สวัสดีค่ะ วันนี้เมย์อยากมาเเชร์ประสบการณ์ไปเยี่ยมชมงาน Milan EXPO 2015 ค่ะ
เมย์ไปเยี่ยมงานในวันที่ 12 พ.ค. 2558 นะคะ ก่อนเข้าเรื่องงานเอ็กซ์โปขอเกริ่นเรื่องอื่นก่อนนะคะคือ ทริปนี้เป็นทริปเเรกที่เมย์มาเที่ยวมิลานเเบบเที่ยวจริงๆ เพราะ 2 ครั้งเเรกที่มา มาเเบบชะโงกกับซูเปอร์ชะโงกค่ะ คือมาเที่ยวเเบบวันเดียวเเล้วไปต่อที่อื่นกับอีกครั้งคือเเค่ไปทานข้าวเเล้วกลับ ทั้ง 2 ครั้งเป็นช่วงฤดูหนาวค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งเเรกที่มาหน้าร้อน...ตอนเเรกผิดหวังกับมิลานในครั้งนี้เพราะมารอบนี้มิลานสกปรกมากค่ะ ขยะเเละขึ้หมาเกลื่อนเลย มารยาทการขับรถของคนที่นี่ถือว่าเเย่ (คือเมย์อยู่ที่สวิสค่ะ อยู่บ้านนอกอีกต่างหาก เลยทำให้ชินกับมาตรฐานเเบบสวิส) เเต่พอเข้าวันที่ 3 ไปเเล้วเริ่มชินค่ะ เเละเอ็นจอยทริปนี้สุดๆ ใครมาช่วงนี้ เเละนับไปอีก 1-2 อาทิตย์ให้ระวังเรื่องภูมิเเพ้เกสรดอกไม้เยอะๆนะคะ พกยาแก้แพ้มาด้วยช่วยได้เยอะเลยค่ะ เพราะช่วงนี้ดอก Lowenzahn กำลังโรยค่ะเกสรนี่ขาวว่อนเลยค่ะ อากาศกลางวันร้อนนิดนึงนะคะ อย่าลืมพกกันเเดดมาด้วยค่ะ
เข้าเรื่องงานเอ็กโปนะคะ
- สถานที่จัดงานตั้งอยู่นอกตัวเมืองมิลานไปกระจึ๋งนึง อยู่ที่สถานี Rho Fiera ตั๋วรายวันเมตโทรไปไม่ถึงค่ะต้องซื้อเพิ่ม 1 โซน ราคาเที่ยวละ 1.6 ยูโรค่ะ
- ตั๋วเข้าชมซื้อที่หน้างานได้ค่ะ มีห้องขายตั๋วที่สถานี Rho Fiera หน้าทางเข้างานค่ะ ของเมย์ซื้อออนไลน์ค่ะ ตั๋วออนไลน์ ราคาคนละ 34 ยูโร ต่อวัน ถ้า 2 วันอยู่ที่ 57 ยูโรต่อคน เมย์เเนะนำว่าซื้อตั๋ววันชมเต็มวันคุ้มกว่า Evening Ticket เพราะเอาเข้าจริง 21.30 น.นี่พาวิลเลี่ยนต่างๆเริ่มปิดเเล้วค่ะ เเค่ไปรอต่อคิวนี่ก็จะหมดเวลาละค่ะ
- การเข้าชมงานมีระบบรักษาความปลอดภัยเทียบเท่าสนามบินนะคะ เราไม่เเน่ใจ 100% ว่าน้ำดื่มเอาเข้าไปได้ไหม เพราะเราเอาขวดเปล่าเข้าไปค่ะ พอดีเห็นคนอื่นโดนขนขวดน้ำหวานออกน่ะค่ะ เอาขวดเปล่าไปเลยค่ะ เเนะนำเพราะมีจุดบริการน้ำดื่มฟรีอยู่ค่ะ เอาขวดไปเติมได้ มีเเบบน้ำก็าซด้วยนะคะ
- หลังเช็คอินเข้ามาเเล้วอย่าลืมขอเเผนที่ชมงานจากอาสาสมัครนะคะ เค้ายื่นเเจกเเผนที่ห่างๆจากจุดเเสกนกระเป๋ามาหน่อยนึงค่ะ
- สถานที่ชมงานไม่ร้อนมากค่ะ มีที่ให้นั่งพักพอสมควร เเละมีความปลอดภัยสูงค่ะ ทั้งตำรวจ อาสาสมัครต่างๆ กระจายอยู่ทั่วเลยค่ะ
