โพสต์นี้ผมเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การขายปืนฉีดน้ำปีที่แล้ว ที่ RCA (57) หวังว่าเพื่อนๆจะพอเห็นภาพว่าการเป็นพ่อค้านั้นมีอะไรหลายอย่างให้คิดและทำไม่แพ้การทำงานอื่นๆเลย ไหนจะต้องตัดสินใจเรื่องเช่าที่ เรื่องหาของมาขาย คิดเทคนิคการขาย คิดราคาขาย และอื่นๆ อีกมากมาย
เรามาเริ่มกันเลย!
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อนวันสงกรานต์ อยู่ดีๆเพื่อนสนิทผมคนหนึ่งชื่อมิ้ลค์ (ผู้ชายอะไรชื่อมิ้ลค์) มาบอกกับผมว่า "ไปขายของวันสงกรานต์กัน กำไรโคตรรรดี รับน้ำเปล่ามาขวดละ 3 บาท ขายขวดละ 30! ขายแป๊บเดียวก็กำไรเป็นหมื่นละ!"
"ได้คืนนึงเป็นหมื่น! โอ้หวานนน" ผมคิดในใจ และก็เลยตอบกลับไปว่า "เอาดิวะ งานนี้เหนื่อยเท่าไหร่ก็เอาวะ!"
สำรวจ
สามวันถัดมา มิ้ลค์ได้ลงสำรวจพื้นที่ที่พวกเราสามารถเช่าได้ในวันสงกรานต์ ซึ่งผมจำได้ว่าที่เล็กนิดเดียวก็หลายพันบาทแล้ว แถมต้องเช่าทีตั้งแต่วันแรกจนจบงาน เนื่องจากพวกเราไม่ได้ตั้งใจจะทำจริงๆจังๆ และไม่มีประสบการณ์เลย พวกเราเลยเห็นพ้องกันว่าไม่เช่าที่ดีกว่า
การไม่มีที่ตั้งที่แน่นอนทำให้เราขายน้ำไม่ได้ เพราะเราอาจไม่มีที่วางถังน้ำ นอกจากนั้นขายน้ำยังดูยุ่งยาก ไหนต้องใช้รถใหญ่เพราะขนน้ำที่หนักและก็ถังน้ำอีก และไหนจะต้องมีน้ำแข็งอีก สรุปว่าขายน้ำนั้นยากเกิน
แต่ยังไงมิ้ลค์ก็ยังอยากขายอยู่ดี บอก "อย่างอื่นก็กำไรดีเหมือนกันเว้ย" มิ้ลค์บอก
ผมก็เออออตามมันไป เพราะผมเองก็อยากลองไป RCA เหมือนกัน (เชื่อปะ ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยไปเลย) ขายไปดูบรรยากาศไป ได้เงินได้ประสบการณ์ อะไรจะดีไปกว่านี้ ตอนนั้นไม่ยักจะรู้ว่าขายของนั้นไม่ได้ "มันส์" อย่างที่คิดเล้ยย
แผน
สินค้า
หลังจากที่มิ้ลค์ขับรถไปสำเพ็งไปดูของราคาเรียบร้อย พวกเราตัดสินใจขายของทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่
1. ปืนฉีดน้ำ Line แบบ Cony and Brown ไว้สำหรับคู่รัก ใช้คู่กัน สวีทน่ารักสุดๆ (โฆษณาสุดๆ) ตอนนั้น Line กำลังฮิตระเบิด พวกเราเลยคิดว่าน่าจะขายดี
- รับมาทั้งหมด 12 คู่ ที่ราคาประมาณ 240 ต่อชิ้น
- ขายที่ราคาชิ้นละ 350 คู่ละ 600 กลมๆ (เห็นขายใน 7-11 กระบอกละ 399 แหน่ะ) ตัดราคามันไปเลย
2. ถุงใส่มือถือที่เอาไว้กันมือถือเปียก วิธีใช้ก็แค่เอามือถือใส่ลงไป แล้วเอาห้อยคอไว้
- มีให้เลือก 3 สี ดำ แดง และน้ำเงิน
- รับมาถุงละ 8 บาท ทั้งหมด 300 ถุงได้
- ญาติผมเคยบอกว่าขายได้ สบาย ถุงละ 40-50 ผมคิดว่า "โหห อย่างงี้กำไรเละ เราขายแค่ 30 บาทได้ 80 ถุงก็เท่าทุนแล้ว อย่างงี้สบายย" หารู้ไม่ว่า พอถึงวันจริง สบายจะกลายเป็น "แฮก แฮกๆ"
3. รองเท้าแตะสีเขียว มีโลโก้ Line ธรรมดาๆ
