ตลอดเวลาที่ผ่านมา SLC ทำราคาต่ำเตี้ยมาเรื่อยๆ เพิ่มทุนรายย่อยก็ยอมทำทุกอย่าง ออกคะแนนเสียงโหวตเพื่อเพิ่มทุนมันก็เอาเปรียบรายย่อย อารักษ์คุณเป็น ผบห. และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแต่การกระทำของคุณมันเหลือคำบรรยาย
คุณยังจำคำพูดของคุณเหล่านี้ได้มั้ย
ถอดบทสัมภาษณ์ นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร วันที่ 19-8-2557 on Business Line&Life
คำถาม : เรื่องราวของการเพิ่มทุน SLC
นายอารักษ์ : คณะกรรมการอนุมัติให้นำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อการเพิ่มทุนในวันที่ 3 ต.ค. มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันนั้นครับ
คำถาม : จำนวนที่เพิ่มทุน, สัดส่วน
นายอารักษ์ : 1 หุ้นเดิมต่อ 5 หุ้นใหม่ในราคาหุ้นละ 9 สตางค์ 5 หุ้นเป็นจำนวนเงิน 45 สตางค์ ตอนนี้ราคาหุ้นอยู่ที่ 20 สตางค์กว่าต่อหุ้น
คำถาม : คุ้มหรือไม่คุ้มที่จะเพิ่มทุนของนักลงทุนแก่ SLC. ในครั้งนี้
นายอารักษ์ : ต้องเรียนว่าเราจะเอาไปทำอะไรด้วยนะครับ
อันที่ 1. เราจะเอาไปลดภาระหนี้สินที่เกิดจากการที่เราต้องไปกู้ยืมเงินเพื่อมาวางเป็นหลักประกันสำหรับออกหนังสือค้ำประกันจากธนาคารเพื่อจะเอาเป็นวงเงินประกันสำหรับทีวีดิจิตอล จำนวนเงินไม่เกิน 700 ล้านบาทรวมดอกเบี้ย อันนี้ก็จะลดภาระดอกเบี้ยลงไปได้มากทีเดียว เรากู้มาตั้งแต่ประมาณ 10 กุมภาพันธ์ คือก่อนวาง 1 วัน ถ้าลดไปได้ก็จะลดลงไปได้มากทีเดียว
อันที่ 2. เราจะจัดหาอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ เพราะว่าที่อยู่ในปัจจุบันค่อนข้างคับแคบ เรามีอยู่ประมาณ 1,700 กว่า ตรม. เท่านั้น เป็นสตูดิโออยู่ 3-4 สตูดิโอ แต่ว่ามีคนอยู่ 400 คน เพราะฉนั้นเฉลี่ยคนหนึ่งประมาณ 1.5 ตรม. เท่านั้นนะครับที่เบียดๆกันอยู่ เพราะฉนั้นก็จะต้องหาที่หาทางกันใหม่ ซึ่งยังไม่ได้มีข้อสรุปนะครับที่จะซื้อหรือว่าสร้างใหม่ หรือว่าจะร่วมหรือว่าจะไปให้ใครก่อสร้างให้แล้วเราเช่าระยะยาว ยังไม่ได้มีการตกลงแต่ก็คงต้องมองหาที่ทำการแห่งใหม่นะครับ
อันที่ 3. มาเป็นเงินหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานต่อไปในอนาคตสำหรับสปริงนิวส์ และในเครือซึ่งเราตั้ง บริษัท สปริงนิวส์ มัลติมีเดีย มาด้วยสำหรับการขยายในสื่อสมัยใหม่นะครับ เพื่อจะไปต่อยอดสปริงนิวส์ ให้เพิ่มมูลค่ามากไปกว่านี้ เพราะฉนั้นเงินต่างๆที่เพิ่มทุนมานะครับ นักลงทุนเพิ่มทุนในราคา 9 สตางค์ ผมสมมติว่าท่านลงทุนมาตั้งแต่ 40 สตางค์ก็แล้วกันนะครับ เพิ่มทุนที่ 9 สตางค์ ต้นทุนของท่านก็จะอยู่เฉลี่ยตกประมาณ 15 หรือ 16 สตางค์นะครับ หลังจากที่เพิ่มทุนแล้ว Book Value ของ SLC. ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 21 สตางค์ จะลดเหลือประมาณ 11 สตางค์นะครับ อันนี้ก็เป็นข้อมูลสำหรับนักลงทุนพิจารณากัน
คำถาม : ถ้าคนถือครองหุ้นของ SLC. ในวันนี้จะใช้สิทธิเมื่อไหร่ ยังไง