- อาหารข้างในราคาไม่โดดมากค่ะ ราคาพอๆกับข้างนอกเลยค่ะ เริ่มที่ 4-5 ยูโรค่ะ
วันที่เมย์ไปถือว่าคนน้อยนะคะ ไม่หนาตามากอย่างที่กลัว ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนค่ะ ตั้งเเต่อนุบาลยันมัธยมเลยค่ะ เห็นเเล้วนึกถึงสมัยงาน World Trade 95 ของบ้านเรามาาาาาาาาาาาาาาาาก
พาวิลเลี่ยนเเรกที่เมย์เข้าชมคือ Pavillion Zero ซึ่งเป็นพาวิลเลี่ยนของยูเอ็น พาวิลเลี่ยนนี้ทางเข้าอลังการงานสร้างค่ะ สวย ...เจิมก้าวเเรกได้อย่างดี เพราะช่วยให้เราเข้าใจคอนเซ้ปงานได้ดีเลยค่ะ เเละทำให้เรารู้สึกผิดอีกต่างหากที่ชอบทานอาหารเหลือ หรือทิ้งอาหาร เพราะในทุกๆวันมนุษย์ทิ้งอาหารไปเยอะมากค่ะ ในขณะเดียวกันก็มีเพื่อนร่วมโลกอีกมากมายที่หิวโหยเพราะไม่มีอะไรจะทาน
จบจากที่ยูเอ็นเเล้วเดินผ่านเบลเยี่ยมเเละเเวะไปดูเนปาลซะหน่อยค่ะ เนปาลตัวอาคารปังมากค่ะ สวยมากๆ เเต่คิวยาวไปนิดเลยเปลี่ยนใจไว้เข้าชมทีหลัง
พาวิลเลี่ยนต่อมาเป็นของเวียดนามค่ะ เมย์ดูเเล้วออกเเนวเป็นโชว์ศิลปวัฒนธรรมมากกว่าค่ะ ไม่โดนใจเรา เเถมโชว์ประจำวันดันงดในวันที่เมย์ไปชมอีกเเน่ะ
พาวิลเลี่ยนต่อมาเป็น RICE Pavillion จะมีหลายๆชาติรวมกันจัดโชว์เกี่ยวกับข้าวค่ะ...พาวิลเลี่ยนนี้ยังไม่เสร็จเลยค่ะ พม่าเพิ่งเริ่มลงของอยู่เลย ส่วนของปากีสถานนี่เหมือนซุ้มขายของฝากค่ะ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับข้าวเลย เเต่การตลาดพี่เเกดีมาาาาาาาาาาาก เดินเรียกคนใหญ่เลย ติดกันเป็น Cocao & Chocolate Pavillion อันนี้ไม่ได้เข้าค่ะ เมย์ไม่ได้เข้าหลายที่เลยค่ะเพราะเวลา 1 วันนี่จัดได้เเค่นี้จริงๆ เพราะเมย์เข้างานประมาณ 11.30 น. เดินทั้งวันจนสีทุ่มกว่า พักดื่มน้ำทานอาหารรวมเเล้วไม่น่าจะ 2 ชม. เก็บได้ไม่หมดค่ะ ถ้าอยากเก็บทุกพาวิลเลี่ยน 2 วันเลยค่ะ เมย์ 1 วันก็พอละ ถึงจะเสียดายมากก็ตาม เพราะก่อนหน้านั้นเดินเยอะไปหน่อยค่ะ จบเอ็กซ์โปวันต่อมาเดินต่อจะไหวเเล้วค่ะ เพราะวันที่ 11 ก็เดินเยอะสะสมมาก่อนเเล้วค่ะ
