แฉคนโสด : เพราะเป็นคนโสดถึงเจ็บปวด
ผมเชื่อว่า หนุ่มสาวสมัยนี้ โสดมากขึ้น มากขึ้น แล้วก็มากขึ้น ผมคนนึงที่เคยมีแฟน สุดท้ายก็โสด เพราะแฟนมีพฤติกรรมเบี่ยงเบียนทางเพศ นั่นก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เป็นเรื่องของเค้า แต่เรื่องสำคัญที่ผมจะเขียนในตอนนี้คือ “เรื่องน่าเศร้าของคนโสดที่ไม่ตลก”
ผมจะเขียนเป็นข้อๆนะครับ จะได้อ่านง่าย เข้าใจเร็ว
1. คนเราเกิดมา ก็โสดแล้ว
2. พอแตกเนื้อหนุ่มสาวในช่วงวัยรุ่น เริ่มมีความรู้สึกอยากมีความรักกับใครซักคน
3. หนุ่มๆคิดที่จะจีบสาวในช่วงวัยรุ่น ความน่าจะเป็น มี 2 ผลลัพธ์คือ จีบติด กับ จีบไม่ติด
4. ถ้าจีบสาวที่ฮอตติด จะมีชื่อเสียงสนั่นทั้งโรงเรียน
5. แต่เชื่อเหอะ ตอน ม.ปลาย แฟนของสาวฮอตก็พวกเด็กมหาวิทยาลัยทั้งนั้น หรือไม่ก็หนุ่มฮอต
6. เมื่อจีบสาวไม่ติด เกิดอารมณ์ท้อแท้ และสิ้นหวัง
7. บางคนมีทัศนคติที่ว่า ต้องจีบสาวสวยกว่านี้อีก หรือต้องมีหนุ่มที่หล่อกว่านี้อีกเป็นแฟน
8. เลยทำให้หนุ่มๆบางคน คิดจะจีบสาวที่สวยกว่าหรือสวยเท่าเดิมอีกคนนึง
9. แล้วก็แห้วตามเคย ก็โสดเหมือนเดิม ส่วนผู้หญิงเองก็เลือกที่จะคบกับหนุ่มหล่อ
10. ความคิดเช่นนี้ ไม่ใช่ฮอตฮิตใน ม.ปลายเท่านั้น มันลามไปถึงทุกเพศทุกวัย แม้กระทั่งนักศึกษา หรือบุคคลทั่วไปที่ทำงาน
11. แต่บางคนเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้แล้วว่า การไล่ตามจีบหรือทำให้เค้าชอบเนี่ย มันไม่ดีนะ มันสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
12. แต่น่าเสียดายที่หลายๆคนยังตัดสินกันที่หน้าตาภายนอก คนที่อุจจาระเหร่ก็ไปศัลยกรรมตัวเอง อัพเกรดความสวยความหล่ออย่างกับรถยนต์ที่สามารถเลือกแต่งอะไหล่ได้ตามใจชอบ
13. เมื่อศัลยกรรมเสร็จแล้ว ความหล่อความสวยก็ผุดขึ้นมามากกว่าเดิม จากที่ไล่ตามจีบหรือรอให้เค้าชอบกลายเป็นภาคภูมิใจในตัวเอง หลายๆคนเดินเข้ามาจีบ แต่น่าเสียดายที่คนที่ชอบไม่ได้มีแค่คนเดียว และคนที่เข้ามาจีบก็เยอะเหลือเกิน แต่ตำแหน่งแฟนมีได้แค่คนเดียวเท่านั้น จึงทำให้เกิดอารมณ์ “เลือกได้” ขึ้นมา
14. ไม่ใช่แค่คนตามจีบเท่านั้น งานก็เข้ามาเยอะ แต่ระหว่างความสัมพันธ์กับงาน คนสมัยนี้ต้องเลือกงานก่อน เพราะงานมีโอกาสได้เงิน แต่ถ้าคบกัน แล้วมาขอเงิน มันก็น่าเกลียด
15. เมื่องานมาเยอะๆ เงินก็เข้ามาได้เยอะๆ ยิ่งมีความสามารถอะไรอีกนี่ โอ๊ย งานทะลักเลยทีเดียว ซึ่งความสุข ณ ตอนนี้ สามารถสร้างได้ด้วยตัวเองแล้ว มีเงินซะอย่าง เราจะซื้ออะไรก็ได้ หรือเก็บเงินลงทุนในอนาคต
16. เลยกลายเป็นว่า การไล่เดินตามจีบผู้หญิงหรือรอให้คนมาชอบเป็นเรื่องที่ไร้สาระไปซะแล้ว งาน อนาคต การลงทุน การมีหน้ามีตาของสังคมนี่สิ!!! คือสาระของชีวิตอย่างแท้จริง
17. และนี่คือการทำให้ความรู้สึกอยากสละโสดมันไกลขึ้น
18. ในช่วงที่เรากำลังมีความสุขในการทำงานที่ตัวเองรัก จนลืมเรื่องการมีแฟน จู่ๆมีคนเข้ามาจีบ
