[Loser Voice] Mad Max : Fury Road - รีบูทกันใหม่..กระหน่ำด้วยความหลุดโลกแบบสุดๆ
.
.
By : TonyMao_NK51
E-Mail : tonymao_nk51@hotmail.com
Facebook Page : TonyMao_NK51
.
“ในวันที่โลกล่มสลาย..แต่ละคนต่างแยกย้ายและย่อยยับ..มันยากที่จะบอกได้ว่าใครบ้ากว่ากัน..ผม?..หรือคนอื่นๆ?”
.
ต้องบอกเลยว่าแค่คำโปรยในหนังตัวอย่าง ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนระอุของทะเลทราย พร้อมด้วยผู้คนและยานพาหนะที่เรียกว่าออกแบบได้
“หลุดโลก” กันสุดๆ ก็เรียกกระแสได้เยอะแล้วครับกับ
“แม็ด แม็กซ์ : ถนนโลกันตร์” ( Mad Max : Fury Road ) ผลงานของต้นตำรับอย่าง
“จอร์จ มิลเลอร์” (George Miller ) ที่ทิ้งผลงานสร้างชื่อทั้งของเขาเองและของ
“เมล กิ๊บสัน” ( Mel Gibson ) ไปร่วม 30 ปี นับจากภาค 3 ของไตรภาคชุดเก่าอย่าง
Mad Max : Beyond Thunderdome เมื่อปี 1985 ( แม่เจ้า! ขนาดภาค 3 ยังสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 อันเป็นปีที่ผมเพิ่งเกิดครับ ห้าห้าห้า ) หันไปทำอย่างอื่น รวมถึงไปทำหนังที่โทนคนละด้านอย่าง
Happy Feet ทั้งสองภาค
.
( อ่านไม่ผิดหรอกครับ ตาลุงที่ทำหนังโหดๆ บ้าๆ หลุดโลกคนนี้แหละ เคยกำกับอนิเมชั่นเพนกวินน่ารักๆ มาแล้ว )
.
อย่างที่ตั้งไว้เป็นหัวบทความนะครับ..นี่เป็นหนัง
“รีบูท” ( Reboot ) หรือหนังที่สร้างใหม่-เริ่มเนื้อเรื่องใหม่ ไม่ใช่หนังภาคต่อจากไตรภาคของเมล กิ๊บสันแน่ๆ เหตุผลประการแรกคือตัวเอกเรื่องนี้ชื่อ
Max Rockatansky อันเป็นตัวละครเดียวกับที่เมล กิ๊บสัน เคยแสดงไว้ในไตรภาคดังกล่าว และเหตุผลประการที่สอง ในเรื่องนี้จะมีบางตัวละคร เล่าย้อนไปถึงอดีตเมื่อครั้งยังอยู่ใน
“โลกเก่า” หรือยุคสมัยที่ยังไม่มีสงครามนิวเคลียร์ อันเป็นโลกที่สงบสุข ไม่ต้องฆ่ากันและดำรงชีวิตแบบบ้าคลั่งอย่างยุคปัจจุบันในภาพยนตร์ ซึ่งถ้านับช่วงเวลาแล้ว แม็กซ์น่าจะทันได้อยู่ในยุคนั้น เพราะเขาบอกว่าเคยเป็นตำรวจมาก่อน ซึ่งก็จะซ้อนทับกับแม็กซ์ในไตรภาคของเมล กิ๊บสันพอดี ที่ในภาคแรกเป็นหนังอาชญากรรม ตำรวจจับผู้ร้ายธรรมดาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฮีโร่พเนจรกลางทะเลทรายในภาค 2 และ 3 ตามลำดับ
.
สำหรับตัวละครที่เป็นกองกำลังกลุ่มต่างๆ รวมถึงยานพาหนะของพวกเขา ผมไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าไหนดี ระหว่าง
“โหด” กับ
“ตลก” คือจะว่าโหดมันก็โหดอยู่หรอกครับ อย่างตัวร้ายเป็นเจ้าลัทธิสวมที่ครอบปากลายกะโหลก มีกองกำลังทหารที่พร้อมจะฆ่าฝ่ายตรงข้ามและพร้อมจะตายในสงครามเพราะเชื่อว่าจะได้ขึ้นสวรรค์ ( คุ้นๆ นะ ) พร้อมกับยานพาหนะที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน แต่ถูกดัดแปลงให้มีรูปทรงน่ากลัว-ดุดัน จนเชื่อได้ว่ามันคือ
“เครื่องจักรสังหาร” ที่ใช้เข่นฆ่าได้จริงๆ
.