พาวิลเลี่ยนต่อมาคิวยาวเเค่ไหนก็จะรอค่ะ เพราะอะไรดูรูปเลยค่ะ อิอิ พาวิลเลียนของไทยวันที่เมย์ไปมีโชว์ทำอาหารเเละผีตาโขนค่ะ เเต่ตอนต่อคิวไม่ตรงกะช่วงที่เเสดงโชว์ก็เลยอดค่ะ ความเห็นโดยรวมผิดหวังค่ะ เพราะคิดว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เทคนิคถือว่าอลังกาลดีค่ะ เเละตอนที่โชว์สไลด์โชว์เกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริ อยากให้มีซับภาษาอังกฤษด้วยค่ะ เพราะชาวต่างชาติบางท่านฟังอิตาเลี่ยนไม่ออก รวมทั้งเราด้วย เลยเเปลไม่ออกว่าตอนที่น้องพิธีกรพูดเกริ่นน้องพูดว่าอะไรบ้าง เพราะจริงๆในคลิปน่าจะกล่าวถึงความยากจนเเละล้าสมัยของการเกษตรในประเทศไทยสมัย 50 ปีก่อนด้วย เพราะจะสื่อได้ดีขึ้นว่าทำไมในหลวงท่านถึงทรงงานหนักเพื่อคนไทยขนาดนี้ เพิ่มเวลาอีกหน่อย ถือว่าไม่น่าเบื่อค่ะ เพราะทำให้คนที่เข้าชมรู้จักประเทศไทยมากขึ้น
อีกข้อที่อยากเเนะนำคือในเมื่อชูความอุดมสมบูรณ์ด้านการเกษตรของเราขนาดนี้ ทำไมไม่เอาผลไม้สดเข้าไปขายบ้างคะ ร้านขายของคอนเซ็ปเป็น Future Food หรือ Food For Future อะไรซักอย่าง เเต่เมย์ว่าไม่ปังเพราะถ้าขายของทำสดจะได้ใช้กลิ่นยั่วกิเลสคนให้ซื้อของได้มากกว่าค่ะ นี่มีเเต่ของกึ่งสำเร็จรูปเเถมอะไรรู้ไหมคะ..เมนูชูโรงคือไก่เทอริยากิค่าาาาาาาาาาาาา ทำไมไม่เป็นไก่สะเต๊ะคะ อีกอย่างคือไม่มีที่นั่งทานเลยค่ะ
แต่....อย่างนึงที่อวดชาวโลกได้อย่างภูมิใจคือ ต้นข้าวไทยค่ะ...คือว่าเริ่ดที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดเลย เพราะเเม้เเต่ต้นข้าวของ Rice Pavillion ที่ยูเอ็นเป็นคนดูเเลก็สวยสู้ของเราไม่ได้ เเถมมีเจ้าทุยยืนเด่นเป็นสง่าอีกเเน่ะ เเฟนเราบอกน่าจะมีคนไถด้วยคันไถ กะอีกที่นึงเอารถไถคูโบต้ามาโชว์ด้วยซะเลย จะได้ขายรถไถด้วย 555+ (อันนี้เอาฮานะคะ) เเละข้อดีที่อยากชื่นชมคือน้องๆรีเซ็ปชั่นค่ะ น้องๆเก่งภาษาเเละอำนวยความสะดวกได้ดีมากค่ะ ถ้ามีชุดไทยใส่ก็จะปังขึ้นกว่าเดิมอีกนะคะ
รูปนี้จะเป็นโซนร้านอาหารท้องถื่นของอิตาลี่ค่ะ มีให้เลือกหลายร้าน ถ้าจำไม่ผิดคือ 20 ร้านจากทั่วประเทศนะคะ เลือกทานได้ค่ะ จ่ายเงินเเล้วจะนั่งที่ไหนก็ได้ค่ะ ทั้งโซนนี้นั่งได้หมดค่ะ เราทานร้าน Gambagna หรืออะไรซักอย่างลงท้ายด้วย bagna ร้านที่ 2 ของอาคารขวามือคือ สตูเเพะกับขนมหวานอร่อยค่ะ
อันนี้เป็นโซนอาคาร Fruits & Legumes / Spices ในตัวอาคารเหมือนยังไม่เสร็จค่ะ มีเเต่รูปแปลงผักด้านหน้ามาให้ดูนะคะ
ต่อมาเป็นพาวิลเลี่ยนของสหราชอาณาจักรค่ะ น่าเข้าค่ะ เเต่เข้าไปเเล้วไม่มีอะไรมาก นอกจากต้นหญ้าสวยๆ เเถมถ้าต้องยืนรอต่อคิวตอนบ่ายนี่ไม่เเนะนำค่ะ เพราะไม่มีร่ม เเละร้อนมากค่ะ เข้าไปเเล้วได้วิวนี้มาค่ะ
