(Parasyte: Part 1, Takashi Yamazaki, 2014 )
1.
ทันทีที่เราดูหนังจบเรากลับไปอ่านการ์ตูนทันที เพราะตอนที่ดูหนัง คิดไว้แล้วว่ามันไม่ใช่การ์ตูนธรรมดา โอเค ! มันมีความเป็นแฟนตาซีแบบการ์ตูนอยู่ แต่ในขณะเดียวกันตัวเนื้อหามันก็ไปลึกเหมือนกัน มันไม่ใช่เพียงแค่ มนุษย์ที่ต่อสู้กับการบุกของสัตว์ประหลาดเท่านั้น
2.
ปรสิตในหนังเรื่องนี้ทำให้เราแทนความหมายเชิงอุปมาได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ , เอ่ยถึงลัทธิประหลาดที่แทรกซึมอยู่ในญี่ปุ่น, การวิพากษ์สังคมสมัยใหม่ที่เกิดคดีสะเทือนขวัญ : ลองนึกถึงภาพที่เรากำลังดูข่าวสรยุทธ แล้วเขาอ่านข่าวบิ๊วอารมณ์ว่าพบศพมนุษย์กินคนดูสิ มันจะได้ภาพว่าถึงสังคมที่บิดเบี้ยวแค่ไหน คุณตำรวจในเรื่องบอกว่า หรือจะถึงไว้สิ้นสลายของมนุษย์ ? และสุดท้ายการเปรียบปรสิตเป็นดังคนเลวในสังคม ที่ใช้ความเห็นแก่ตัวนำหน้า เราจึงเห็นว่าหนังทำให้ปรสิตไปอยู่ในอาชีพที่อิทธิพลต่อสังคมทั้งนั้น ครู,ตำรวจ,นักธุรกิจ,นักการเมือง
แต่เหนืออื่นใด ต่อให้เรามองในเชิงอุปมาหาความหมายว่าปรสิตแทนกับสิ่งใด ไอเจ้าตัวอุปมามันก็ดำเนินไปในทางรูปธรรม คือ มันก็เป็นปรสิตจริง
และแพร่พันธุ์ได้จริง แทรกซึมกลายเป็นมนุษย์ได้จริง ตัวสัญลักษณ์อย่างปรสิตมันจึงมีอิสระในเชิงอุปมาด้วยตัวของมันเองได้ คือ มันเป็นจริงเชิงรูปธรรม ที่สะท้อนกลับไปหาความหมายต่างๆอย่างที่บอกไปข้างต้นได้ด้วย
3.
ความเจ๋งของการ์ตูนและหนัง คือ มันสะท้อนน้ำเสียงและวิธีคิดของปรสิตแบบตรงไปตรงมา วิธีคิดแบบปรสิต คือวิธีคิดที่ต้องถอยห่างออกจากระบบคิดหลักของมนุษย์และสังคม หรือเป็นวิธีคิดแบบคนนอก ซึ่งวิธีคิดเหล่านี้น่าสนใจมาก เพราะเป็นการมองมนุษย์ในเชิงล้อเลียน นำไปสู่การวิพากษ์เผ่าพันธุ์ของมนุษย์
4.
นอกจากระบบคิดของปรสิตจะทำให้มองเห็นมนุษย์ในอีกมิติหนึ่ง ปรสิตก็ยังต้องมองหาความหมายในการ 'มีอยู่' ของพวกปรสิตเองด้วย หมายถึงว่าการเข้ามาของพวกมัน มันก็เข้ามาในโลกแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ คือรู้ตัวต้องยึดสมอง รู้ตัวว่าต้องกินมนุษย์ แต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเบื้องหลัง อะไรทำไมพวกมันถึงต้องทำแบบนั้น
ดังนั้นตัวปรสิตที่อาศัยในร่างครูนั้นจึงสำคัญมากในทุกมิติของการมีอยู่ หรือที่ตัวมันบอกเองว่าเป็นการทดลองใช้ชีวิตแบบมนุษย์ เพื่ออยู่ร่วมกับมนุษย์ให้ได้ หรือเป็นการปรับตัวให้เข้ากับระบบมนุษย์
โดยที่ตัวเองก็ยังคงตั้งคำถามถึงการมีอยู่ในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง หรือมันกำลังมองว่าการมีอยู่ที่ไม่รู้ซึ่งความหมาย จึงต้องใช้ปัญญาซึ่งเป็นคุณลักษณะโดดเด่นของมนุษย์ หรือหาคุณค่าของตัวเองเพื่อเหนือไปกว่าการมีอยู่ทางกายภาพ โดยการคิดหา ตั้งตำถามต่อการ “มีอยู่” ให้กลายเป็นการ “ดำรงอยู่”
เพื่อค้นหาตัวตน ค้นหาที่มาของตนเอง
5.