นายอารักษ์ : เราจะมีการ XR อีกครั้งนะครับ x-right ไม่ได้ดำเนินการครับ ต้องหลังจากที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติก่อนนะครับ แล้วถ้าอนุมัติแล้วค่อยไปปิดสมุดเพื่อที่จะให้สิทธิอีกครั้งหนึ่งครับ เพราะฉนั้นท่านนักลงทุนก็ยังมีเวลาอยู่ครับ ประมาณเดือนพฤศจิกายน กลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไปจนถึงต้นพฤศจิกายน
คำถาม : คนที่ถือครองหุ้น SLC จะเข้าร่วมเพิ่มทุนหรือไม่ร่วมเพิ่มทุน ณ เวลานี้ตัดสินใจได้ใช่มั้ย
นายอารักษ์ : ยังตัดสินใจได้อีกครับ ทิ้งไปหรือถือต่อไป ถ้าคิดว่าไม่เหมาะสมไม่น่าลงทุนก็สามรถทิ้งหุ้นได้ในตลาดนะครับ
คำถาม : ในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เคยเกิดปัญหากันขึ้นคือคุณสมบัติ พานิชชีวะ ในกลุ่มของคุณสงกรานต์ ตันติศิริ กลุ่มนี้ยังยืนยันที่จะลงทุนกับ SLC อยู่หรือเปล่า
นายอารักษ์ : ของคุณสมบัติเนี่ย ไม่ได้มีการพูดคุยเพราะท่านเข้ามาถือโดยความตั้งใจของท่านเอง เมื่อวานนี้(18/8/57) ก็ทราบมาว่าท่านได้ซื้อหุ้นเพิ่มเติมขึ้นไปอันนั้นก็คงเป็นสิทธิของท่านแต่ว่าในส่วนของผู้ถือหุ้นที่ได้รับการจัดสรร PP ไม่ว่าจะเป็นคุณสงกรานต์ก็ดี คุณธีระชัยก็ดี ที่มีการจัดสรรมาเป็นแต่ละรอบก็ได้มีการพูดคุยกับท่าน ท่านก็ค่อนข้างจะ commit นะครับที่จะมีการเพิ่มทุนกับเราครับ
คำถาม : กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่เป็น PP ก็ยืนยันที่ถือหุ้นต่อ?
นายอารักษ์ : ครั้งนี้ให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมทุกท่านและผู้ถือหุ้นเท่าที่มีการพูดคุยก็ค่อนข้างที่จะมีสัญญาณในด้านบวกนะครับ ที่น่าที่จะเพิ่มทุนให้ครับ
คำถาม : ผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่มีเข้ามาหรือเปล่า
นายอารักษ์ : ณ วันนี้ยังไม่ได้ปิดสมุดครับเรายังไม่ทราบว่ามีใครใหม่เข้ามามากน้อยขนาดไหน แต่ถ้าดูจากท่านที่ได้ให้ PP ไปตั้งแต่ต้นนะครับในหลายๆท่านก็ confirm ยืนยันเพิ่มทุนครับ
คำถาม : ในส่วนของตงฮั้วที่ถอนตัว
นายอารักษ์ : ทางตงฮั้วเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงก็อยู่ตรงที่ว่า พอดีมีการเปิดเผยเรียบร้อยแล้วว่าทางกลุ่ม VGI เข้ามาถือหุ้นในตงฮั้ว จริงๆตงฮั้วไม่ได้ถอนเพราะว่ามีปัญหาในเรื่องของการลงทุนแต่อย่างใดนะครับ ตงฮั้วจำเป็นจะต้องถอนเพราะว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เข้ามาใหม่ในตงฮั้ว เขาอยาก specific ลงไปในเรื่องของป้ายเพียงอย่างเดียวเพราะฉนั้นก็การที่มีการเรียกเงินทุนคืนไป เป็นไปตามที่ได้มีการพูดคุยหรือมีการตกลงกันไว้นะครับ
คำถาม : จ่ายให้เขาคืนไปหรือยัง
นายอารักษ์ : จ่ายเรียบร้อยแล้วครับ ก็จะสะดุดเรื่อง financial plan เรานิดนึง เพราะตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าตงฮั้วจะมีผู้ถือหุ้นเข้ามาถือหุ้น และการคืนเงินจะเป็นเงื่อนไขของทางกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ด้วยนะครับ อย่างไรก็ตามเราก็มีการเตรียมไว้ในระดับหนึ่งแล้วนะครับ ที่จะต้องมีการคืนเงินนี้ด้วยในกรณีที่ไม่ได้มีการถือหุ้นต่อ