Mini Review Milan EXPO 2015
เมย์ไปเยี่ยมงานในวันที่ 12 พ.ค. 2558 นะคะ ก่อนเข้าเรื่องงานเอ็กซ์โปขอเกริ่นเรื่องอื่นก่อนนะคะคือ ทริปนี้เป็นทริปเเรกที่เมย์มาเที่ยวมิลานเเบบเที่ยวจริงๆ เพราะ 2 ครั้งเเรกที่มา มาเเบบชะโงกกับซูเปอร์ชะโงกค่ะ คือมาเที่ยวเเบบวันเดียวเเล้วไปต่อที่อื่นกับอีกครั้งคือเเค่ไปทานข้าวเเล้วกลับ ทั้ง 2 ครั้งเป็นช่วงฤดูหนาวค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งเเรกที่มาหน้าร้อน...ตอนเเรกผิดหวังกับมิลานในครั้งนี้เพราะมารอบนี้มิลานสกปรกมากค่ะ ขยะเเละขึ้หมาเกลื่อนเลย มารยาทการขับรถของคนที่นี่ถือว่าเเย่ (คือเมย์อยู่ที่สวิสค่ะ อยู่บ้านนอกอีกต่างหาก เลยทำให้ชินกับมาตรฐานเเบบสวิส) เเต่พอเข้าวันที่ 3 ไปเเล้วเริ่มชินค่ะ เเละเอ็นจอยทริปนี้สุดๆ ใครมาช่วงนี้ เเละนับไปอีก 1-2 อาทิตย์ให้ระวังเรื่องภูมิเเพ้เกสรดอกไม้เยอะๆนะคะ พกยาแก้แพ้มาด้วยช่วยได้เยอะเลยค่ะ เพราะช่วงนี้ดอก Lowenzahn กำลังโรยค่ะเกสรนี่ขาวว่อนเลยค่ะ อากาศกลางวันร้อนนิดนึงนะคะ อย่าลืมพกกันเเดดมาด้วยค่ะ
เข้าเรื่องงานเอ็กโปนะคะ
- สถานที่จัดงานตั้งอยู่นอกตัวเมืองมิลานไปกระจึ๋งนึง อยู่ที่สถานี Rho Fiera ตั๋วรายวันเมตโทรไปไม่ถึงค่ะต้องซื้อเพิ่ม 1 โซน ราคาเที่ยวละ 1.6 ยูโรค่ะ
- ตั๋วเข้าชมซื้อที่หน้างานได้ค่ะ มีห้องขายตั๋วที่สถานี Rho Fiera หน้าทางเข้างานค่ะ ของเมย์ซื้อออนไลน์ค่ะ ตั๋วออนไลน์ ราคาคนละ 34 ยูโร ต่อวัน ถ้า 2 วันอยู่ที่ 57 ยูโรต่อคน เมย์เเนะนำว่าซื้อตั๋ววันชมเต็มวันคุ้มกว่า Evening Ticket เพราะเอาเข้าจริง 21.30 น.นี่พาวิลเลี่ยนต่างๆเริ่มปิดเเล้วค่ะ เเค่ไปรอต่อคิวนี่ก็จะหมดเวลาละค่ะ
- การเข้าชมงานมีระบบรักษาความปลอดภัยเทียบเท่าสนามบินนะคะ เราไม่เเน่ใจ 100% ว่าน้ำดื่มเอาเข้าไปได้ไหม เพราะเราเอาขวดเปล่าเข้าไปค่ะ พอดีเห็นคนอื่นโดนขนขวดน้ำหวานออกน่ะค่ะ เอาขวดเปล่าไปเลยค่ะ เเนะนำเพราะมีจุดบริการน้ำดื่มฟรีอยู่ค่ะ เอาขวดไปเติมได้ มีเเบบน้ำก็าซด้วยนะคะ
- หลังเช็คอินเข้ามาเเล้วอย่าลืมขอเเผนที่ชมงานจากอาสาสมัครนะคะ เค้ายื่นเเจกเเผนที่ห่างๆจากจุดเเสกนกระเป๋ามาหน่อยนึงค่ะ
- สถานที่ชมงานไม่ร้อนมากค่ะ มีที่ให้นั่งพักพอสมควร เเละมีความปลอดภัยสูงค่ะ ทั้งตำรวจ อาสาสมัครต่างๆ กระจายอยู่ทั่วเลยค่ะ