ความสัมพันธ์ระหว่างชินอิจิกับแม่ก็น่าสนใจตัวเรื่องพยายามสร้างปมความรักระหว่างแม่กับลูกมาเพื่อทำให้เห็นว่าถ้าปรสิตยึดสมองแม่แล้วนั้น เราจะกล้าลงมือฆ่าแม่ของตัวเองหรือไม่ ? ซึ่งเป็นการผูกปมที่โรคจิตดี เป็นเหมือนสถานการณ์บังคับที่ชินอิจิต้อจัดการ
การตัดสินใจของชินอิจิจะจึงมองว่าเป็นสัญลักษณ์การเติบโตของเขาได้ เพราะต่อจากนั้นตัวเขาก็สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดเดี่ยว ทำให้เห็นว่าความปรสิตนั้นได้เข้ามาซอกซอนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ตั้งแต่ในระดับสังคมไปจนถึงระดับครอบครัว ปรสิตเหมือนแบบทดสอบศีลธรรมขนาดใหญ่ ซึ่งมันไม่ใช่ศีลธรรมที่จะทำให้เราเป็นมนุษย์ได้มากขึ้น แต่ทำให้เรากร่อนศีลธรรมลงไปเสียมากกว่า หรือมันเสียดสีความเป็นมนุษย์ เสียดค่าความเป็นมนุษย์ในเชิงเป้าหมาย แล้วทำให้เห็นความไร้สาระของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น ปรสิตจึงเป็นเดรัจฉานที่กำลังจะเป็นบททดสอบภายในจิตสำนึกของมนุษย์เอง และการเรียนรู้ความหมายของดำรงอยู่ของปรสิตก็อาจช่วยขยายความรู้ความเข้าใจในการเป็นมนุษย์ได้เหมือนกัน
ซึ่งหลายสิ่งยังไม่แน่ชัดต้องตามดูกันต่อ ซึ่งเราคงตามดูหนังภาค 2 และอ่านหนังสือเล่มที่เหลือให้จบ แล้วจะมาสรุปจบกันอีกที
วิจารณ์ Parasyte: Part 1
1.
ทันทีที่เราดูหนังจบเรากลับไปอ่านการ์ตูนทันที เพราะตอนที่ดูหนัง คิดไว้แล้วว่ามันไม่ใช่การ์ตูนธรรมดา โอเค ! มันมีความเป็นแฟนตาซีแบบการ์ตูนอยู่ แต่ในขณะเดียวกันตัวเนื้อหามันก็ไปลึกเหมือนกัน มันไม่ใช่เพียงแค่ มนุษย์ที่ต่อสู้กับการบุกของสัตว์ประหลาดเท่านั้น
2.
ปรสิตในหนังเรื่องนี้ทำให้เราแทนความหมายเชิงอุปมาได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ , เอ่ยถึงลัทธิประหลาดที่แทรกซึมอยู่ในญี่ปุ่น, การวิพากษ์สังคมสมัยใหม่ที่เกิดคดีสะเทือนขวัญ : ลองนึกถึงภาพที่เรากำลังดูข่าวสรยุทธ แล้วเขาอ่านข่าวบิ๊วอารมณ์ว่าพบศพมนุษย์กินคนดูสิ มันจะได้ภาพว่าถึงสังคมที่บิดเบี้ยวแค่ไหน คุณตำรวจในเรื่องบอกว่า หรือจะถึงไว้สิ้นสลายของมนุษย์ ? และสุดท้ายการเปรียบปรสิตเป็นดังคนเลวในสังคม ที่ใช้ความเห็นแก่ตัวนำหน้า เราจึงเห็นว่าหนังทำให้ปรสิตไปอยู่ในอาชีพที่อิทธิพลต่อสังคมทั้งนั้น ครู,ตำรวจ,นักธุรกิจ,นักการเมือง
แต่เหนืออื่นใด ต่อให้เรามองในเชิงอุปมาหาความหมายว่าปรสิตแทนกับสิ่งใด ไอเจ้าตัวอุปมามันก็ดำเนินไปในทางรูปธรรม คือ มันก็เป็นปรสิตจริง
และแพร่พันธุ์ได้จริง แทรกซึมกลายเป็นมนุษย์ได้จริง ตัวสัญลักษณ์อย่างปรสิตมันจึงมีอิสระในเชิงอุปมาด้วยตัวของมันเองได้ คือ มันเป็นจริงเชิงรูปธรรม ที่สะท้อนกลับไปหาความหมายต่างๆอย่างที่บอกไปข้างต้นได้ด้วย
3.
