.....กำแพงเมืองจีนสร้างเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ราชวงศ์โจว หรือ ราชวงศ์จิว (ภาษาอังกฤษ:Zhou Dynasty, ภาษาจีนกลาง:周朝, พินอิน: Zhōu Cháo) ก่อนสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกที่รวบรมแผ่นดินจีนได้สำเร็จในประวัติศาสตร์จีน มีความยาว 40293 ลี้ (หนึ่งลี้มีความยาวประมาณ 1/3 ไมล์) โดยคร่าวๆ กำแพงเมืองจีนมีความยาวประมาณ 13431 ไมล์ หรือ 21,196 กิโลเมตร (สำรวจและวัดล่าสุดในปี พ.ศ.2555 โดยสำนักงานมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติจีน)
โดยจุดประสงค์การสร้างกำแพงก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยฮ่องเต้องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์ จนสำเร็จในที่สุด กำแพงเมืองจีนถือเป็นงานก่อสร้างที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเท่าที่เคยมีมา
ด่านซานไห่กวน ({จีนตัวย่อ: 山海关; จีนตัวเต็ม: 山海關; พินอิน: Shānhǎi Guān, "ด่านภูเขาทะเล"; อังกฤษ: Shanhai Pass) เป็นป้อมประตูหนึ่งของกำแพงเมืองจีน เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่ป้องกันกรุงปักกิ่งจากทางทิศเหนือ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 15 กิโลเมตรจากเมืองฉินฮว๋างต่าว (Qinhuangdao) มณฑลเหอเป่ย์ ห่างจากกรุงปักกิ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด่านแห่งนี้มีคำกล่าวว่าเป็น "ด่านที่หนึ่งในใต้หล้า" (เทียนเซี่ยตี้อีกวาน, First Pass Under Heaven)
ด่านซานไห่กวน ถูกสร้างขึ้นในยุคราชวงศ์หมิง ซึ่งถือว่ามีอายุน้อยมาก(600 ปีเศษ)เมื่อเทียบกับกำแพงเมืองจีนส่วนอื่น ๆ ที่สร้างมาตั้งก่อนยุคราชวงศ์ฉิน แต่กลับมีบทบาทอย่างมาก
ในประวัติศาสตร์การแย่งชิงแผ่นดินของราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง มีผลความสำคัญเป็นจุดพลิกผันสถานการณ์ถึงขั้นเปลี่ยนราชวงศ์กันเลยทีเดียว
ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้จีนต้องตกอยู่ใต้การปกครองของชาติต่างชาติยาวนานร่วม 300 ปี (ราชวงศ์ชิงสืบเชื้อสายมาจากชาวแมนจู ชนเผ่าเร่ร่อน ที่อาศัยในพื้นที่แมนจูเรีย ซึ่งสายชาวจีนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่นในขณะนั้น ถือว่าเป็น "
ต่างชาติ")
ด่านที่หนึ่งของกำแพงที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน
ทำให้คนจีนรู้สึกอัปยศ เมื่อต้องก้มหัวรับคำสั่งจากชาวต่างชาติในสายตาตัวเอง
ในปี ค.ศ. 1900 ในศึกพันธมิตรแปดชาติ ประกอบด้วยกองทัพอังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เยอรมนี รัสเซีย ญี่ปุ่น อิตาลี และออสเตรีย เข้ารุกรานเมืองเทียนจิน และกรุงปักกิ่ง ได้เข้ายึดครองและจัดตั้งกองทัพพันธมิตรไว้ที่บริเวณด่านซานไห่กวนจน
ในปี ค.ศ. 1933 ญี่ปุ่นยึดครองแมนจูเรียเอาไว้ได้และสถาปนาเป็นประเทศแมนจู ได้ใช้ด่านซานไห่กวนเป็นฐานที่มั่นในการรุกรานหัวเมืองภาคเหนือของจีน ทหารญี่ปุ่นที่รักษาด่านได้ฉวยโอกาสขูดรีดประชาชน ชาวบ้านจึงเรียกด่านนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "ด่านประตูผี"
เมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่า เมื่อใดที่ด่านที่หนึ่งแห่งแผ่นดินนี้ ถูกตีแตก ยามนั้นจีนจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างของชาวต่างชาติทุกครั้งไป