19. การจีบของเขา (เธอ) มันช่าง Advance มาก ในที่สุดก็ได้คบกัน ใจหนึ่งก็รู้สึกเหงาอ่ะ เลยคบๆกันเหอะ
20. แต่ผ่านไป 3 เดือนกลับเลิกกันซะงั้น เพราะเหตุผลต่างๆนาๆ อย่างทัศนคติไม่ตรงกัน หวานไม่พอ ไม่ออกไปเดท แต่ที่หนักที่สุดคือต่างคนต่าง “อ้างเรื่องงาน” ให้เวลากับงานมากเกินไป
21. แล้วก็ทะเลาะกัน พูดถึงเรื่องอนาคต แต่น่าเสียดายที่อนาคตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำให้ไปด้วยกันไม่ได้ และไม่คิดที่จะปรับความเข้าใจกันด้วย
22. กลับมาโสดเหมือนเดิม
23. ทำแต่งาน งาน แล้วก็งาน ศัลยกรรมที่ว่าทำให้หน้าตาดีกลับเริ่มโทรมลงเพราะโหมงานหนัก บางคนดูแลตัวเองดีก็โชคดีไป มีคนเข้ามาจีบ แต่หลายคนชอบเล่นตัวเพราะไม่อยากจะเสียใจจากความรักอีก บางคนไม่เปิดใจ บางคนจีบสาวไม่เป็น ตื๊ออยู่นั่นแหละ แต่รักจริง และผลคือเราไม่เลือกเค้า เค้าก็เสียใจ
24. จนกระทั่ง มีการ์ดวันแต่งงานเข้ามาที่บ้านของเรา คู่รักคู่นั่นหน้าตาก็ธรรมดาจัง แต่เอ๊ะ ดูสิ!!! ทำไมรูป Pre Wedding มันช่างสวยงามขนาดนี้ คือโรแมนติกมาก หน้าตาก็ธรรมดา ฐานะก็รวย แต่ไม่ได้รวยเวอร์ชนาดนั้นแต่เราสัมผัสถึงความอบอุ่น ความโรแมนติกที่เราไม่เคยได้สัมผัสเลย เราอยากมีแบบนี้บ้าง
25. ไปงานแต่งงาน เราถามเค้าว่า “ทำไมรูป Pre Wedding หวานมากๆอ่ะ” เจ้าสาวของงานบอกว่า “เพราะเราสัญญากับแฟนเราว่าต่อไปนี้ เราคือคนเดียวกันแล้วนะ ถ้ามีอะไรหนักใจ ก็ช่วยกันร่วมทุกช์ร่วมสุข เราและเค้าหน้าตาอาจธรรมดาก็จริง แต่ว่าความสัมพันธ์ความรักที่แท้จริง หน้าตาเป็นเรื่องรอง แต่การแบ่งปันความรักให้กันและกันคือสิ่งสำคัญที่สุด ทำไมเราต้องทำหน้าตาให้สวย ทั้งๆที่แฟนเราชอบหน้าตาธรรมดาๆแบบนี้ แฟนเราชอบรอยยิ้มของเราอ่ะ เลยไม่ค่อยสนใจหน้าตาให้สวยซักเท่าไร 5555 บางที งานเราอาจจะเยอะ แต่งานไม่ใช่เจ้าชีวิตเราที่คอยมาเจ้ากี้เจ้าการณ์อะไรขนาดนั้น เราต้องแบ่งเวลางานกับเวลาความรักให้เหมาะสม นั่นแหละ กุญแจสู่ความรักที่แท้จริง”
26. เมื่อเราได้ยินเช่นนี้ถึงกับอึ้ง เพราะเราชอบผู้หญิงที่หน้าตาจริงๆ หน้าตาต้องเด่น คนรอบข้างถึงจะชอบ ถึงจะอิจฉา
27. ลองมาย้อนมองตัวเอง รู้สึกว่า การเงินเรา การงานเรา ดีแล้วนะ เหลือแต่แฟนนี่แหละ สุดท้ายก็ไม่พ้นที่การแฟนที่สวย เล็งไว้ที่พริตตี้เลยดีกว่า (ในขณะที่ผู้หญิงเลือกผู้ชายหน้าตาแบบไอดอล)
28. เลือกใครดีน้า.... คนนี้ดีกว่า ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ ปอดบวม ดีกรีท่าทางจะเป็นพริตตี้ระดับประเทศ จีบพริตตี้เลยดีกว่า จะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาด้วย
29. ครั้งแรกที่จีบ จีบไม่ติด แต่ไม่ละความพยายาม เลือกพริตตี้ ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ ปอดบวมอีกคน ปรากฎว่าจีบติด
30. มาถึงวันนัดเดท เราก็เตรียมพร้อมมาอย่างดี เอาแบบแจ่มๆเลย ต้องนี่ อาหารญี่ปุ่นหรูๆ อิตาลี กลิ่นซอสพิซซ่ามาเองเลย โอ๊ยยยย ขนาดผมพิมพ์ผมยังน้ำลายไหลเลยครัช
31. เดทแรกผ่านไปได้ด้วยดี แต่อีกใจหนึ่งประหม่าใช่เล่น กลัวจะเสียคนรักไป
32. เดทสองไปสวนสนุก แต่ครั้งนี้คือเรารู้ความจริง เธอมีแฟนอยู่แล้ว แฟนตัวจริงจะทำร้ายเรา แต่โชคดีที่ยามห้ามไว้ได้ทัน
33. กลับมาโสดเหมือนเดิม (ก่อนหน้านั้นคือว่าที่แฟน)
34. เราโทรหาเพื่อนผู้หญิงที่แต่งงานเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว ซึ่งตอนนี้มีลูก ลูกออกมาน่ารัก เป็นผู้หญิง เธอบอกว่า “เรารู้ความคิดของเธออ่ะ เธอต้องการความ Perfect เกินไปจนลืมไปว่า ความรักที่แท้จริง มันเกิดมาจากอะไร เรารู้เพราะเราผ่านความรู้สึกนี้มาแล้ว เราอกหักครั้งแรกเมื่อตอน ม.4 เธอคือคนหักอกเราอย่างไร้เยื่อใย เราเสียใจและร้องไห้ทั้งวัน เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อก่อนทำไมเรารักเธอขนาดนี้ แต่ตอนนี้ เราก็รักเธออยู่ แต่รักแบบเพื่อน ถ้าเป็นคนอื่นเกลียดไปนานแล้ว บางทีแกลองมองคนใกล้ตัวที่มีเสน่ห์ที่รอยยิ้มสิ เอางี้ดีกว่าแก ถ้าแกอยู่ใกล้คนไหนแล้วรู้สึกมีความสุข นั่นแหละคือคนที่ใช้”
35. สักพักเค้าก็วางสาย จากนั้นลองคิดดูว่า คนที่เราอยู่ใกล้แล้วมีความสุขคือใครน่า พ่อ แม่ พี่น้อง ก็มีความสุขนะ แต่ไม่นับ เพราะกำลังเลือกคนที่เป็นแฟนกันและมีความสุขนแบบที่เราเป็น
36. ในขณะที่เราโสดอยู่นั้น เราก็คิดจีบพริตตี้แหละ เอาอีกรอบ เผื่อจีบติด ครั้งที่แล้วเค้าเจ้าชู้ ไม่นับ ครั้งนี้เอาใหม่ เอาพริตตี้ระดับประเทศเลย
37. แต่พริตตี้ระดับประเทศคนนี้เค้าเคยรู้จักกับผมมาก่อนแล้ว ตอนเรียนมหาวิทยาลัยชอบแกล้งเธอเป็นประจำ ครั้งนั้นจำได้เลย เธอหน้าสวยแต่หุ่นอ้วน ผมชอบแซวเธอทุกครั้งที่เดินผ่านมาว่า “อวบๆ แต่มีเสน่ห์” เรื่อยๆ ในใจของเธอก็งง นี่ชมหรือด่า แต่ทุกๆครั้งที่แซวเธอ กลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
38. การจีบพริตตี้ระดับประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันนานมาแล้ว ตอนนั้นไม่ได้ขอเบอร์โทรกันด้วย วิธีได้เบอร์โทรคือต้องขอตอนที่เธอกำลังยืนให้ถ่ายรูปอยู่ แล้วรู้ว่าเธอรับงานที่ Motor Expo ด้วย แต่ไม่รู้ว่าเธอทำงานที่บูธไหน เลยต้องเสี่ยงดวงเอา
39. ในที่สุด ก็เจอเธอ เธอรับงานที่บูธที่ไม่ใช่บูธของโชว์รูม เป็นอะไรที่โชคดีมากเพราะเข้าถึงง่าย เราก็ขอถ่ายรูปเธอแล้วจีบเธอ แล้วเธอก็ให้เบอร์
40. จากความผิดพลาดของเราในอดีต และเรารู้มาว่า นางคนนี้ชอบกินส้มตำ ทำให้เดทแรกของเราคือ การพาไปกินส้มตำในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพ ผมรู้ว่าเธอชอบเดินในย่านพระนคร พวกแถวๆบางลำภู หรือพวกท่าพระจันทร์ พาหุรัด อะไรเทือกๆนี้ ซึ่งชุดที่ไปเดทกัน ก็เป็นชุดธรรมดา สบายๆ ไม่เอ็กซ์เวอร์ๆเหมือนที่ทำงานพริตตี้ แน่นอนว่า ไม่มีใครรู้ว่า เรากำลังเดทกับพริตตี้ระดับประเทศ