- ซื้อมาประมาณ 16 คู่ คู่ละประมาณ 40 บาทได้มั๊ง กะขายคนที่ต้องเปลี่ยนรองเท้า เพราะใส่รองเท้ามา"ผิดงาน"
- สนนราคา 100 บาท กำไรดี
ทำเล
ส่วนเรื่องทำเล พวกเรากะหาที่ลักไก่ปูเสื่อขาย พวกเราคิดว่าอาจจะได้ทำเลแย่หน่อยแต่อย่างน้อยไม่เสียค่าที่ ลดความเสี่ยงเผื่อขายไม่ออก อย่างแย่สุดก็แค่เดินขาย ซึ่งเหนื่อยกว่าเดิม
วันจริง
บ่ายวันที่ 12 เมษายน (เลือกวันนี้เพราะวันที่ 13 วันเกิดอาม่า ต้องไปกินข้าวกับครอบครัว) พวกเราสองคนขนของที่จะขายและสัมภาระอื่นๆ เช่น กล่องลัง(ไว้วางของขาย) เสื่อไว้ปูรอง ผ้าคลุมกันน้ำ กระเป๋าเงิน ไว้ใส่ตังค์ และใจที่หนักแน่น ใส่รถฟอร์จูนเนอร์ของคุณพ่อผม ซึ่งยัดได้พอดี แถมก่อนที่จะออกเราขายญาติๆ ผู้ใจดีช่วยอุดหนุนปืนฉีดน้ำไปแล้ว 3 กระบอก ซึ่งทำให้พวกเราใจชื้นเข้าไปใหญ่
พวกเราขับรถออกจากบ้านอย่างราบรื่น ระหว่างขับออกจากซอยผมก็คิดว่า "เอาล่ะวะ งานนี้ขอซักคนละ 2-3 พันติดไม้ติดมือกลับบ้าน หน่อยละกัน!" (ลูกกะตาขึ้นมาเป็นตัว ($_$) เหมือนในการ์ตูน 555)
เจ้าถิ่นอีกแล้ว!
เวลาบ่าย 4 โมงกว่าๆ พวกเราก็ถึง RCA ซึ่งถนนข้างหน้างานก็เริ่มติดแล้ว พอเข้า RCA ได้ พวกเราก็เล็งหาที่จอดรถทันที ซึ่งก็ไม่แปลกใจว่าที่จอดนั้นหายากมากๆๆๆ อันที่กันไว้ก็ที่ของ "เจ้าถิ่น" มาเรียกเก็บเงิน ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้สังคมแย่ลงมากๆ และรัฐควรแก้ไขด่วน
"แต่โชคดีที่ RCA เองก็มีที่จอดรถชั้นใต้ดินอยู่" ผมคิดในใจและขับต่อไป หารู้ไม่ว่า พอจ่ายบัตรและวนรถลงไป ก็ไปเจอกับไอพวก "เจ้าถิ่น" อีก (พวกเมริงนี่เก็บกันได้ทุกที่จริงๆ) มันจะเก็บตั้ง 2-300 บาท ผมเลยถามเค้าว่า "พี่มีจอดฟรีตรงบ้างคับ?" (ทำเป็นพูดเพราะ) เขาก็บอกว่าให้ขับไปโซน E
ด้วยความงกเงิน และไม่อยากสนับสนุนระบบแย่ๆนี้ ผมเลยขับไปถึงโซน E ซึ่งพอขับไปถึงก็รู้ทันทีว่าทำไมมันให้เราฟรี โซน E นั้นคือโซนสุดท้ายของตึกนั่นเอง! มันคือที่ที่ทำเลแย่ที่สุดและเดินไกลสุดนั่นเอง! "แต่ไม่เป็นไร จอดไกล ขนของไกลเราก็สู้วะ!" ผมคิดในใจ
เตรียมหน้าร้าน
พอขึ้นมาจากลานจอดรถ ก็เจอร้านค้าวางเรียงกันหลายร้าน บางที่แม่ค้าเค้าก็ยังไม่มา แต่หลายๆที่ก็มีคนเริ่มวางของกันแล้ว พวกเราเลยเดินสำรวจดูว่าที่ไหนบ้างที่ยังมีที่ว่าง ซึ่งไม่นานเราก็พบว่าที่ว่างที่ฟรีๆ ที่เราอยากได้นั้นไม่มีแน่นอน
สุดท้ายเราเลยเช่าที่ หน้ากว้างประมาณ 2-3 เมตร อยู่หน้าร้านของป้าคนหนึ่งซึ่งขายอาหารอิสาน ป้าใจดี คิดแค่ 500 บาทเอง ทำเลของเราตั้งอยู่ประตูหลังซึ่งคนเข้าน้อยกว่าประตูหน้าแต่ก็มีเข้ามาเรื่อยๆครับ
พวกเราไม่รอช้า วางของ ปูเสื่อ เรียงสินค้า รองเท้าไว้หน้าสุด ตามมาด้วยถุงกันน้ำหลากสี และถัดมาก็เป็นกล่องลังที่มีเสื่อกันน้ำคลุมข้างบน และมีปืนฉีดน้ำ Line น่ารักๆ วางทับไว้ ร้านของเราพร้อมแล้ว!