ความเจ๋งของการ์ตูนและหนัง คือ มันสะท้อนน้ำเสียงและวิธีคิดของปรสิตแบบตรงไปตรงมา วิธีคิดแบบปรสิต คือวิธีคิดที่ต้องถอยห่างออกจากระบบคิดหลักของมนุษย์และสังคม หรือเป็นวิธีคิดแบบคนนอก ซึ่งวิธีคิดเหล่านี้น่าสนใจมาก เพราะเป็นการมองมนุษย์ในเชิงล้อเลียน นำไปสู่การวิพากษ์เผ่าพันธุ์ของมนุษย์
4.
นอกจากระบบคิดของปรสิตจะทำให้มองเห็นมนุษย์ในอีกมิติหนึ่ง ปรสิตก็ยังต้องมองหาความหมายในการ 'มีอยู่' ของพวกปรสิตเองด้วย หมายถึงว่าการเข้ามาของพวกมัน มันก็เข้ามาในโลกแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ คือรู้ตัวต้องยึดสมอง รู้ตัวว่าต้องกินมนุษย์ แต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเบื้องหลัง อะไรทำไมพวกมันถึงต้องทำแบบนั้น
ดังนั้นตัวปรสิตที่อาศัยในร่างครูนั้นจึงสำคัญมากในทุกมิติของการมีอยู่ หรือที่ตัวมันบอกเองว่าเป็นการทดลองใช้ชีวิตแบบมนุษย์ เพื่ออยู่ร่วมกับมนุษย์ให้ได้ หรือเป็นการปรับตัวให้เข้ากับระบบมนุษย์
โดยที่ตัวเองก็ยังคงตั้งคำถามถึงการมีอยู่ในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง หรือมันกำลังมองว่าการมีอยู่ที่ไม่รู้ซึ่งความหมาย จึงต้องใช้ปัญญาซึ่งเป็นคุณลักษณะโดดเด่นของมนุษย์ หรือหาคุณค่าของตัวเองเพื่อเหนือไปกว่าการมีอยู่ทางกายภาพ โดยการคิดหา ตั้งตำถามต่อการ “มีอยู่” ให้กลายเป็นการ “ดำรงอยู่”
เพื่อค้นหาตัวตน ค้นหาที่มาของตนเอง
5.
ความสัมพันธ์ระหว่างชินอิจิกับแม่ก็น่าสนใจตัวเรื่องพยายามสร้างปมความรักระหว่างแม่กับลูกมาเพื่อทำให้เห็นว่าถ้าปรสิตยึดสมองแม่แล้วนั้น เราจะกล้าลงมือฆ่าแม่ของตัวเองหรือไม่ ? ซึ่งเป็นการผูกปมที่โรคจิตดี เป็นเหมือนสถานการณ์บังคับที่ชินอิจิต้อจัดการ
การตัดสินใจของชินอิจิจะจึงมองว่าเป็นสัญลักษณ์การเติบโตของเขาได้ เพราะต่อจากนั้นตัวเขาก็สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดเดี่ยว ทำให้เห็นว่าความปรสิตนั้นได้เข้ามาซอกซอนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ตั้งแต่ในระดับสังคมไปจนถึงระดับครอบครัว ปรสิตเหมือนแบบทดสอบศีลธรรมขนาดใหญ่ ซึ่งมันไม่ใช่ศีลธรรมที่จะทำให้เราเป็นมนุษย์ได้มากขึ้น แต่ทำให้เรากร่อนศีลธรรมลงไปเสียมากกว่า หรือมันเสียดสีความเป็นมนุษย์ เสียดค่าความเป็นมนุษย์ในเชิงเป้าหมาย แล้วทำให้เห็นความไร้สาระของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น ปรสิตจึงเป็นเดรัจฉานที่กำลังจะเป็นบททดสอบภายในจิตสำนึกของมนุษย์เอง และการเรียนรู้ความหมายของดำรงอยู่ของปรสิตก็อาจช่วยขยายความรู้ความเข้าใจในการเป็นมนุษย์ได้เหมือนกัน
ซึ่งหลายสิ่งยังไม่แน่ชัดต้องตามดูกันต่อ ซึ่งเราคงตามดูหนังภาค 2 และอ่านหนังสือเล่มที่เหลือให้จบ แล้วจะมาสรุปจบกันอีกที
สามารถติดตามกันต่อได้ที่เพจ https://www.facebook.com/A.Surrealism
หรือบล็อก A-Bellamy.com
ขอบคุณครับ