พอดีวันนี้ เพื่อนมาปรึกษาเรื่องภาษี ว่าตัวเขาส่วนตัวไม่มีรายได้อื่นเลย
เปิดร้านขายของ(ขายส่ง) มาได้ห้าปี  
สองปีแรก.... ใหม่อยู่ไม่รู้ เลยซื้อของจากบริษัทอย่างเดียว บิล vat (ยอดซื้อรวมต่อปี 20 กว่าล้านบาท) จ่ายภาษีประจำปีเป็นเหมาจ่าย
สามปีหลัง.... ยอดขายน้อยลง เศรษฐกิจแย่ลง มีร้านใหม่มาเปิดข้างๆ และเริ่มเลี่ยงซื้อของที่ไม่ค่อยมีบิลมาแทรก  เพราะมีคนเตือนว่าระวังภาษี เพราะคนรุ่นก่อนๆที่เปิดมานานๆโดนเพียบ
จึงซื้อแบ่งของจากยี่ปั้วที่รู้จักกัน (บิลเงินสดกระดาษมือเขียน  ทวนบิลเสร็จขยำทิ้ง)
ไม่มีต้นขั้ว 90 % (ยี่ปั้วผู้ขายรับภาษีทั้งหมดแต่ได้แต้ม + ของแถมจากบริษัท)  + ซื้อบริษัท 10% (เก็บไว้เผื่อสรรพากรถาม)
ยอดซื้อทั้งหมดเลยไม่เกิน 1.8 ล้าน

เพื่อนมาเฉลียวใจได้ เพราะร้านข้างๆ ที่เปิดไล่เลี่ยกัน ยอดซื้อพอๆกัน มาบ่นปัญหาให้ฟัง
รายนี้ใจเต็มร้อย ซื้อจากบริษัทอย่างเดียว(ซื้อเป็นบิล vat แต่ขายลูกค้าเป็นบิลสด) มาห้าปี  
สุดท้ายเมื่อปลายเดือนที่แล้ว สรรพากรโทรเรียกเข้าไปคุย
สรุปมีค่า ภาษีย้อนหลังและเบี้ยปรับ (น่าจะเพราะ ยอดสูงแล้วไม่จดvat)  รวม 1.5 ล้าน
ตอนนี้เห็นปิดร้านยาวมาเป็นสองอาทิตย์แล้ว

อย่างนี้ถ้าเพื่อนโดนเรียกถ้าสรรพกร แจ้งมาว่าเราโดนภาษีย้อนหลัง + เบี้ยปรับ
เป็นเงินหลักล้าน เราสามารถขอข้อมูลที่มาที่ไปของยอดได้หรือเปล่าครับ  แล้วต้องทำยังไงต่อครับ
เพราะสองเคสนี้ รายละเอียด เรื่องบิลหลักฐานการซื้อต่างกัน  
ที่เพื่อนกลัวอีกอย่างคือโดน  แอบอ้างบิล + จากยอดขายเดิมที่เคยซื้อตอนสองปีแรก