41. เธอพูดให้ผมฟังว่า “ก่อนหน้านี้เราอยากลดความอ้วน เราทำทุกวิถีทางจนในที่สุด ก็ทำได้ เราหน้าสวยอยู่แล้วไง แต่ตอนนั้นอ้วน คำที่เธอชอบแซว “อวบๆแต่มีเสน่ห์” มันเป็นคำที่ไม่เคยได้ยิน และแปลกใจทุกครั้งที่เธอพูดแบบนี้กับเรา แต่เราอยากผอมแบบมีเนื้อมีหนังอ่ะ เพิ่งรู้ความจริงว่าเรากรุ๊ปเลือดบี ต้องห้ามกินไก่กับหมู กินเห็ด กินเนื้อวัวอย่างเดียวเลย ข้าวก็ข้าวกล้อง ทำอาหารเอง เรามีความสุขนะ จนกระทั่งมีแมวมองชวนให้เป็นพริตตี้ เราก็สมัครเป็นพริตตี้ แรกๆก็ บูธเล็กๆใน Commart ก่อน แล้วขยับมาเป็นงานปานกลางอย่าง Mobile Expo จนกระทั่งรับงาน Motor Expo แต่ก็บูธเล็กๆแหละ”
42. ผมถามเค้าว่า “แล้วมีคนมาจีบบ้างมั้ย” เธอตอบว่า “มีสิ เยอะมากๆเลย ตั้งแต่เด็ก Krapoke ยันหนุ่มโกลเด้นเอจ และพี่ด้วย คนที่มาจีบ ก็ชวนให้ไปกินอาหารเกาหลี อิตาลีอะไรเทือกนั้น และครั้งล่าสุดชวนไป EmQuartier ด้วย แต่เราไม่ชอบอ่ะ เราชอบเดินในย่านพระนครมากกว่า เก่าๆดี เก๋าด้วย เราติดใจตั้งแต่ตอนไปเที่ยวกับเพื่อนแล้ว แต่เพื่อนๆกลุ่มเราหลังๆไปแต่ไนท์คลับย่าน RCA ทองหล่อทั้งนั้น เราก็ต้องไปเพราะเพื่อนอ่ะนะ แต่เราชอบย่านนี้มากกว่า”
43. “หมวย (นามสมมติ)” ผมพูดและจับมือเธอ “ณ เวลานี้ เธออาจจะไม่ได้สวยมากเหมือนใครบางคน แต่ทำไมพี่รู้สึกว่า หมวยเป็นผู้หญิงที่ทำให้พี่รู้จักกับคำว่ารักอย่างแท้จริง” เฮ้ย ผมพูดประโยคนี้ มันไนซ์กายชัดๆ แต่เอาเหอะ ดูการตอบกลับของเธอดีกว่า
44. “พี่เคยเป็นแบบหมวยรึเปล่าคะ” เธอถามผม “เราอยากทำตัว Perfect เพื่อภาคภูมิใจกับตัวเอง บางทีเราก็หลงระเลิงไปกับสังคมที่ต้องการให้เราเป็นแบบอย่างโน้นอย่างนี้ เอาจริงๆนะ หมวยก็อยากเลิกเป็นพริตตี้เหมือนกันเพราะมันไม่ใช่ตัวหมวยเลย ตัวหมวยเองเอาจริงๆคือผู้หญิงธรรมดา แล้วหมวยขอสารภาพว่า ที่เป็นพริตตี้มาเนี่ย หมวยไม่เคยศัลยกรรมอะไรเลย นมก็นมจริง ไม่ได้เล็กไม่ได้ใหญ่เกินไป คางวีเชฟก็เกือบๆนะ หมวยเป็นคนชอบพูดชอบจา ผู้ชายที่มาจีบจีบแต่วิธีเดิม หมวยเบื่อ แต่พี่มีอะไรหลายๆอย่างเหมือนหมวยมาก และยิ่งนับวัน หมวยก็เริ่มเหงา เพื่อนๆก็หายไปไหนไม่รู้แล้ว มีแต่เพื่อนที่ทำงาน มันไม่สนุก แต่พี่อ่ะ ทำให้ความรู้สึกที่หมวยไว้ใจมันกลับคืนมาจนได้”
45. “พี่ก็ว่าจะสารภาพเหมือนกัน” ผมพูด “ก่อนหน้านั้น พี่เอาแต่จีบ เล็งแต่หน้าตาสาวๆ ต้องเด่น ต้องทำให้คนอื่นอิจฉา แม้แต่หมวยเองพี่ก็เล็งเพราะหมวยสวย แต่เอาจริงๆเธอก็ไม่ได้สวยนะ เธอก็หน้าตาธรรมดา”
46. “แสดงว่าหมวยยิ้มสวยใช่ป่ะ” เธอถาม
47. “ใช่แล้ว”ผมพูด “เป็นแฟนกันนะ”
48. “พี่” หมวยพูด “หมวยอยากศึกษาใจของพี่ให้มากกว่านี้อ่ะ ไว้ค่อยเดทหลายๆรอบก่อนแล้วค่อยตกลงกันได้มั้ย”
49. “ระวังถึงเวลานั้นเปลี่ยนใจนะเธอ”
50. จบ.