แต่ที่ว่าตลก คือความคลั่งไคล้ของบรรดา
“วอร์บอย” ( War Boy ) หรือสาวกลัทธินี่แหละครับ คือมันหลุดไปจากความเป็นมนุษย์อย่างที่เราคุ้นเคยกันมาก เช่น บูชาพวกมาลัยรถและเครื่องยนต์ V8 ( สารภาพว่าผมขำจริงๆ นะ ) , รถที่ติดไม้คานไว้สำหรับดีดคนให้พุ่งเข้าไปยึดรถฝ่ายตรงข้าม ( มันบ้ากันสุดๆ ไปเลยกับยุทธวิธีแบบนี้ ) , สาวกเอาสีสเปรย์พ่นที่ปาก เป็นพิธีกรรมว่าครั้งนี้เราจะรบแบบตายเป็นตาย ( เชื่อเถอะชีวิตจริงเราคงไม่น่าเห็นใครทำกันแน่ๆ ) , การพ่นน้ำมันเข้าเครื่อง นัยว่าทำปากให้เป็นหัวฉีดละอองน้ำมันแบบฝอย ( เอากับมันดิ..ผมยอมละครับ )
.
( เอ่อ!..แล้วใครช่วยตอบผมทีครับ คุณมือกีตาร์ที่พ่นไฟได้ เขามาทำอะไรอะครับ? คือแกเด่นกว่าใครในเรื่องเลยนะ เด่นกว่าตัวร้ายที่เป็นหัวหน้าแก๊งค์เสียอีก แต่ไม่น่ากลัวนะครับ ดูตลกมากกว่า )
.
“ทอม ฮาร์ดี้” ( Tom Hardy ) แม้ใครหลายคนจะบอกว่าในเรื่องนี้บทของแม็กซ์ดูเหมือนตัวประกอบมากกว่าพระเอก แต่ผมมองว่าเขาสามารถแทนที่เมล กิ๊บสัน ในบทนี้ได้เต็มตัวแล้วครับ เช่นเดียวกับที่
“แดเนียล เครก” ( Daniel Craig ) สามารถเป็นพยัคฆ์ร้าย 007 ได้แทนที่
“เพียร์ซ บรอสแนน” ( Pierce Brosnan ) นั่นแหละ คือเชื่อได้ว่าเป็นฮีโร่พเนจรกลางทะเลทรายจริงๆ แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ทำให้เก่งเวอร์จนเกินไป อันเป็นเทรนด์ยอดนิยมของสมัยนี้ ที่ตัวเอกของเรื่องต้องดูธรรมดาที่สุด ถึงจะเก่งแต่ก็ต้องสามารถจับต้องได้ เจ็บได้เหนื่อยเป็นไม่ต่างจากคนทั่วไป
.
“ชาร์ลิซ เธอรอน” ( Charlize Theron ) นักแสดงที่หลายๆ เรื่องถึงบทบาทของเธอจะออกลุยๆ บู๊ๆ แต่ก็ยังไม่ทิ้งความสวย อันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม ยกเว้นก็แต่เรื่องนี้ครับ ในบท
Imperator Furiosa แม่ทัพคนสำคัญของแก๊งค์ตัวร้าย ที่ต่อมาหักหลังด้วยการพาสาวๆ แม่พันธุ์และนางบำเรอของหัวหน้าแก๊งค์หนีออกจากเมืองเพื่อไปสู่ดินแดนที่ดีกว่า เรื่องนี้เธอโกนหัว รูปร่างก็ผอม แถมยังเหลือแขนเดียวอีกต่างหาก ไม่มีความสวยเหลือเลย สมกับเป็นคนยุคทมิฬ ( ต้องชมทีม CG ด้วยครับ ที่ตัดต่อจนเชื่อว่านางเอกของเรามีแขนเดียวจริงๆ )
.