คำถาม : ธุรกิจของ SLC จะมีผลกำไรได้ในช่วงไหน
นายอารักษ์ : ที่มีการประมาณการไว้ ตัวสปริงน่าจะเห็นกำไรทางบัญชีประมาณไตรมาส 4 ปี 2558เพราะฉนั้นในปี 2559 ก็ควรจะเห็นผลกำไรชัดเจน
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพูดออกไปคุณไม่ได้ทำอะไรออกมาเป็นรูปเป็นร่างเลย เงินเพิ่มทุนของรายย่อย คุณเอาไปทำอะไร มันเงินบาปนะคุณ
สำหรับ SLC ผมเคยตั้งกระทู้มามากมาย เพื่อนๆ ที่เข้ามาทีหลังสามารถหาอ่านได้ย้อนหลัง
ในฐานะที่ผมเป็นรายย่อยและถือหุ้นตัวนี้อยู่ ผมยอมรับการกระทำอันป่าเถื่อนแบบนี้ไม่ได้ ผมมองว่าผู้บริหารหมดศักยภาพในการบริหารงานต่อไป ผมจะไม่ถอยและเป็นฝ่ายถูกกระทำต่อไป สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นรายย่อยและมีหุ้นตัวนี้ด้วยกัน เราพร้อมหรือยังที่จะรุกขึ้นมาสู้กับผู้คนเหล่านี้อย่าให้เค้าได้ใจไปมากกว่านี้ใครมีแนวทางดีๆ ที่พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน ไม่เอาพลังเงียบที่จะเข้ามาแล้วเงียบนะครับ ผมต้องการรวบรวมหุ้นให้ได้มากที่สุดผมต้องการความบริสุทธิ์ใจ ไม่เอาพวกเด็กเจ้า หรือพวกสอดแนม ผมขอกลั่นกรองเพื่อนๆที่จะเข้ามานะครับ ใครพร้อมที่จะไปด้วยกัน Add Line มาหาผม ส่วนตัวผมมีหุ้นไม่มากแต่ผมรับการกระทำแบบนี้ไม่ได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมจะลองอีกครั้งถ้ามันล่มจริงๆ หรือคนที่เอาด้วยน้อย ผมจะยอมถอยครับ
ID: ko.komoto
SLC (NEWS) มารวมพลังรายย่อยกันโว้ย!!!!!
คุณยังจำคำพูดของคุณเหล่านี้ได้มั้ย
ถอดบทสัมภาษณ์ นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร วันที่ 19-8-2557 on Business Line&Life
คำถาม : เรื่องราวของการเพิ่มทุน SLC
นายอารักษ์ : คณะกรรมการอนุมัติให้นำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อการเพิ่มทุนในวันที่ 3 ต.ค. มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันนั้นครับ
คำถาม : จำนวนที่เพิ่มทุน, สัดส่วน
นายอารักษ์ : 1 หุ้นเดิมต่อ 5 หุ้นใหม่ในราคาหุ้นละ 9 สตางค์ 5 หุ้นเป็นจำนวนเงิน 45 สตางค์ ตอนนี้ราคาหุ้นอยู่ที่ 20 สตางค์กว่าต่อหุ้น
คำถาม : คุ้มหรือไม่คุ้มที่จะเพิ่มทุนของนักลงทุนแก่ SLC. ในครั้งนี้
นายอารักษ์ : ต้องเรียนว่าเราจะเอาไปทำอะไรด้วยนะครับ
อันที่ 1. เราจะเอาไปลดภาระหนี้สินที่เกิดจากการที่เราต้องไปกู้ยืมเงินเพื่อมาวางเป็นหลักประกันสำหรับออกหนังสือค้ำประกันจากธนาคารเพื่อจะเอาเป็นวงเงินประกันสำหรับทีวีดิจิตอล จำนวนเงินไม่เกิน 700 ล้านบาทรวมดอกเบี้ย อันนี้ก็จะลดภาระดอกเบี้ยลงไปได้มากทีเดียว เรากู้มาตั้งแต่ประมาณ 10 กุมภาพันธ์ คือก่อนวาง 1 วัน ถ้าลดไปได้ก็จะลดลงไปได้มากทีเดียว