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แรงบันดาลใจก็เอามาจากที่ตัวเองเจอผสมกับเรื่องราวของเพื่อนๆที่สนิทกันครับ ไม่ใช่เรื่องจริง แต่เราอยากสอนให้รู้ว่า คู่รักที่แท้จริง มักอยู่ในระดับเดียวกัน คือถ้าสมมติว่าเราเป็นกราฟิคดีไซน์เนอร์ แฟนเราก็เป็นอาชีพทั่วไปนั่นแหละ อย่างบัญชีบ้าง สถาปนิกบ้าง ในเรื่องที่ผมเล่า ผมแทนไปว่า เป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการหาเงิน คือมีกิจการ มีแฟรนไชส์เยอะแยะ ได้เงินเยอะเป็นกอบเป็นกำ แต่เค้าไม่มีแฟนเท่านั้นเอง เค้าเหงาประมาณนี้ และอยากมีแฟน ทำไงล่ะ ก็จีบๆๆๆๆ มีอยู่ช่วงนึงที่ตัวเอกหลงระเริงไปกับความหล่อของตัวเอง สาวๆเข้ามาจีบก็ไม่สน เป็นไงล่ะ ก็โสดสิ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่ารักใคร เพราะความสวย ความหล่อ ฐานะ การเงินของเค้า แต่ให้รักเค้าที่ตัวตนของเค้าจริงๆ
แฉคนโสด : เพราะเป็นคนโสดถึงเจ็บปวด
ผมเชื่อว่า หนุ่มสาวสมัยนี้ โสดมากขึ้น มากขึ้น แล้วก็มากขึ้น ผมคนนึงที่เคยมีแฟน สุดท้ายก็โสด เพราะแฟนมีพฤติกรรมเบี่ยงเบียนทางเพศ นั่นก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เป็นเรื่องของเค้า แต่เรื่องสำคัญที่ผมจะเขียนในตอนนี้คือ “เรื่องน่าเศร้าของคนโสดที่ไม่ตลก”
ผมจะเขียนเป็นข้อๆนะครับ จะได้อ่านง่าย เข้าใจเร็ว
1. คนเราเกิดมา ก็โสดแล้ว
2. พอแตกเนื้อหนุ่มสาวในช่วงวัยรุ่น เริ่มมีความรู้สึกอยากมีความรักกับใครซักคน
3. หนุ่มๆคิดที่จะจีบสาวในช่วงวัยรุ่น ความน่าจะเป็น มี 2 ผลลัพธ์คือ จีบติด กับ จีบไม่ติด
4. ถ้าจีบสาวที่ฮอตติด จะมีชื่อเสียงสนั่นทั้งโรงเรียน
5. แต่เชื่อเหอะ ตอน ม.ปลาย แฟนของสาวฮอตก็พวกเด็กมหาวิทยาลัยทั้งนั้น หรือไม่ก็หนุ่มฮอต
6. เมื่อจีบสาวไม่ติด เกิดอารมณ์ท้อแท้ และสิ้นหวัง
7. บางคนมีทัศนคติที่ว่า ต้องจีบสาวสวยกว่านี้อีก หรือต้องมีหนุ่มที่หล่อกว่านี้อีกเป็นแฟน
8. เลยทำให้หนุ่มๆบางคน คิดจะจีบสาวที่สวยกว่าหรือสวยเท่าเดิมอีกคนนึง
9. แล้วก็แห้วตามเคย ก็โสดเหมือนเดิม ส่วนผู้หญิงเองก็เลือกที่จะคบกับหนุ่มหล่อ
10. ความคิดเช่นนี้ ไม่ใช่ฮอตฮิตใน ม.ปลายเท่านั้น มันลามไปถึงทุกเพศทุกวัย แม้กระทั่งนักศึกษา หรือบุคคลทั่วไปที่ทำงาน
11. แต่บางคนเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้แล้วว่า การไล่ตามจีบหรือทำให้เค้าชอบเนี่ย มันไม่ดีนะ มันสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
12. แต่น่าเสียดายที่หลายๆคนยังตัดสินกันที่หน้าตาภายนอก คนที่อุจจาระเหร่ก็ไปศัลยกรรมตัวเอง อัพเกรดความสวยความหล่ออย่างกับรถยนต์ที่สามารถเลือกแต่งอะไหล่ได้ตามใจชอบ
13. เมื่อศัลยกรรมเสร็จแล้ว ความหล่อความสวยก็ผุดขึ้นมามากกว่าเดิม จากที่ไล่ตามจีบหรือรอให้เค้าชอบกลายเป็นภาคภูมิใจในตัวเอง หลายๆคนเดินเข้ามาจีบ แต่น่าเสียดายที่คนที่ชอบไม่ได้มีแค่คนเดียว และคนที่เข้ามาจีบก็เยอะเหลือเกิน แต่ตำแหน่งแฟนมีได้แค่คนเดียวเท่านั้น จึงทำให้เกิดอารมณ์ “เลือกได้” ขึ้นมา
14. ไม่ใช่แค่คนตามจีบเท่านั้น งานก็เข้ามาเยอะ แต่ระหว่างความสัมพันธ์กับงาน คนสมัยนี้ต้องเลือกงานก่อน เพราะงานมีโอกาสได้เงิน แต่ถ้าคบกัน แล้วมาขอเงิน มันก็น่าเกลียด
