“ยูฟุอิน” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของญี่ปุ่นที่มีบ่อนํ้าแร่ออนเซ็นและถนนคนเดินที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าในสไตล์ญี่ปุ่น
ย้อนยุคที่ถือเป็นจุดเด่นของ “ยุฟุอิน” ซึ่งเลือกพัฒนาเมืองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทำทั้งหมู่บ้านให้เป็น “หมู่บ้านย้อนยุคที่มีชีวิตชีวา”
ทริปเที่ยวยุฟุอินครั้งนี้ เราไปเจอมุมที่น่าสนใจ ทั้งร้านขายขนมเด็กแบบญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยขนมและของเล่นมากมาย สไตล์ญี่ปุ่นในช่วงสมัยปีโชวะที่ 30 (ราวค.ศ 1955-1965) ระหว่างเลือกชื้อขนมอยู่ เหลือบไปเห็นน้ำรามุเนะ ที่ตามหาอยู่นาน รามุเนะคือน้ำโซดามะนาว รสชาติคล้ายๆ น้ำเขียว
บ้านเราตัวขวดมีลูกแก้วอุดอยู่บนฝา เวลาจะดื่มต้องแกะเปลือกที่หุ้มฝาออกแล้วตบปากขวดแรงๆ ลูกแก้วก็จะตกไปอยู่ที่คอขวดแล้วถึงดื่มได้ ขวดละ 150 เยน ซึ่งมีขายไม่กี่ที่ในญี่ปุ่น
ช้อปปิ้งหนำใจ เราออกมาเดินชมรอบๆ อาคารที่ตกแต่งแบบย้อนยุคหยุดเวลาไว้ที่ปีค.ศ. 1955-1965 ซึ่งเป็นช่วงที่รุ่นพ่อแม่
ยังเด็ก ตายายยังหนุ่มสาว
โต๋เต๋เดินไปมา เราพบซอยเล็กๆ ที่ทางเข้ามีรถสามล้อเครื่องสมัยยุคสงครามโลกจอดอยู่ เห็นแล้วอยากเดินเข้าไปในซอยนี้มาก
แต่ความรู้สึกมันบอกเราว่า ดูท่า.. ที่นี่คงต้องจ่ายเงินค่าเข้าชม ครั้นจะเดินดุ่มๆ เข้าไป ถ้าถูกเรียกกลับมาจ่ายเงินล่ะ เดี๋ยวจะเสียเกียรติภูมิคนไทย งั้นแสดงออกถึงความตั้งใจดีของเราก่อนดีกว่า
..ว่าแล้วก็เดินไปถามคนขายขนมโบราณว่า ต้องเสียค่าเข้าไหม? เค้าบอกใช่ ช่วงนี้เป็นช่วงโปรโมชั่นพอดี ลดให้ครึ่งราคา จาก 500 เยน เหลือ 250 เยน!.. โชคดีจริงๆ ที่ถามก่อน เดินเข้าไปปุ๊ป จุดแรกที่พบคือห้องเรียนสมัยอดีต คลาสสิคมากๆ มีทั้งโต๊ะไม้ กระดานดำสีเขียว พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอนวิชาต่างๆ เราสำรวจทุกจุดของห้องเรียนด้วยอารมณ์ชอบมากๆ ออกจากห้องเรียน เราพบซอยที่ย้อนยุคไปในช่วงสมัยญี่ปุ่นกำลังเจริญเติบโต ถนนนี้จำลองบรรยากาศบ้านเรือนในสมัยปีโชวะที่ 30 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาของญี่ปุ่นที่รุ่งเรืองสุดๆ เริ่มมีการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบต่างๆ และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีทันสมัยของโลกยุคนั้น
ซอยนี้มีสารพัดสิ่งน่าสนใจ ทั้ง อาคารยูฟุอินโชวะ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “ยูฟุอิน โชวะ-กัง” สร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาพอาคารบ้านเรือน สังคม และบรรยากาศในสมัยโชวะ โดยเฉพาะช่วงปีโชวะที่ 30-40 อันเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูที่สุดของสมัยโชวะ เดินอยู่ในนี้รู้สึกเหมือนอยู่ในยุคโชวะที่ 30 จริงๆ มีทั้งร้านตัดผม ร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ คลินิกแพทย์ บาร์เล็กๆ ไปรษณีย์ โรงเรียน โรงอาบน้ำสาธารณะ ร้านขายขนมร้านถ่ายรูปที่ตกแต่งไปด้วยกล้องรุ่นต่างๆ วางเรียงรายอยู่ในตู้กระจก สวยงามน่าปลื้มมาก.. ใจละลายเลยล่ะ ที่นี่ ยังมี “บ้านยุคโชวะ” เราเดินชมไปทั่วบ้านอย่างหลงใหล