- อาหารข้างในราคาไม่โดดมากค่ะ ราคาพอๆกับข้างนอกเลยค่ะ เริ่มที่ 4-5 ยูโรค่ะ
วันที่เมย์ไปถือว่าคนน้อยนะคะ ไม่หนาตามากอย่างที่กลัว ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนค่ะ ตั้งเเต่อนุบาลยันมัธยมเลยค่ะ เห็นเเล้วนึกถึงสมัยงาน World Trade 95 ของบ้านเรามาาาาาาาาาาาาาาาาก
พาวิลเลี่ยนเเรกที่เมย์เข้าชมคือ Pavillion Zero ซึ่งเป็นพาวิลเลี่ยนของยูเอ็น พาวิลเลี่ยนนี้ทางเข้าอลังการงานสร้างค่ะ สวย ...เจิมก้าวเเรกได้อย่างดี เพราะช่วยให้เราเข้าใจคอนเซ้ปงานได้ดีเลยค่ะ เเละทำให้เรารู้สึกผิดอีกต่างหากที่ชอบทานอาหารเหลือ หรือทิ้งอาหาร เพราะในทุกๆวันมนุษย์ทิ้งอาหารไปเยอะมากค่ะ ในขณะเดียวกันก็มีเพื่อนร่วมโลกอีกมากมายที่หิวโหยเพราะไม่มีอะไรจะทาน
จบจากที่ยูเอ็นเเล้วเดินผ่านเบลเยี่ยมเเละเเวะไปดูเนปาลซะหน่อยค่ะ เนปาลตัวอาคารปังมากค่ะ สวยมากๆ เเต่คิวยาวไปนิดเลยเปลี่ยนใจไว้เข้าชมทีหลัง
พาวิลเลี่ยนต่อมาเป็นของเวียดนามค่ะ เมย์ดูเเล้วออกเเนวเป็นโชว์ศิลปวัฒนธรรมมากกว่าค่ะ ไม่โดนใจเรา เเถมโชว์ประจำวันดันงดในวันที่เมย์ไปชมอีกเเน่ะ
พาวิลเลี่ยนต่อมาเป็น RICE Pavillion จะมีหลายๆชาติรวมกันจัดโชว์เกี่ยวกับข้าวค่ะ...พาวิลเลี่ยนนี้ยังไม่เสร็จเลยค่ะ พม่าเพิ่งเริ่มลงของอยู่เลย ส่วนของปากีสถานนี่เหมือนซุ้มขายของฝากค่ะ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับข้าวเลย เเต่การตลาดพี่เเกดีมาาาาาาาาาาาก เดินเรียกคนใหญ่เลย ติดกันเป็น Cocao & Chocolate Pavillion อันนี้ไม่ได้เข้าค่ะ เมย์ไม่ได้เข้าหลายที่เลยค่ะเพราะเวลา 1 วันนี่จัดได้เเค่นี้จริงๆ เพราะเมย์เข้างานประมาณ 11.30 น. เดินทั้งวันจนสีทุ่มกว่า พักดื่มน้ำทานอาหารรวมเเล้วไม่น่าจะ 2 ชม. เก็บได้ไม่หมดค่ะ ถ้าอยากเก็บทุกพาวิลเลี่ยน 2 วันเลยค่ะ เมย์ 1 วันก็พอละ ถึงจะเสียดายมากก็ตาม เพราะก่อนหน้านั้นเดินเยอะไปหน่อยค่ะ จบเอ็กซ์โปวันต่อมาเดินต่อจะไหวเเล้วค่ะ เพราะวันที่ 11 ก็เดินเยอะสะสมมาก่อนเเล้วค่ะ
พาวิลเลี่ยนต่อมาคิวยาวเเค่ไหนก็จะรอค่ะ เพราะอะไรดูรูปเลยค่ะ อิอิ พาวิลเลียนของไทยวันที่เมย์ไปมีโชว์ทำอาหารเเละผีตาโขนค่ะ เเต่ตอนต่อคิวไม่ตรงกะช่วงที่เเสดงโชว์ก็เลยอดค่ะ ความเห็นโดยรวมผิดหวังค่ะ เพราะคิดว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เทคนิคถือว่าอลังกาลดีค่ะ เเละตอนที่โชว์สไลด์โชว์เกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริ อยากให้มีซับภาษาอังกฤษด้วยค่ะ เพราะชาวต่างชาติบางท่านฟังอิตาเลี่ยนไม่ออก รวมทั้งเราด้วย เลยเเปลไม่ออกว่าตอนที่น้องพิธีกรพูดเกริ่นน้องพูดว่าอะไรบ้าง เพราะจริงๆในคลิปน่าจะกล่าวถึงความยากจนเเละล้าสมัยของการเกษตรในประเทศไทยสมัย 50 ปีก่อนด้วย เพราะจะสื่อได้ดีขึ้นว่าทำไมในหลวงท่านถึงทรงงานหนักเพื่อคนไทยขนาดนี้ เพิ่มเวลาอีกหน่อย ถือว่าไม่น่าเบื่อค่ะ เพราะทำให้คนที่เข้าชมรู้จักประเทศไทยมากขึ้น
อีกข้อที่อยากเเนะนำคือในเมื่อชูความอุดมสมบูรณ์ด้านการเกษตรของเราขนาดนี้ ทำไมไม่เอาผลไม้สดเข้าไปขายบ้างคะ ร้านขายของคอนเซ็ปเป็น Future Food หรือ Food For Future อะไรซักอย่าง เเต่เมย์ว่าไม่ปังเพราะถ้าขายของทำสดจะได้ใช้กลิ่นยั่วกิเลสคนให้ซื้อของได้มากกว่าค่ะ นี่มีเเต่ของกึ่งสำเร็จรูปเเถมอะไรรู้ไหมคะ..เมนูชูโรงคือไก่เทอริยากิค่าาาาาาาาาาาาา ทำไมไม่เป็นไก่สะเต๊ะคะ อีกอย่างคือไม่มีที่นั่งทานเลยค่ะ
แต่....อย่างนึงที่อวดชาวโลกได้อย่างภูมิใจคือ ต้นข้าวไทยค่ะ...คือว่าเริ่ดที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดเลย เพราะเเม้เเต่ต้นข้าวของ Rice Pavillion ที่ยูเอ็นเป็นคนดูเเลก็สวยสู้ของเราไม่ได้ เเถมมีเจ้าทุยยืนเด่นเป็นสง่าอีกเเน่ะ เเฟนเราบอกน่าจะมีคนไถด้วยคันไถ กะอีกที่นึงเอารถไถคูโบต้ามาโชว์ด้วยซะเลย จะได้ขายรถไถด้วย 555+ (อันนี้เอาฮานะคะ) เเละข้อดีที่อยากชื่นชมคือน้องๆรีเซ็ปชั่นค่ะ น้องๆเก่งภาษาเเละอำนวยความสะดวกได้ดีมากค่ะ ถ้ามีชุดไทยใส่ก็จะปังขึ้นกว่าเดิมอีกนะคะ
รูปนี้จะเป็นโซนร้านอาหารท้องถื่นของอิตาลี่ค่ะ มีให้เลือกหลายร้าน ถ้าจำไม่ผิดคือ 20 ร้านจากทั่วประเทศนะคะ เลือกทานได้ค่ะ จ่ายเงินเเล้วจะนั่งที่ไหนก็ได้ค่ะ ทั้งโซนนี้นั่งได้หมดค่ะ เราทานร้าน Gambagna หรืออะไรซักอย่างลงท้ายด้วย bagna ร้านที่ 2 ของอาคารขวามือคือ สตูเเพะกับขนมหวานอร่อยค่ะ
อันนี้เป็นโซนอาคาร Fruits & Legumes / Spices ในตัวอาคารเหมือนยังไม่เสร็จค่ะ มีเเต่รูปแปลงผักด้านหน้ามาให้ดูนะคะ
ต่อมาเป็นพาวิลเลี่ยนของสหราชอาณาจักรค่ะ น่าเข้าค่ะ เเต่เข้าไปเเล้วไม่มีอะไรมาก นอกจากต้นหญ้าสวยๆ เเถมถ้าต้องยืนรอต่อคิวตอนบ่ายนี่ไม่เเนะนำค่ะ เพราะไม่มีร่ม เเละร้อนมากค่ะ เข้าไปเเล้วได้วิวนี้มาค่ะ