15. เมื่องานมาเยอะๆ เงินก็เข้ามาได้เยอะๆ ยิ่งมีความสามารถอะไรอีกนี่ โอ๊ย งานทะลักเลยทีเดียว ซึ่งความสุข ณ ตอนนี้ สามารถสร้างได้ด้วยตัวเองแล้ว มีเงินซะอย่าง เราจะซื้ออะไรก็ได้ หรือเก็บเงินลงทุนในอนาคต
16. เลยกลายเป็นว่า การไล่เดินตามจีบผู้หญิงหรือรอให้คนมาชอบเป็นเรื่องที่ไร้สาระไปซะแล้ว งาน อนาคต การลงทุน การมีหน้ามีตาของสังคมนี่สิ!!! คือสาระของชีวิตอย่างแท้จริง
17. และนี่คือการทำให้ความรู้สึกอยากสละโสดมันไกลขึ้น
18. ในช่วงที่เรากำลังมีความสุขในการทำงานที่ตัวเองรัก จนลืมเรื่องการมีแฟน จู่ๆมีคนเข้ามาจีบ
19. การจีบของเขา (เธอ) มันช่าง Advance มาก ในที่สุดก็ได้คบกัน ใจหนึ่งก็รู้สึกเหงาอ่ะ เลยคบๆกันเหอะ
20. แต่ผ่านไป 3 เดือนกลับเลิกกันซะงั้น เพราะเหตุผลต่างๆนาๆ อย่างทัศนคติไม่ตรงกัน หวานไม่พอ ไม่ออกไปเดท แต่ที่หนักที่สุดคือต่างคนต่าง “อ้างเรื่องงาน” ให้เวลากับงานมากเกินไป
21. แล้วก็ทะเลาะกัน พูดถึงเรื่องอนาคต แต่น่าเสียดายที่อนาคตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำให้ไปด้วยกันไม่ได้ และไม่คิดที่จะปรับความเข้าใจกันด้วย
22. กลับมาโสดเหมือนเดิม
23. ทำแต่งาน งาน แล้วก็งาน ศัลยกรรมที่ว่าทำให้หน้าตาดีกลับเริ่มโทรมลงเพราะโหมงานหนัก บางคนดูแลตัวเองดีก็โชคดีไป มีคนเข้ามาจีบ แต่หลายคนชอบเล่นตัวเพราะไม่อยากจะเสียใจจากความรักอีก บางคนไม่เปิดใจ บางคนจีบสาวไม่เป็น ตื๊ออยู่นั่นแหละ แต่รักจริง และผลคือเราไม่เลือกเค้า เค้าก็เสียใจ
24. จนกระทั่ง มีการ์ดวันแต่งงานเข้ามาที่บ้านของเรา คู่รักคู่นั่นหน้าตาก็ธรรมดาจัง แต่เอ๊ะ ดูสิ!!! ทำไมรูป Pre Wedding มันช่างสวยงามขนาดนี้ คือโรแมนติกมาก หน้าตาก็ธรรมดา ฐานะก็รวย แต่ไม่ได้รวยเวอร์ชนาดนั้นแต่เราสัมผัสถึงความอบอุ่น ความโรแมนติกที่เราไม่เคยได้สัมผัสเลย เราอยากมีแบบนี้บ้าง
25. ไปงานแต่งงาน เราถามเค้าว่า “ทำไมรูป Pre Wedding หวานมากๆอ่ะ” เจ้าสาวของงานบอกว่า “เพราะเราสัญญากับแฟนเราว่าต่อไปนี้ เราคือคนเดียวกันแล้วนะ ถ้ามีอะไรหนักใจ ก็ช่วยกันร่วมทุกช์ร่วมสุข เราและเค้าหน้าตาอาจธรรมดาก็จริง แต่ว่าความสัมพันธ์ความรักที่แท้จริง หน้าตาเป็นเรื่องรอง แต่การแบ่งปันความรักให้กันและกันคือสิ่งสำคัญที่สุด ทำไมเราต้องทำหน้าตาให้สวย ทั้งๆที่แฟนเราชอบหน้าตาธรรมดาๆแบบนี้ แฟนเราชอบรอยยิ้มของเราอ่ะ เลยไม่ค่อยสนใจหน้าตาให้สวยซักเท่าไร 5555 บางที งานเราอาจจะเยอะ แต่งานไม่ใช่เจ้าชีวิตเราที่คอยมาเจ้ากี้เจ้าการณ์อะไรขนาดนั้น เราต้องแบ่งเวลางานกับเวลาความรักให้เหมาะสม นั่นแหละ กุญแจสู่ความรักที่แท้จริง”
26. เมื่อเราได้ยินเช่นนี้ถึงกับอึ้ง เพราะเราชอบผู้หญิงที่หน้าตาจริงๆ หน้าตาต้องเด่น คนรอบข้างถึงจะชอบ ถึงจะอิจฉา
27. ลองมาย้อนมองตัวเอง รู้สึกว่า การเงินเรา การงานเรา ดีแล้วนะ เหลือแต่แฟนนี่แหละ สุดท้ายก็ไม่พ้นที่การแฟนที่สวย เล็งไว้ที่พริตตี้เลยดีกว่า (ในขณะที่ผู้หญิงเลือกผู้ชายหน้าตาแบบไอดอล)
28. เลือกใครดีน้า.... คนนี้ดีกว่า ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ ปอดบวม ดีกรีท่าทางจะเป็นพริตตี้ระดับประเทศ จีบพริตตี้เลยดีกว่า จะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาด้วย
29. ครั้งแรกที่จีบ จีบไม่ติด แต่ไม่ละความพยายาม เลือกพริตตี้ ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ ปอดบวมอีกคน ปรากฎว่าจีบติด