นอกจากนี้ยังมี
“ฮิวจ์ เคียส-ไบรน์” Hugh Keays-Byrne ที่เคยรับบทตัวร้ายในแม็ดแม็กซ์ภาคแรกในไตรภาคของเมล กิ๊บสัน มาเป็นตัวร้ายหัวหน้าแก๊งค์อีกด้วย ซึ่งตรงนี้แหละครับที่เป็นอีกหลักฐานหนึ่ง ที่แม็ดแม็กซ์เวอร์ชั่น 2015 เป็นการเริ่มต้นใหม่จริงๆ แบบเดียวกับบรรดาหนังฮีโร่ทั้งหลายที่พอเปลี่ยนนักแสดงที ก็ต้องเปิดเรื่องแนะนำตัวกันในภาคแรกใหม่กันที
.
เอาเป็นว่าลืมๆ คนและรถในโลกแห่งความเป็นจริงไปก่อนเลยครับถ้าจะเข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะสิ่งที่จะได้เห็นนี่มันหลุดโลกแบบสุดๆ จริงๆ มีทั้งตื่นเต้น ดุดัน ตลก ถึงกระนั้นก็ยังมีฉากซึ้งๆ แทรกมาบ้าง เพื่อไม่ให้ผู้ชมอินกับความบ้าของบรรดาตัวละครต่างๆ มากเกินไป
.
ต้องไปชมเองครับ..ถ้าชอบหนังแอ็คชั่นที่ “แนว” กว่าชาวบ้านชาวช่องเขา เรื่องนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด
.
หมดพื้นที่แล้วครับ พบกันใหม่ในโอกาสต่อไป สวัสดีครับ
.
..................................
ปล.ถ้าฮอลลีวู้ดจะทำ
“หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ” อันเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่ได้แรงบันดาลใจจากแม็ดแม็กซ์ ผมว่าทอม ฮาร์ดี้ นี่แหละครับ เหมาะมากกับบทเคนชิโร่ ( ผมว่าดูคล้ายกว่าสมัยเมล กิ๊บสัน ยังหนุ่มๆ เสียอีกครับ )
[Loser Voice] Mad Max : Fury Road - รีบูทกันใหม่..กระหน่ำด้วยความหลุดโลกแบบสุดๆ
.
.
By : TonyMao_NK51
E-Mail : tonymao_nk51@hotmail.com
Facebook Page : TonyMao_NK51
.
“ในวันที่โลกล่มสลาย..แต่ละคนต่างแยกย้ายและย่อยยับ..มันยากที่จะบอกได้ว่าใครบ้ากว่ากัน..ผม?..หรือคนอื่นๆ?”
.
ต้องบอกเลยว่าแค่คำโปรยในหนังตัวอย่าง ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนระอุของทะเลทราย พร้อมด้วยผู้คนและยานพาหนะที่เรียกว่าออกแบบได้ “หลุดโลก” กันสุดๆ ก็เรียกกระแสได้เยอะแล้วครับกับ “แม็ด แม็กซ์ : ถนนโลกันตร์” ( Mad Max : Fury Road ) ผลงานของต้นตำรับอย่าง “จอร์จ มิลเลอร์” (George Miller ) ที่ทิ้งผลงานสร้างชื่อทั้งของเขาเองและของ “เมล กิ๊บสัน” ( Mel Gibson ) ไปร่วม 30 ปี นับจากภาค 3 ของไตรภาคชุดเก่าอย่าง Mad Max : Beyond Thunderdome เมื่อปี 1985 ( แม่เจ้า! ขนาดภาค 3 ยังสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 อันเป็นปีที่ผมเพิ่งเกิดครับ ห้าห้าห้า ) หันไปทำอย่างอื่น รวมถึงไปทำหนังที่โทนคนละด้านอย่าง Happy Feet ทั้งสองภาค
.
( อ่านไม่ผิดหรอกครับ ตาลุงที่ทำหนังโหดๆ บ้าๆ หลุดโลกคนนี้แหละ เคยกำกับอนิเมชั่นเพนกวินน่ารักๆ มาแล้ว )
.
