หลังจากที่ผมเขียนถึงทริปในเมืองบูดาเปสต์ไว้ในวันแรก ตามลิงก์ไปเลยนะครับ
http://ppantip.com/topic/33624788
วันที่ 2 ของการเดินทาง
หลังจากนอนพักกันเต็มที่แล้ว ตื่นมาตอนเช้า อากาศไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็แอบโรแมนติกเล็กๆ คือ ฝนตกแบบ Shower เลยครับ คือ ไม่หนักมาก แต่ก็ควรกางร่มอ่ะครับ ถ่ายรูปได้ไม่สวยเท่าไร รูปเลยไม่ค่อยมีนะครับ
เราสองคนเลยเดินกางร่มกันไปทางด้านหลังของโรงแรม เพื่อขึ้นไปที่ Fisherman’s Bastion เมื่อตื่นเช้าแล้วมาเที่ยวเลย จะพบว่าที่ท่องเที่ยวนั้นๆ เป็นของเรา 555 คณะทัวร์ยังไม่มาลง เราเลยได้ถ่ายรูปตามใจชอบแล้วก็เดินกลับมาทางโรงแรม
และเดินต่อเนื่องไปเล็กน้อย จะพบสะพาน Chain bridge อยู่ทางซ้ายมือ และ Buda Castle อยู่ทางด้านบนขวามือ
แล้วเราก็กลับโรงแรมเพื่อจะเอากระเป๋าใหญ่ ไปที่สถานีรถไฟ Budapest-Keleti Railway Station (วันนี้ช่วงเช้าบัตร 24-hour Budapest-travel card ยังคงใช้ได้อยู่นะครับ เพราะเราซื้อบัตรไว้ช่วงบ่ายเมื่อวาน)
สำหรับบัตร 24-hour Budapest-travel card ขณะที่ซื้อถ้าเราไม่ได้แลกเงิน Forint ของฮังการีไว้ เราต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิตเท่านั้นนะครับ ผมซื้อที่สถานีรถไฟใต้ดินที่เดียวกับสถานีรถบัส Neglipet เขาไม่รับยูโรเลยครับ จนต้องได้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไปนะครับ
เมื่อนั่งรถไฟใต้ดินมาถึงสถานีรถไฟ Keleti แล้ว ผมต้องนำเอาใบเสร็จที่จองตั๋วทาง internet ไปแลกตั๋วเดินทางไปเวียนนาก่อนเลย ให้แฟนนั่งรอที่มีที่นั่ง ไม่มีลมพัดแรงมากก่อน แล้วผมเองก็ไปตามหาที่แลกตั๋ว ปรากฏว่าไปแลกที่ออฟฟิสทั้งหลายไม่มีเจ้าหน้าที่รับเลยครับ แล้วเขาก็ชี้วนกันไปมาเรื่อยๆ จนไปถามที่หนึ่ง เขาก็ชี้ออกมาหน้าห้องของเขา จึงได้รู้ว่า แต่ละคนเขาชี้ถูกแล้ว แต่เราเองที่ไม่รู้เรื่อง ตั๋วที่ซื้อมาทาง internet ต้องแลกที่เครื่องอัตโนมัติเท่านั้น เป็นตู้แลกเลยครับ แค่กดรหัสที่เราได้มา ตั๋วก็จะพิมพ์ออกมาครับ
แล้วก็กลับมารับแฟนไปหา track เดินทาง มีเจ้าหน้าที่ของการรถไฟ(หนีบบัตรเจ้าหน้าที่และสวมเสื้อแจ็กเก็ตชัดเจนครับ)มาแยกโซนคนที่จะเดินทางไปเวียนนาให้มีที่นั่ง แยกจากการเดินทางในประเทศอย่างชัดเจน เมื่อขบวนรถไฟใกล้จะเข้าสู่ชานชลา เขาก็พาผมกับแฟน และคู่ชาวอเมริกันไปที่ตู้โดยสารซึ่งอยู่ตู้เดียวกันครับ เขาก็ขนกระเป๋าขึ้นให้ทั้งหมด (ผมรู้สึกทะ