ขายของ
"ปืนฉีดน้ำ Line น่ารักสุดๆ เอามั๊ยครับ คู่ละ 500 เองคร้าบ!" "ถุงใส่มือถือกันน้ำ 30 บาท!! 2 อัน 50 คร้าบ!!" นี่คือสองประโยคที่พวกเราพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เวลามีคนเดินผ่าน
ไม่นานนัก ลูกค้าคนหนึ่งก็หันหน้ามาทางร้าน
"พี่เอาถุงกันน้ำเข้ามือถือมั๊ยคับ?" ผมถาม
"ขายไงน้อง"
"ถุงนึง 30 สองถุง 50 ครับ"
"เอาอันนึง"
มาละ order แรก! พวกเราต่างดีใจ และคิดว่างานนี้กำไรมาหมูๆ ชัวร์! หารู้ไม่ว่าด้วยความเร็วในการขายนี้ จบวัน เราคงขายได้ไม่ถึงครึ่ง
กว่าเราจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนฟ้ามืดสนิท ถึงตอนนั้น พวกเราเพิ่งขายถุงได้แค่ ไม่กี่สิบถุง (จาก 300 ถุง) ปืนฉีดน้ำก็ได้อีกแค่ 2-3 กระบอก มีแค่รองเท้าที่ดูจะขายดีกว่าเพื่อน ขายไปแล้ว 5 คู่จาก 16 คู่ที่ (ขายคู่ละ 100 บ้าง 80 บ้าง)
อาการ"ขายไม่ออก"นั้นไม่ได้เป็นเฉพาะร้านผม ร้านข้างๆก็ขายไม่ค่อยดีเช่นกัน ซึ่งเป้นเรื่องที่แย่เพราะมันแปลว่าเรา "แก้เกม" โดยแย่งส่วนแบ่งคนอื่นยากขึ้นไปอีก ปัญหามันอยู่ที่คนขายเยอะ คนซื้อน้อยนั่นเอง
อย่างไรก็ตามพวกเราไม่ยอมแพ้ เริ่มใช้กลยุทธุ์ลดราคา และเริ่มเดินออกตามล่าหาลูกค้า โดยผมกับมิ้ลค์ผลัดกันเดิน ในใจพวกเราคิดว่า"ยังไงก็ต้องขายให้หมด พรุ่งนี้ไม่อยากมาขายแล้ว!"
งัดกลยุทธุ์ทุกท่วงท่า หามีชัยไม่!
ระหว่างเดินขายถุงผมได้ลองกลยุทธุ์แรกคือนโยบาย "ขายเท่าไหร่ก็ได้ แล้วแต่จะจ่าย ถุงละ 5 บาทก็เอาครับ" วิธีนี้ก็ขายได้เยอะขึ้นนิดหน่อย เพราะพอบอกเท่าไหร่ก็ได้ พวกลูกค้าก็เริ่มสนใจและกล้าเข้ามาคุยด้วย ทุกคนต่างก็ดูงงๆกัน และก็มักจะถามว่า "เท่าไหร่ก็ได้จริงหรอ?" พอเจอคำถามนี้ผมก็แอบกลัวจะได้แค่บาทเดียวทุกที เลยบอกเค้าไปว่า "ผมรับมา 8 บาทคับ ^^" กันไว้ก่อน สำหรับกลยุทธุ์นี้เทคนิคสำคัญคือเลือกลูกค้าที่ดูมีตังค์ไว้ก่อน 5555 โดยรวมแล้วกลยุทธ์นี้ได้ผลปานกลาง ถึงเฉลี่ยแล้วจะขายได้ราคาน้อยลง (ประมาณ 15 บาท) แต่ขายได้เร็วขึ้นครับ
อย่างไรก็ตามการลดราคานั้นช่วยให้ขายดีขึ้นแค่นิดเดียว ปัญหาหลักที่ทำให้ขายไม่ออกคือคนมีถุงกันน้ำกันอยู่แล้ว! บางคนลงจากแท๊กซี่ปุ๊บก็มีเลย ไม่ก็เจอคนขายตั้งแต่ด่านแรก ด่านสอง ด่านสาม กว่าจะมาถึงร้านผมเค้าก็มีของกันหมดแล้ว ขายถูกขายแพง ก็ขายได้เฉพาะคนที่ยังไม่มีของเท่านั้น
ด้วยเหตุผลนี้ ผมเลยไปยืนขายด่านแรกบ้าง..
