เศร้ามากขอระบาย : ความสำคัญของการวางแผนครอบครัว

ขออนุญาติระบายหน่อยนะคะ

ดิฉันกับสามีแต่งงานกันมาได้ 2 ปีแล้ว เริ่มอยากมีลูก
ส่วนตัวดิฉันอยากได้ลูกชายมากๆ เพราะเลี้ยงง่าย ไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องความปลอดภัย รายละเอียดน้อยกว่าเลี้ยงเด็กผู้หญิง อีกอย่างครอบครัวสามีเป็นครอบครัวจีน อยากได้หลายชายไว้สืบสกุลเยอะๆ

เคยคุยกับสามีเรื่องวางแผนครอบครัว (ดิฉันและครอบครัวฝั่งดิฉันให้ความสำคัญกับเรื่องความพร้อมมากๆ เพราะมันคือความสมบูรณ์และความปลอดภัย)
อยากวางแผนครอบครัวกับคุณหมอ เพื่อเลือกเพศ ตรวจโรคจุกจิก ฉีดวัคซีนต่างๆก่อน เพื่อความสมบูรณ์ แข็งแรงของทั้งแม่และลูก

ฝ่ายคุณแม่สามีเป็นพยาบาล แต่ไม่เคยให้คำแนะนำดีๆอะไรเลย บอกเป็นอย่างเดียว อยากได้หลานๆๆๆ อยากได้แบบธรรมชาติ ไม่เคยแนะนำให้ตรวจเลือดหรืออะไรที่เป็นประโยชน์เลยซักอย่างเดียว คงแค่อยากอุ้มหลาน (แค่ไว้โชว์ชาวบ้าน ช่างแม่มโรคห่าต่างๆ ไม่ต้องตรวจอะไร เพราะมั่นว่าใจว่ายีนส์ฝั่งแกแข็งแรงเฟอร์เฟค เพราะลูกๆแกก็ไม่เห็นจะเป็นโรคอะไร ก็ดูปกติกันหมด [ทั้งที่ไม่เคยตรวจ] )

ปัญหาคือ.. เอาจริงไม่ปกติ ดูเหมือนปกติแต่จริงๆมีพาหะซะงั้น (กูว่าแล้ว) - ตรวจเจอว่าสามีเป็นพาหะธาลัสซีเมีย

ตรวจเจอหลังดิฉันตั้งท้องไปได้ 2เดือนกว่าๆ (ผสมธรรมชาติ ไม่ได้วางแผน ไม่ได้ปรึกษาหมออะไรซักอย่าง เพราะสามีงก (ทั้งๆที่มีเงิน) + ขี้ขลาด กลัวความจริง + ขี้เกียจไป รพ. บ่อยๆ + ไม่สนใจ + แม่เขาเป็นพยาบาลไม่เห็นจะสอนอะไรจุกจิก + มีลูกก็แค่ทำๆๆ คนเขามีเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่เห็นเป็นโรคห่าอะไรกัน + มั่นเต็มพิกัดว่าโรคร้ายๆมันเกิดเป็นกับครอบครัวอื่นเท่านั้น ครอบครัวเราคงไม่ประสบพบเจอ - คงเพราะมีบุญพ่อบุญแม่ บุญผีห่าบรรพบุรุษคุ้มครองคัดเชื้อให้มั้ง ไม่ต้องพึ่งหมอ)

สรุปเป็นพาหะทั้งคู่ - ตัวดิฉันก็เป็น สามีก็เป็น ซึ่งก็คือลูกมีโอกาสที่จะเป็นธาลัสซีเมีย 25% หรือ 1 ใน 4

หลังตรวจเจอ แรกๆก็ปลอบกันไปว่า ลูกอาจจะไม่เป็น เพราะมีโอกาสตั้ง 75% ที่เขาจะเป็นปกติหรือเป็นแค่พาหะเหมือนเราๆ
เข้าใจว่าต้องให้กำลังใจกันไป เพราะท้องไปแล้ว แก้ไขอะไรคงไม่ได้ ได้แต่รอให้ถึง 6เดือน เพื่อเจาะน้ำคร่ำ เช็คว่าลูกเป็นธาลัสซีเมียไหม ถ้าเป็นแบบร้ายแรงก็ต้องเอาออก

อยากไม่คิดอะไร แต่สุดท้ายก็โกรธ โกรธมากๆที่ตัวเราไม่ได้บังคับให้เขาเข้ารับการวางแผนครอบครัวกันก่อน ดิฉันไม่เคยเชื่อเขานะ ที่ตามใจเขาไม่ปรึกษาหมอก่อน ก็แค่ไม่อยากเยอะ ไม่อยากทนฟังเขาว่าเรา จุกจิก ขี้กังวล กลัวลูกพิการขี้ขึ้นหัว บลาๆๆ