30. มาถึงวันนัดเดท เราก็เตรียมพร้อมมาอย่างดี เอาแบบแจ่มๆเลย ต้องนี่ อาหารญี่ปุ่นหรูๆ อิตาลี กลิ่นซอสพิซซ่ามาเองเลย โอ๊ยยยย ขนาดผมพิมพ์ผมยังน้ำลายไหลเลยครัช
31. เดทแรกผ่านไปได้ด้วยดี แต่อีกใจหนึ่งประหม่าใช่เล่น กลัวจะเสียคนรักไป
32. เดทสองไปสวนสนุก แต่ครั้งนี้คือเรารู้ความจริง เธอมีแฟนอยู่แล้ว แฟนตัวจริงจะทำร้ายเรา แต่โชคดีที่ยามห้ามไว้ได้ทัน
33. กลับมาโสดเหมือนเดิม (ก่อนหน้านั้นคือว่าที่แฟน)
34. เราโทรหาเพื่อนผู้หญิงที่แต่งงานเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว ซึ่งตอนนี้มีลูก ลูกออกมาน่ารัก เป็นผู้หญิง เธอบอกว่า “เรารู้ความคิดของเธออ่ะ เธอต้องการความ Perfect เกินไปจนลืมไปว่า ความรักที่แท้จริง มันเกิดมาจากอะไร เรารู้เพราะเราผ่านความรู้สึกนี้มาแล้ว เราอกหักครั้งแรกเมื่อตอน ม.4 เธอคือคนหักอกเราอย่างไร้เยื่อใย เราเสียใจและร้องไห้ทั้งวัน เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อก่อนทำไมเรารักเธอขนาดนี้ แต่ตอนนี้ เราก็รักเธออยู่ แต่รักแบบเพื่อน ถ้าเป็นคนอื่นเกลียดไปนานแล้ว บางทีแกลองมองคนใกล้ตัวที่มีเสน่ห์ที่รอยยิ้มสิ เอางี้ดีกว่าแก ถ้าแกอยู่ใกล้คนไหนแล้วรู้สึกมีความสุข นั่นแหละคือคนที่ใช้”
35. สักพักเค้าก็วางสาย จากนั้นลองคิดดูว่า คนที่เราอยู่ใกล้แล้วมีความสุขคือใครน่า พ่อ แม่ พี่น้อง ก็มีความสุขนะ แต่ไม่นับ เพราะกำลังเลือกคนที่เป็นแฟนกันและมีความสุขนแบบที่เราเป็น
36. ในขณะที่เราโสดอยู่นั้น เราก็คิดจีบพริตตี้แหละ เอาอีกรอบ เผื่อจีบติด ครั้งที่แล้วเค้าเจ้าชู้ ไม่นับ ครั้งนี้เอาใหม่ เอาพริตตี้ระดับประเทศเลย
37. แต่พริตตี้ระดับประเทศคนนี้เค้าเคยรู้จักกับผมมาก่อนแล้ว ตอนเรียนมหาวิทยาลัยชอบแกล้งเธอเป็นประจำ ครั้งนั้นจำได้เลย เธอหน้าสวยแต่หุ่นอ้วน ผมชอบแซวเธอทุกครั้งที่เดินผ่านมาว่า “อวบๆ แต่มีเสน่ห์” เรื่อยๆ ในใจของเธอก็งง นี่ชมหรือด่า แต่ทุกๆครั้งที่แซวเธอ กลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
38. การจีบพริตตี้ระดับประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันนานมาแล้ว ตอนนั้นไม่ได้ขอเบอร์โทรกันด้วย วิธีได้เบอร์โทรคือต้องขอตอนที่เธอกำลังยืนให้ถ่ายรูปอยู่ แล้วรู้ว่าเธอรับงานที่ Motor Expo ด้วย แต่ไม่รู้ว่าเธอทำงานที่บูธไหน เลยต้องเสี่ยงดวงเอา
39. ในที่สุด ก็เจอเธอ เธอรับงานที่บูธที่ไม่ใช่บูธของโชว์รูม เป็นอะไรที่โชคดีมากเพราะเข้าถึงง่าย เราก็ขอถ่ายรูปเธอแล้วจีบเธอ แล้วเธอก็ให้เบอร์
40. จากความผิดพลาดของเราในอดีต และเรารู้มาว่า นางคนนี้ชอบกินส้มตำ ทำให้เดทแรกของเราคือ การพาไปกินส้มตำในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพ ผมรู้ว่าเธอชอบเดินในย่านพระนคร พวกแถวๆบางลำภู หรือพวกท่าพระจันทร์ พาหุรัด อะไรเทือกๆนี้ ซึ่งชุดที่ไปเดทกัน ก็เป็นชุดธรรมดา สบายๆ ไม่เอ็กซ์เวอร์ๆเหมือนที่ทำงานพริตตี้ แน่นอนว่า ไม่มีใครรู้ว่า เรากำลังเดทกับพริตตี้ระดับประเทศ
41. เธอพูดให้ผมฟังว่า “ก่อนหน้านี้เราอยากลดความอ้วน เราทำทุกวิถีทางจนในที่สุด ก็ทำได้ เราหน้าสวยอยู่แล้วไง แต่ตอนนั้นอ้วน คำที่เธอชอบแซว “อวบๆแต่มีเสน่ห์” มันเป็นคำที่ไม่เคยได้ยิน และแปลกใจทุกครั้งที่เธอพูดแบบนี้กับเรา แต่เราอยากผอมแบบมีเนื้อมีหนังอ่ะ เพิ่งรู้ความจริงว่าเรากรุ๊ปเลือดบี ต้องห้ามกินไก่กับหมู กินเห็ด กินเนื้อวัวอย่างเดียวเลย ข้าวก็ข้าวกล้อง ทำอาหารเอง เรามีความสุขนะ จนกระทั่งมีแมวมองชวนให้เป็นพริตตี้ เราก็สมัครเป็นพริตตี้ แรกๆก็ บูธเล็กๆใน Commart ก่อน แล้วขยับมาเป็นงานปานกลางอย่าง Mobile Expo จนกระทั่งรับงาน Motor Expo แต่ก็บูธเล็กๆแหละ”
