Mad Max: Fury Road อวยกันเกินไปหรือเปล่า?? {Spoilเต็มอัตรา}

ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า เป็นคนที่ชอบดูหนังธรรมดาๆ
ไม่เคยศึกษาการดูภาพยนตร์อย่างมีศาสตร์ศิลป์ ไม่เคยเบิกเนตรทิพย์ หูทิพย์
ก็วิจารณ์ไปแบบบ้านๆ ขอให้คิดว่าเป็นความคิดส่วนตัวแล้วกันนะครับ
ถ้ามีอะไรไม่เห็นด้วย สอนได้ เถียงได้ แต่อย่าด่ากันนะครับ

ตอนแรกไม่รู้จักหนังเรื่องนี้เลย แม้แต่trailerก็ไม่เคยดู เนื้อเรื่องย่อก็ไม่เคยอ่าน
แต่ได้เห็นผ่านทางเพจfacebookหนังต่างๆ ให้คะแนนกันแบบว่าล้นซะเหลือเกิน 10/10บ้าง 10.5/100บ้าง
พอเข้าไปในเว็บตัวพ่ออย่างIMDBคะแนนก็อัดไปซะ 9/10 แซงหนังระดับตำนานไปอย่างดื้อๆเลยทีเดียว
ไม่ใช่แค่เว็บเดียว แต่เว็บดังๆอื่นๆก็ให้คะแนนเกือบเต็มเช่นเดียวกัน

ไม่พลาดครับ เมื่อวานอ่านเจอตอนเช้า ตกเย็นจูงมือแฟนเข้าไปเสพทันที
แล้วMad Maxก้ไม่ทำให้ผมผิดหวังครับ เพราะว่าตลอด120นาทีของหนัง ทำให้ผมได้มันอยู่110นาที
มันบู๊กันแบบไม่มีพัก ดูจบแฟนผมบอกลุ้นเหนื่อยมาก เสียวตลอดเรื่อง (โถ เดี๋ยวพี่พาไปเสียวต่อนะจ๊ะ)

นอกจากจะบู๊กันแบบไม่มีพักแล้ว ผมยังชอบในความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการของผู้กำกับ
โดยเฉพาะการใช้กีต้าร์ไฟฟ้าโคตรร็อคมาเป็นตัวปลุกใจตอนออกรบร่วมกับการตีกลอง
กีต้าร์ เพลงประกอบ จังหวะหนัง สอนประสานกันเป๊ะๆๆๆ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมกับฉากบู๊
อีกอันหนึ่งก็คือยานพาหนะ ที่ทำให้ผมรู้สึกถึกว่ามันเป็นตัวละครหนึ่งของเรื่องเลยทีเดียว
เสียดายอย่างไอ้พระเอก(ที่ไม่ค่อยจะเอก)มันไม่ค่อยจะหวงรถเลย เอาแต่บ่นว่าคนอื่นมาใช้รถมัน น่าจะเดือดมากกว่านี้
ฉากขับรถไล่ลาเลยสมบูรณ์แบบกว่าหนังเรื่อง"เร็ว"ที่อวยกันซะจน...นะ

นอกเหนือจากนั้นก็เช่น การเอาคนมาเป็นถุงเลือด (โห คิดได้โหดมากๆ), การเอาคนมาเป็นแหล่งผลิตนมแม่ ฯลฯ

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีหลายจุดที่ผมยังรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ยังทำได้ดีไม่พอ {ระวังspoilมาเต็ม}

1.ใครคือพระเอก?
หนังเรื่องMad Max แต่ไอ้Maxบทไม่เด่นอย่างแรง เพราะคนที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็น Furiosa และ Nux
อาจจะเป็นเพราะหนังไม่ได้แสดงถึงcharacterที่ชัดเจนของMax ไม่ได้เห็นว่ามันMadตรงไหน
ผมว่าตัวร้ายอย่างImmortan Joeยังมีบุคคลิกที่ชัดเจนกว่า และแน่นอนว่าmadกว่า Nuxก็madกว่าเช่นกัน