อย่างที่ตั้งไว้เป็นหัวบทความนะครับ..นี่เป็นหนัง “รีบูท” ( Reboot ) หรือหนังที่สร้างใหม่-เริ่มเนื้อเรื่องใหม่ ไม่ใช่หนังภาคต่อจากไตรภาคของเมล กิ๊บสันแน่ๆ เหตุผลประการแรกคือตัวเอกเรื่องนี้ชื่อ Max Rockatansky อันเป็นตัวละครเดียวกับที่เมล กิ๊บสัน เคยแสดงไว้ในไตรภาคดังกล่าว และเหตุผลประการที่สอง ในเรื่องนี้จะมีบางตัวละคร เล่าย้อนไปถึงอดีตเมื่อครั้งยังอยู่ใน “โลกเก่า” หรือยุคสมัยที่ยังไม่มีสงครามนิวเคลียร์ อันเป็นโลกที่สงบสุข ไม่ต้องฆ่ากันและดำรงชีวิตแบบบ้าคลั่งอย่างยุคปัจจุบันในภาพยนตร์ ซึ่งถ้านับช่วงเวลาแล้ว แม็กซ์น่าจะทันได้อยู่ในยุคนั้น เพราะเขาบอกว่าเคยเป็นตำรวจมาก่อน ซึ่งก็จะซ้อนทับกับแม็กซ์ในไตรภาคของเมล กิ๊บสันพอดี ที่ในภาคแรกเป็นหนังอาชญากรรม ตำรวจจับผู้ร้ายธรรมดาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฮีโร่พเนจรกลางทะเลทรายในภาค 2 และ 3 ตามลำดับ
.
สำหรับตัวละครที่เป็นกองกำลังกลุ่มต่างๆ รวมถึงยานพาหนะของพวกเขา ผมไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าไหนดี ระหว่าง “โหด” กับ “ตลก” คือจะว่าโหดมันก็โหดอยู่หรอกครับ อย่างตัวร้ายเป็นเจ้าลัทธิสวมที่ครอบปากลายกะโหลก มีกองกำลังทหารที่พร้อมจะฆ่าฝ่ายตรงข้ามและพร้อมจะตายในสงครามเพราะเชื่อว่าจะได้ขึ้นสวรรค์ ( คุ้นๆ นะ ) พร้อมกับยานพาหนะที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน แต่ถูกดัดแปลงให้มีรูปทรงน่ากลัว-ดุดัน จนเชื่อได้ว่ามันคือ “เครื่องจักรสังหาร” ที่ใช้เข่นฆ่าได้จริงๆ
.
แต่ที่ว่าตลก คือความคลั่งไคล้ของบรรดา “วอร์บอย” ( War Boy ) หรือสาวกลัทธินี่แหละครับ คือมันหลุดไปจากความเป็นมนุษย์อย่างที่เราคุ้นเคยกันมาก เช่น บูชาพวกมาลัยรถและเครื่องยนต์ V8 ( สารภาพว่าผมขำจริงๆ นะ ) , รถที่ติดไม้คานไว้สำหรับดีดคนให้พุ่งเข้าไปยึดรถฝ่ายตรงข้าม ( มันบ้ากันสุดๆ ไปเลยกับยุทธวิธีแบบนี้ ) , สาวกเอาสีสเปรย์พ่นที่ปาก เป็นพิธีกรรมว่าครั้งนี้เราจะรบแบบตายเป็นตาย ( เชื่อเถอะชีวิตจริงเราคงไม่น่าเห็นใครทำกันแน่ๆ ) , การพ่นน้ำมันเข้าเครื่อง นัยว่าทำปากให้เป็นหัวฉีดละอองน้ำมันแบบฝอย ( เอากับมันดิ..ผมยอมละครับ )
.
( เอ่อ!..แล้วใครช่วยตอบผมทีครับ คุณมือกีตาร์ที่พ่นไฟได้ เขามาทำอะไรอะครับ? คือแกเด่นกว่าใครในเรื่องเลยนะ เด่นกว่าตัวร้ายที่เป็นหัวหน้าแก๊งค์เสียอีก แต่ไม่น่ากลัวนะครับ ดูตลกมากกว่า )
.
