เจ้าของกระทู้เป็นคนชอบใช้ Dry Shampoo มากเนื่องจากเป็นคนผมมันง่ายและชอบกินปิ้งย่าง ที่สำคัญเกลียดมากถ้าหัวเริ่มรู้สึกมีกลิ่น ดังนั้นจะพกในกระเป๋าตลอดเวลาสำหรับเจ้า Dry Shampoo วันนี้เลยอยากจะเอายี่ห้อ dry shampoo 2 ยี่ห้อ ที่มีขายในไทยมารีวิวเปรียบเทียบกันว่าอันไหนดีกว่ากันนะครัช
1.Batiste 120g
2.Dry Shampoo 250 ml
เริ่มที่….!!!! Batise Dry Shampoo XXL volume 200 ml 120g จากร้าน Eveandboy ราคา 320.- บาท แต่อยากบอกแอบแพงกว่าร้าน Bootsค่ะ
และตอนนี้เราจัดBatiseขวดสีชมพูมา เพราะว่ากลิ่นมันหอมแบบวนิลาๆหน่อย ดูจากภาพนี้คือเราใช้มานานแล้วล่ะ เราใช้ครั้งแรกเลย เพราะว่าเราหัวมันค่ะ เจอมลภาวะเยอะ ไม่มีเวลาสระผมด้วย ก็เลยขอพึ่งเจ้า Dry Shampoo ซะหน่อย
Packaging ตัวนี้รวมๆ ก็ดูสีสันสะดุดตาดีค่ะ แต่สุดท้ายเราขอเลือกตามกลิ่นที่เราชอบดีกว่าก็คือ Batise สีชมพูนี่แหละกลิ่นมันไม่ฉุนสุดแล้ว
สำหรับผลิตภัณฑ์ Dry Shampoo ขวดนี้เนี้ยไว้ทำความสะอาดเส้นผม แบบไม่ต้องล้างออก ไม่ต้องใช้น้ำ เหมือนอารมณ์สระแห้งอะไรอย่างนั้นล่ะ ช่วยสร้างผมให้มีวอลุ่ม ให้ผมไม่ลีบแบน และช่วยขจัดความมันของหัวให้รู้สึกไม่เหนียวอะไรอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่แฮปปี้กับมันเท่าไหร่แต่ก็ใช้ได้ ใช้ง่ายมากค่ะคิดว่ากำลังสระแห้งอะไรอย่างงั้น
1.เขย่ากระป๋องสเปรย์ก่อนใช้
2.ฉีดพ่นบริเวณเส้นผม ห่างจากโดนหน่อยนะคะ
3.นวดๆไว้สักแปป
4.หวีผมแต่งผมได้ตามปกติ
สำหรับ Dry Shampoo Batiste เราให้คะแนน 3/5 นะ….. ถามว่าเราจะต่อขวดต่อไปไหม เราขอคิดดูก่อนมันอาจจะไม่ตรงกับเราก็ได้ เพราะผลที่ได้รับคือหัวเรามันเหมือนหิมะตกคล้ายผงแป้งหรือรังแคก็ไม่รู้ประมาณนึง และก็อยู่ได้ประมาณชั่วโมงเท่านั้นผมก็เริ่มกับมามันเหมือนเดิม แถมกลิ่นหอมในช่วงแรกมันเหมือนแอบเปลี่ยนกลิ่นด้วยนิดนึง แต่ก็คงต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวและผมแต่ละคนด้วยแต่สำหรับเรา ขอพักไว้แค่ครึ่งทางละกันค่ะ
ต่อมาที่ Toni & Guy Cleanse dry shampoo Day2 Freshness 250 ml. จากร้านWatson แถวบ้าน ราคา 550.-บาท ไทยแลนด์ราคาไม่น่าเกินกว่านี้แล้วล่ะ ราคาแพงกว่า Batiste แต่ขวดใหญ่กว่าเยอะค่ะ… เพราะว่าก็เป็นอีก 1 ใน Dryshampoo ที่เคยใช้เหมือนกันและมีสูตรเดียวที่วางขาย ส่วนตัวเราชอบกลิ่นที่มันดูสดชื่น กลิ่นมันดูหอมอ่อนสำหรับเราก็ไม่ได้ฉุนมาก ใช้แล้วไม่ผิดหวังเลยอยากให้ลองอีกเหมือนกัน