2.ตัวร้ายแข็งแกร่งจากความหื่น
ฉากเปิดตัวของImmortan Joe ทำให้ผมนึกถึกDarth Vader เหมือนคนที่หมดสภาพแล้ว แต่พอใส่ชุดพิเศษเข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ได้
ชุดของDarth VaderกับImmortan Joeนั่นจะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน อันนึงดูมีอำนาจ น่าสะพรึง อีกอันดูน่ากลัว ดิบๆ
ที่น่างงคือ พอImmortan Joeใส่ชุดเสร็จ ทำไมมันยังเดินแบบง่อยๆมาปราศัย ยกไมค์ยังยกไม่ขึ้นต้องให้ลูกมันผลักแขนให้
แต่พอรู้ว่าเมียๆหนีไปเท่านั้นแหละ โหหหห!! มันไปเอาเรี่ยงแรงมาจากไหน อยู่ดีๆก็กลายเป็นคนมีพละกำลัง ขับรถซิ่งได้แบบมันมากๆ
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงคิดว่า นี่มันแข็งแกร่งขึ้นมาได้เพราะความล้วนๆเลยนะเนี่ย

แต่หลายๆคนอีกเช่นกันก็คงจะคิดไปในทางที่มีเหตุมีผลมากขึ้น ว่าทำไมImmortan Joeถึงต้องยกทัพออกมาจากฐานหมด เพื่อตามเมียกลับบ้าน
นั่นก็เพราะว่าเมียๆของเค้ามีลูกติดอยู่ในท้องนั่นเอง ซึ่งบางคนก็อาจจะคิดว่าไอ้โฉดนี่อ่ะนะ มันจะนึกถึงลูกทำไม ลูกมันก็มีตั้งแต่เยอะแยะแล้ว
ที่มันทำน่ะ เพราะความหื่นส่วนตัวล้วนๆแน่นอน

จริงๆแล้ว Immortan Joeต้องการลูกคนนี้มากๆ เพราะลูกของเขาไม่เคยมีใครเกิดออกมาแล้วครบสมบูรณ์ตามลักษณะมนุษย์เลย
ลูกๆที่จะเกิดใหม่จริงเป็นความหวังของJoe ในเรื่องไม่ได้มีการผูกประเด็นนี้ให้แข็งแรง ต้องดูซ้ำรอบสอง หรือคนที่สังเกตดีมากๆๆๆเท่านั้น
ถึงจะรู้ว่ามีประเด็นนี้อยู่
ข้อดีคือ มันทำให้เรารู้สึกว่า บางทีเราก็ตัดสินใครคนนึงในแง่ร้ายมากเกินไป แต่ในขณะเดียวกันการที่ไม่ผูกปมมาก่อนเลย บวกกับฉากตอนJoeได้ลูกมันสั้นมากๆ ทำให้คนดูรู้สึกไม่อินไปJoe รวมถึงไม่อินกับการที่Joeต้องออกมาตามล่า คนดูหลายคนคงยังคิดว่ามันทำเพราะมันหื่นอยู่นั่นเอง

3. Green placeแล้วไง
ตัวหนังไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าGreen placeคือความหวังเลย ขนาดพอรู้ว่าFuriosaมาจากgreen place ผมยังรู้สึกแบบ..อ๋อ...แล้วไง
หลังจากที่รู้ว่าgreen placeนั่นตายไปแล้ว ทำให้Furiosaเสียใจอย่างมาก ก็ยังไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเสียใจตรงไหน
ดีซะอีก หนังยังไม่จบ กูได้ดูต่อ กรั๊กๆๆ
ปัญหาหลักๆมาจากการเล่าbackgroundของตัวละครที่น้อยมากๆ ทำให้คนดูไม่ผูกพันกับตัวละครมากพอจะอินไปกับบทดราม่า