พวกคนขายด่านแรกจะยืนเรียงตามขอบฟุตบาทเป็นหน้ากระดาน เว้นระยะห่างประมาณ 20 เมตร แต่ละคนจะถือถุงกันน้ำ รอขายคนที่ลงจากแท๊กซี่ กลยุทธ์นี้เหมือนจะขายดี แต่พอผมไปลองยืนขายแล้ว (ลงทุนเดินไปถึงประตูหน้าเลย) ก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด เพราะคนขายยืนเรียงกันเยอะ และต้องแย่งลูกค้ากัน นอกจากนี้เวลาลูกค้าที่ลงจากแท๊กซี่มักจะยังไม่อยากซื้อ คงกลัวว่าจะโดนหลอกขายแพงได้ (หารู้ไม่ว่าผมอะ ขายถูกสุดแล้ว อยากกลับบ้าน ><")
ผมเดินกลับมาที่ร้านด้วยความหดหู่พอสมควร เพราะหลังจากที่ผ่านไป 1-2 ชั่วโมง ขายได้แค่สิบกว่าถุง ส่วนทางมิ้ลค์ที่เฝ้าร้านก็ขายถุงได้ไม่เท่าไหร่เช่นกัน แต่ขายปืนฉีดน้ำก็ได้อีกประมาณ 3-4 กระบอก และรองเท้าก็ขายใกล้จะหมดละ เวลาตอนนั้นก็ 3 ทุ่มแล้ว คนยังเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็เริ่มซาลงบ้าง "ยังไงคืนนี้ไม่หมดไม่เลิก" พวกเรายังคิด "เจ้าถุงนี่แหละตัวปัญหา เหลืออีกเป็นร้อยๆ!"
ในที่สุดก็ต้องโล๊ะ..
แป๊บเดียว เวลาปาเข้าไปสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ถุงกันน้ำก็ยังขายไม่ค่อยออกเลย ดูท่าแล้วยังไงก็ไม่น่าจะขายทัน ผมเลยตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะใช้ท่าไม้ตาย "ขายต่อแบบเท่าทุน"
ผมเดินไล่ตามร้านแต่ละร้าน และบอกแม่ค้าแต่ละคนว่า "พี่คับๆ ผมมาขายเล่นๆวันเดียว แต่ขายไม่หมดเลย ผมอยากขายถุงกันน้ำพี่ต่อ รับมา 8 บาทขายให้เท่าทุนหมดเลย พี่เอาป่าวคับ" แบบนี้ไปเรื่อยๆ ใช้เวลาเดินคุยๆขายๆแบบนี้ อีกประมาณ 1 ชั่วโมงจนหมด (ขายทั้งหมด 3 เจ้าได้)
สรุปทุกอย่างพวกเราขายหมดจนได้ เย่!
สรุปกำไร-ขาดทุน
หลังจากกลับมาถึงบ้าน พวกเราก็นับเงินกัน มาดูสรุปกำไรขาดทันกันครับ (เตรียมร้องไห้)
ต้นทุนคงที่ (รวม 1800 บาท)
- ค่าน้ำมันรถไปกลับสำเพ็ง 2-3 รอบ และไป RCA อีก 1 รอบตีไป 700 บาท
- ค่าของกินระหว่างวันที่ขาย 500 บาท (พวกเรากินเก่ง)
- ค่าเช่าที่ 500 บาท
- ค่าจอดรถ 100 บาท (จ่ายให้ตึก RCAอยู่ดี)
ค่าต้นทุนสินค้า (รวม 8640 บาท)
- ปืนฉีดน้ำ 240 บาท (รับมาแพงจริง) x 24 กระบอก = 5760 บาท
- ถุง 8 บาท x 300 ถุง = 2400 บาท
- แตะ 40 บาท x 12 คู่ = 480 บาท
รวมต้นทุนทั้งหมด 10440 บาท
รายได้
ปืนฉีดน้ำ 22 กระบอก (เอาไปแลกกับเด็กเจ้าของร้าน 1 กระบอก ใช้เองอีก 1 กระบอก) ที่เฉลี่ย 280 บาท รวม 6160 บาท
ถุงกันน้ำ
ล็อต 1 (ขายปลีก) ขายเฉลี่ยที่ 20 บาท จำนวน 100 ถุง = 2000 บาท
ล็อต 2 (โล๊ะ) ขายที่ 8 บาท จำนวน 200 ถุง = 1600 บาท
รองเท้าแตะ ขายเฉลี่ยที่ 80 บาท 11 คู่ (ไอมิ้วใช้คู่นึง) = 880 บาท
รวมรายได้ 10640 บาท (ตัวเลขประมาณการ)
สรุปกำไร ไปๆมาๆก็แทบจะ 0 บาท! (T_T) ตัวเลขอาจจะไม่เป๊ะ แต่ที่จำได้เป๊ะคือกินไข่ เหนื่อยฟรีคร๊าบบบบบ
ถ้าชอบอ่านสไตล์นี้ เพื่อนๆสามารถตามอ่านบล็อกผมได้ที่
http://metapon.wordpress.com ครับ หรือเพจเฟส
http://www.facebook.com/metaponblog ครับ (อ่านง่ายกว่า)
เพื่อนๆที่เคยไปขายมากำไรกันขนาดไหน ทำยังไงมาแชร์ให้ฟังด้วยนะคับ
เพื่อนบอก "ขายของวันสงกรานต์ กำไรวันละเป็นหมื่น!"