ๆนะครับ) แล้วพอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทางคนอเมริกันก็จ่ายค่าทิปให้เขา แล้วเขาก็เดินมาทางผม เขาก็ชูนิ้วแบบหลบๆซ่อนๆมา 7 นิ้วครับ แล้วปากพูดแบบไม่มีเสียงว่า “ยูโร” ผมก็งงๆครับ ก็รู้เลยว่าเขาคงจะต้องการทิปด้วย (ไม่บอกกันก่อนอ่ะ ไม่งั้นก็ลากกระเป๋าเองก็ได้ หาตู้โดยสารเองก็ได้) สุดท้ายมีเหรียญยูโรอยู่ 1 เหรียญ กับเศษๆเหรียญที่เหลือจากการแลกเงินมา เลยให้ไป 1 เหรียญกว่าๆ ยูโร เจ้าหน้าที่คนนั้นเลยจำใจ แอบรับไป เพราะเท่าที่สังเกตเขาเองทำให้เงียบที่สุด ไม่มีเสียง มือหลบด้านล่างด้วย ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของผมกับแฟนเองที่ต้องมาพบเจอเรื่องนี้ แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้มีอันตรายใดๆ แต่ก็เสียดายเงินอ่ะค้าบ 555
รถไฟก็นำพาเรามาถึงเมืองเวียนนา ลงที่สถานี Wien Westbahnhof เพิ่งจะนึกได้ว่ายังไม่ได้ทานอะไรเลย เลยทานกันที่สถานีนี่แหละ แล้วราก็นั่งรถไฟใต้ดินในเมืองกันต่อเพื่อไปเก็บกระเป๋าในตู้ลอกเกอร์ ที่สถานีที่ใกล้ๆที่พักวันนี้ โดยเราซื้อบัตรรถไฟใต้ดินแบบ 48-hour ticket
ผมเลือกการพักที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวในเมืองนั่นคือมหาวิหาร St. Stephen แต่พอค้นหาโรงแรมแถวใกล้ๆ โอ้โห จาเอาตังจากไหนมาจ่ายเนี่ย เลยลองค้นวิธีการพักแบบที่ผมกับแฟนไม่เคยไปพักดู คือพักกับ Host ผ่านทาง Airbnb ค้นๆไปเรื่อยๆ เจอที่พักที่แถวสถานี Stubentor เลยคร้าบ เดินไปมหาวิหารฯได้ด้วย เจ้าของเป็นผู้หญิง คนรีวิวเยอะมากๆ เลยลองจองที่ Airbnb เลยคร้าบ ถูกกว่าโรงแรมแถวนั้นเกินครึ่ง เดินทางสะดวกมากๆ ที่สำคัญครับ Host น่ารักมากๆ การตอบกลับอีเมล์และการช่วยเหลือต่างๆ ดีสุดๆ มีแผนที่เที่ยว และร้านอาหารแนะนำไว้ให้พร้อมสรรพเลยครับ
ข้อที่อาจจะไม่ค่อยสะดวกสำหรับคนที่เคยพักโรงแรมนักคือ การเข้าห้องได้นั้นต้องนัดเวลากับทาง Host ครับ ซึ่งเรื่อนี้ผมปรับตัวได้ไม่มีปัญหาครับ ผมกับแฟนเลยเอากระเป๋าไปฝากที่ล็อกเกอร์ในสถานี Landstraße (Wien Mitte) แล้วไปเที่ยวกันก่อนเลย
เมื่อใกล้ๆในเมือง ดูจากอากาศแล้ว แสงแดดดีมากๆเลยครับ เราเลยตัดสินใจไป Schönbrunn Palace กัน โอ้วยิ่งใหญ่อลังการ กว้างใหญ่มากๆ
จนเมื่อเราเดินขึ้นทางเขาขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุด แล้วเมื่อถ่ายรูปเสร็จก็เดินกลับมา