ได้ปลื้ม ในบ้าน มีห้องนั่งเล่นที่เราอยากนั่งอยู่นานๆๆๆๆ เพราะเขาจำลองวิถีชีวิตยุคอดีตได้สมจริง เหมือนเราเข้าไปนั่งเล่นอยู่ในบ้านสมัยโชวะที่ 30 ถัดจากห้องนั่งเล่น เป็นห้องครัว มีเครื่องใช้ในครัวแบบเรียบง่ายน่ารัก เดินทะลุจากห้องครัว เราพบสวนหลังบ้านแบบญี่ปุ่นแท้ๆ และเมื่อเดินย้อนกลับมาที่ห้องนั่งเล่น เราพบทางออกซึ่งพาเรากลับสู่ยุคปัจจุบัน
อันที่จริง ภายใน “ยูฟุอิน โชวะ-กัง” ยังมีชั้น 2 ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ยูฟุอินโชวะกัง ALWAYS ซึ่งเป็นหอศิลป์ น่าสนใจมากเช่นกัน แต่สารภาพตามตรง เนื่องจากตอนที่เข้ามาครั้งแรก เราจ่ายตั๋วค่าเข้าชมเฉพาะชั้นล่าง (เพราะไม่ได้หาข้อมูลมาก่อน) ดังนั้นถ้าจะขึ้นไปชมชั้น 2 ก็ต้องค่าเข้าชมอีก ก็เลยขอเก็บการตระเวนชมหอศิลป์ที่ชั้น 2 ไว้ก่อน เพราะยังไงถ้ากลับมาคราวหน้า รับรองจะซื้อตั๋วเข้าชมแบบชนิดชมได้ 2 ชั้นเลย
ต้องบอกว่า ความสมใจที่ได้เข้ามาชม “ยูฟุอิน โชวะ-กัง” ครั้งนี้ เป็นความบังเอิญล้วนๆ เพราะที่นี่ไม่มีป้ายอะไรที่บอกให้เห็น
เป็นจุดเด่นเลยว่า ที่นี่คือ “ยูฟุอิน โชวะ-กัง” แต่ความบังเอิญครั้งนี้ก็บอกให้เรารู้ว่า เมืองยุฟุอินซุกซ่อนสิ่งที่น่าสนใจไว้เยอะมาก ชนิดว่าพลัดหลงเดินเข้าไป
ก็ยังพบมุมที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนที่หลงใหลยุคเรโทร
อาคารแห่งความทรงจำ โชวะที่ 30
“ยูฟุอิน” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของญี่ปุ่นที่มีบ่อนํ้าแร่ออนเซ็นและถนนคนเดินที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าในสไตล์ญี่ปุ่น
ย้อนยุคที่ถือเป็นจุดเด่นของ “ยุฟุอิน” ซึ่งเลือกพัฒนาเมืองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทำทั้งหมู่บ้านให้เป็น “หมู่บ้านย้อนยุคที่มีชีวิตชีวา”
ทริปเที่ยวยุฟุอินครั้งนี้ เราไปเจอมุมที่น่าสนใจ ทั้งร้านขายขนมเด็กแบบญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยขนมและของเล่นมากมาย สไตล์ญี่ปุ่นในช่วงสมัยปีโชวะที่ 30 (ราวค.ศ 1955-1965) ระหว่างเลือกชื้อขนมอยู่ เหลือบไปเห็นน้ำรามุเนะ ที่ตามหาอยู่นาน รามุเนะคือน้ำโซดามะนาว รสชาติคล้ายๆ น้ำเขียว
บ้านเราตัวขวดมีลูกแก้วอุดอยู่บนฝา เวลาจะดื่มต้องแกะเปลือกที่หุ้มฝาออกแล้วตบปากขวดแรงๆ ลูกแก้วก็จะตกไปอยู่ที่คอขวดแล้วถึงดื่มได้ ขวดละ 150 เยน ซึ่งมีขายไม่กี่ที่ในญี่ปุ่น
ช้อปปิ้งหนำใจ เราออกมาเดินชมรอบๆ อาคารที่ตกแต่งแบบย้อนยุคหยุดเวลาไว้ที่ปีค.ศ. 1955-1965 ซึ่งเป็นช่วงที่รุ่นพ่อแม่
ยังเด็ก ตายายยังหนุ่มสาว
โต๋เต๋เดินไปมา เราพบซอยเล็กๆ ที่ทางเข้ามีรถสามล้อเครื่องสมัยยุคสงครามโลกจอดอยู่ เห็นแล้วอยากเดินเข้าไปในซอยนี้มาก
แต่ความรู้สึกมันบอกเราว่า ดูท่า.. ที่นี่คงต้องจ่ายเงินค่าเข้าชม ครั้นจะเดินดุ่มๆ เข้าไป ถ้าถูกเรียกกลับมาจ่ายเงินล่ะ เดี๋ยวจะเสียเกียรติภูมิคนไทย งั้นแสดงออกถึงความตั้งใจดีของเราก่อนดีกว่า