Packaging ที่ดูเรียบๆ แต่ International Brand ของนอกเพราะยี่ห้อก็บ่งบอกอยู่แล้ว ดูเรียบหรู น่าใช้ดี ตามสไตล์ Toni&Guy
สำหรับ Dry ShampooToni& Guyขวดนี้เนี้ยก็เหมาะเป็น Item ใหม่ติดกระเป๋า,ติดรถ,ติดเก๊ะที่ทำงานเหมือนกัน ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่าสระแห้งแบบเคลื่อนที่หรือพกพานั่นแหละ ยังคงบอกเหมือนเดิมว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ ที่สามารถRefreshได้ในระหว่างวันและไม่ทิ้งคราบเลยค่ะ เช่นเดียวกันใช้เหมือนขวดแรกเลยค่ะ ต่างกันแค่ขวดนี้ให้เน้นตรงโคนผม
1.เขย่ากระป๋องสเปรย์ก่อนใช้
2.ฉีดพ่นบริเวณเส้นผมตรงโคนผมได้เลยเพราะจะยิ่งทำให้ผมมีวอลุ่มมากขึ้น
3.นวดๆไว้สักแปป
4.หวีผมแต่งผมได้ตามปกติ
สำหรับ Dry Shampoo Toni&Guy Cleanse เราให้คะแนน 4.5/5 นะ ราคาแรงแต่คุณภาพโอเครเลยล่ะ กลิ่นติดทนนานไม่เปลี่ยนกลิ่น หอมกลิ่นอ่อนแบบกลิ่นดี ด้วยสูตรนี้กลิ่นจะสดชื่นละมุนๆหน่อย ก็เป็นการสระแห้งด้วย Dry shampoo ขวดนี้ ที่ไม่มีหิมะตกบนหัวระหว่างวันเท่าไหร่ ซึมซับความมันได้ดีกว่าอยู่ได้นานเลย แต่ราคาแอบสูงไปนิดแต่ได้ยินมาว่าที่ Eve&Boyแอบราคาถูกกว่านิดหน่อยไว้จะไปลองเดินดูอีกที แนะนำเลยค่ะเพื่อนๆ บางทีชีวิตมนุษย์ออฟฟิสๆอย่างเรามีแต่ชั่วโมง Rush Hour ตั้งแต่ตื่นนอน ยันจะนอนก็เลือกหาทางลัดหลายๆทางแก้ขัดเพื่อให้ทันเวลา แต่สุดท้ายอย่าลืมสระผมกันนะคะ
[CR] รีวิว Dry Shampoo ที่วางขายในไทย
1.Batiste 120g
2.Dry Shampoo 250 ml
เริ่มที่….!!!! Batise Dry Shampoo XXL volume 200 ml 120g จากร้าน Eveandboy ราคา 320.- บาท แต่อยากบอกแอบแพงกว่าร้าน Bootsค่ะ
และตอนนี้เราจัดBatiseขวดสีชมพูมา เพราะว่ากลิ่นมันหอมแบบวนิลาๆหน่อย ดูจากภาพนี้คือเราใช้มานานแล้วล่ะ เราใช้ครั้งแรกเลย เพราะว่าเราหัวมันค่ะ เจอมลภาวะเยอะ ไม่มีเวลาสระผมด้วย ก็เลยขอพึ่งเจ้า Dry Shampoo ซะหน่อย
Packaging ตัวนี้รวมๆ ก็ดูสีสันสะดุดตาดีค่ะ แต่สุดท้ายเราขอเลือกตามกลิ่นที่เราชอบดีกว่าก็คือ Batise สีชมพูนี่แหละกลิ่นมันไม่ฉุนสุดแล้ว
สำหรับผลิตภัณฑ์ Dry Shampoo ขวดนี้เนี้ยไว้ทำความสะอาดเส้นผม แบบไม่ต้องล้างออก ไม่ต้องใช้น้ำ เหมือนอารมณ์สระแห้งอะไรอย่างนั้นล่ะ ช่วยสร้างผมให้มีวอลุ่ม ให้ผมไม่ลีบแบน และช่วยขจัดความมันของหัวให้รู้สึกไม่เหนียวอะไรอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่แฮปปี้กับมันเท่าไหร่แต่ก็ใช้ได้ ใช้ง่ายมากค่ะคิดว่ากำลังสระแห้งอะไรอย่างงั้น
1.เขย่ากระป๋องสเปรย์ก่อนใช้