ระหว่างครึ่งทางกลับจะถึงพระราชวังแล้ว ได้ยินเสียงกรีดร้องมาดังมากๆ แล้วได้ยินเสียงวิ่งหนี ประหนึ่งว่าวิ่งหนีปลาฉลาม หรือสัตว์ประหลาด ผมกับแฟนเลยมองหันหลับไป พบเมฆฝนก้อนใหญ่มาและปริมาณฝนจำนวนมากไล่ตามเสียงกรีดร้องนั้นมา พวกผมก็เลย วิ่งสิคร้าบบบ ฝรั่งวิ่ง คนไทยก็วิ่งคร้าบบบบ จนมาถึงด้านล่างส่วนระเบียงของพระราชวัง ทุกคนต่างหอบเหนื่อยกันมาก เหมือนวิ่งหนีสัตว์ประหลาดมาเลยคร้าบ ใครจะไปคาดคิดว่า ช่วงบ่ายสามยังแดดเปรี้ยงอยู่ พอบ่ายสี่ยังมีแดดอยู่ แต่ไม่ถึงยี่สิบนาที เมฆฝนและปริมาณฝนมาเป็นจำนวนมากเลยค้าบบ ขณะพักเหนื่อยและหลบฝน ก็เลยใช้ internet ของพระราชวังที่ให้ใช้ได้ ติดต่อกับทาง Host ว่าเราอาจจะไปสายหน่อยนะค้าบ เพราะติดฝนอยู่ ซึ่งทาง Host เองก็กำลังจะบอกเราเช่นกันเพราะเขาเองก็ติดฝนค้าบ
หลังจากฝนหยุดตกเลยมุ่งหน้ากลับไปเอากระเป๋าที่ล็อกเกอร์ แล้วไปหาห้องของ Host กัน เมื่อเจอ Host แล้ว Hosts น่ารักมากๆครับ อธิบายห้องของเรา ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ให้ทักทายเจ้าเหมียว รวมถึงบอกทางที่จะไปที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ตามแผนที่ที่ Host Pin ไว้ใน Airbnb เลยครับ โดยในครั้งนี้ ผมเลือกที่จะพักเป็นห้องแยก Privated Room ไว้นะครับ Host แบ่งห้องที่มีให้ผมได้พัก ไม่ได้พักแบบที่เรียกว่า Entire Home ซึ่งในคืนแรกทาง Host อยู่อีกห้องหนึ่งครับ แต่คืนที่สอง Host ไม่อยู่ ผมเลยเหมือนว่าจะได้เป็น Entire Home กลายๆในคืนที่ 2 เลยครับ
หลังจากเก็บกระเป๋า พักสักครู่ เราก็ออกตามหาอาหารตามแบบฉบับเวียนนาทันที คือ Wiener schnitzel ซึ่งร้านที่ Host แนะนำ คือ Figlmüller ร้านนี้มีสองสาขา คือ ร้านดั้งเดิม ซึ่งร้านน่ารักมากๆ แต่คนเต็มตลอดเลย อยู่ใกล้ห้องที่ Host ให้เช่ามากครับ เดินไปไม่ถึง 200 เมตรก็ถึงแล้ว แต่เต็มครับ
ผมจึงต้องเดินต่อไปอีกเล็กน้อย ก็มีกสาขาหนึ่งครับ ปรากฏว่าต้องต่อแถวรอครับ อ่ะ ต่อก็ต่อครับ
พอเข้าร้านไป เลยสั่งกันมาทาน อร่อยมากครับ ราคาแอบแพงนิดๆ แต่เข้าใจครับว่า เป็นอาหารดั้งเดิม และร้านมีชื่อเสียงครับ ไหนๆก็มาถึงเวียนนาแล้ว ต้องลองกันครับ รสชาติอร่อยมากๆครับ อิ่มมากๆด้วยครับ
แล้วผมกับแฟนก็ทานกันเสร็จเรียบร้อย จึงเดินกลับมาที่ห้องพัก วางแผนเดินทางเที่ยวในเวียนนาวันต่อไปกันต่อครับ
สำหรับวันที่สามของการเดินทาง ขอยกไปกระทู้หน้านะครับ
เพราะชีวิตเสพติดการเดินทาง ถ้าสนใจการเดินทาง ร่วมชม กดไลค์และแชร์กันได้ที่
https://www.facebook.com/journeyaholic
ขอบคุณที่อ่านนะครับ