42. ผมถามเค้าว่า “แล้วมีคนมาจีบบ้างมั้ย” เธอตอบว่า “มีสิ เยอะมากๆเลย ตั้งแต่เด็ก Krapoke ยันหนุ่มโกลเด้นเอจ และพี่ด้วย คนที่มาจีบ ก็ชวนให้ไปกินอาหารเกาหลี อิตาลีอะไรเทือกนั้น และครั้งล่าสุดชวนไป EmQuartier ด้วย แต่เราไม่ชอบอ่ะ เราชอบเดินในย่านพระนครมากกว่า เก่าๆดี เก๋าด้วย เราติดใจตั้งแต่ตอนไปเที่ยวกับเพื่อนแล้ว แต่เพื่อนๆกลุ่มเราหลังๆไปแต่ไนท์คลับย่าน RCA ทองหล่อทั้งนั้น เราก็ต้องไปเพราะเพื่อนอ่ะนะ แต่เราชอบย่านนี้มากกว่า”
43. “หมวย (นามสมมติ)” ผมพูดและจับมือเธอ “ณ เวลานี้ เธออาจจะไม่ได้สวยมากเหมือนใครบางคน แต่ทำไมพี่รู้สึกว่า หมวยเป็นผู้หญิงที่ทำให้พี่รู้จักกับคำว่ารักอย่างแท้จริง” เฮ้ย ผมพูดประโยคนี้ มันไนซ์กายชัดๆ แต่เอาเหอะ ดูการตอบกลับของเธอดีกว่า
44. “พี่เคยเป็นแบบหมวยรึเปล่าคะ” เธอถามผม “เราอยากทำตัว Perfect เพื่อภาคภูมิใจกับตัวเอง บางทีเราก็หลงระเลิงไปกับสังคมที่ต้องการให้เราเป็นแบบอย่างโน้นอย่างนี้ เอาจริงๆนะ หมวยก็อยากเลิกเป็นพริตตี้เหมือนกันเพราะมันไม่ใช่ตัวหมวยเลย ตัวหมวยเองเอาจริงๆคือผู้หญิงธรรมดา แล้วหมวยขอสารภาพว่า ที่เป็นพริตตี้มาเนี่ย หมวยไม่เคยศัลยกรรมอะไรเลย นมก็นมจริง ไม่ได้เล็กไม่ได้ใหญ่เกินไป คางวีเชฟก็เกือบๆนะ หมวยเป็นคนชอบพูดชอบจา ผู้ชายที่มาจีบจีบแต่วิธีเดิม หมวยเบื่อ แต่พี่มีอะไรหลายๆอย่างเหมือนหมวยมาก และยิ่งนับวัน หมวยก็เริ่มเหงา เพื่อนๆก็หายไปไหนไม่รู้แล้ว มีแต่เพื่อนที่ทำงาน มันไม่สนุก แต่พี่อ่ะ ทำให้ความรู้สึกที่หมวยไว้ใจมันกลับคืนมาจนได้”
45. “พี่ก็ว่าจะสารภาพเหมือนกัน” ผมพูด “ก่อนหน้านั้น พี่เอาแต่จีบ เล็งแต่หน้าตาสาวๆ ต้องเด่น ต้องทำให้คนอื่นอิจฉา แม้แต่หมวยเองพี่ก็เล็งเพราะหมวยสวย แต่เอาจริงๆเธอก็ไม่ได้สวยนะ เธอก็หน้าตาธรรมดา”
46. “แสดงว่าหมวยยิ้มสวยใช่ป่ะ” เธอถาม
47. “ใช่แล้ว”ผมพูด “เป็นแฟนกันนะ”
48. “พี่” หมวยพูด “หมวยอยากศึกษาใจของพี่ให้มากกว่านี้อ่ะ ไว้ค่อยเดทหลายๆรอบก่อนแล้วค่อยตกลงกันได้มั้ย”
49. “ระวังถึงเวลานั้นเปลี่ยนใจนะเธอ”
50. จบ.
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แรงบันดาลใจก็เอามาจากที่ตัวเองเจอผสมกับเรื่องราวของเพื่อนๆที่สนิทกันครับ ไม่ใช่เรื่องจริง แต่เราอยากสอนให้รู้ว่า คู่รักที่แท้จริง มักอยู่ในระดับเดียวกัน คือถ้าสมมติว่าเราเป็นกราฟิคดีไซน์เนอร์ แฟนเราก็เป็นอาชีพทั่วไปนั่นแหละ อย่างบัญชีบ้าง สถาปนิกบ้าง ในเรื่องที่ผมเล่า ผมแทนไปว่า เป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการหาเงิน คือมีกิจการ มีแฟรนไชส์เยอะแยะ ได้เงินเยอะเป็นกอบเป็นกำ แต่เค้าไม่มีแฟนเท่านั้นเอง เค้าเหงาประมาณนี้ และอยากมีแฟน ทำไงล่ะ ก็จีบๆๆๆๆ มีอยู่ช่วงนึงที่ตัวเอกหลงระเริงไปกับความหล่อของตัวเอง สาวๆเข้ามาจีบก็ไม่สน เป็นไงล่ะ ก็โสดสิ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่ารักใคร เพราะความสวย ความหล่อ ฐานะ การเงินของเค้า แต่ให้รักเค้าที่ตัวตนของเค้าจริงๆ