เรามาเริ่มกันเลย!
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อนวันสงกรานต์ อยู่ดีๆเพื่อนสนิทผมคนหนึ่งชื่อมิ้ลค์ (ผู้ชายอะไรชื่อมิ้ลค์) มาบอกกับผมว่า "ไปขายของวันสงกรานต์กัน กำไรโคตรรรดี รับน้ำเปล่ามาขวดละ 3 บาท ขายขวดละ 30! ขายแป๊บเดียวก็กำไรเป็นหมื่นละ!"
"ได้คืนนึงเป็นหมื่น! โอ้หวานนน" ผมคิดในใจ และก็เลยตอบกลับไปว่า "เอาดิวะ งานนี้เหนื่อยเท่าไหร่ก็เอาวะ!"
สำรวจ
สามวันถัดมา มิ้ลค์ได้ลงสำรวจพื้นที่ที่พวกเราสามารถเช่าได้ในวันสงกรานต์ ซึ่งผมจำได้ว่าที่เล็กนิดเดียวก็หลายพันบาทแล้ว แถมต้องเช่าทีตั้งแต่วันแรกจนจบงาน เนื่องจากพวกเราไม่ได้ตั้งใจจะทำจริงๆจังๆ และไม่มีประสบการณ์เลย พวกเราเลยเห็นพ้องกันว่าไม่เช่าที่ดีกว่า
การไม่มีที่ตั้งที่แน่นอนทำให้เราขายน้ำไม่ได้ เพราะเราอาจไม่มีที่วางถังน้ำ นอกจากนั้นขายน้ำยังดูยุ่งยาก ไหนต้องใช้รถใหญ่เพราะขนน้ำที่หนักและก็ถังน้ำอีก และไหนจะต้องมีน้ำแข็งอีก สรุปว่าขายน้ำนั้นยากเกิน
แต่ยังไงมิ้ลค์ก็ยังอยากขายอยู่ดี บอก "อย่างอื่นก็กำไรดีเหมือนกันเว้ย" มิ้ลค์บอก
ผมก็เออออตามมันไป เพราะผมเองก็อยากลองไป RCA เหมือนกัน (เชื่อปะ ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยไปเลย) ขายไปดูบรรยากาศไป ได้เงินได้ประสบการณ์ อะไรจะดีไปกว่านี้ ตอนนั้นไม่ยักจะรู้ว่าขายของนั้นไม่ได้ "มันส์" อย่างที่คิดเล้ยย
แผน
สินค้า
หลังจากที่มิ้ลค์ขับรถไปสำเพ็งไปดูของราคาเรียบร้อย พวกเราตัดสินใจขายของทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่
1. ปืนฉีดน้ำ Line แบบ Cony and Brown ไว้สำหรับคู่รัก ใช้คู่กัน สวีทน่ารักสุดๆ (โฆษณาสุดๆ) ตอนนั้น Line กำลังฮิตระเบิด พวกเราเลยคิดว่าน่าจะขายดี
- รับมาทั้งหมด 12 คู่ ที่ราคาประมาณ 240 ต่อชิ้น
- ขายที่ราคาชิ้นละ 350 คู่ละ 600 กลมๆ (เห็นขายใน 7-11 กระบอกละ 399 แหน่ะ) ตัดราคามันไปเลย
2. ถุงใส่มือถือที่เอาไว้กันมือถือเปียก วิธีใช้ก็แค่เอามือถือใส่ลงไป แล้วเอาห้อยคอไว้
- มีให้เลือก 3 สี ดำ แดง และน้ำเงิน
- รับมาถุงละ 8 บาท ทั้งหมด 300 ถุงได้
- ญาติผมเคยบอกว่าขายได้ สบาย ถุงละ 40-50 ผมคิดว่า "โหห อย่างงี้กำไรเละ เราขายแค่ 30 บาทได้ 80 ถุงก็เท่าทุนแล้ว อย่างงี้สบายย" หารู้ไม่ว่า พอถึงวันจริง สบายจะกลายเป็น "แฮก แฮกๆ"
3. รองเท้าแตะสีเขียว มีโลโก้ Line ธรรมดาๆ
- ซื้อมาประมาณ 16 คู่ คู่ละประมาณ 40 บาทได้มั๊ง กะขายคนที่ต้องเปลี่ยนรองเท้า เพราะใส่รองเท้ามา"ผิดงาน"
- สนนราคา 100 บาท กำไรดี
ทำเล