..ว่าแล้วก็เดินไปถามคนขายขนมโบราณว่า ต้องเสียค่าเข้าไหม? เค้าบอกใช่ ช่วงนี้เป็นช่วงโปรโมชั่นพอดี ลดให้ครึ่งราคา จาก 500 เยน เหลือ 250 เยน!.. โชคดีจริงๆ ที่ถามก่อน เดินเข้าไปปุ๊ป จุดแรกที่พบคือห้องเรียนสมัยอดีต คลาสสิคมากๆ มีทั้งโต๊ะไม้ กระดานดำสีเขียว พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอนวิชาต่างๆ เราสำรวจทุกจุดของห้องเรียนด้วยอารมณ์ชอบมากๆ ออกจากห้องเรียน เราพบซอยที่ย้อนยุคไปในช่วงสมัยญี่ปุ่นกำลังเจริญเติบโต ถนนนี้จำลองบรรยากาศบ้านเรือนในสมัยปีโชวะที่ 30 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาของญี่ปุ่นที่รุ่งเรืองสุดๆ เริ่มมีการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบต่างๆ และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีทันสมัยของโลกยุคนั้น
ซอยนี้มีสารพัดสิ่งน่าสนใจ ทั้ง อาคารยูฟุอินโชวะ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “ยูฟุอิน โชวะ-กัง” สร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาพอาคารบ้านเรือน สังคม และบรรยากาศในสมัยโชวะ โดยเฉพาะช่วงปีโชวะที่ 30-40 อันเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูที่สุดของสมัยโชวะ เดินอยู่ในนี้รู้สึกเหมือนอยู่ในยุคโชวะที่ 30 จริงๆ มีทั้งร้านตัดผม ร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ คลินิกแพทย์ บาร์เล็กๆ ไปรษณีย์ โรงเรียน โรงอาบน้ำสาธารณะ ร้านขายขนมร้านถ่ายรูปที่ตกแต่งไปด้วยกล้องรุ่นต่างๆ วางเรียงรายอยู่ในตู้กระจก สวยงามน่าปลื้มมาก.. ใจละลายเลยล่ะ ที่นี่ ยังมี “บ้านยุคโชวะ” เราเดินชมไปทั่วบ้านอย่างหลงใหล
ได้ปลื้ม ในบ้าน มีห้องนั่งเล่นที่เราอยากนั่งอยู่นานๆๆๆๆ เพราะเขาจำลองวิถีชีวิตยุคอดีตได้สมจริง เหมือนเราเข้าไปนั่งเล่นอยู่ในบ้านสมัยโชวะที่ 30 ถัดจากห้องนั่งเล่น เป็นห้องครัว มีเครื่องใช้ในครัวแบบเรียบง่ายน่ารัก เดินทะลุจากห้องครัว เราพบสวนหลังบ้านแบบญี่ปุ่นแท้ๆ และเมื่อเดินย้อนกลับมาที่ห้องนั่งเล่น เราพบทางออกซึ่งพาเรากลับสู่ยุคปัจจุบัน
อันที่จริง ภายใน “ยูฟุอิน โชวะ-กัง” ยังมีชั้น 2 ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ยูฟุอินโชวะกัง ALWAYS ซึ่งเป็นหอศิลป์ น่าสนใจมากเช่นกัน แต่สารภาพตามตรง เนื่องจากตอนที่เข้ามาครั้งแรก เราจ่ายตั๋วค่าเข้าชมเฉพาะชั้นล่าง (เพราะไม่ได้หาข้อมูลมาก่อน) ดังนั้นถ้าจะขึ้นไปชมชั้น 2 ก็ต้องค่าเข้าชมอีก ก็เลยขอเก็บการตระเวนชมหอศิลป์ที่ชั้น 2 ไว้ก่อน เพราะยังไงถ้ากลับมาคราวหน้า รับรองจะซื้อตั๋วเข้าชมแบบชนิดชมได้ 2 ชั้นเลย
ต้องบอกว่า ความสมใจที่ได้เข้ามาชม “ยูฟุอิน โชวะ-กัง” ครั้งนี้ เป็นความบังเอิญล้วนๆ เพราะที่นี่ไม่มีป้ายอะไรที่บอกให้เห็น
เป็นจุดเด่นเลยว่า ที่นี่คือ “ยูฟุอิน โชวะ-กัง” แต่ความบังเอิญครั้งนี้ก็บอกให้เรารู้ว่า เมืองยุฟุอินซุกซ่อนสิ่งที่น่าสนใจไว้เยอะมาก ชนิดว่าพลัดหลงเดินเข้าไป
ก็ยังพบมุมที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนที่หลงใหลยุคเรโทร