รู้สึกเสียใจมากๆที่ต้องมารับความเสี่ยงตรงนี้และต้องเอาชีวิตน้องเค้ามาเสี่ยงความความขี้งก งี่เง่า ไร้สมองของครอบครัวฝั่งสามีและความใจอ่อนของตัวเราเอง ที่ยอมมีลูกโดยไม่ได้วางแผนเจอะเลือดก่อนตัดสินใจมีน้อง

ความรู้สึกตอนนี้จริงๆเลย คือรู้สึกรังเกียจสมองกลวงๆกับพื้นฐานชีวิตมาตรฐานต่ำๆของทางบ้านสามีมากๆ รังเกียจตัวเขา แม่เขาที่อบรมสั่งสอนกันมาแบบไร้ค่าชีวิต ไม่มีคุณภาพอะไรเลยซักอย่าง เป็นอยู่อย่างเดียวคือพูดเพ้อเจ้อ ทำเป็นแต่เรื่องไร้ประโยชน์งี่เง่า ขี้งกสุดๆ จ่ายเป็นแค่เรื่องทำบุญเอาหน้า เรื่องอวดชาวบ้านกี่หมื่นกี่แสนถึงไหนถึงกันใจปั้มสุดๆ แต่ทีกับเรื่องสาระอะไรดีๆ แม่มทำตัวเป็นอุปสรรคความเจริญก้าวหน้าไปซะหมด ทางพ่อเราก็ปลอบว่า บ้านเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไร คนมันพื้นฐานกำพืดต่างกัน จะให้มีสำนึกคิดเหมือนกันคงเป็นไปไม่ได้ ต่อให้มีการศึกษาก็เถอะ เป็นพยาบาลก็เถอะ มันไม่ได้ช่วยอะไร ที่ทำได้ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้เด็กออกมาแข็งแรง ไม่เป็นโรค (ซึ้งถึงคำพูดแม่ที่เตือนมาตลอดตั้งแต่เริ่มคบกันว่า.. กำพืดสำคัญพอๆกับการศึกษา พื้นฐานชีวิตต่ำๆมีแต่จะฉุดชีวิตให้เจอแต่เรื่องเพราะคิดต่าง คิดไม่ได้ คิดไม่ถูกไม่เป็น คนไม่เคยได้รับไม่เคยได้ได้สัมผัสสิ่งดีๆ ก็มักให้อะไรดีๆไม่เป็น ต่อให้อยากให้ก็ไม่สามารถให้ได้อย่างถูกทาง)

ขออภัยหากใช้คำหยาบหรือแรงไป แต่อารมณ์ตอนนี้คือทั้งโกรธ ทั้งเสียใจมาก เจ็บใจตัวเอง อยากให้เห็บหมาที่เกาะกินสมองของครอบครัวสามีหมดๆไป อยากให้คิดเป็นกันสักที เพราะสร้างความลำบากใจให้หลายครั้งหลายคราเหลือเกินจนตอนนี้ลูกในท้องต้องมาเสี่ยงเพราะดิฉันยอมมากไป ยอมให้เขาเป็นผู้นำครอบครัว จนลูกต้องมารับเคราะห์กรรมจากผู้นำห่วยๆที่ไม่รักครอบครัวไม่รู้ว่าครอบครัวตัวเองอยู่ที่ไหน ทำยังไงให้ครอบครัวมีคุณภาพ นี่ก็คิดอยู่ว่าถ้าต้องเสียน้องเขาไปจริงๆ ดิฉันจะหย่าขาดกับสามีค่ะ คงกลายเป็นแผลไม่สามารถให้อภัยได้ ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไป

ตอนนี้ปลงมากๆ อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด แต่ที่เศร้ามากๆ คือถ้าต้องเอาน้องออกตอน6เดือน มันคงเป็นฝันร้ายของดิฉันตลอดไปเพราะน้องเค้าโตแล้ว มีเลือดเนื้อ มันคือการฆ่าดีๆนี่เอง

อยากให้ตัวอย่างไว้เป็นอุทาหรณ์แก่ทุกๆคนที่กำลังคิดจะมีลูกให้ไม่ประมาท..
ตรวจเลือด วางแผนครอบครัวดีๆก่อนมีเค้าเถอะค่ะ อย่าไปใจอ่อนให้กับความมักง่าย ความไร้คุณภาพของคนอื่น ต่อให้พวกเขาจะเป็นญาติ คนใกล้ชิดแค่ไหนก็ตาม ควรใจแข็ง บังคับให้ตรวจเลือดป้องกันไว้ก่อน ถ้าไม่ตรวจไม่ได้วางแผนดีๆก่อนก็ไม่ควรมี ผลกระทบมันไม่คุ้มเลย น้องเค้าไม่รู้อะไรต้องมาถูกเอาออก แถมฝันร้ายก็เป็นของเราตลอดไป เป็นรอยแผลในครอบครัวที่ลบไม่ได้

หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนที่เข้ามาอ่าน ไม่อยากให้ใครต้องเจอปัญหากับความเสียใจแบบนี้ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่