[CR] Journeyaholic ตอน 1st time in Europe (ฉบับบูดาเปสต์ - เวียนนา)
วันที่ 2 ของการเดินทาง
หลังจากนอนพักกันเต็มที่แล้ว ตื่นมาตอนเช้า อากาศไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็แอบโรแมนติกเล็กๆ คือ ฝนตกแบบ Shower เลยครับ คือ ไม่หนักมาก แต่ก็ควรกางร่มอ่ะครับ ถ่ายรูปได้ไม่สวยเท่าไร รูปเลยไม่ค่อยมีนะครับ
เราสองคนเลยเดินกางร่มกันไปทางด้านหลังของโรงแรม เพื่อขึ้นไปที่ Fisherman’s Bastion เมื่อตื่นเช้าแล้วมาเที่ยวเลย จะพบว่าที่ท่องเที่ยวนั้นๆ เป็นของเรา 555 คณะทัวร์ยังไม่มาลง เราเลยได้ถ่ายรูปตามใจชอบแล้วก็เดินกลับมาทางโรงแรม
และเดินต่อเนื่องไปเล็กน้อย จะพบสะพาน Chain bridge อยู่ทางซ้ายมือ และ Buda Castle อยู่ทางด้านบนขวามือ
แล้วเราก็กลับโรงแรมเพื่อจะเอากระเป๋าใหญ่ ไปที่สถานีรถไฟ Budapest-Keleti Railway Station (วันนี้ช่วงเช้าบัตร 24-hour Budapest-travel card ยังคงใช้ได้อยู่นะครับ เพราะเราซื้อบัตรไว้ช่วงบ่ายเมื่อวาน)
สำหรับบัตร 24-hour Budapest-travel card ขณะที่ซื้อถ้าเราไม่ได้แลกเงิน Forint ของฮังการีไว้ เราต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิตเท่านั้นนะครับ ผมซื้อที่สถานีรถไฟใต้ดินที่เดียวกับสถานีรถบัส Neglipet เขาไม่รับยูโรเลยครับ จนต้องได้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไปนะครับ
เมื่อนั่งรถไฟใต้ดินมาถึงสถานีรถไฟ Keleti แล้ว ผมต้องนำเอาใบเสร็จที่จองตั๋วทาง internet ไปแลกตั๋วเดินทางไปเวียนนาก่อนเลย ให้แฟนนั่งรอที่มีที่นั่ง ไม่มีลมพัดแรงมากก่อน แล้วผมเองก็ไปตามหาที่แลกตั๋ว ปรากฏว่าไปแลกที่ออฟฟิสทั้งหลายไม่มีเจ้าหน้าที่รับเลยครับ แล้วเขาก็ชี้วนกันไปมาเรื่อยๆ จนไปถามที่หนึ่ง เขาก็ชี้ออกมาหน้าห้องของเขา จึงได้รู้ว่า แต่ละคนเขาชี้ถูกแล้ว แต่เราเองที่ไม่รู้เรื่อง ตั๋วที่ซื้อมาทาง internet ต้องแลกที่เครื่องอัตโนมัติเท่านั้น เป็นตู้แลกเลยครับ แค่กดรหัสที่เราได้มา ตั๋วก็จะพิมพ์ออกมาครับ
แล้วก็กลับมารับแฟนไปหา track เดินทาง มีเจ้าหน้าที่ของการรถไฟ(หนีบบัตรเจ้าหน้าที่และสวมเสื้อแจ็กเก็ตชัดเจนครับ)มาแยกโซนคนที่จะเดินทางไปเวียนนาให้มีที่นั่ง แยกจากการเดินทางในประเทศอย่างชัดเจน เมื่อขบวนรถไฟใกล้จะเข้าสู่ชานชลา เขาก็พาผมกับแฟน และคู่ชาวอเมริกันไปที่ตู้โดยสารซึ่งอยู่ตู้เดียวกันครับ เขาก็ขนกระเป๋าขึ้นให้ทั้งหมด (ผมรู้สึกทะๆนะครับ) แล้วพอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทางคนอเมริกันก็จ่ายค่าทิปให้เขา