ส่วนเรื่องทำเล พวกเรากะหาที่ลักไก่ปูเสื่อขาย พวกเราคิดว่าอาจจะได้ทำเลแย่หน่อยแต่อย่างน้อยไม่เสียค่าที่ ลดความเสี่ยงเผื่อขายไม่ออก อย่างแย่สุดก็แค่เดินขาย ซึ่งเหนื่อยกว่าเดิม
วันจริง
บ่ายวันที่ 12 เมษายน (เลือกวันนี้เพราะวันที่ 13 วันเกิดอาม่า ต้องไปกินข้าวกับครอบครัว) พวกเราสองคนขนของที่จะขายและสัมภาระอื่นๆ เช่น กล่องลัง(ไว้วางของขาย) เสื่อไว้ปูรอง ผ้าคลุมกันน้ำ กระเป๋าเงิน ไว้ใส่ตังค์ และใจที่หนักแน่น ใส่รถฟอร์จูนเนอร์ของคุณพ่อผม ซึ่งยัดได้พอดี แถมก่อนที่จะออกเราขายญาติๆ ผู้ใจดีช่วยอุดหนุนปืนฉีดน้ำไปแล้ว 3 กระบอก ซึ่งทำให้พวกเราใจชื้นเข้าไปใหญ่
พวกเราขับรถออกจากบ้านอย่างราบรื่น ระหว่างขับออกจากซอยผมก็คิดว่า "เอาล่ะวะ งานนี้ขอซักคนละ 2-3 พันติดไม้ติดมือกลับบ้าน หน่อยละกัน!" (ลูกกะตาขึ้นมาเป็นตัว ($_$) เหมือนในการ์ตูน 555)
เจ้าถิ่นอีกแล้ว!
เวลาบ่าย 4 โมงกว่าๆ พวกเราก็ถึง RCA ซึ่งถนนข้างหน้างานก็เริ่มติดแล้ว พอเข้า RCA ได้ พวกเราก็เล็งหาที่จอดรถทันที ซึ่งก็ไม่แปลกใจว่าที่จอดนั้นหายากมากๆๆๆ อันที่กันไว้ก็ที่ของ "เจ้าถิ่น" มาเรียกเก็บเงิน ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้สังคมแย่ลงมากๆ และรัฐควรแก้ไขด่วน
"แต่โชคดีที่ RCA เองก็มีที่จอดรถชั้นใต้ดินอยู่" ผมคิดในใจและขับต่อไป หารู้ไม่ว่า พอจ่ายบัตรและวนรถลงไป ก็ไปเจอกับไอพวก "เจ้าถิ่น" อีก (พวกเมริงนี่เก็บกันได้ทุกที่จริงๆ) มันจะเก็บตั้ง 2-300 บาท ผมเลยถามเค้าว่า "พี่มีจอดฟรีตรงบ้างคับ?" (ทำเป็นพูดเพราะ) เขาก็บอกว่าให้ขับไปโซน E
ด้วยความงกเงิน และไม่อยากสนับสนุนระบบแย่ๆนี้ ผมเลยขับไปถึงโซน E ซึ่งพอขับไปถึงก็รู้ทันทีว่าทำไมมันให้เราฟรี โซน E นั้นคือโซนสุดท้ายของตึกนั่นเอง! มันคือที่ที่ทำเลแย่ที่สุดและเดินไกลสุดนั่นเอง! "แต่ไม่เป็นไร จอดไกล ขนของไกลเราก็สู้วะ!" ผมคิดในใจ
เตรียมหน้าร้าน
พอขึ้นมาจากลานจอดรถ ก็เจอร้านค้าวางเรียงกันหลายร้าน บางที่แม่ค้าเค้าก็ยังไม่มา แต่หลายๆที่ก็มีคนเริ่มวางของกันแล้ว พวกเราเลยเดินสำรวจดูว่าที่ไหนบ้างที่ยังมีที่ว่าง ซึ่งไม่นานเราก็พบว่าที่ว่างที่ฟรีๆ ที่เราอยากได้นั้นไม่มีแน่นอน
สุดท้ายเราเลยเช่าที่ หน้ากว้างประมาณ 2-3 เมตร อยู่หน้าร้านของป้าคนหนึ่งซึ่งขายอาหารอิสาน ป้าใจดี คิดแค่ 500 บาทเอง ทำเลของเราตั้งอยู่ประตูหลังซึ่งคนเข้าน้อยกว่าประตูหน้าแต่ก็มีเข้ามาเรื่อยๆครับ
พวกเราไม่รอช้า วางของ ปูเสื่อ เรียงสินค้า รองเท้าไว้หน้าสุด ตามมาด้วยถุงกันน้ำหลากสี และถัดมาก็เป็นกล่องลังที่มีเสื่อกันน้ำคลุมข้างบน และมีปืนฉีดน้ำ Line น่ารักๆ วางทับไว้ ร้านของเราพร้อมแล้ว!