4. Nux..เมิงเปลี่ยนง่ายไปมั้ย
พยายามตายเพื่อท่านJoe3รอบ เมิงfailทุกรอบ แค่นี้ถึงขนาดทำให้Nuxเปลี่ยนใจเข้ามาอยู่อีกฝ่ายเลยหรือ?
จากความเชื่อที่ยึดถือมานาน มันมาจบลงที่แค่เพราะตัวเองทำfailเองเนี่ยอ่ะนะ? (ตรงนี้ผมอาจจะพลาดอะไรไปสักอย่างหรือเปล่า ใครรู้บอกด้วยครับ)
แล้วก็ไปเจอกับเมียของJoeคนนึงบนหลังรถ มันก็ปิ๊งกันง่ายๆเลย เอาจริงดิ? ปิ๊งกันง่ายมาก แป๊บเดียวนอนซบไหล่กันละ

5. สรุปจะเป็นหนังภาคเดี่ยวหรือหนังภาคต่อดี
ผมก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละว่า จริงๆแล้วมันมีMad Maxก่อนหน้านั้น3ภาค ซึ่งกำกับโดยปู่มิลเลอร์เหมือนกัน แต่นำแสดงโดย เมล กิ๊บสัน
เพราะฉะนั้นจะมองว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังภาคต่อก็ได้ แม่ว่ามันจำเป็นต้องดูภาคก่อนๆถึงจะรู้เรื่อง เพราะมันแทบไม่เกี่ยวอะไรกัน (เอาจริงๆผมก็ไม่เคยดูภาคก่อนนะ แค่ไปอ่านเขามา)
จุดนี้มันทำให้น่าผิดหวังเพราะว่า ถ้ามองว่าเป็นหนังภาคเดียว หนังมันไม่เคลียร์ปมเลยว่า วิญญาณเด็กที่คอนตามหลอนหรือตามช่วยพระเอก มีความเกี่ยวข้องกันยังไง หรือจะดำเนินต่อไปยังไงต่อ แต่ถ้ามองว่ามันเป็นภาคต่อ เออก็พอเข้าใจว่า มันอาจไม่ต้องอธิบายแบ็คกราวน์อะไร
แต่พอมามองว่าเป็นหนังภาคต่อ หนังมันก็ไม่คลายจุดอะไรเลยเช่นกัน มันไม่มีจุดไหนที่มันแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าของเรื่อง พระเอกตอนเริ่มเป็นยังไง ตอนจบก็เป็นเช่นนั้น มีเด็กผีหลอกยังไง ก็ยังเหมือนเดิม เป้าหมายชีวิตเป้าหมายการเดินทาง ก็ยังไม่มีเหมือนเดิม
ถ้าเทียบกับเกมส์ ก็เหมือนกับเป็นdlcที่เอามาโปะตัวเกมส์หลัก เอาใจแฟนบอย ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาหลักอะไรมาก

สรุป
เรื่องความมัน 10/10 มันทั้งเรื่อง ไม่มีเวลาพัก
ฉากแอคชั่น 9/10 ให้คะแนนกับที่ใช้cgน้อย เน้นสตันท์เป็นหลัก ตัด1คะแนน ถึงจะrealแต่ไม่coolเท่าที่ควร
คว้ามคิดส้างสรรค์ 10/10 แปลกใหม่ สำหรับตัวผม ผมไม่เคยเห็นหรือเคยคิดแบบนี้
เพลงประกอบ 10/10 เพลงนอกจากจะปลุกอารมณ์ ยังเอากีต้าร์ไฟฟ้าในเรื่องมาประสานได้พอดิบพอดี
เนื้อเรื่อง 6/10 ธรรมดา เดาได้หมด
การเข้าถึงอารมณ์ 6/10 ไม่มีการผูกปม แบคกราวน์จางไป เข้าใจ แต่ไม่อิน

เรื่องของความหมายเชิงสัญลักษณ์ เรื่องของความคิดต่อยอด ผมเชื่อว่าไม่มีอะไร บางคนก็มโน และอวยเกินไป ไม่เอามาให้คะแนนหรอก

และที่สำคัญที่สุดคือ หุ่นของAngharad(Rosie Huntington-Whiteley) เอาไป 100/10 เห็นแล้วมันขึ้น ขึ้นเลยยยย!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่