สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ผมเห็นด้วยตามความเห็นที่ 5 เลยครับ เรื่องราคาแพงผมรับได้ แต่การยัดเยียดการรักษาโดยไม่จำเป็นผมรับไม่ได้ ตัวอย่างจริงนะครับ ผมหกลัมมือไปยันพื้นก็ถลอกแต่เผอิญมีประกันก็เลยไปทำแผลที่โรงพยาบาล ปรากฎว่า หมดจับ x-ray ทั้งตัว ถามว่า ทำไม่ต้อง x-ray ปอด เขาบอกว่า เผื่อผ่าตัดจะได้ไม่ต้อง x-ray สรุปนอน 1 คืน น้ำเกลือ 2 ขวด ราคา 18000 บาท ครั้งที่ 2 พนักงานทำขวดโซดาตกเศษแก้วกระเด็นโดนน่องแผลยาว 1 ซม. ไปโรงพยาบาลเดิม ตั้งแต่ 3 ทุ่ม พาไป x-ray อีกแล้ว คราวนี้ใช้เครื่อง CT-scan x-ray น่องด้วย บอกว่า เพื่อดูเผื่อมีเศษแก้วตกค้าง นอน 1 คืน ค่าใช้จ่าย 37000 บาท ไปดูรายละเอียดในบิล ปรากฏ คิดค่าบริการแพทย์ 3 คน พยาบาลอีก 3 คน รวมค่า x-ray สารพัด โรงพยาบาลในเครือนี้ BUPA ประกันสุขภาพห้ามเข้า เดาเอาเองว่าเครือโรงพยาบาลอะไร
ความคิดเห็นที่ 5
ประเด็นไม่ได้ว่าถูกแพง ประเด็นคือโกงหรือไม่ เวลาคุณเข้ารับบริการเขาจะบอกแต่ค่าห้องว่าห้องแบบไหนราคาไหน แต่เวลาบิลออกมาค่ายาค่าเวชภัณท์ต่างๆส่วนใหญ่ไม่ระบุชื่อและจำนวนที่ใช้ พูดง่ายๆลงบิลเกินใช้จริง ยาบางอย่าไม่จำเป็นจ่ายก็จ่ายให้ บางโรงบาลแทบตั้งเป้าไว้เลยว่าไม่เป็นโรคนี้ก็ตรวจต่อให้เป็นโรคอื่นแทนเพื่อดึงการรักษาไว้ บางครั้งการเข้า รพ เอกชนก็เพราะกระทันหันจากอุบัติเหตุ หรือใกล้บ้าน พอเข้าไปบาง รพ ที่หาข้ออ้างทางการแพทย์เพื่อไม่อยากให้ส่งตัวคนไข้ต่อ การหากินหลอกลวงคนป่วยในช่วงวินาทีเป็นตาย ญาติพี่น้องของคนป่วยต้องรีบตัดสินใจในเวลาสั้นๆกับชีวิตคนที่รัก ความเห็นของหมอที่จริงบ้างเท็จบ้างเพื่อเงินไม่เชื่อก็ไม่ได้ มันช่างเป็นเวลาที่หากินได้ง่ายดายมากสำหรับผู้บริหาร รพ เอกชนที่เลือดเย็น คุณสังเกตุได้บาง รพ ที่เขาจับจุดนี้ได้จะกำไรมากมายจนไปซื้อ รพ อื่นๆได้เกือบหมด การปล่อยให้กลไกตลาดทำงานไปแบบนี้มันไม่ยุติธรรม ควรมีคณะกรรมการที่ไม่ใช่มีแต่หมอมาดูแล ไม่ใช่ดูถูกหรือแพง แต่ดูว่ายาและเวชภัณท์ที่คิดมาจำนวนเหมาะสมถูกต้องไหม ถ้าไม่ถูกถือว่าฉ้อโกงผู้บริหาร รพ ต้องติดคุกไหม รวมถึงดูว่ามีการวินิจฉัยของแพทย์ที่หลอกลวงสร้างโรคโน้นนี้เพิ่มเติมให้คนไข้(มีคนรู้จักหลายคนที่เจอแบบนี้)
แสดงความคิดเห็น
ถ้าสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ก็อย่าเข้ารพ.เอกชน
ตัวผมก็เคยไปใช้บริการรพ.เอกชนอยู่บ้าง
ก็สะดวกสบายกว่าการใช้บริการในรพ.รัฐมากๆ
แต่เราก็ต้องรู้สิว่าคนเราทุกคนก็มีสิทธิ์การรักษาอยู่แล้ว
ถ้าไปตามสิทธิ์ก็ไม่เกิดปัญหาหรอก
ยกเว้นในรายที่ฉุกเฉิน ก็รอให้พร้อมแล้วรีบย้ายไปตามสิทธิ์
ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ ใครที่ทำเค้าก็ต้องอยากได้กำไรทั้งนั้น
ถ้าขาดทุนหรือเท่าทุนเค้าจะมาทำทำไม
ถ้ารักษาความสะดวกสบายมาก ก็ต้องยอมจ่ายแพงกว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ซึ่งทุกทีเค้าก็ต้องประเมินค่าใช้จ่ายให้ทราบอยู่แล้ว ก่อนจะทำหัตถการหรือแอดมิทใช่หรือไม่
ถ้ายอมรับตรงนี้ไม่ได้ ก็ไม่ควรไปเข้าเอกชนหรอกครับ
ปล. ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรสาธารณสุขกับคนไข้ก็ค่อนข้างแย่อยู่แล้ว
ทำแบบนี้ยิ่งเหมือนจะเติมเชื้อไฟให้มันเกลียดกันมากขึ้นไปอีก