อันที่ 2. เราจะจัดหาอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ เพราะว่าที่อยู่ในปัจจุบันค่อนข้างคับแคบ เรามีอยู่ประมาณ 1,700 กว่า ตรม. เท่านั้น เป็นสตูดิโออยู่ 3-4 สตูดิโอ แต่ว่ามีคนอยู่ 400 คน เพราะฉนั้นเฉลี่ยคนหนึ่งประมาณ 1.5 ตรม. เท่านั้นนะครับที่เบียดๆกันอยู่ เพราะฉนั้นก็จะต้องหาที่หาทางกันใหม่ ซึ่งยังไม่ได้มีข้อสรุปนะครับที่จะซื้อหรือว่าสร้างใหม่ หรือว่าจะร่วมหรือว่าจะไปให้ใครก่อสร้างให้แล้วเราเช่าระยะยาว ยังไม่ได้มีการตกลงแต่ก็คงต้องมองหาที่ทำการแห่งใหม่นะครับ
อันที่ 3. มาเป็นเงินหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานต่อไปในอนาคตสำหรับสปริงนิวส์ และในเครือซึ่งเราตั้ง บริษัท สปริงนิวส์ มัลติมีเดีย มาด้วยสำหรับการขยายในสื่อสมัยใหม่นะครับ เพื่อจะไปต่อยอดสปริงนิวส์ ให้เพิ่มมูลค่ามากไปกว่านี้ เพราะฉนั้นเงินต่างๆที่เพิ่มทุนมานะครับ นักลงทุนเพิ่มทุนในราคา 9 สตางค์ ผมสมมติว่าท่านลงทุนมาตั้งแต่ 40 สตางค์ก็แล้วกันนะครับ เพิ่มทุนที่ 9 สตางค์ ต้นทุนของท่านก็จะอยู่เฉลี่ยตกประมาณ 15 หรือ 16 สตางค์นะครับ หลังจากที่เพิ่มทุนแล้ว Book Value ของ SLC. ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 21 สตางค์ จะลดเหลือประมาณ 11 สตางค์นะครับ อันนี้ก็เป็นข้อมูลสำหรับนักลงทุนพิจารณากัน
คำถาม : ถ้าคนถือครองหุ้นของ SLC. ในวันนี้จะใช้สิทธิเมื่อไหร่ ยังไง
นายอารักษ์ : เราจะมีการ XR อีกครั้งนะครับ x-right ไม่ได้ดำเนินการครับ ต้องหลังจากที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติก่อนนะครับ แล้วถ้าอนุมัติแล้วค่อยไปปิดสมุดเพื่อที่จะให้สิทธิอีกครั้งหนึ่งครับ เพราะฉนั้นท่านนักลงทุนก็ยังมีเวลาอยู่ครับ ประมาณเดือนพฤศจิกายน กลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไปจนถึงต้นพฤศจิกายน
คำถาม : คนที่ถือครองหุ้น SLC จะเข้าร่วมเพิ่มทุนหรือไม่ร่วมเพิ่มทุน ณ เวลานี้ตัดสินใจได้ใช่มั้ย
นายอารักษ์ : ยังตัดสินใจได้อีกครับ ทิ้งไปหรือถือต่อไป ถ้าคิดว่าไม่เหมาะสมไม่น่าลงทุนก็สามรถทิ้งหุ้นได้ในตลาดนะครับ
คำถาม : ในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เคยเกิดปัญหากันขึ้นคือคุณสมบัติ พานิชชีวะ ในกลุ่มของคุณสงกรานต์ ตันติศิริ กลุ่มนี้ยังยืนยันที่จะลงทุนกับ SLC อยู่หรือเปล่า
นายอารักษ์ : ของคุณสมบัติเนี่ย ไม่ได้มีการพูดคุยเพราะท่านเข้ามาถือโดยความตั้งใจของท่านเอง เมื่อวานนี้(18/8/57) ก็ทราบมาว่าท่านได้ซื้อหุ้นเพิ่มเติมขึ้นไปอันนั้นก็คงเป็นสิทธิของท่านแต่ว่าในส่วนของผู้ถือหุ้นที่ได้รับการจัดสรร PP ไม่ว่าจะเป็นคุณสงกรานต์ก็ดี คุณธีระชัยก็ดี ที่มีการจัดสรรมาเป็นแต่ละรอบก็ได้มีการพูดคุยกับท่าน ท่านก็ค่อนข้างจะ commit นะครับที่จะมีการเพิ่มทุนกับเราครับ
คำถาม : กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่เป็น PP ก็ยืนยันที่ถือหุ้นต่อ?