แล้วเขาก็เดินมาทางผม เขาก็ชูนิ้วแบบหลบๆซ่อนๆมา 7 นิ้วครับ แล้วปากพูดแบบไม่มีเสียงว่า “ยูโร” ผมก็งงๆครับ ก็รู้เลยว่าเขาคงจะต้องการทิปด้วย (ไม่บอกกันก่อนอ่ะ ไม่งั้นก็ลากกระเป๋าเองก็ได้ หาตู้โดยสารเองก็ได้) สุดท้ายมีเหรียญยูโรอยู่ 1 เหรียญ กับเศษๆเหรียญที่เหลือจากการแลกเงินมา เลยให้ไป 1 เหรียญกว่าๆ ยูโร เจ้าหน้าที่คนนั้นเลยจำใจ แอบรับไป เพราะเท่าที่สังเกตเขาเองทำให้เงียบที่สุด ไม่มีเสียง มือหลบด้านล่างด้วย ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของผมกับแฟนเองที่ต้องมาพบเจอเรื่องนี้ แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้มีอันตรายใดๆ แต่ก็เสียดายเงินอ่ะค้าบ 555
รถไฟก็นำพาเรามาถึงเมืองเวียนนา ลงที่สถานี Wien Westbahnhof เพิ่งจะนึกได้ว่ายังไม่ได้ทานอะไรเลย เลยทานกันที่สถานีนี่แหละ แล้วราก็นั่งรถไฟใต้ดินในเมืองกันต่อเพื่อไปเก็บกระเป๋าในตู้ลอกเกอร์ ที่สถานีที่ใกล้ๆที่พักวันนี้ โดยเราซื้อบัตรรถไฟใต้ดินแบบ 48-hour ticket
ผมเลือกการพักที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวในเมืองนั่นคือมหาวิหาร St. Stephen แต่พอค้นหาโรงแรมแถวใกล้ๆ โอ้โห จาเอาตังจากไหนมาจ่ายเนี่ย เลยลองค้นวิธีการพักแบบที่ผมกับแฟนไม่เคยไปพักดู คือพักกับ Host ผ่านทาง Airbnb ค้นๆไปเรื่อยๆ เจอที่พักที่แถวสถานี Stubentor เลยคร้าบ เดินไปมหาวิหารฯได้ด้วย เจ้าของเป็นผู้หญิง คนรีวิวเยอะมากๆ เลยลองจองที่ Airbnb เลยคร้าบ ถูกกว่าโรงแรมแถวนั้นเกินครึ่ง เดินทางสะดวกมากๆ ที่สำคัญครับ Host น่ารักมากๆ การตอบกลับอีเมล์และการช่วยเหลือต่างๆ ดีสุดๆ มีแผนที่เที่ยว และร้านอาหารแนะนำไว้ให้พร้อมสรรพเลยครับ
ข้อที่อาจจะไม่ค่อยสะดวกสำหรับคนที่เคยพักโรงแรมนักคือ การเข้าห้องได้นั้นต้องนัดเวลากับทาง Host ครับ ซึ่งเรื่อนี้ผมปรับตัวได้ไม่มีปัญหาครับ ผมกับแฟนเลยเอากระเป๋าไปฝากที่ล็อกเกอร์ในสถานี Landstraße (Wien Mitte) แล้วไปเที่ยวกันก่อนเลย
เมื่อใกล้ๆในเมือง ดูจากอากาศแล้ว แสงแดดดีมากๆเลยครับ เราเลยตัดสินใจไป Schönbrunn Palace กัน โอ้วยิ่งใหญ่อลังการ กว้างใหญ่มากๆ
จนเมื่อเราเดินขึ้นทางเขาขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุด แล้วเมื่อถ่ายรูปเสร็จก็เดินกลับมา