ควายหมายของ “
ด่าน” คือ “
อุปสรรค”
กำแพงหมื่นลี้ที่ดูแข็งแกร่ง กลับมีอุปสรรคจุดเล็กๆ อยู่ที่จุดที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกำแพงแห่งนี้
พล่ามมาตั้งนาน คนที่เข้ามาอ่านคงสงสัย ไอ้พระรองมันพล่ามอะไรของมันวะ ไม่เห็นเกี่ยวกับการเมืองเลย
ผมก็ต้องตอบว่า เกี่ยวครับ และมีส่วนคล้ายคลึงกับปัญหาการเมืองในชาติเราเป็นอย่างมาก
เพราะจุดเริ่มของประชาธิปไตยในชาติเรา ก็มี “ด่านที่หนึ่ง” หรือ “อุปสรรค”ที่อ่อนแอและเป็นช่องโหว่ให้คนบางกลุ่ม โจมตีตลอดมา
จุดเริ่มของประชาธิปไตยในชาติเราอยู่ที่ไหน สำหรับผม เห็นว่าอยู่ในวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทาน รัฐธรรมนูญให้กับปวงชนชาวไทย และมีพระราชดำรัสว่า “
ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”
และนี้ก็เป็นคล้ายด่านซ่านไห่กวน ที่เป็นอุปสรรคของระบอบปกครองประชาธิปไตยของชาติเรามาโดยตลอด เพราะตลอดช่วงระยะเวลา 83 ปีมานี้ ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ใช้กำลังพลแย่งชิงอำนาจที่รัชกาลที่ 7 ทรงพระราชทานให้กับปวงชนชาวไทยเรื่อยมา
แย่งชิงสิทธิ เสรีภาพ ของคนทุดหมู่เหล่าไปกุมอำนาจไว้คณะเดียว
ด่านซานไห่กวนของจีน ทำให้จีนต้องตกอยู่ใต้อำนาจชาวต่างชาติ ทั้งๆที่อยู่ในประเทสตัวเอง ไม่รู้กี่ครั้ง
ด่านซานไห่กวนของไทย ทำให้ปวงชนชาติไทยต้องตกอยู่ใต้อำนาจของคนบางกลุ่มเรื่อยมา ทั้งๆที่อำนาจนั้นเป็นอำนาจของประชาชน
หากเราแก้ไขปัญหาด่านที่หนึ่ง ที่เป็นเรื่องความเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริงไม่ได้ ก้คงได้แต่กระทำเหมือนที่จีนจำยอมกระทำ คือก้มหน้ารับชะตากรรมตกเป้นเบี้ยล่างของกลุ่มคนบางกลุ่มต่อไป
แต่จะแก้ยังไงหนอ เมื่อคนบางกลุ่มที่ว่า กำลังจะเขียนให้ตัวเองและพวกพ้องผูกขาดอำนาจนี้ ไว้ในรัฐธรรมนูญที่ตัวเองฉีกทิ้งและกำลังจะเขียนขึ้นใหม่ตามอำเภอใจ และไม่ละอายแก่ใจ ที่ฉกชิงอำนาจประชาชนส่วนรวม
ด่านซานไห่กวนในไทย ด่านอุปสรรคของระบอบประชาธิปไตย
โดยจุดประสงค์การสร้างกำแพงก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยฮ่องเต้องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์ จนสำเร็จในที่สุด กำแพงเมืองจีนถือเป็นงานก่อสร้างที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเท่าที่เคยมีมา
ด่านซานไห่กวน ({จีนตัวย่อ: 山海关; จีนตัวเต็ม: 山海關; พินอิน: Shānhǎi Guān, "ด่านภูเขาทะเล"; อังกฤษ: Shanhai Pass) เป็นป้อมประตูหนึ่งของกำแพงเมืองจีน เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่ป้องกันกรุงปักกิ่งจากทางทิศเหนือ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 15 กิโลเมตรจากเมืองฉินฮว๋างต่าว (Qinhuangdao) มณฑลเหอเป่ย์ ห่างจากกรุงปักกิ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด่านแห่งนี้มีคำกล่าวว่าเป็น "ด่านที่หนึ่งในใต้หล้า" (เทียนเซี่ยตี้อีกวาน, First Pass Under Heaven)
ด่านซานไห่กวน ถูกสร้างขึ้นในยุคราชวงศ์หมิง ซึ่งถือว่ามีอายุน้อยมาก(600 ปีเศษ)เมื่อเทียบกับกำแพงเมืองจีนส่วนอื่น ๆ ที่สร้างมาตั้งก่อนยุคราชวงศ์ฉิน แต่กลับมีบทบาทอย่างมากในประวัติศาสตร์การแย่งชิงแผ่นดินของราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง มีผลความสำคัญเป็นจุดพลิกผันสถานการณ์ถึงขั้นเปลี่ยนราชวงศ์กันเลยทีเดียว
ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้จีนต้องตกอยู่ใต้การปกครองของชาติต่างชาติยาวนานร่วม 300 ปี (ราชวงศ์ชิงสืบเชื้อสายมาจากชาวแมนจู ชนเผ่าเร่ร่อน ที่อาศัยในพื้นที่แมนจูเรีย ซึ่งสายชาวจีนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่นในขณะนั้น ถือว่าเป็น "ต่างชาติ")
ด่านที่หนึ่งของกำแพงที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน ทำให้คนจีนรู้สึกอัปยศ เมื่อต้องก้มหัวรับคำสั่งจากชาวต่างชาติในสายตาตัวเอง
ในปี ค.ศ. 1900 ในศึกพันธมิตรแปดชาติ ประกอบด้วยกองทัพอังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เยอรมนี รัสเซีย ญี่ปุ่น อิตาลี และออสเตรีย เข้ารุกรานเมืองเทียนจิน และกรุงปักกิ่ง ได้เข้ายึดครองและจัดตั้งกองทัพพันธมิตรไว้ที่บริเวณด่านซานไห่กวนจน
ในปี ค.ศ. 1933 ญี่ปุ่นยึดครองแมนจูเรียเอาไว้ได้และสถาปนาเป็นประเทศแมนจู ได้ใช้ด่านซานไห่กวนเป็นฐานที่มั่นในการรุกรานหัวเมืองภาคเหนือของจีน ทหารญี่ปุ่นที่รักษาด่านได้ฉวยโอกาสขูดรีดประชาชน ชาวบ้านจึงเรียกด่านนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "ด่านประตูผี"
เมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่า เมื่อใดที่ด่านที่หนึ่งแห่งแผ่นดินนี้ ถูกตีแตก ยามนั้นจีนจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างของชาวต่างชาติทุกครั้งไป
ควายหมายของ “ด่าน” คือ “อุปสรรค”
กำแพงหมื่นลี้ที่ดูแข็งแกร่ง กลับมีอุปสรรคจุดเล็กๆ อยู่ที่จุดที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกำแพงแห่งนี้
พล่ามมาตั้งนาน คนที่เข้ามาอ่านคงสงสัย ไอ้พระรองมันพล่ามอะไรของมันวะ ไม่เห็นเกี่ยวกับการเมืองเลย
ผมก็ต้องตอบว่า เกี่ยวครับ และมีส่วนคล้ายคลึงกับปัญหาการเมืองในชาติเราเป็นอย่างมาก
เพราะจุดเริ่มของประชาธิปไตยในชาติเรา ก็มี “ด่านที่หนึ่ง” หรือ “อุปสรรค”ที่อ่อนแอและเป็นช่องโหว่ให้คนบางกลุ่ม โจมตีตลอดมา
จุดเริ่มของประชาธิปไตยในชาติเราอยู่ที่ไหน สำหรับผม เห็นว่าอยู่ในวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทาน รัฐธรรมนูญให้กับปวงชนชาวไทย และมีพระราชดำรัสว่า “ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”
และนี้ก็เป็นคล้ายด่านซ่านไห่กวน ที่เป็นอุปสรรคของระบอบปกครองประชาธิปไตยของชาติเรามาโดยตลอด เพราะตลอดช่วงระยะเวลา 83 ปีมานี้ ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ใช้กำลังพลแย่งชิงอำนาจที่รัชกาลที่ 7 ทรงพระราชทานให้กับปวงชนชาวไทยเรื่อยมา
แย่งชิงสิทธิ เสรีภาพ ของคนทุดหมู่เหล่าไปกุมอำนาจไว้คณะเดียว
ด่านซานไห่กวนของจีน ทำให้จีนต้องตกอยู่ใต้อำนาจชาวต่างชาติ ทั้งๆที่อยู่ในประเทสตัวเอง ไม่รู้กี่ครั้ง
ด่านซานไห่กวนของไทย ทำให้ปวงชนชาติไทยต้องตกอยู่ใต้อำนาจของคนบางกลุ่มเรื่อยมา ทั้งๆที่อำนาจนั้นเป็นอำนาจของประชาชน
หากเราแก้ไขปัญหาด่านที่หนึ่ง ที่เป็นเรื่องความเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริงไม่ได้ ก้คงได้แต่กระทำเหมือนที่จีนจำยอมกระทำ คือก้มหน้ารับชะตากรรมตกเป้นเบี้ยล่างของกลุ่มคนบางกลุ่มต่อไป
แต่จะแก้ยังไงหนอ เมื่อคนบางกลุ่มที่ว่า กำลังจะเขียนให้ตัวเองและพวกพ้องผูกขาดอำนาจนี้ ไว้ในรัฐธรรมนูญที่ตัวเองฉีกทิ้งและกำลังจะเขียนขึ้นใหม่ตามอำเภอใจ และไม่ละอายแก่ใจ ที่ฉกชิงอำนาจประชาชนส่วนรวม