นายอารักษ์ : ครั้งนี้ให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมทุกท่านและผู้ถือหุ้นเท่าที่มีการพูดคุยก็ค่อนข้างที่จะมีสัญญาณในด้านบวกนะครับ ที่น่าที่จะเพิ่มทุนให้ครับ
คำถาม : ผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่มีเข้ามาหรือเปล่า
นายอารักษ์ : ณ วันนี้ยังไม่ได้ปิดสมุดครับเรายังไม่ทราบว่ามีใครใหม่เข้ามามากน้อยขนาดไหน แต่ถ้าดูจากท่านที่ได้ให้ PP ไปตั้งแต่ต้นนะครับในหลายๆท่านก็ confirm ยืนยันเพิ่มทุนครับ
คำถาม : ในส่วนของตงฮั้วที่ถอนตัว
นายอารักษ์ : ทางตงฮั้วเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงก็อยู่ตรงที่ว่า พอดีมีการเปิดเผยเรียบร้อยแล้วว่าทางกลุ่ม VGI เข้ามาถือหุ้นในตงฮั้ว จริงๆตงฮั้วไม่ได้ถอนเพราะว่ามีปัญหาในเรื่องของการลงทุนแต่อย่างใดนะครับ ตงฮั้วจำเป็นจะต้องถอนเพราะว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เข้ามาใหม่ในตงฮั้ว เขาอยาก specific ลงไปในเรื่องของป้ายเพียงอย่างเดียวเพราะฉนั้นก็การที่มีการเรียกเงินทุนคืนไป เป็นไปตามที่ได้มีการพูดคุยหรือมีการตกลงกันไว้นะครับ
คำถาม : จ่ายให้เขาคืนไปหรือยัง
นายอารักษ์ : จ่ายเรียบร้อยแล้วครับ ก็จะสะดุดเรื่อง financial plan เรานิดนึง เพราะตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าตงฮั้วจะมีผู้ถือหุ้นเข้ามาถือหุ้น และการคืนเงินจะเป็นเงื่อนไขของทางกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ด้วยนะครับ อย่างไรก็ตามเราก็มีการเตรียมไว้ในระดับหนึ่งแล้วนะครับ ที่จะต้องมีการคืนเงินนี้ด้วยในกรณีที่ไม่ได้มีการถือหุ้นต่อ
คำถาม : ธุรกิจของ SLC จะมีผลกำไรได้ในช่วงไหน
นายอารักษ์ : ที่มีการประมาณการไว้ ตัวสปริงน่าจะเห็นกำไรทางบัญชีประมาณไตรมาส 4 ปี 2558เพราะฉนั้นในปี 2559 ก็ควรจะเห็นผลกำไรชัดเจน
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพูดออกไปคุณไม่ได้ทำอะไรออกมาเป็นรูปเป็นร่างเลย เงินเพิ่มทุนของรายย่อย คุณเอาไปทำอะไร มันเงินบาปนะคุณ
สำหรับ SLC ผมเคยตั้งกระทู้มามากมาย เพื่อนๆ ที่เข้ามาทีหลังสามารถหาอ่านได้ย้อนหลัง
ในฐานะที่ผมเป็นรายย่อยและถือหุ้นตัวนี้อยู่ ผมยอมรับการกระทำอันป่าเถื่อนแบบนี้ไม่ได้ ผมมองว่าผู้บริหารหมดศักยภาพในการบริหารงานต่อไป ผมจะไม่ถอยและเป็นฝ่ายถูกกระทำต่อไป สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นรายย่อยและมีหุ้นตัวนี้ด้วยกัน เราพร้อมหรือยังที่จะรุกขึ้นมาสู้กับผู้คนเหล่านี้อย่าให้เค้าได้ใจไปมากกว่านี้ใครมีแนวทางดีๆ ที่พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน ไม่เอาพลังเงียบที่จะเข้ามาแล้วเงียบนะครับ ผมต้องการรวบรวมหุ้นให้ได้มากที่สุดผมต้องการความบริสุทธิ์ใจ ไม่เอาพวกเด็กเจ้า หรือพวกสอดแนม ผมขอกลั่นกรองเพื่อนๆที่จะเข้ามานะครับ ใครพร้อมที่จะไปด้วยกัน Add Line มาหาผม ส่วนตัวผมมีหุ้นไม่มากแต่ผมรับการกระทำแบบนี้ไม่ได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมจะลองอีกครั้งถ้ามันล่มจริงๆ หรือคนที่เอาด้วยน้อย ผมจะยอมถอยครับ
ID: ko.komoto