ระหว่างครึ่งทางกลับจะถึงพระราชวังแล้ว ได้ยินเสียงกรีดร้องมาดังมากๆ แล้วได้ยินเสียงวิ่งหนี ประหนึ่งว่าวิ่งหนีปลาฉลาม หรือสัตว์ประหลาด ผมกับแฟนเลยมองหันหลับไป พบเมฆฝนก้อนใหญ่มาและปริมาณฝนจำนวนมากไล่ตามเสียงกรีดร้องนั้นมา พวกผมก็เลย วิ่งสิคร้าบบบ ฝรั่งวิ่ง คนไทยก็วิ่งคร้าบบบบ จนมาถึงด้านล่างส่วนระเบียงของพระราชวัง ทุกคนต่างหอบเหนื่อยกันมาก เหมือนวิ่งหนีสัตว์ประหลาดมาเลยคร้าบ ใครจะไปคาดคิดว่า ช่วงบ่ายสามยังแดดเปรี้ยงอยู่ พอบ่ายสี่ยังมีแดดอยู่ แต่ไม่ถึงยี่สิบนาที เมฆฝนและปริมาณฝนมาเป็นจำนวนมากเลยค้าบบ ขณะพักเหนื่อยและหลบฝน ก็เลยใช้ internet ของพระราชวังที่ให้ใช้ได้ ติดต่อกับทาง Host ว่าเราอาจจะไปสายหน่อยนะค้าบ เพราะติดฝนอยู่ ซึ่งทาง Host เองก็กำลังจะบอกเราเช่นกันเพราะเขาเองก็ติดฝนค้าบ
หลังจากฝนหยุดตกเลยมุ่งหน้ากลับไปเอากระเป๋าที่ล็อกเกอร์ แล้วไปหาห้องของ Host กัน เมื่อเจอ Host แล้ว Hosts น่ารักมากๆครับ อธิบายห้องของเรา ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ให้ทักทายเจ้าเหมียว รวมถึงบอกทางที่จะไปที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ตามแผนที่ที่ Host Pin ไว้ใน Airbnb เลยครับ โดยในครั้งนี้ ผมเลือกที่จะพักเป็นห้องแยก Privated Room ไว้นะครับ Host แบ่งห้องที่มีให้ผมได้พัก ไม่ได้พักแบบที่เรียกว่า Entire Home ซึ่งในคืนแรกทาง Host อยู่อีกห้องหนึ่งครับ แต่คืนที่สอง Host ไม่อยู่ ผมเลยเหมือนว่าจะได้เป็น Entire Home กลายๆในคืนที่ 2 เลยครับ
หลังจากเก็บกระเป๋า พักสักครู่ เราก็ออกตามหาอาหารตามแบบฉบับเวียนนาทันที คือ Wiener schnitzel ซึ่งร้านที่ Host แนะนำ คือ Figlmüller ร้านนี้มีสองสาขา คือ ร้านดั้งเดิม ซึ่งร้านน่ารักมากๆ แต่คนเต็มตลอดเลย อยู่ใกล้ห้องที่ Host ให้เช่ามากครับ เดินไปไม่ถึง 200 เมตรก็ถึงแล้ว แต่เต็มครับ
ผมจึงต้องเดินต่อไปอีกเล็กน้อย ก็มีกสาขาหนึ่งครับ ปรากฏว่าต้องต่อแถวรอครับ อ่ะ ต่อก็ต่อครับ
พอเข้าร้านไป เลยสั่งกันมาทาน อร่อยมากครับ ราคาแอบแพงนิดๆ แต่เข้าใจครับว่า เป็นอาหารดั้งเดิม และร้านมีชื่อเสียงครับ ไหนๆก็มาถึงเวียนนาแล้ว ต้องลองกันครับ รสชาติอร่อยมากๆครับ อิ่มมากๆด้วยครับ
แล้วผมกับแฟนก็ทานกันเสร็จเรียบร้อย จึงเดินกลับมาที่ห้องพัก วางแผนเดินทางเที่ยวในเวียนนาวันต่อไปกันต่อครับ
สำหรับวันที่สามของการเดินทาง ขอยกไปกระทู้หน้านะครับ
เพราะชีวิตเสพติดการเดินทาง ถ้าสนใจการเดินทาง ร่วมชม กดไลค์และแชร์กันได้ที่ https://www.facebook.com/journeyaholic
ขอบคุณที่อ่านนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น