ขายเครื่องสำอางน้ำหอมราคาถูก มีตั้งแต่แบรนด์ดังๆแพงๆของฝรั่งเศส จนถึงของเกาหลี ญี่ปุ่นเต็มไปหมด เทียบราคาแล้วถูกกว่าเมืองไทยมาก แต่ถ้าเทียบกับร้านคู่แข่งอย่าง "Bonjour" ที่มีสาขาเยอะกว่าแล้ว ของที่นี่น้อยกว่าพอสมควร Bonjourเลยน่าเดินกว่า (ตามความเห็นส่วนตัว)
ได้เจ้าคิตตี้มา แม่ซื้อเพราะอยากได้ที่ห้อย
จบจากการชอปปิ้งเดินเล่นจนหนำ สถานที่ต่อไปที่จะไปคือ Avenue of stars เพื่อไปดู Symphony of Light ให้ทันในเวลา2ทุ่มตรง เราขึ้นMTRมาลงที่สถานี Tsim Sha Tsui แล้วเดินใต้ดินเชื่อมไปตามทางออก J ก็ถึงทันเวลาพอดี แต่ช้าไปหน่อยคนจับจองพื้นที่ริมน้ำเพื่อถ่ายรูปกันหมดแล้ว
ได้ดูการแสดงสวยๆบวกกับอากาศเย็นๆสบายๆ คืนนี้ฟินมาก ...
ตอนเดินมาดูSymphony of Light เห็นป้ายลดล้างสต๊อกจะปิดห้างSogo สาขาTsim Sha Tsui ขากลับที่พักเลยขอแวะเข้าไปดูหน่อยเผื่อมีไรน่าสนใจ ลดทั้งห้างจริงๆ แต่ที่ลดเยอะๆมีเฉพาะในกะบะที่เอามากองๆ ตรงโซนกลางๆ ได้เสื้อหนาวมาตัวนึงในราคาถูกแสนถูก แล้วก็เดินเล่นที่ซุปเปอร์ซื้อน้ำซื้อขนมซะหน่อยก่อนกลับ
ไปต่อวันที่ 2 กันเลย http://ppantip.com/topic/33685393