2.ฉีดพ่นบริเวณเส้นผม ห่างจากโดนหน่อยนะคะ
3.นวดๆไว้สักแปป
4.หวีผมแต่งผมได้ตามปกติ
สำหรับ Dry Shampoo Batiste เราให้คะแนน 3/5 นะ….. ถามว่าเราจะต่อขวดต่อไปไหม เราขอคิดดูก่อนมันอาจจะไม่ตรงกับเราก็ได้ เพราะผลที่ได้รับคือหัวเรามันเหมือนหิมะตกคล้ายผงแป้งหรือรังแคก็ไม่รู้ประมาณนึง และก็อยู่ได้ประมาณชั่วโมงเท่านั้นผมก็เริ่มกับมามันเหมือนเดิม แถมกลิ่นหอมในช่วงแรกมันเหมือนแอบเปลี่ยนกลิ่นด้วยนิดนึง แต่ก็คงต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวและผมแต่ละคนด้วยแต่สำหรับเรา ขอพักไว้แค่ครึ่งทางละกันค่ะ
ต่อมาที่ Toni & Guy Cleanse dry shampoo Day2 Freshness 250 ml. จากร้านWatson แถวบ้าน ราคา 550.-บาท ไทยแลนด์ราคาไม่น่าเกินกว่านี้แล้วล่ะ ราคาแพงกว่า Batiste แต่ขวดใหญ่กว่าเยอะค่ะ… เพราะว่าก็เป็นอีก 1 ใน Dryshampoo ที่เคยใช้เหมือนกันและมีสูตรเดียวที่วางขาย ส่วนตัวเราชอบกลิ่นที่มันดูสดชื่น กลิ่นมันดูหอมอ่อนสำหรับเราก็ไม่ได้ฉุนมาก ใช้แล้วไม่ผิดหวังเลยอยากให้ลองอีกเหมือนกัน
Packaging ที่ดูเรียบๆ แต่ International Brand ของนอกเพราะยี่ห้อก็บ่งบอกอยู่แล้ว ดูเรียบหรู น่าใช้ดี ตามสไตล์ Toni&Guy
สำหรับ Dry ShampooToni& Guyขวดนี้เนี้ยก็เหมาะเป็น Item ใหม่ติดกระเป๋า,ติดรถ,ติดเก๊ะที่ทำงานเหมือนกัน ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่าสระแห้งแบบเคลื่อนที่หรือพกพานั่นแหละ ยังคงบอกเหมือนเดิมว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ ที่สามารถRefreshได้ในระหว่างวันและไม่ทิ้งคราบเลยค่ะ เช่นเดียวกันใช้เหมือนขวดแรกเลยค่ะ ต่างกันแค่ขวดนี้ให้เน้นตรงโคนผม
1.เขย่ากระป๋องสเปรย์ก่อนใช้
2.ฉีดพ่นบริเวณเส้นผมตรงโคนผมได้เลยเพราะจะยิ่งทำให้ผมมีวอลุ่มมากขึ้น
3.นวดๆไว้สักแปป
4.หวีผมแต่งผมได้ตามปกติ
สำหรับ Dry Shampoo Toni&Guy Cleanse เราให้คะแนน 4.5/5 นะ ราคาแรงแต่คุณภาพโอเครเลยล่ะ กลิ่นติดทนนานไม่เปลี่ยนกลิ่น หอมกลิ่นอ่อนแบบกลิ่นดี ด้วยสูตรนี้กลิ่นจะสดชื่นละมุนๆหน่อย ก็เป็นการสระแห้งด้วย Dry shampoo ขวดนี้ ที่ไม่มีหิมะตกบนหัวระหว่างวันเท่าไหร่ ซึมซับความมันได้ดีกว่าอยู่ได้นานเลย แต่ราคาแอบสูงไปนิดแต่ได้ยินมาว่าที่ Eve&Boyแอบราคาถูกกว่านิดหน่อยไว้จะไปลองเดินดูอีกที แนะนำเลยค่ะเพื่อนๆ บางทีชีวิตมนุษย์ออฟฟิสๆอย่างเรามีแต่ชั่วโมง Rush Hour ตั้งแต่ตื่นนอน ยันจะนอนก็เลือกหาทางลัดหลายๆทางแก้ขัดเพื่อให้ทันเวลา แต่สุดท้ายอย่าลืมสระผมกันนะคะ