ขายของ
"ปืนฉีดน้ำ Line น่ารักสุดๆ เอามั๊ยครับ คู่ละ 500 เองคร้าบ!" "ถุงใส่มือถือกันน้ำ 30 บาท!! 2 อัน 50 คร้าบ!!" นี่คือสองประโยคที่พวกเราพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เวลามีคนเดินผ่าน
ไม่นานนัก ลูกค้าคนหนึ่งก็หันหน้ามาทางร้าน
"พี่เอาถุงกันน้ำเข้ามือถือมั๊ยคับ?" ผมถาม
"ขายไงน้อง"
"ถุงนึง 30 สองถุง 50 ครับ"
"เอาอันนึง"
มาละ order แรก! พวกเราต่างดีใจ และคิดว่างานนี้กำไรมาหมูๆ ชัวร์! หารู้ไม่ว่าด้วยความเร็วในการขายนี้ จบวัน เราคงขายได้ไม่ถึงครึ่ง
กว่าเราจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนฟ้ามืดสนิท ถึงตอนนั้น พวกเราเพิ่งขายถุงได้แค่ ไม่กี่สิบถุง (จาก 300 ถุง) ปืนฉีดน้ำก็ได้อีกแค่ 2-3 กระบอก มีแค่รองเท้าที่ดูจะขายดีกว่าเพื่อน ขายไปแล้ว 5 คู่จาก 16 คู่ที่ (ขายคู่ละ 100 บ้าง 80 บ้าง)
อาการ"ขายไม่ออก"นั้นไม่ได้เป็นเฉพาะร้านผม ร้านข้างๆก็ขายไม่ค่อยดีเช่นกัน ซึ่งเป้นเรื่องที่แย่เพราะมันแปลว่าเรา "แก้เกม" โดยแย่งส่วนแบ่งคนอื่นยากขึ้นไปอีก ปัญหามันอยู่ที่คนขายเยอะ คนซื้อน้อยนั่นเอง
อย่างไรก็ตามพวกเราไม่ยอมแพ้ เริ่มใช้กลยุทธุ์ลดราคา และเริ่มเดินออกตามล่าหาลูกค้า โดยผมกับมิ้ลค์ผลัดกันเดิน ในใจพวกเราคิดว่า"ยังไงก็ต้องขายให้หมด พรุ่งนี้ไม่อยากมาขายแล้ว!"
งัดกลยุทธุ์ทุกท่วงท่า หามีชัยไม่!
ระหว่างเดินขายถุงผมได้ลองกลยุทธุ์แรกคือนโยบาย "ขายเท่าไหร่ก็ได้ แล้วแต่จะจ่าย ถุงละ 5 บาทก็เอาครับ" วิธีนี้ก็ขายได้เยอะขึ้นนิดหน่อย เพราะพอบอกเท่าไหร่ก็ได้ พวกลูกค้าก็เริ่มสนใจและกล้าเข้ามาคุยด้วย ทุกคนต่างก็ดูงงๆกัน และก็มักจะถามว่า "เท่าไหร่ก็ได้จริงหรอ?" พอเจอคำถามนี้ผมก็แอบกลัวจะได้แค่บาทเดียวทุกที เลยบอกเค้าไปว่า "ผมรับมา 8 บาทคับ ^^" กันไว้ก่อน สำหรับกลยุทธุ์นี้เทคนิคสำคัญคือเลือกลูกค้าที่ดูมีตังค์ไว้ก่อน 5555 โดยรวมแล้วกลยุทธ์นี้ได้ผลปานกลาง ถึงเฉลี่ยแล้วจะขายได้ราคาน้อยลง (ประมาณ 15 บาท) แต่ขายได้เร็วขึ้นครับ
อย่างไรก็ตามการลดราคานั้นช่วยให้ขายดีขึ้นแค่นิดเดียว ปัญหาหลักที่ทำให้ขายไม่ออกคือคนมีถุงกันน้ำกันอยู่แล้ว! บางคนลงจากแท๊กซี่ปุ๊บก็มีเลย ไม่ก็เจอคนขายตั้งแต่ด่านแรก ด่านสอง ด่านสาม กว่าจะมาถึงร้านผมเค้าก็มีของกันหมดแล้ว ขายถูกขายแพง ก็ขายได้เฉพาะคนที่ยังไม่มีของเท่านั้น
ด้วยเหตุผลนี้ ผมเลยไปยืนขายด่านแรกบ้าง..