“ทอม ฮาร์ดี้” ( Tom Hardy ) แม้ใครหลายคนจะบอกว่าในเรื่องนี้บทของแม็กซ์ดูเหมือนตัวประกอบมากกว่าพระเอก แต่ผมมองว่าเขาสามารถแทนที่เมล กิ๊บสัน ในบทนี้ได้เต็มตัวแล้วครับ เช่นเดียวกับที่ “แดเนียล เครก” ( Daniel Craig ) สามารถเป็นพยัคฆ์ร้าย 007 ได้แทนที่ “เพียร์ซ บรอสแนน” ( Pierce Brosnan ) นั่นแหละ คือเชื่อได้ว่าเป็นฮีโร่พเนจรกลางทะเลทรายจริงๆ แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ทำให้เก่งเวอร์จนเกินไป อันเป็นเทรนด์ยอดนิยมของสมัยนี้ ที่ตัวเอกของเรื่องต้องดูธรรมดาที่สุด ถึงจะเก่งแต่ก็ต้องสามารถจับต้องได้ เจ็บได้เหนื่อยเป็นไม่ต่างจากคนทั่วไป
.
“ชาร์ลิซ เธอรอน” ( Charlize Theron ) นักแสดงที่หลายๆ เรื่องถึงบทบาทของเธอจะออกลุยๆ บู๊ๆ แต่ก็ยังไม่ทิ้งความสวย อันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม ยกเว้นก็แต่เรื่องนี้ครับ ในบท Imperator Furiosa แม่ทัพคนสำคัญของแก๊งค์ตัวร้าย ที่ต่อมาหักหลังด้วยการพาสาวๆ แม่พันธุ์และนางบำเรอของหัวหน้าแก๊งค์หนีออกจากเมืองเพื่อไปสู่ดินแดนที่ดีกว่า เรื่องนี้เธอโกนหัว รูปร่างก็ผอม แถมยังเหลือแขนเดียวอีกต่างหาก ไม่มีความสวยเหลือเลย สมกับเป็นคนยุคทมิฬ ( ต้องชมทีม CG ด้วยครับ ที่ตัดต่อจนเชื่อว่านางเอกของเรามีแขนเดียวจริงๆ )
.
นอกจากนี้ยังมี “ฮิวจ์ เคียส-ไบรน์” Hugh Keays-Byrne ที่เคยรับบทตัวร้ายในแม็ดแม็กซ์ภาคแรกในไตรภาคของเมล กิ๊บสัน มาเป็นตัวร้ายหัวหน้าแก๊งค์อีกด้วย ซึ่งตรงนี้แหละครับที่เป็นอีกหลักฐานหนึ่ง ที่แม็ดแม็กซ์เวอร์ชั่น 2015 เป็นการเริ่มต้นใหม่จริงๆ แบบเดียวกับบรรดาหนังฮีโร่ทั้งหลายที่พอเปลี่ยนนักแสดงที ก็ต้องเปิดเรื่องแนะนำตัวกันในภาคแรกใหม่กันที
.
เอาเป็นว่าลืมๆ คนและรถในโลกแห่งความเป็นจริงไปก่อนเลยครับถ้าจะเข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะสิ่งที่จะได้เห็นนี่มันหลุดโลกแบบสุดๆ จริงๆ มีทั้งตื่นเต้น ดุดัน ตลก ถึงกระนั้นก็ยังมีฉากซึ้งๆ แทรกมาบ้าง เพื่อไม่ให้ผู้ชมอินกับความบ้าของบรรดาตัวละครต่างๆ มากเกินไป
.
ต้องไปชมเองครับ..ถ้าชอบหนังแอ็คชั่นที่ “แนว” กว่าชาวบ้านชาวช่องเขา เรื่องนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด
.
หมดพื้นที่แล้วครับ พบกันใหม่ในโอกาสต่อไป สวัสดีครับ
.
..................................
ปล.ถ้าฮอลลีวู้ดจะทำ “หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ” อันเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่ได้แรงบันดาลใจจากแม็ดแม็กซ์ ผมว่าทอม ฮาร์ดี้ นี่แหละครับ เหมาะมากกับบทเคนชิโร่ ( ผมว่าดูคล้ายกว่าสมัยเมล กิ๊บสัน ยังหนุ่มๆ เสียอีกครับ )