พวกคนขายด่านแรกจะยืนเรียงตามขอบฟุตบาทเป็นหน้ากระดาน เว้นระยะห่างประมาณ 20 เมตร แต่ละคนจะถือถุงกันน้ำ รอขายคนที่ลงจากแท๊กซี่ กลยุทธ์นี้เหมือนจะขายดี แต่พอผมไปลองยืนขายแล้ว (ลงทุนเดินไปถึงประตูหน้าเลย) ก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด เพราะคนขายยืนเรียงกันเยอะ และต้องแย่งลูกค้ากัน นอกจากนี้เวลาลูกค้าที่ลงจากแท๊กซี่มักจะยังไม่อยากซื้อ คงกลัวว่าจะโดนหลอกขายแพงได้ (หารู้ไม่ว่าผมอะ ขายถูกสุดแล้ว อยากกลับบ้าน ><")
ผมเดินกลับมาที่ร้านด้วยความหดหู่พอสมควร เพราะหลังจากที่ผ่านไป 1-2 ชั่วโมง ขายได้แค่สิบกว่าถุง ส่วนทางมิ้ลค์ที่เฝ้าร้านก็ขายถุงได้ไม่เท่าไหร่เช่นกัน แต่ขายปืนฉีดน้ำก็ได้อีกประมาณ 3-4 กระบอก และรองเท้าก็ขายใกล้จะหมดละ เวลาตอนนั้นก็ 3 ทุ่มแล้ว คนยังเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็เริ่มซาลงบ้าง "ยังไงคืนนี้ไม่หมดไม่เลิก" พวกเรายังคิด "เจ้าถุงนี่แหละตัวปัญหา เหลืออีกเป็นร้อยๆ!"
ในที่สุดก็ต้องโล๊ะ..
แป๊บเดียว เวลาปาเข้าไปสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ถุงกันน้ำก็ยังขายไม่ค่อยออกเลย ดูท่าแล้วยังไงก็ไม่น่าจะขายทัน ผมเลยตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะใช้ท่าไม้ตาย "ขายต่อแบบเท่าทุน"
ผมเดินไล่ตามร้านแต่ละร้าน และบอกแม่ค้าแต่ละคนว่า "พี่คับๆ ผมมาขายเล่นๆวันเดียว แต่ขายไม่หมดเลย ผมอยากขายถุงกันน้ำพี่ต่อ รับมา 8 บาทขายให้เท่าทุนหมดเลย พี่เอาป่าวคับ" แบบนี้ไปเรื่อยๆ ใช้เวลาเดินคุยๆขายๆแบบนี้ อีกประมาณ 1 ชั่วโมงจนหมด (ขายทั้งหมด 3 เจ้าได้)
สรุปทุกอย่างพวกเราขายหมดจนได้ เย่!
สรุปกำไร-ขาดทุน
หลังจากกลับมาถึงบ้าน พวกเราก็นับเงินกัน มาดูสรุปกำไรขาดทันกันครับ (เตรียมร้องไห้)
ต้นทุนคงที่ (รวม 1800 บาท)
- ค่าน้ำมันรถไปกลับสำเพ็ง 2-3 รอบ และไป RCA อีก 1 รอบตีไป 700 บาท
- ค่าของกินระหว่างวันที่ขาย 500 บาท (พวกเรากินเก่ง)
- ค่าเช่าที่ 500 บาท
- ค่าจอดรถ 100 บาท (จ่ายให้ตึก RCAอยู่ดี)
ค่าต้นทุนสินค้า (รวม 8640 บาท)
- ปืนฉีดน้ำ 240 บาท (รับมาแพงจริง) x 24 กระบอก = 5760 บาท
- ถุง 8 บาท x 300 ถุง = 2400 บาท
- แตะ 40 บาท x 12 คู่ = 480 บาท
รวมต้นทุนทั้งหมด 10440 บาท
รายได้
ปืนฉีดน้ำ 22 กระบอก (เอาไปแลกกับเด็กเจ้าของร้าน 1 กระบอก ใช้เองอีก 1 กระบอก) ที่เฉลี่ย 280 บาท รวม 6160 บาท
ถุงกันน้ำ
ล็อต 1 (ขายปลีก) ขายเฉลี่ยที่ 20 บาท จำนวน 100 ถุง = 2000 บาท
ล็อต 2 (โล๊ะ) ขายที่ 8 บาท จำนวน 200 ถุง = 1600 บาท
รองเท้าแตะ ขายเฉลี่ยที่ 80 บาท 11 คู่ (ไอมิ้วใช้คู่นึง) = 880 บาท
รวมรายได้ 10640 บาท (ตัวเลขประมาณการ)
สรุปกำไร ไปๆมาๆก็แทบจะ 0 บาท! (T_T) ตัวเลขอาจจะไม่เป๊ะ แต่ที่จำได้เป๊ะคือกินไข่ เหนื่อยฟรีคร๊าบบบบบ
ถ้าชอบอ่านสไตล์นี้ เพื่อนๆสามารถตามอ่านบล็อกผมได้ที่ http://metapon.wordpress.com ครับ หรือเพจเฟส http://www.facebook.com/metaponblog ครับ (อ่านง่ายกว่า)
เพื่อนๆที่เคยไปขายมากำไรกันขนาดไหน ทำยังไงมาแชร์ให้ฟังด้วยนะคับ